เมื่อยินเสียงเปียโนแว่วหวาน และเดือนกันยายนหมุนวนมากครั้ง ปาฏิหาริย์จะนำพวกเขากลับมาพบกัน เพื่อรักษาทุกบาดแผลนั้นให้ลบเลือน '...ผมคิดถึงคุณ ...มายเดียร์'

Autumn in September | เมื่อเราพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน - Chapter 1 : เทียนญาดา โดย Alice in Rivendell @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ตะวันตก,พีเรียดตะวันตก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Autumn in September | เมื่อเราพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พีเรียดตะวันตก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Autumn in September | เมื่อเราพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน โดย Alice in Rivendell @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อยินเสียงเปียโนแว่วหวาน และเดือนกันยายนหมุนวนมากครั้ง ปาฏิหาริย์จะนำพวกเขากลับมาพบกัน เพื่อรักษาทุกบาดแผลนั้นให้ลบเลือน '...ผมคิดถึงคุณ ...มายเดียร์'

ผู้แต่ง

Alice in Rivendell

เรื่องย่อ

มากกว่าความผูกพันความภพชาติ...

คือความผิดพลาดที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดแต่ก็สายเกินกว่าจะแก้ไข 'เทียนญาดา' จะทำอย่างไร เมื่อปาฏิหาริย์แห่งเดือนกันยายนได้พาเธอหมุนวนกลับไปอยู่ท่ามกลางเรื่องราวเหล่านั้นอีกครั้ง 

เรื่องราวที่นอกจากเฝ้ามองแล้ว 
...เธอก็ไม่มีสิทธิ์แก้ไขอะไรเลย

สารบัญ

Autumn in September | เมื่อเราพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน-บทนำ - Prologue,Autumn in September | เมื่อเราพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน-Chapter 1 : เทียนญาดา,Autumn in September | เมื่อเราพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายน-Chapter 2 : Day dream

เนื้อหา

Chapter 1 : เทียนญาดา






'มึงทำงานภาษาอะไรวะ โคตรห่วย'

.

.

.

.

ฉัน 'เทียนญาดา' เป็นสถาปนิกสังกัดบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง


ออฟฟิศของฉันกินพื้นที่สามชั้นบนอาคารสำนักงานหรูหราย่านถนนวิทยุ ช่วงเวลาเร่งด่วนที่รถติดแสนสาหัส แต่ตอนนี้ฉันกลับพอใจที่จะขับรถแช่ค้างที่ไฟแดงอย่างไม่แคร์เวลาสแกนม่านตา ทั้งที่ปกติแล้วฉันใช้เวลาแค่สิบห้านาทีด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส


ขณะที่เบื้องหน้านั้นรถหลายสิบคันต่างหยุดนิ่ง เครื่องเสียงในรถฉันขับขานเพลงโปรดอย่างใจเย็น สวนทางกับความร้อนในหัวที่ยังคงติดกับบทสนทนาดุเดือดเมื่อวันก่อน


'เทียนไม่ได้ห่วย! แต่ลูกค้าเขาต้องการในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้อ่ะพี่! เขาก็ย้ำนักหนาว่าต้องการเรือนไทยโบราณภาคกลางที่คงรายละเอียดดั้งเดิม ไม่ร่วมสมัย ไม่ประยุกต์! ซึ่งมันก็ต้อง! ไม่! มี! เพ! ดาน! แล้วจะเอาแอร์ฝังเพดานมายังไงก่อน!'


'มึงก็ต้องหาวิธีทำให้ได้สิ!! ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกค้ามาขอยกเลิกสัญญากลางอากาศแบบนี้ กูเสียหาย!!'


'ก็เขาไม่ต้องการให้เสริมฝ้า! เจาะแอร์จากข้างนอกเข้ามาก็ไม่ยอม! ซ่อนในผนังก็ไม่เอา! นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้! และจะให้ทำไงวะ! เทียนก็แค่บอกไปตามตรงว่ามันเป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!! ถ้าพี่ทำได้ก็ทำเอาเองเลยดิวะ!!!'


