เมื่อยินเสียงเปียโนแว่วหวาน และเดือนกันยายนหมุนวนมากครั้ง ปาฏิหาริย์จะนำพวกเขากลับมาพบกัน เพื่อรักษาทุกบาดแผลนั้นให้ลบเลือน '...ผมคิดถึงคุณ ...มายเดียร์'
รัก,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ตะวันตก,พีเรียดตะวันตก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนึ่งวันก่อนครบกำหนดเดินทางไปเชียงใหม่ ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองซุกกายอยู่บนโซฟาตัวโปรดแทนที่จะเป็นเตียงนอน แสงแดดอ่อนส่องลอดม่านหน้าต่าง พาแสงสว่างเข้ามาบรรเทาความมืดภายใน ฉันไล่สายตาไปตามการตกกระทบของลำแสง และพบว่าในที่แห่งนี้ที่ควรมีเพียงฉันอยู่ตามลำพัง กลับมีบางสิ่งแปลกประหลาดที่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ
ความหวาดกลัวทำให้ฉันขยับตัวเชื่องช้า เรียวขาสองข้างตวัดหย่อนลงที่พื้นอย่างเงียบกริบราวกับกลัวว่า ‘พวกเขา’ จะรับรู้ว่าฉันมีตัวตน
“นี่มัน อะไรกัน...”
ห้องชุดสีขาวในคอนโดมิเนียมย่านสาทรเปลี่ยนไป ราวกับฉันถูกย้ายมาอยู่ในอีกสถานที่หนึ่งซึ่งฉันเองไม่เคยรู้จัก ผนังห้องสีแดงเบอร์กันดีประดับคิ้วบัวหรูหราคล้ายสถาปัตยกรรมบริเตนเมื่อราวสองสามร้อยปีก่อน ณ ตำแหน่งสายตาเดิมที่เคยเป็นห้องนอน เวลานี้กลายเป็นห้องแต่งตัวสุดคลาสสิคแบบที่เคยเปิดเจอในนิตยสาร ตู้เสื้อผ้าสูงจรดเพดาน ประตูด้านหนึ่งซึ่งเปิดออกเผยให้เห็นชุดกระโปรงยาวฟูฟ่องหลากสีที่เรียงรายอยู่ภายใน รวมทั้งหญิงสาวมากมายแต่งกายราวกับสาวใช้ในปราสาทวิกตอเรียน กำลังเดินจัดแจงสิ่งต่างๆ อย่างขวักไขว่
ยกเว้นแต่เพียงใครอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่ที่หน้ากระจก ฉันประมวลผลเอาเองว่าถ้าหากหญิงสาวเหล่านั้นคือสาวใช้ เธอที่อยู่ตรงนั้นคงเป็นเจ้านาย หรือใครสักคนที่อาจมีอำนาจกว่านั้น
และราวกับมีบางสิ่งดึงดูดให้ฉันขยับเข้าไปใกล้ ยิ่งปลายเท้าเคลื่อนไหว ยิ่งรู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดห้วง ภาพสะท้อนในกระจกแม้เห็นเพียงเลือนราง ทว่าอะไรบางอย่างในแววตาคู่นั้นกลับสะกดให้ไม่อาจละสายตา
ใบหน้าละมุนพริ้มเพราดูราวกับตกอยู่ในห้วงรักแสนหวาน แววตาเธอเปล่งประกายงดงามประหนึ่งกุหลาบฉ่ำน้ำค้างยามต้องแสงตะวัน ริมฝีปากอ่อนบางแย้มยิ้มรับกับพวงแก้มอิ่มสีชมพูอ่อนใส เมื่อหลอมรวมทุกอย่างไว้ภายใต้เรือนผมสีน้ำตาลซึ่งทิ้งตัวยาวปกคลุมแผ่นหลังเนียนละมุน เธอช่างดูงดงามเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดยุคเรเนซองส์ ทว่ากลับเปราะบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่พร้อมแตกสลาย
ข้อความบางอย่างจากแววตาของเธอที่ส่งถึงตัวฉัน ผู้ซึ่งได้แต่ยืนมองโดยไม่อาจขยับไหว ทำให้หัวใจฉันเจ็บปวดและหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว
จนกระทั่งที่สาวใช้คนหนึ่งเดินทะลุผ่านฉันไปเหมือนฉันไม่มีตัวตน
“เฮ้ย! เดินกันแบบนี้เลยเหรอ ตกลงพวกเธอเป็นผีหรือฉันกันแน่ที่...”
