มากกว่าความรักของคนหนุ่มสาว คือแรงศรัทธาที่เพิ่มพูน
รัก,ผู้ใหญ่,ชอนตะวัน,แสงดาวไอดินอินเดีย,แสงดาว,ไอดิน,อินเดีย,รัก,ผู้ใหญ่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แสงดาว ไอดิน อินเดียมากกว่าความรักของคนหนุ่มสาว คือแรงศรัทธาที่เพิ่มพูน
มากกว่าความรักของคนหนุ่มสาว คือแรงศรัทธาที่เพิ่มพูน กลิ่นอายความรักท่ามกลางความแตกต่าง ทั้งเรื่องฐานะ อายุ สถานภาพทางสังคม ที่อบอวลไปด้วยความดีงามภายในจิตใจของคนสองคน ก่อเกิดบนเส้นทางแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย 'ปฐวี' วิศวกร วัย 22 ปี รอเรียกเข้าทำงาน เดินทางไปประเทศอินเดีย เพื่อช่วยน้าสาวทำหน้าที่ลีดเดอร์ทัวร์ หัวใจของเขาต้องมาหวั่นไหว เมื่อได้พบดาราสาว เจ้าบทบาท 'ดวงรัศม์' ผู้ร่วมทริปครั้งนี้ แม้ทั้งสองคน พยายามปฏิเสธความต้องการของหัวใจ เพราะรับรู้ถึงความแตกต่าง และปัญหาที่จะตามมา แต่สุดท้าย ความรักที่เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อยท่ามกลางความเลื่อมใสศรัทธา กลับกลายเป็นความเข้าอกเข้าใจกันและกัน จนยากลืมเลือน....
'ชอนตะวัน' อีกหนึ่งนามปากกา ของ 'จุฬามณี' ผู้เขียน ชิงชัง กรงกรรม สุดแค้นแสนรัก ทุ่งเสน่า และ วาสนารัก
“ฮัลโหล โทรมาทำไม”
“อีนี่...ถ้าไม่มีเรื่องฉันจะโทรมาหรือยะ”
“เรื่องอะไรละ...พูดมาเร็ว ยุ่งอยู่เนี่ย”
“ยุ่งทั้งปีนะแก”
“ไม่มีใครมาเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างแกนี่”
“ฉันหากินเองย่ะ มีใครเลี้ยงที่ไหน อย่าเข้าใจฉันผิด มันบาป ได้ข่าวว่าแฟนแกไปอินเดีย”
“รู้แล้วยังจะถามหาพระแสงอะไรอีก”
“อินเตอร์นะยะ เอาเงินไหนไปเที่ยวนะ”
“เที่ยวกับผีอะไร ไปทำงาน”
“งานอะไร ไปคุมก่อสร้างอนุสรณ์สถานอะไรหรือยะ”
“ไปช่วยน้าเค้า เป็นสต๊าฟทัวร์น่ะ...แกมีอะไรอีกไหม”
“เออ ยุ่งนักก็วางสายก็ได้ เจ็บเมื่อไหร่อย่าโทรมาหานะแก ฉันไม่รับสายจริงๆ ด้วย”
“รับแม่จะได้ด่าให้นะซิ รู้ทั้งรู้ว่าฉันโทรหาแกมันแพงกว่าแกโทรหาฉัน ยุคนี้ถ้าไม่ช่วยกันประหยัด เป็นขี้ข้าบริษัทต่างชาติตายห่าเลย...แค่นี้นะ ขอบใจนะจ๊ะที่ยังมีอารมณ์คิดถึง...บาย”
หญิงสาวหน้าขาววางโทรศัพท์ลงด้วยใบหน้าสุขสดชื่น ได้ระบายกับเพื่อนสนิทแบบนี้ทำให้ความเครียดที่ปกคลุมจิตใจผ่อนคลายลงหน่อย...ก็จะไม่ให้เครียดอย่างไรเล่า ทุกสิ่งทุกอย่างดู ประเดประดังเข้ามาหาหล่อนเต็มไปหมด...
