มากกว่าความรักของคนหนุ่มสาว คือแรงศรัทธาที่เพิ่มพูน

แสงดาว ไอดิน อินเดีย - คำนำ จากนักเขียน โดย ชอนตะวัน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ผู้ใหญ่,ชอนตะวัน,แสงดาวไอดินอินเดีย,แสงดาว,ไอดิน,อินเดีย,รัก,ผู้ใหญ่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แสงดาว ไอดิน อินเดีย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ชอนตะวัน,แสงดาวไอดินอินเดีย,แสงดาว,ไอดิน,อินเดีย,รัก,ผู้ใหญ่

รายละเอียด

แสงดาว ไอดิน อินเดีย โดย ชอนตะวัน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

มากกว่าความรักของคนหนุ่มสาว คือแรงศรัทธาที่เพิ่มพูน

ผู้แต่ง

ชอนตะวัน

เรื่องย่อ

มากกว่าความรักของคนหนุ่มสาว คือแรงศรัทธาที่เพิ่มพูน กลิ่นอายความรักท่ามกลางความแตกต่าง ทั้งเรื่องฐานะ อายุ สถานภาพทางสังคม ที่อบอวลไปด้วยความดีงามภายในจิตใจของคนสองคน ก่อเกิดบนเส้นทางแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย 'ปฐวี' วิศวกร วัย 22 ปี รอเรียกเข้าทำงาน เดินทางไปประเทศอินเดีย เพื่อช่วยน้าสาวทำหน้าที่ลีดเดอร์ทัวร์ หัวใจของเขาต้องมาหวั่นไหว เมื่อได้พบดาราสาว เจ้าบทบาท 'ดวงรัศม์' ผู้ร่วมทริปครั้งนี้ แม้ทั้งสองคน พยายามปฏิเสธความต้องการของหัวใจ เพราะรับรู้ถึงความแตกต่าง และปัญหาที่จะตามมา แต่สุดท้าย ความรักที่เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อยท่ามกลางความเลื่อมใสศรัทธา กลับกลายเป็นความเข้าอกเข้าใจกันและกัน จนยากลืมเลือน....

 'ชอนตะวัน'  อีกหนึ่งนามปากกา ของ 'จุฬามณี' ผู้เขียน ชิงชัง กรงกรรม สุดแค้นแสนรัก ทุ่งเสน่า และ วาสนารัก

 

สารบัญ

แสงดาว ไอดิน อินเดีย-คำนำ จากนักเขียน,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 0 สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 1 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 1,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 2 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 2,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 3 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 3,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 4 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 4,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 5 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 5,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 6 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 6,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 7 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 7,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 8 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 8,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 9 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 9,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 10 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 10,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 11 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 11,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 12 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 12,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 13 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 13,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 14 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 14,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 15 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 15,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 16 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 16,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 17 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 17,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 18 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 18,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 19 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 19,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 20 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 20,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 21 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 21,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 22 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 22,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 23 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 23,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 24 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 24,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 25 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 25,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 26 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 26,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 27 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 27,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 28 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 28,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 29 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 29,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 30 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 30,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 31 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 31,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 32 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 32,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 33 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 33,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 34 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 34,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 35 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 35,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 36 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 36,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 37 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 37,แสงดาว ไอดิน อินเดีย-บทที่ 38 แสงดาว ไอดิน อินเดีย - 38

เนื้อหา

คำนำ จากนักเขียน

คำนำนักเขียน

(พิมพ์ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2552 สนพ.simply love book)

 

เมื่อปี 2545 ประเทศไทยได้อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาจากประเทศจีน ครานั้นทำให้ผู้เขียนมีความสนใจเรื่องพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุเจดีย์ จนกระทั่งตั้งจิตไว้ว่า จะต้องเดินทางไปสักการะ พระธาตุเจดีย์ทั่วโลกให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เมื่อได้มีเจตนาไปแล้ว การกระทำเพื่อให้ถึงจุดหมายจึงได้เริ่มต้นขึ้น นั่นก็คือเริ่มต้นจาก พระธาตุเจดีย์ในประเทศไทย...ค่อยๆ เก็บไปทีละองค์ แต่ว่าทุกองค์ที่ได้ไปกราบ ก็ได้ไปตั้งจิตไว้ว่า อยากไปตามรอยบาทพระบรมศาสดาที่ประเทศอินเดีย ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และใช้เงินมากเกินวัยเกินฐานะของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆ จนกระทั่งได้อธิษฐานแบบลองของว่า 

‘ขอให้ได้ไปตามรอยบาทของพระศาสดาที่อินเดียเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ’ 

จะด้วยคำอธิษฐาน แรงปรารถนา หรือว่าบุญกุศลใดๆ มาส่งผล ทำให้ผู้เขียนได้ไปที่อินเดีย แบบอัศจรรย์ถึงสองครั้งสองครา