...You’ ve got that James Dean day dream look in your eyes! , And I got th…
เฮือก!!
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดึงฉันสะดุ้งพรวดขึ้นมาอีกครั้งอย่างงุนงง และพบว่าครั้งนี้ฉันอยู่บนเตียงนอนอย่างที่ควรจะเป็น ในความเงียบสงบที่มีเพียงเสียงขับขานของศิลปินดังระดับโลกตะโกนปลุกอยู่ข้างหู บอกให้รู้ว่าครั้งนี้คือการตื่นของจริงเสียที
“ฝันบ้าบออะไรกันเนี่ย ว่าไงหนาว”
ฉันบ่นกับตัวเองเล็กน้อยพลางกดรับสาย ชื่อของ ‘ลมหนาว’ เพื่อนสาวฝาแฝดของทิศเหนือซึ่งแสดงบนหน้าจอ ทำให้รู้ว่าหัวข้อการสนทนาคงไม่พ้นเรื่องของการออกเดินทางในค่ำวันนี้
[ไม่ว่าไง แค่ไอ้เหนือให้ถามว่าเก็บกระเป๋าเรียบร้อยยัง เราไปกันเช้านี้เลยดีไหม]
“ดีน่ะดีอยู่ แต่เพิ่งตื่นเนี่ยสิ”
[นอนดึกหรือไง]
“เหอะ ไม่ค่อยได้นอน หลับๆ ตื่นๆ ช้าหน่อยนะ”
[ไม่เป็นไรรอได้ ไม่ต้องรีบนะ อยู่ที่ร้านกาแฟข้างล่างแล้ว]
“ฮะ! เอ้า...”
ฉันมองบนจนสายตาไปชนเพดานให้กับนิสัยการวางสายแบบไม่ค่อยมีมารยาทของลมหนาว แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งฉันก็ได้หัวเราะให้กับความเสมอต้นเสมอปลายระหว่างเพื่อนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา เพราะความสนิทกันทำให้เราต่างเป็นตัวของตัวเองได้อย่างปลอดภัย และในแต่ละวันของการทำงานที่เราต่างต้องแบกหน้ากากอันแสนหนัก มันจึงไม่มีเหตุผลเลยที่ฉันจะต้องคาดหวังหัวโขนอันแสนสวยจากทั้งสองคน
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ เหมือนเดิมนะ”
ประตูคาเฟ่ แอนด์ ทีรูมที่ตกแต่งแบบร่วมสมัยเปิดออกพร้อมเสียงกล่าวต้อนรับของพนักงาน ฉันสั่งเครื่องดื่มอย่างง่ายๆ แบบที่มองตาพนักงานก็รู้ใจ พลางวางกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลประดับลวดลายตัวอักษรของแบรนด์ดังไว้ เอ่ยทักทายเพื่อนสาวทั้งสองที่หน้าตาเหมือนกันแทบทุกกระเบียดนิ้ว จะแตกต่างกันก็เพียงตำแหน่งไฝที่มุมปากของเหนือ และสีตาที่เข้มกว่าของหนาว ซึ่งถ้าหากไม่สนิทกันมายาวนานแสนนานแบบฉัน แน่นอนว่าไม่มีทางแยกออก
“เฮ้ยหนาว ดูดีนะลุคนี้ เปลี่ยนแว่นตาใหม่เหรอ”
“กูเหนือ นู่นไอ้หนาว”
เอ่อ...เอาเป็นว่าฉันไม่เคยพูดประโยคเมื่อครู่นี้แล้วกัน
นั่นทิศเหนือ สาวห้าวผู้มีจิตใจอ่อนไหวและมีนิสัยส่วนตัวซึ่งย้อนแย้งกันไปเสียหมด ริมฝีปากซึ่งอาบลิปสติกสีเข้มแบบลอลิตาสไตล์เบ้ใส่แบบไม่จริงจังนักที่ฉันทักเพื่อนผิด
ก็ใครใช้ให้เป็นฝาแฝดกันล่ะ
“นี่เลดี้แวร์วูฟ แบริเออร์คะ ไหนเล่ามาสิคะไอ้ที่ว่าตกงาน มันยังไง”
ลมหนาว เพื่อนสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่งถามขึ้นอย่างอยากรู้