...ครูใหญ่ก็จะเอาบันทึกการประชุม หัวหน้าฝ่ายวิชาการก็มาขอเบิกเงินค่ารถ เด็กที่เรียนจบไปตั้งแปดปีก่อน เพิ่งจะมีอารมณ์มารับใบ รบ. ยามหน้าประตูก็ป่วยเสียอีก ทุกปัญหาของโรงเรียน
เล็กๆ แห่งนี้ตอนนี้จะมาลงที่นี่...
หัวหน้าฝ่ายธุรการ ตำแหน่งใหญ่ ที่คอยเป็นหูเป็นตาให้กับกงสีของตระกูล เบื่ออยากไปให้พ้นๆ แต่ก็ไปไม่ได้...เพราะว่า ต่อไปโรงเรียนแห่งนี้ จะต้องเป็นของเธอ...ถ้าไปเป็นลูกจ้างมันก็มีรายได้ไม่คุ้มเงินเดือน เพื่อนเธอกี่คนล่ะที่โทรมาโอดครวญว่าทำมาหากินไม่พอยาไส้...แต่วัยเท่านี้ของเธอ ยังต้องการความแปลกใหม่ ต้องการประสบการณ์ชีวิตหลากหลายมากกว่าที่จะมาเก็บตัวอยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างนี้...
พ่อกับแม่บอกว่าให้อดทนสักปี แล้วจะขยับขยายให้ไปเรียนต่อยังต่างประเทศ
เหลืออีกแค่เทอมเดียวเท่านั้น แต่ดูสถานการณ์แล้วคงจะไม่ได้...ถ้าไปเรียนต่อต้องใช้เงินจำนวนมาก และที่สำคัญงานโรงเรียนก็ทิ้งไปไม่ได้ ฝ่ายธุรการและการเงินคนก่อนแต่งบัญชีเม้มเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไปไม่ใช่น้อย ครูใหญ่คนก่อนก็ขาดประสิทธิภาพ เด็กนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน ผู้ปกครองขาดความเชื่อถือจนย้ายบุตรหลานไปเรียนโรงเรียนคู่แข่ง
ปัญหามากมาย...ถ้าไปแล้ว กลับมาไม่มีโรงเรียนให้บริหารมันก็ไม่น่าจะไป เธอต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับปัญหา...ปัญหาทั้งนั้น...แต่ว่าไปมันก็สุขสบาย มีบ้านอยู่โดยที่ไม่ต้องควักกระเป๋าตัวเองจ่ายค่าอะไรทั้งสิ้น เวลากินมีคนตั้งโต๊ะ หลังตื่นนอนมีคนเก็บเตียงให้ เสื้อผ้ามีคนซัก คนรีด รถมีขับ น้ำมัน มีเติม...แถมใครๆ ก็ให้ความสำคัญ ครูทั้งโรงเรียนเรียกเธอว่าคุณหนูฝน เด็กที่ไม่รู้ประสาเห็นเธออยู่ในโรงเรียนก็เรียกเธอว่าคุณครู
ชีวิตมีถึงเท่านี้จะเอาอะไรอีกละ...
อิสรภาพ อยากทำอะไรตามอำเภอใจเหมือนตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย...ตอนนั้นเธออยากทำอะไรก็ได้ทำ...แก่นเซี้ยวสมสมัย...หนุ่มหน้าไหนที่เธอสนใจเธอจะกล้าให้เพื่อนเข้าไปทาบ แต่เมื่อคบหารู้นิสัยใจคอ...
เห็นว่าไปด้วยกันไม่ได้เธอก็โบกมือลา...
