เมื่อยินเสียงเปียโนแว่วหวาน และเดือนกันยายนหมุนวนมากครั้ง ปาฏิหาริย์จะนำพวกเขากลับมาพบกัน เพื่อรักษาทุกบาดแผลนั้นให้ลบเลือน '...ผมคิดถึงคุณ ...มายเดียร์'
รัก,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ตะวันตก,พีเรียดตะวันตก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Autumn in September | เมื่อเราพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายนเมื่อยินเสียงเปียโนแว่วหวาน และเดือนกันยายนหมุนวนมากครั้ง ปาฏิหาริย์จะนำพวกเขากลับมาพบกัน เพื่อรักษาทุกบาดแผลนั้นให้ลบเลือน '...ผมคิดถึงคุณ ...มายเดียร์'
มากกว่าความผูกพันความภพชาติ...
'มึงทำงานภาษาอะไรวะ โคตรห่วย'
.
.
.
.
ฉัน 'เทียนญาดา' เป็นสถาปนิกสังกัดบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
ออฟฟิศของฉันกินพื้นที่สามชั้นบนอาคารสำนักงานหรูหราย่านถนนวิทยุ ช่วงเวลาเร่งด่วนที่รถติดแสนสาหัส แต่ตอนนี้ฉันกลับพอใจที่จะขับรถแช่ค้างที่ไฟแดงอย่างไม่แคร์เวลาสแกนม่านตา ทั้งที่ปกติแล้วฉันใช้เวลาแค่สิบห้านาทีด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส
ขณะที่เบื้องหน้านั้นรถหลายสิบคันต่างหยุดนิ่ง เครื่องเสียงในรถฉันขับขานเพลงโปรดอย่างใจเย็น สวนทางกับความร้อนในหัวที่ยังคงติดกับบทสนทนาดุเดือดเมื่อวันก่อน
'เทียนไม่ได้ห่วย! แต่ลูกค้าเขาต้องการในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้อ่ะพี่! เขาก็ย้ำนักหนาว่าต้องการเรือนไทยโบราณภาคกลางที่คงรายละเอียดดั้งเดิม ไม่ร่วมสมัย ไม่ประยุกต์! ซึ่งมันก็ต้อง! ไม่! มี! เพ! ดาน! แล้วจะเอาแอร์ฝังเพดานมายังไงก่อน!'
'มึงก็ต้องหาวิธีทำให้ได้สิ!! ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกค้ามาขอยกเลิกสัญญากลางอากาศแบบนี้ กูเสียหาย!!'
'ก็เขาไม่ต้องการให้เสริมฝ้า! เจาะแอร์จากข้างนอกเข้ามาก็ไม่ยอม! ซ่อนในผนังก็ไม่เอา! นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้! และจะให้ทำไงวะ! เทียนก็แค่บอกไปตามตรงว่ามันเป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!! ถ้าพี่ทำได้ก็ทำเอาเองเลยดิวะ!!!'
'ก็มึงแม่งกระจอกแบบนี้ไง!!! งานไม่ดีไม่พอยังเสือกโง่! โง่แล้วก็ยังปล่อยตัวให้อ้วน! เสื้อผ้าหน้าผมก็โคตรจะดูไม่ได้! เพราะงี้ลูกค้าเขาถึงหาข้ออ้างไม่อยากทำงานกับมึง!! แล้วก็ไม่พ้นต้องเดือดร้อนกู!!!'
เสียงก่นด่าของหัวหน้าที่อีโก้สูงเสียดฟ้าสวนทางกับอีคิวแบบไม่แคร์กฎฟิสิกส์ทำให้ความอดทนของฉันขาดสะบั้น ฉันเดินออกจากห้องนั้นแล้วไปเขียนใบลาออก และขอให้มีผลทันทีโดยช่างหัวมันกับเงินเดือนส่วนที่จะเสียไปจากการไม่แจ้งล่วงหน้าสามสิบวัน
และวันนี้เป็นวันที่ HR อนุมัติใบลาออกเรียบร้อย ฉันกำลังจะไปร่ำลาหัวหน้าเฮงซวยด้วยซองขาวแสนสวยนี่เสียหน่อย
"พี่เห่า"
"อ้าวไอ้เทียน มาสายนะมึง แบบเสร็จแล้วยังมาดูหน่อย"
พี่เห่ารับเอกสารจากมือฉันไป โดยสายตาที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังแว่นหนาเตอะยังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซองขาวที่บางเบาเกินกว่าจะเป็นแบบร่างของงานซึ่งค้างอยู่ทำให้พี่เห่าหันกลับมาดูและ...
"ฮะ? เดี๋ยว อะไร ใครให้มึงออก"
"HR ไงคะ"
"แล้วไม่บอกไม่ขอกูสักคำเลย?"