'ก็มึงแม่งกระจอกแบบนี้ไง!!! งานไม่ดีไม่พอยังเสือกโง่! โง่แล้วก็ยังปล่อยตัวให้อ้วน! เสื้อผ้าหน้าผมก็โคตรจะดูไม่ได้! เพราะงี้ลูกค้าเขาถึงหาข้ออ้างไม่อยากทำงานกับมึง!! แล้วก็ไม่พ้นต้องเดือดร้อนกู!!!'


เสียงก่นด่าของหัวหน้าที่อีโก้สูงเสียดฟ้าสวนทางกับอีคิวแบบไม่แคร์กฎฟิสิกส์ทำให้ความอดทนของฉันขาดสะบั้น ฉันเดินออกจากห้องนั้นแล้วไปเขียนใบลาออก และขอให้มีผลทันทีโดยช่างหัวมันกับเงินเดือนส่วนที่จะเสียไปจากการไม่แจ้งล่วงหน้าสามสิบวัน


และวันนี้เป็นวันที่ HR อนุมัติใบลาออกเรียบร้อย ฉันกำลังจะไปร่ำลาหัวหน้าเฮงซวยด้วยซองขาวแสนสวยนี่เสียหน่อย




"พี่เห่า"


"อ้าวไอ้เทียน มาสายนะมึง แบบเสร็จแล้วยังมาดูหน่อย"


พี่เห่ารับเอกสารจากมือฉันไป โดยสายตาที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังแว่นหนาเตอะยังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซองขาวที่บางเบาเกินกว่าจะเป็นแบบร่างของงานซึ่งค้างอยู่ทำให้พี่เห่าหันกลับมาดูและ...


"ฮะ? เดี๋ยว อะไร ใครให้มึงออก"


"HR ไงคะ"


"แล้วไม่บอกไม่ขอกูสักคำเลย?"


"เทียนโตแล้ว ตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องรอให้บุพการีที่ไหนมาอนุญาต แล้วอีกอย่างวันนี้ก็ไม่ได้มาเจรจา แค่มาแจ้งให้ทราบ"


ในห้องทำงานของพี่เห่า หัวหน้ากลุ่มนักออกแบบสถาปัตยกรรมตะวันออกที่ประตูถูกเปิดไว้ตกอยู่ในความเงียบ แม้แอร์จะเย็นฉ่ำจนแก้วกาแฟดำร้อนบนโต๊ะเย็นชืด แต่การที่สถาปนิกมือหนึ่งอย่างฉันลาออกกลางอากาศโดยที่ค้างงานเอาไว้หลายสิบชิ้น ดูจะเป็นสถานการณ์ที่ร้อนเร่าจนทำให้พี่เห่าต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อ


"โอเค พี่ว่าพี่เข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว น้องเทียนใจเย็นๆ นะคะ พี่รู้ว่าครั้งที่แล้วพี่อาจจะพูดแรงไ..."


"แบบงานที่ค้างอยู่ทั้งหมดและยังไม่เสร็จสมบูรณ์ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของสถาปนิกผู้ออกแบบตามระเบียบปฏิบัติข้อ 5 ที่ระบุไว้ในสัญญาจ้าง เพราะงั้นคงไม่ผิดอะไรถ้าเทียนจะขนงานออกไปทั้งหมดโดยที่ไม่ถ่ายทอดให้ใครทำต่อ"


"มึงจะบ้าเหรอ!!"


"เอ ไม่เป็นน้องเทียนแล้วเหรอ แหม ลดชั้นไวกว่าน้ำรอระบายซะอีก"


"มึงทำแบบนี้แล้วแบบที่ลูกค้า say yes ไปแล้วบางส่วนกูจะทำยังไง!!"


"ก็ถ้าเข้าใจไม่ผิด นั่นมันปัญหาของพี่เห่าคนเก่งรึเปล่า ไม่ใช่ปัญหาของสถาปนิกโง่ๆ แบบเทียนนี่นา แต่อ่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ หลังจากนี้เป็นต้นไป เทียนไม่ได้อยู่ในสถานะลูกน้องใต้บังคับบัญชาของพี่แล้ว ถูกไหมคะ"


"ไอ้เทียน มึง..."