จนกระทั่งรายสุดท้ายเธอเตะตาร่างกำยำตอนไปเชียร์แฟน
ของเพื่อนแข่งฟุตบอล
ตอนนั้นอากาศร้อนอบอ้าว เธออยากดื่มน้ำเย็นๆ หนุ่มหน้าซื่อๆ ตากลมผมเส้นตรงดำสนิทตัดรองทรงสุภาพแต่ก็ดูทันสมัยถือถาดน้ำเย็นเข้ามาหา ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่เพียงสบตาของเขามือไม้ของเธอและสุ้มเสียงแจ๋นๆ กับเพื่อนต้องผ่อนเป็นเสียงนางเอก ผู้แสนน่ารักทันที
“ขอบคุณค่ะ” เปลือกตาของเธอกะพริบขึ้นลงยั่วเย้า... เขาเขินจนหน้าแดงออกไป...เมื่อเธอสนใจ...เมื่อรู้ว่าเขายังไม่มีใครเลยตั้งแต่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้...เธอจึงกล้าเอ่ยปากกับเพื่อนสนิทว่า... “ฉันจองเว้ย”
เมื่อฝนทิพย์ไฮโซสาวจากเมืองปากน้ำโพพบรักกับหนุ่มเมืองสองแคว ใครหรือจะอยากขัดขวาง...กิจกรรมสานรักเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
จนกระทั่งที่ทุ่งแสลงหลวง กิจกรรมดูดาวดูดอกไม้ปลายฝนต้นหนาว...เขาจึงได้สารภาพออกมาว่า “วีรักฝนนะครับ”
ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของเธอก็มีแต่ความหวาน หวาน และก็หวานจนมดรอบๆ ตัวไขว้เขวว่าน้ำตาลทำไมรสชาติเปลี่ยนไป...จนกระทั่งเธอและเขาเรียนจบ
เข็มทิศชีวิตของทั้งเธอและเขาจึงหมุนเปลี่ยนอีกรอบ...
เขาเข้ากรุงเทพฯ เตรียมหางานทำตามสายงานของตน ส่วนตนหัวเด็ดตีนขาด พ่อกับแม่และคุณป้าเล็กขอร้องแกมเกลี้ยกล่อมแกมบังคับยกแม่น้ำทั้งสี่สายมาพรรณนาจนต้องอยู่ที่นี่...
“พ่อกับแม่คุณป้าเล็กก็อายุมากแล้ว กว่าจะเกษียณอายุงานราชการ พอดีโรงเรียนคุณป้าใหญ่คงเหลือแต่เสาธง เราไม่เห็นใครอีกแล้วที่จะมาบริหารจัดการให้โรงเรียนที่คุณป้าใหญ่สร้างมันขึ้นมากับมือให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้นอกจากฝนทิพย์เท่านั้นฯลฯ...พลีสส”
ตอนแรกเธอจะบอกเลิกกับเขาเพราะไม่อยากชะเง้อรอคอย และอีกใจหนึ่งเธอก็กลัวว่าเขาจะเป็นฝ่ายทิ้งเธอไปก่อน...แต่พอดีพ่อของเขาผ่าตัดไส้ติ่ง เขาจึงกลับมาช่วยแม่ขายข้าวมันไก่อีกรอบ...ระยะทางแค่ 130 กม. และหูตาที่ยิ่งกว่าสับปะรดจากเพื่อนๆ ในพิษณุโลก ทำให้เธออุ่นใจได้ว่าเขายังคงรักมั่นอยู่กับเธอ คนเดียว จนกระทั่งเขาแจ้งข่าวดีมาหาเธอว่า...
“คุณน้าจะให้วีไปช่วยงานที่อินเดียสิบกว่าวันตอนเดือนพฤศจิกายน...วีก็เลยงดส่งรีซูมเม่ชั่วคราวอยากไปเที่ยว อยากไปเห็นบ้านเมืองอื่น เผื่อจะได้แรงบันดาลใหม่ๆ” เขาอ้อนอะไรอีกมากมายตามประสาคนรัก เธออยากไปด้วย แต่ไม่มีทางที่พ่อกับแม่จะยอม...เพราะทั้งคู่รวมถึงคุณป้าเล็กที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้นไม่ใคร่จะชอบเขา
เหตุก็คือเขาไม่มีรถยนต์ขับตอนมาเที่ยวหาเธอ แถมนอนโรงแรมราคากระจอก
...แสดงว่าฐานะทางบ้านธรรมดามากๆ
เธออ้างอธิบายว่าเขาไม่ใช่คนจนเข็ญใจ ที่บ้านเขาเป็นตึกแถวกลางตลาด มีร้านข้าวมันไก่เลื่องชื่อ เป็นลูกชายคนเดียว รถยนต์ที่บ้านของเขาก็มี แต่ว่าเกรงใจพ่อกับแม่ที่ต้องใช้ไปซื้อของ และต่อไปเขาจะได้เงินเดือนหลายหมื่น...