"เทียนโตแล้ว ตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องรอให้บุพการีที่ไหนมาอนุญาต แล้วอีกอย่างวันนี้ก็ไม่ได้มาเจรจา แค่มาแจ้งให้ทราบ"
ในห้องทำงานของพี่เห่า หัวหน้ากลุ่มนักออกแบบสถาปัตยกรรมตะวันออกที่ประตูถูกเปิดไว้ตกอยู่ในความเงียบ แม้แอร์จะเย็นฉ่ำจนแก้วกาแฟดำร้อนบนโต๊ะเย็นชืด แต่การที่สถาปนิกมือหนึ่งอย่างฉันลาออกกลางอากาศโดยที่ค้างงานเอาไว้หลายสิบชิ้น ดูจะเป็นสถานการณ์ที่ร้อนเร่าจนทำให้พี่เห่าต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
"โอเค พี่ว่าพี่เข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว น้องเทียนใจเย็นๆ นะคะ พี่รู้ว่าครั้งที่แล้วพี่อาจจะพูดแรงไ..."
"แบบงานที่ค้างอยู่ทั้งหมดและยังไม่เสร็จสมบูรณ์ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของสถาปนิกผู้ออกแบบตามระเบียบปฏิบัติข้อ 5 ที่ระบุไว้ในสัญญาจ้าง เพราะงั้นคงไม่ผิดอะไรถ้าเทียนจะขนงานออกไปทั้งหมดโดยที่ไม่ถ่ายทอดให้ใครทำต่อ"
"มึงจะบ้าเหรอ!!"
"เอ ไม่เป็นน้องเทียนแล้วเหรอ แหม ลดชั้นไวกว่าน้ำรอระบายซะอีก"
"มึงทำแบบนี้แล้วแบบที่ลูกค้า say yes ไปแล้วบางส่วนกูจะทำยังไง!!"
"ก็ถ้าเข้าใจไม่ผิด นั่นมันปัญหาของพี่เห่าคนเก่งรึเปล่า ไม่ใช่ปัญหาของสถาปนิกโง่ๆ แบบเทียนนี่นา แต่อ่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ หลังจากนี้เป็นต้นไป เทียนไม่ได้อยู่ในสถานะลูกน้องใต้บังคับบัญชาของพี่แล้ว ถูกไหมคะ"
"ไอ้เทียน มึง..."
"เพราะงั้นกูก็ขอให้โชคดีกับความฉิบหายที่มึงกำลังจะต้องเผชิญหลังจากนี้ จงมีความสุขกับค่าปรับมหาศาลถ้ามึงหาสถาปนิกมาทำงานส่งได้ไม่ตรงเวลา แก้ปัญหาให้ได้ดีเหมือนที่มึงเห่าใส่กูไว้ก็แล้วกันไอ้ควาย ผู้ชายเฮงซวย เก่งแต่กับผู้หญิง ปากหมาจนชิวาว่ายังต้องเงียบแบบมึงถึงหาเมียไม่ได้สักที เตี้ยก็เตี้ย ตัวก็เหม็น อีเห็นใต้ซากแผ่นดินไหวหน้าตายังดูได้มากกว่ามึงอีก ไอ้เหี้ย!!!!"
ฉันปิดฉากการระเบิดอารมณ์เฮือกสุดท้ายด้วยการสาดแก้วกาแฟดำซึ่งเคยร้อนมาก่อนเข้าไปที่หน้าไอ้เหี้ยพี่เห่า
"แล้วถ้ามึงกำลังรู้สึกโกรธมากจนอยากจะคว้าอะไรทุ่มใส่กบาลกูสักทีล่ะก็ นั่นแหละคือความรู้สึกที่กูต้องแบกอยู่ตลอดเวลาที่ทำงานกับมึงไง!!! จำไว้ด้วย!!!"
ฉันยืนหอบ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการด่าอย่างหมดความอดทนมันจะใช้พลังมากมายกว่าที่คิด กระดาษทิชชูที่ยื่นหน้าออกมาจากกล่องถูกฉันดึงออกมาสี่ห้าแผ่น เช็ดซับคราบกาแฟที่กระเด็นเลอะแขน ขยำๆ ปาใส่หน้า
ไอ้เหี้ยพี่เห่าโดยไม่คิดจะอยู่รอให้ต้องหมดความอดทนซ้ำอีกรอบ
จนเมื่อเดินออกมาจากห้อง ฉันได้สบกับทุกสายตาอดีตเพื่อนร่วมทีมที่มองมาอย่างเชิดชูเกียรติประหนึ่งฉันเป็นตัวแทนหมู่บ้าน
และตอนนี้ฉันได้เข้าใจแล้วว่า ความรู้สึกของหุ่นยนต์ออพติมัสไพรม์ที่ได้อะไหล่อัพเกรดจากปู่เจทไฟร์มันคงเป็นอย่างนี้เอง ฮึกเหิม ห้าวหาญ มีเรี่ยวมีแรงพร้อมทำลายล้าง ไม่ใช่สิ ต้องพร้อมกอบกู้โลกถึงจะถูก
ว่าแต่ออพติมัสไพรม์นี่เคยตกงานหรือยังนะ