...ไปครั้งแรกเมื่อปี 2549 ก็คิดไว้ในใจว่า อยากเขียนนิยาย สักเรื่องที่ใช้ฉากสี่สังเวชนียสถาน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปลุมพินีที่เนปาล เพราะว่าติดปัญหาทางการเมืองของประเทศเขา 

แต่ถึงอย่างไรก็เริ่มวางพล็อตและคิดชื่อเรื่อง ตอนนั้นคิดว่าจะใช้ชื่อเรื่องอะไรถึงจะทำให้คนอ่านทราบตั้งแต่อ่านชื่อเรื่องเลยว่าเรื่องนี้ใช้ฉากอินเดียนะ จนกระทั่งรู้สึกประทับใจกับชื่อนิยายของเพื่อนนักเขียน งานนั้นเริ่มต้นที่ชื่อ ‘แสงดาว’ แต่งานของเราต้องการคำลงท้ายที่มีชื่อว่า ‘อินเดีย’ 

คิดอยู่นาน จนกระทั่ง คิดจะตั้งชื่อ ‘แสงดาวที่อินเดีย’ ถ้าตั้งอย่างนั้น คงหมายถึงพระสงฆ์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในอินเดีย ซึ่งน่าจะเข้ากับ ชื่อเรื่อง แต่ว่าเรื่องที่ตนเองได้วางพล็อตไว้ คอนเซ็ปไม่ใช่เรื่องของพระสงฆ์ที่ต้องหนักหนาสำหรับคนเขียนและคนอ่านแน่ๆ เราต้องการเขียนเพียง คนหนุ่มคนสาวคู่หนึ่งที่ไม่มีภูมิความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเลยสักนิด แต่ทั้งคู่ต้องไปเจอกันที่นั่นด้วยเหตุบางอย่าง และเหตุนั้นทำให้ทั้งสองคนผูกพันกัน จนขนาดที่ว่าความสูงต่ำทางอายุและฐานะไม่สามารถกั้นความรักได้ 

แล้ววันหนึ่ง ผู้เขียนก็ได้นั่งรถจากนครสวรรค์เพื่อไปเมืองโบราณ สมุทรปราการ ระหว่างที่ก็นั่งรถไป ท่องอยู่ในใจว่า แสงดาว อินเดีย แสงดาว อินเดีย...และชื่อหนึ่งก็ผุดขึ้นมาตรงกลางสองชื่อ ความเป็นตัวตนของพระเอกที่ต่างจากนางเอกผู้เป็นดาราสูงส่งเป็นอย่างมาก...

‘แสงดาว ไอดิน อินเดีย’ 

พอชื่อนี้วาบขึ้นมา ความรู้สึกแบบว่า...ใช่เลย ก็ตามมาด้วย...จากนั้นก็ยังรู้สึกตื้นตันใจและก็ปลาบปลื้มใจว่างานสืบสานอายุของพระพุทธศาสนาอีกชิ้นหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้นด้วยฝีมือของเรา

จนกระทั่งความอัศจรรย์เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองปี 2550 พี่สาวใจดีคนหนึ่ง ที่ได้รู้จักกันเมื่อครั้งที่ได้เดินทางไปอินเดียครั้งแรก โทรมาชวนให้ไปช่วยทำงาน...แบบพระเอกในเรื่องทำ ตอนนั้นลังเลว่าจะลาออกจากงานประจำดีไหม ..ถ้าเลือกเป็นนักเขียนอย่างเดียว มีโอกาสไส้แห้งแน่ๆ แต่ในที่สุด...เมื่อมีช่องทางไปตามรอยพระบาทให้ครบทั้งสี่ที่อีกครั้ง กับเก็บข้อมูลเขียนนิยายที่อยากเขียนมากๆ ...จึงตัดสินใจลาออก แบบคิดในใจว่ากลับมา ไม่มีจะกินก็ช่าง...แต่ว่าลึกๆ มั่นใจว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะด้วยเดชแห่งบุญคงไม่ทำให้อดอยาก ช่วงนั้นมีบุญกฐินตลอดเดือน ก็อธิษฐานว่า...

‘ให้มีบริษัทละครตัดสินใจซื้อนวนิยาย ‘ชิงชัง’ นามปากกา 

‘จุฬามณี’ ไปสร้างละครทีเถอะ’ เหตุผล เพราะจะได้มีเงินไปทำบุญ กับกลับมาจะได้มีเงินประทังชีวิต...และก่อนจะเดินทางไปเพียงไม่กี่วัน ค่ายละคร บริษัทเอ็กแซ็กท์ ที่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะสนใจงานแนวลูกทุ่งพีเรียดจะติดต่อมาขอซื้อในวันนั้น ...เลยได้เงินก่อนไป กลับมามีเงินใช้ นั่งทำงานเขียนสบายๆ ตลอดปี 51...ไม่รู้จะเรียกว่าบุญหรือเปล่า? 