พ่อกับแม่และคุณป้าเล็กก็หาได้สนใจ...แน่ละ ก็โรงเรียนของ คุณป้าใหญ่ที่สิ้นไปด้วยโรคมะเร็งราคาของมันเป็นสิบๆ ล้าน ไหนจะเงินกงสีจากตึกเช่าในตลาดนั่นอีก...
ใครๆ ที่ไหน จะไม่อยากเกี่ยวดองกับที่นี่ และคนที่นี่ก็อยากได้เขยขวัญที่คู่ควร...
ปฐวีไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน...และชั่วสองเดือนที่ผ่านมาจนถึงตอนที่โรงเรียนปิดเทอม...นัดดูตัวกับชายหนุ่มที่เหมาะสมในบ้านนี้เมืองนี้ มีไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอไม่เคยนำเรื่องเหล่านี้บอกให้ปฐวีได้รับรู้...เขาโทรมาหาเธอในยามค่ำคืนครั้งใด เธอก็จะมีแต่ถ้อยคำว่า คิดถึงเขาเช่นกัน ทุกๆ ครั้ง...นี่เธอให้เขาเขียนเป็นไดอารี่บันทึกการเดินทางเก็บไว้ให้เธอ เขาคงจะพ่นน้ำตาลเต็มหน้ากระดาษแทนสภาพแร้นแค้นของประเทศอินเดีย
เสียงโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้ฝนทิพย์รู้ว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญ... “สวัสดีค่ะ โรงเรียน...ค่ะ”
“คุณป้าหรือคะ...ค่ะ โทรแจ้งร้านเจ้าประจำให้มาดูแล้วค่ะ...อ้าวถ้างั้นก็ต้องยกเลิกเขานะซิคะ...ได้ค่ะ.แล้วเขาจะมากี่โมงคะ ก่อนเที่ยง...ค่ะ ค่ะค่ะ”
คุณป้าวางโทรศัพท์ไปแล้ว ฝนทิพย์ถอนหายใจออกมา... ต้องโทรไปยกเลิกร้านเจ้าประจำหล่อนจะพูดอย่างไรดีถึงจะไม่ให้เสียน้ำใจ
“ฮัลโหล...เรื่องที่จะให้ช่างมาดูคอมฯ ที่โรงเรียนตอนนี้เราแก้ไขปัญหาได้แล้วค่ะ ไม่ต้องมา แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” รีบชิงวางสายก่อนที่จะถูกซักไซ้
ขณะเตรียมเอกสารการประชุมในภาคเที่ยง...ฝนทิพย์ก็ต้องเงยหน้าเมื่อมีคนร่างสูงโปร่งมาเคาะประตู กระจกเธอเงยหน้ามีสายตาสงสัยเขาก็ผลักประตูเข้ามา...
“คุณสมทรงโทรให้มาดูคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนครับ” ดวงตากลมตากวาดอยู่ที่ใบหน้าของเธออย่างเปิดเผย ฝนทิพย์อยากจะเอ่ยออกมาว่า ‘ปิ๊ง’ แต่เจ้าหล่อนก็ไม่กล้าเอ่ยในความรู้สึก...เพราะผู้ชายหล่อๆ หุ่น ดีๆ ใส่เสื้อผ้าเนื้อดีแบบนี้ร้อยทั้งร้อยมีแฟนแล้วทั้งนั้น และเธอเองก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน...แถมตอนนี้เขาไปเที่ยวที่ประเทศอินเดียเสียด้วย...