"เพราะงั้นกูก็ขอให้โชคดีกับความฉิบหายที่มึงกำลังจะต้องเผชิญหลังจากนี้ จงมีความสุขกับค่าปรับมหาศาลถ้ามึงหาสถาปนิกมาทำงานส่งได้ไม่ตรงเวลา แก้ปัญหาให้ได้ดีเหมือนที่มึงเห่าใส่กูไว้ก็แล้วกันไอ้ควาย ผู้ชายเฮงซวย เก่งแต่กับผู้หญิง ปากหมาจนชิวาว่ายังต้องเงียบแบบมึงถึงหาเมียไม่ได้สักที เตี้ยก็เตี้ย ตัวก็เหม็น อีเห็นใต้ซากแผ่นดินไหวหน้าตายังดูได้มากกว่ามึงอีก ไอ้เหี้ย!!!!"


ฉันปิดฉากการระเบิดอารมณ์เฮือกสุดท้ายด้วยการสาดแก้วกาแฟดำซึ่งเคยร้อนมาก่อนเข้าไปที่หน้าไอ้เหี้ยพี่เห่า


"แล้วถ้ามึงกำลังรู้สึกโกรธมากจนอยากจะคว้าอะไรทุ่มใส่กบาลกูสักทีล่ะก็ นั่นแหละคือความรู้สึกที่กูต้องแบกอยู่ตลอดเวลาที่ทำงานกับมึงไง!!! จำไว้ด้วย!!!"


ฉันยืนหอบ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการด่าอย่างหมดความอดทนมันจะใช้พลังมากมายกว่าที่คิด กระดาษทิชชูที่ยื่นหน้าออกมาจากกล่องถูกฉันดึงออกมาสี่ห้าแผ่น เช็ดซับคราบกาแฟที่กระเด็นเลอะแขน ขยำๆ ปาใส่หน้า

ไอ้เหี้ยพี่เห่าโดยไม่คิดจะอยู่รอให้ต้องหมดความอดทนซ้ำอีกรอบ


จนเมื่อเดินออกมาจากห้อง ฉันได้สบกับทุกสายตาอดีตเพื่อนร่วมทีมที่มองมาอย่างเชิดชูเกียรติประหนึ่งฉันเป็นตัวแทนหมู่บ้าน


และตอนนี้ฉันได้เข้าใจแล้วว่า ความรู้สึกของหุ่นยนต์ออพติมัสไพรม์ที่ได้อะไหล่อัพเกรดจากปู่เจทไฟร์มันคงเป็นอย่างนี้เอง ฮึกเหิม ห้าวหาญ มีเรี่ยวมีแรงพร้อมทำลายล้าง ไม่ใช่สิ ต้องพร้อมกอบกู้โลกถึงจะถูก


ว่าแต่ออพติมัสไพรม์นี่เคยตกงานหรือยังนะ




ฉันใช้เวลาราวสี่ชั่วโมงหลังจากสงครามกาแฟหมดไปกับการเคลียร์มหากาพย์ไฟล์งานและรวบรวมสเก็ตช์ดีไซน์ งานส่วนใหญ่ที่ยังไม่จบ ฉันเชื่อว่าฉันสามารถดีลโดยตรงกับลูกค้าได้ไม่ยาก ด้วยทั้งโปรไฟล์และคอนเนกชันมากมายที่อยู่ในมือ ส่วนบางโปรเจกต์ที่เป็นการฟอร์มทีมกับแผนกอื่น ฉันก็ยังใจดีพอที่จะทิ้งเอาไว้ให้ไอ้เหี้ยพี่เห่าส่งงานต่อให้คนอื่นทำ เพราะลึกในใจนั้น นอกจากไอ้เหี้ยพี่เห่าแล้ว ฉันก็ไม่ได้อยากให้ใครฉิบหายไปด้วย


“ไว้ติดต่อกันนะเทียน”


เสียงส่วนใหญ่จากเพื่อนร่วมงานว่าอย่างนั้น หลังจากใช้เวลาร่ำลาที่ทำมาหากินใจกลางบางกอกเมโทรโพลิสอยู่พักใหญ่ ขับรถยนต์คู่ใจฝ่าดงรถติดยามเย็นไปนั่งทิ้งดิ่งอยู่ที่สวนสาธารณะที่ในวันวานเคยเป็นอุทยานหลวง