ไปแล้วกลับมาก็ยังเขียนไม่ได้ ไปเขียนเรื่องอื่น เพราะกลัวทำออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้เสียสูงส่งไม่ได้ จนกระทั่งคิดว่า ถ้าไม่เริ่มก็ไม่รู้ปัญหาถ้าไม่เริ่มเรื่องก็ไม่จบในฤดูพรรษาของปี 2551 งานชิ้นนี้จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาและก็ตระหนักว่ารักต้องหวาน เอาใจตลาด แรกทีเดียวตั้งใจจะค่อยๆ คิดและทำไปให้ถึงสิ้นปี แต่ก็รวดเร็วกว่าที่ได้คิดไว้...จนกระทั่งได้นำไปโพสต์ไว้ในบล็อกแก๊งค์...

  -Thanks for the good story that you wrote. I insist that your writing are different from other people. Keep up the good work.

  -ขอบคุณอีกครั้งที่เขียนเรื่องดีๆ ให้ได้อ่าน ผมชอบเรื่องนี้มากนะครับ มีแง่คิดดีๆ มากมาย และเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาที่ไม่น่าเบื่ออีกด้วย ขอชมจากใจจริงว่าเก่งมากๆ ครับ

  -สนุกดีนะ ทำให้มองเห็นการใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง          ที่สามารถนำธรรมะมาปรับใช้ได้

-เรื่องนี้ขอบอกว่าอ่านแล้วทำให้ความอยากไปอินเดียปะทุขึ้นมาอีก มีกลุ่มทัวร์ไหนแนะนำไหมคะ ดิฉันอยากไปมาก แรกๆ คิดว่าจะไปแบกเป้เอง แต่ยังไม่พร้อม เพราะต้องศึกษาเยอะ ช่วงนี้ไม่มีเวลามากนัก อ่านเรื่องของคุณแล้วรู้สึกว่าไม่ควรรอ (อีกต่อไปแล้ว) ค่ะ

-เรื่องนี้ทำให้ความฝันที่รันเคยอยากไปอินเดียมาตลอด กลับมาอีกครั้ง คุณเฟื่องเก่งจังค่ะที่สามารถนำเรื่องพุทธศาสนามาเขียนเป็นเรื่องในงานเขียนของคุณ ให้คนอ่านสามารถอ่านไปได้เรื่อยๆ แบบไม่น่าเบื่อ ได้ความบันเทิง ได้ความเข้าใจ ได้แนวทางแบบค่อยซึมซับฯลฯ

ครับเป็นกำลังใจเล็กๆ ที่ตอบกลับมา แต่ก็มีหลายเสียงที่แตกต่างออกไปทำนองว่า...กลัวศาสนา กลัวข้อมูลหนักๆ ที่ยังไม่อยากจะรู้ เพราะยังไม่แก่ตัวจนต้องคิดพึ่งศาสนา จนกระทั่งคนเขียนลังเลว่าจะเอาออกดีไหม มีแต่รักล้วนๆ ดีไหม สาระไม่ต้อง จนกระทั่งได้ไปไหว้พระที่วัดระฆังฯ ขณะทดท้อห่อเหี่ยวกับต้นฉบับ ก็ได้มองเห็นหนุ่มสาววัยรุ่นถือธูปเทียนทอง ดอกไม้ เดินกันไปมา...เอ้า...ใช่ว่าวัยรุ่นวุ่นรักจะไม่สนใจศาสนา พวกเขาสนใจ แต่ว่ามันยังไม่มีสื่อที่ทำให้เขาสนใจจนเข้าใจหรือเปล่า...ความปลาบปลื้มใจแล่นเข้ามา...เออ งานรักที่มีกลิ่นของพระพุทธศาสนา ที่ทำไปแล้ว มันดีแล้ว ถูกทางแล้ว...

จนกระทั่ง นำต้นฉบับไปให้อาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นนักอ่านนิยายมานาน ท่านก็บอกว่า ‘ฉันรู้สึกว่ามันจะได้พิมพ์รวมเล่มอย่างรวดเร็วเพราะมันมีมากกว่านิยายรักหวานซึ้ง’

จนกระทั่งสำนักพิมพ์ Simply books ได้พิจารณาและก็ได้ให้คำตอบรับอย่างรวดเร็วตามที่อาจารย์ท่านได้เอ่ยปากบอกไว้...

สุดท้ายขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ทำให้ผู้เขียนมี ‘วันดีดีที่อินเดีย’ จนได้ 

ขอบคุณครับ

ชอนตะวัน (จุฬามณี-เฟื่องนคร)