ฝนทิพย์มองผ่านผนังกระจกไปยังรถเก๋งคันหรูที่จอดอยู่ใต้ต้นมะม่วง...ใจเริ่มฉุกคิดถึงวิธีการเป็นแม่สื่อรูปแบบใหม่ของคุณป้าไม่มีทางที่หล่อนจะติดกับดักคุณป้าสมทรงอย่างแน่นอน
ฝนทิพย์ครุ่นคิดหาวิธีสร้างความไม่ประทับใจให้หนุ่มร่างสูงโปร่งผิวสะอาดคนนี้
“เออ คอมพิวเตอร์เครื่องไหนครับที่มีปัญหา”
“เครื่องไหน” ฝนทิพย์ที่อยู่ในชุดกระโปรงสั้นเสื้อคอระบายโทนสีเดียวกันเริ่มทำหน้าเป๋อเหลอ
“อ้าวก็เครื่องไหนที่มีปัญหาละครับ”
“ทุกเครื่องเลย” อุ๊...ถ้าพูดไปแบบนี้เขาก็จะต้องอยู่ที่นี่นานขึ้นนะซิ...แต่แกล้งเขาสักหน่อยเถอะ อยู่ดีไม่ว่าดี ดันอยากจะมีเกี่ยว
ดองกับคนบ้านนี้...
“สามเครื่องมีปัญหาหมด เครื่องนี้ต้องจุดธูปก่อนเปิดเครื่อง เครื่องนี้ชอบใช้ความรุนแรง และเครื่องที่หน้าของคุณ...เออ...คุณอะไรนะคะ”
“ดาวเหนือครับ”
ชื่อเพราะ แปลก น้ำเสียงกังวานสุภาพ...นิ้วมือเรียวสะอาด...ทำงานอะไรแน่หว่า...
“แปลว่าอะไรคะ”
“เครื่องที่หน้าผมเป็นอะไร” เขาไม่ตอบคำถามที่เธออยากรู้
“อ๋อ เครื่องนั้นเป็นเครื่องเมนของเน็ตนะคะ ถ้าเปิดเครื่องนั้นไม่ได้ เครื่องอื่นๆ ก็ใช้เน็ตไม่ได้”
เขาไม่พูดอะไรต่อ...ก้มๆ เงยๆ มองหาสวิตช์ที่จะทำให้กำลังไฟฟ้าเข้าเครื่อง...
ฝนทิพย์รู้ว่าเขาไม่มีทางหาสวิตช์ไฟเจอแน่ แต่หญิงสาวก็แสร้งทำไม่เห็นปัญหาของนายดาวเหนือ...หล่อนหมุนตัวแล้วนั่งลงก้มเขียนตัวเลขลงในสมุด กดเครื่องคิดเลขมือเป็นระวิง...หมดจากเล่มนี้ หล่อนก็หยิบอีกเล่มมาทำงานโดยหาได้สนใจว่า เขาจะทำอย่างไรกับคอมพิวเตอร์...พูดง่ายๆ คืออยากบอกให้เขารู้ว่า เธอไม่ได้สนใจเขาสักนิดนั่นเอง...
เวลาผ่านไปเป็นสิบนาที...
เสียงโทรศัพท์มือถือของนายดาวเหนือก็ดังขึ้น...
“ผมอยู่โรงเรียน...อ๋อ มาดูคอมพิวเตอร์ให้คุณป้านะครับ น้องเชอรี่มีอะไรรึ”
...น้องเชอรี่...ฝนทิพย์ทำหน้าเบ้ ไหมล่ะมีแฟนแล้วจริงๆ ด้วย
“คิดถึงพี่หรือ”
ฝนทิพย์แกล้งกระแอมไอออกมา ทุเรศไหมล่ะ มาพลอดรักกันในห้องธุรการซึ่งเป็นอาณาจักรของเธอ...แต่อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ดีเสียที่ไหน ฝนทิพย์นึกถึงคุณครูประจำห้องธุรการอีกสามคนที่มีคาบสอน อีกครึ่งชั่วโมงกว่าที่ใครๆ จะกลับมาสักคน...หล่อนภาวนาให้มีผู้ปกครองนักเรียนมาจ่ายค่าเทอม แต่ก็คงไม่มีใครมา ฝนทิพย์คิดว่าควรเลี่ยงไปห้องน้ำดีกว่า...แต่เมื่อลุกจากโต๊ะ ตาของเขาก็จ้องอยู่ที่หน้าของเธอ...