ฉันใช้เวลาราวสี่ชั่วโมงหลังจากสงครามกาแฟหมดไปกับการเคลียร์มหากาพย์ไฟล์งานและรวบรวมสเก็ตช์ดีไซน์ งานส่วนใหญ่ที่ยังไม่จบ ฉันเชื่อว่าฉันสามารถดีลโดยตรงกับลูกค้าได้ไม่ยาก ด้วยทั้งโปรไฟล์และคอนเนกชันมากมายที่อยู่ในมือ ส่วนบางโปรเจกต์ที่เป็นการฟอร์มทีมกับแผนกอื่น ฉันก็ยังใจดีพอที่จะทิ้งเอาไว้ให้ไอ้เหี้ยพี่เห่าส่งงานต่อให้คนอื่นทำ เพราะลึกในใจนั้น นอกจากไอ้เหี้ยพี่เห่าแล้ว ฉันก็ไม่ได้อยากให้ใครฉิบหายไปด้วย
“ไว้ติดต่อกันนะเทียน”
เสียงส่วนใหญ่จากเพื่อนร่วมงานว่าอย่างนั้น หลังจากใช้เวลาร่ำลาที่ทำมาหากินใจกลางบางกอกเมโทรโพลิสอยู่พักใหญ่ ขับรถยนต์คู่ใจฝ่าดงรถติดยามเย็นไปนั่งทิ้งดิ่งอยู่ที่สวนสาธารณะที่ในวันวานเคยเป็นอุทยานหลวง
แสงแดดเริ่มอ่อนกำลัง สายลมที่อบอ้าวมาทั้งวันเริ่มพัดผ่านได้พอผ่อนคลาย ฉันเลือกนั่งลงที่ม้านั่งตัวหนึ่งริมบึงซึ่งห่างไกลผู้คน ปล่อยความคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่แสนหนักอึ้ง และรู้สึกว่ามันเหนื่อยเหลือเกิน
'มึงมันห่วย'
'อ้วน อัปลักษณ์'
'เป็นลูกครึ่งซะเปล่า แต่สารรูปดูไม่ได้'
'เพราะแบบนี้ถึงไม่มีใครอยากทำงานกับมึง'
"ก็แค่ไม่สวยเหมือนคนอื่น มันผิดมากรึไงวะ"
ฉันร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กอนุบาลถูกแย่งไอศครีม ข้อความเลวร้ายที่กัดกินฉันมาหลายปีเริ่มโจมตีฉันท่ามกลางความเงียบสงบ ฉันอาจจะอ้วนและไม่มีความมั่นใจ เสื้อผ้าฉันอาจจะเรียบง่ายไม่ได้หรูหราเลิศเลอ สีผมอาจจะไม่สวย ไม่ดัดไม่ลอนและ non-sexappeal แต่ที่สุดแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ควรจะเป็นงานที่ฉันสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมมาตลอดไม่ใช่หรือ
"มาโฟกัสเรื่องเหี้ยๆ อะไรพวกนี้ที่แม่งไม่ได้เกี่ยวกับงานเลยเพื่ออะไรวะ ไอ้พี่เห่า! ไอ้เหี้ย!"
ฉันร้องไห้จนสาแก่ใจ
สบถด่าและปาดน้ำตาทิ้งแบบที่ไม่ได้สนใจจะดูเวลา จนกระทั่งผู้คนบนหนทางเริ่มมากขึ้น พวกเขาวิ่งออกกำลังกายภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน ภาพเหล่านั้นทำให้หัวใจของฉันรู้สึกเบาลงอย่างน่าประหลาด
สายลมยามเย็นหอบต้นไม้ให้โอนเอนไหว กิ่งไม้ใบหญ้าเริงร่าร่อนระบำท่ามกลางผู้คนจอแจให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างไม่เคยได้สัมผัส ใบไม้สีน้ำตาลหลุดละลิ่วปลิวว่อนดูงดงาม ผิวน้ำเมื่อต้องมวลอากาศเกิดเป็นระลอกคลื่นบางเบาสะท้อนแสงเงาวูบไหว
และฉันได้ยินเสียง...
เสียงกระซิบบางเบาคลอเคล้ามากับเปียโนเว้าวอนอ่อนหวาน มันนำพาฉันก้าวเดินไปที่ริมน้ำแห่งนั้น
เหมือนฝัน...
ติ๊ง
เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ดึงฉันจากออกจากภวังค์ เพียงกะพริบตา ความงดงามเมื่อครู่เลือนหาย ราวกับสายลมอ่อนหวานที่พัดผ่านเสมือนเป็นเพียงจินตนาการที่ฉันคิดไปเอง
แต่ความว่างเปล่าที่ราวกับหัวใจได้หลุดลอยหายไป กำลังโต้แย้งว่าอาจไม่ใช่เพียงเพ้อฝัน
[อาทิตย์หน้าจะไปดูงานที่เชียงใหม่ ว่างมั้ย ไปด้วยกัน]
ข้อความชักชวนจาก 'ทิศเหนือ' เพื่อนสนิทสมัยมัธยมปลายที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาจนกระทั่งรับปริญญามาในสายการเรียนเดียวกัน เหนือรู้ดีว่าเชียงใหม่กับฉันนั้นดึงดูดกันราวเป็นบ้านเกิด ทว่าความจริงแล้วไม่ใช่ ฉันเพียงแต่รักที่จะได้ไปเท่านั้น
และแน่นอนว่า...
[ไปก็ไปสิ]