“ดูปากนะ วอล์ฟ - แบร์ - รี่ สอนไม่จำ ฉันไม่ใช่หมาป่าและก็ไม่ใช่แท่งปูนกั้นถนนด้วย”
ฉันแย้งไปอย่างขบขัน จริงอยู่ที่ต้นตระกูลฉันสืบเชื้อสายมาจากตระกูลของคุณปู่ทวดเคลวิน วอล์ฟ แบร์รี่ หนึ่งในสถาปนิกผู้ร่วมออกแบบแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศอังกฤษในอดีต ถึงมันจะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ฉันเติบโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะและสุขสบายแม้จะในต่างแดน แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบการที่ต้องมีชื่อกลางและท้ายให้ใครมาเรียกยาวๆ ยุ่งยากมากความ ฉันชอบชื่อที่คุณแม่ฉันตั้งให้มากกว่า
เทียนญาดา ที่หมายถึงนักปราชญ์ผู้ไม่เคยต้องจมอยู่กับความมืด เพราะมีแสงเทียนเป็นของตัวเอง
โกโก้ร้อนขนาดกลางมาเสิร์ฟ ฉันยิ้มรับเพียงเล็กน้อยขณะส่งเงินให้พนักงานพลางตอบคำถามลมหนาวไปด้วย
“ส่วนไอ้ที่ตกงาน จริงๆ ไม่ได้ตกหรอก ลาออกเองเนี่ยแหละ ก็ไอ้เหี้ยพี่เห่าอ่ะดิ”
“ไอ้เหี้ยพี่เห่าอีกแล้วเหรอวะ กูฟังเรื่องเจ้านายคนนี้ของมึงมาตลอดอายุการทำงานของมึงเลยนะเทียน”
“เออ ต่อไปนี้คงไม่ต้องฟังแล้วล่ะ ส บ า ย ว่าแต่ที่จะไปเชียงใหม่กันนี่ โปรเจกต์ใหม่เหรอ”
“ใช่ งานปรับปรุงอาคารร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น - ยอร์คที่ริมแม่น้ำปิงน่ะ ใหญ่โตเอาเรื่อง”
“ยอร์คก็ยุคกลางน่ะสิ ยุคกลางแบบร่วมสมัยเหรอ”
“งานโปรดแกเลยนี่ สนใจใช่มั้ยล่า”
ฉันหรี่ตามองยัยเพื่อนสองคนนั้นอย่างจับผิด เบื้องหลังแก้วโกโก้ที่ยกขึ้นจิบอย่างสบายใจ ภายในฉันกำลังคิดว่า ‘ว่าแล้วเชียว’ การที่ไอ้เหนือและไอ้หนาวชวนฉันไปดูงานด้วยครั้งนี้ มีเหตุผลเพราะว่างานออกแบบสไตล์ยุโรปคืองานที่ฉันถนัดและทำได้ดีที่สุดมาตั้งแต่สมัยเรียน
ฉันแสร้งทำเป็นครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเปิดบทสนทนาเริ่มต้นการทำธุรกิจ
“ยี่สิบเปอร์เซ็นต์หลังหักค่าใช้จ่าย โอเคมั้ยคะคุณเหนือคุณหนาว”
“สิบห้าละกัน”
“สิบแปด เฉพาะงานอินทีเรีย”
“สิบห้า เฉพาะงานอินทีเรียพร้อมงบเอนเตอร์เทนตลอดการทำงาน”
“งั้นขอรวมค่าที่พักโรงแรมห้าดาว และงบชอปปิ้งที่ถนนคนเดินด้วย”
“โหไอ้เทียน ไอ้งก”
“ไม่ดีลก็ไม่ว่าอะไรนี่”
“ดีล! / ดีล!”
ความกลัวว่าฉันจะไม่ยอมร่วมงานทำให้ทิศเหนือและลมหนาวประสานเสียงกันโดยไม่ได้นัดกันไว้ เสียงบ่นและเสียงหัวเราะของเราสามคนดังลั่นร้านกาแฟที่ไม่มีลูกค้าคนอื่น ไม่นานหลังจากนั้นพวกเราก็เคลื่อนย้ายตัวเองขึ้นรถตู้อัลฟาร์ดที่มีทิศเหนือเป็นคนขับสลับกับลมหนาว
ส่วนฉันที่นอนไม่อิ่มมาหลายคืน
คงไม่มีอะไรอื่นนอกจากขอเสพความสุขกับการตีตั๋วนอนยาวเก้าชั่วโมงจากเมืองหลวงสู่แผ่นดินล้านนา