“เปิดไฟตรงไหน”
“อ้าวแล้วทำไมไม่ถาม”
“คุณก็น่าจะรู้ว่าผมต้องไม่รู้แน่ๆ ”
“ก็คิดว่าจะรู้นะซิ ขอโทษนะคะ” ว่าแล้วเธอก็เดินไปทางหลังตู้เหล็กเอื้อมมือไปทำอะไรสักอย่างแล้วไฟสีแดงที่ปลั๊กก็สว่างวาบขึ้นมา...เขาถอนหายใจ...ก่อนเปิดสวิตช์รันเครื่องคอมพิวเตอร์ ยังไม่ทันที่หน้าจอจะโหลดขึ้นมา...
“กาแฟหรือน้ำเย็นดีคะ” น้ำเสียงของฝนทิพย์คล้ายกับเจ้าหน้าที่ต้อนรับของโรงแรมหรือตามเคาน์เตอร์เซอร์วิส
“ขอสองอย่างได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
เธอหายไปนานทีเดียว จนกระทั่งมีใครไม่รู้มาด้อมๆ มองๆ อยู่ที่หน้าประตู...ก่อนจะเคาะแล้วเปิดประตูเข้ามา...
“ครูฝนทิพย์อยู่ไหมครับ”
“อยู่ครับรอเดี๋ยว” เขารีบลุกขึ้นมาต้อนรับแล้วสอดสายตามองหาคนสำคัญของห้องนี้...เขาเดินไปทางหลังตู้ใส่เอกสารทรงสูงพบว่ามันซ่อนตู้เย็น มุมกาแฟและประตูไว้ เขาผลักประตูออกไป พบว่ามีห้องน้ำขนาดเล็กซ่อนอยู่ด้านหลัง...
“คุณฝนครับมีคนมาหา”
“ค่ะ ค่ะ สักครู่นะคะ” เธอยากจะต่อว่า ‘ขี้ อยู่ค่ะ’ แต่ก็กลัวว่าเขาจะหาว่าหยาบคาย...เป็นเพื่อนสนิทของเธอหน่อยไม่ได้...
คุณลุงคนที่มาติดต่อเรื่องผ่อนผันค่าเทอมกลับไปแล้ว ดาวเหนือถอนหายใจออกมา ใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารลุงคนนั้น ใจหนึ่งก็เห็นใจทางโรงเรียน ถ้าให้ผ่อนผันไม่เร่งรัด จะเอาเงินที่ไหนมาบริหารจัดการ... แต่เธอก็พูดดีนะ...ใช้น้ำเสียงโอ้โลมปฏิโลมจนกระทั่งคุณลุงยอมผ่อนชำระเป็นรายเดือนแทนเงินก้อนที่จะมาในตอนก่อนสอบ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นคงยากที่จะได้เต็มจำนวน...และถ้าเด็กเรียนจบโดยไม่ได้รับ รบ. ทางโรงเรียนก็จะได้ชื่อว่าอำมหิตอีก
“กาแฟผมละ” เมื่อเห็นเธอนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่ เขาจึงเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา ร่างอวบอัดลุกขึ้นแล้วเดินผ่านโต๊ะคอมพิวเตอร์เข้าไปทางด้านหลัง เสียงกรุ๊งกริ๊งจากแก้วจานถ้วยกาแฟดังมาถึงที่เขากำลังนั่งทำงานอยู่
“ครีม น้ำตาลไหม” เธอตะโกนถามออกมาอย่างไม่มีจริตสาว
“ตามสะดวกเลยครับ” เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา อึดใจใหญ่ๆ แก้วกาแฟสีดำบนจานรองสีเดียวกันอยู่บนถาดใบเล็กที่มีแก้วน้ำดื่มเย็นจนเม็ดน้ำเกาะพราวอยู่ข้างแก้วถูกยกมาหา...