แสงแดดเริ่มอ่อนกำลัง สายลมที่อบอ้าวมาทั้งวันเริ่มพัดผ่านได้พอผ่อนคลาย ฉันเลือกนั่งลงที่ม้านั่งตัวหนึ่งริมบึงซึ่งห่างไกลผู้คน ปล่อยความคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่แสนหนักอึ้ง และรู้สึกว่ามันเหนื่อยเหลือเกิน


'มึงมันห่วย'


'อ้วน อัปลักษณ์'


'เป็นลูกครึ่งซะเปล่า แต่สารรูปดูไม่ได้'


'เพราะแบบนี้ถึงไม่มีใครอยากทำงานกับมึง'


"ก็แค่ไม่สวยเหมือนคนอื่น มันผิดมากรึไงวะ"


ฉันร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กอนุบาลถูกแย่งไอศครีม ข้อความเลวร้ายที่กัดกินฉันมาหลายปีเริ่มโจมตีฉันท่ามกลางความเงียบสงบ ฉันอาจจะอ้วนและไม่มีความมั่นใจ เสื้อผ้าฉันอาจจะเรียบง่ายไม่ได้หรูหราเลิศเลอ สีผมอาจจะไม่สวย ไม่ดัดไม่ลอนและ non-sexappeal แต่ที่สุดแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ควรจะเป็นงานที่ฉันสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมมาตลอดไม่ใช่หรือ


"มาโฟกัสเรื่องเหี้ยๆ อะไรพวกนี้ที่แม่งไม่ได้เกี่ยวกับงานเลยเพื่ออะไรวะ ไอ้พี่เห่า! ไอ้เหี้ย!"


ฉันร้องไห้จนสาแก่ใจ


สบถด่าและปาดน้ำตาทิ้งแบบที่ไม่ได้สนใจจะดูเวลา จนกระทั่งผู้คนบนหนทางเริ่มมากขึ้น พวกเขาวิ่งออกกำลังกายภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน ภาพเหล่านั้นทำให้หัวใจของฉันรู้สึกเบาลงอย่างน่าประหลาด


สายลมยามเย็นหอบต้นไม้ให้โอนเอนไหว กิ่งไม้ใบหญ้าเริงร่าร่อนระบำท่ามกลางผู้คนจอแจให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างไม่เคยได้สัมผัส ใบไม้สีน้ำตาลหลุดละลิ่วปลิวว่อนดูงดงาม ผิวน้ำเมื่อต้องมวลอากาศเกิดเป็นระลอกคลื่นบางเบาสะท้อนแสงเงาวูบไหว


และฉันได้ยินเสียง...


เสียงกระซิบบางเบาคลอเคล้ามากับเปียโนเว้าวอนอ่อนหวาน มันนำพาฉันก้าวเดินไปที่ริมน้ำแห่งนั้น


เหมือนฝัน...


ติ๊ง


เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ดึงฉันจากออกจากภวังค์ เพียงกะพริบตา ความงดงามเมื่อครู่เลือนหาย ราวกับสายลมอ่อนหวานที่พัดผ่านเสมือนเป็นเพียงจินตนาการที่ฉันคิดไปเอง


แต่ความว่างเปล่าที่ราวกับหัวใจได้หลุดลอยหายไป กำลังโต้แย้งว่าอาจไม่ใช่เพียงเพ้อฝัน


[อาทิตย์หน้าจะไปดูงานที่เชียงใหม่ ว่างมั้ย ไปด้วยกัน]


ข้อความชักชวนจาก 'ทิศเหนือ' เพื่อนสนิทสมัยมัธยมปลายที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาจนกระทั่งรับปริญญามาในสายการเรียนเดียวกัน เหนือรู้ดีว่าเชียงใหม่กับฉันนั้นดึงดูดกันราวเป็นบ้านเกิด ทว่าความจริงแล้วไม่ใช่ ฉันเพียงแต่รักที่จะได้ไปเท่านั้น


และแน่นอนว่า...


[ไปก็ไปสิ]