“น้ำตาลหมด ครีมเหลือนิดเดียวก็เลยได้รสชาติแบบอัตคัด ขัดสน”
เขาอยากกลั้นหัวเราะไว้
“ฮะ ไม่เป็นไรครับ ปกติผมกาแฟอย่างเดียวอยู่แล้ว”
“อ้าว แล้วทำไม่บอกตั้งแต่ทีแรก” ร่างขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีสีหน้าแกล้งไม่สบอารมณ์...กลิ่นกรุ่นจากเรือนกายนั้นหอมเย้ายวนทีเดียว...เธอกลับเข้านั่งประจำที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิมแล้ว ดาวเหนือเปิดแฟ้มรูปภาพ พบภาพกิจกรรมของโรงเรียนมากมาย มีเธอยืนโดดเด่นท่ามกลางหมู่คุณครูทั้งหลาย...เขาเสียบพอร์ทยูเอสบีเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเมมโมรี่เคลื่อนที่กับเครื่องคอมฯ...
ภาพเฉพาะของเธอฝนทิพย์รูปแล้วรูปเล่าถูกโหลดลงเก็บไว้
แรกทีเดียวไม่คิดสนใจ แต่เมื่อผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามและเธอก็น่ารัก มันก็น่าที่จะช่วยผู้ใหญ่สานต่อ...แต่ว่าหัวใจของเธอไร้ผู้ชายจริงๆ หรือ หน้าตาดีๆ ผิวพรรณสะอาดอิริยาบถสบายๆ แบบนี้ไม่มีคนมาจีบจริงๆ หรือ... ดาวเหนือคลิกดูแฟ้มภาพไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงแฟ้มที่เขียนว่า ‘my picture and my friend’
…มีรูปของเธอกับเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยมากมายหลายรูป และรูปหลังๆ ที่สะดุดตาเขามากที่สุด คือรูปคู่ของเธอกับผู้ชายหน้าไทยๆ ดูหล่อเหลาคนหนึ่ง
...ถ้ารูปยังดี มีอยู่ครบแสดงว่าความสัมพันธ์ก็น่าจะยังคงอยู่...เขาถอนหายใจออกมา...ไม่ชอบเลยไอ้เรื่องแย่งชิงผู้หญิงกับใคร...ถอยดีกว่าไหม
ขณะที่ครุ่นคิดพลางทำงาน...โทรศัพท์เครื่องที่เอวก็ดังขึ้นอีกรอบ... “เป็นไงบ้างดาวเหนือซ่อมได้ไหม”
“ได้ครับ...ใกล้จะเสร็จแล้วครับ ไวรัสมันลงนะครับ ผมกำลังจะล้างเครื่องแล้วลงโปรแกรมใหม่ แต่ว่ามันต้องย้ายข้อมูลที่มีอยู่ออกมาจากไดร์ฟซี” เขาอธิบายคำศัพท์ของคอมพิวเตอร์ซึ่งทางปลายสายคงยากเข้าใจ
“เสร็จหลังเที่ยงแน่ๆ เลยใช่ไหม...เอางี้นะ เดี๋ยวป้าจะไปรับมาเลี้ยงอาหารมื้อกลางวันข้างนอกก่อนแล้วกัน”
“เออ ไม่ต้องหรอกครับ...ผม” เขาอยากจะบอกว่าเขามีนัด นัดกับสาวที่เจอในอินเทอร์เน็ต...แต่ไม่เป็นไร...ทางนั้นแค่ทางผ่าน แต่ทางนี้...ผู้ใหญ่สนับสนุน
“น่านะ เดี๋ยวจะชวนฝนทิพย์ออกมาด้วย...ขอป้าคุยกับเขาหน่อยได้ไหม”
ดาวเหนือยื่นโทรศัพท์ไปให้หญิงสาว แล้วเขาก็ได้ยินแต่ คำว่า ‘ค่ะ ค่ะ ค่ะ’ ด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนจากเจ้าหล่อน...
โทรศัพท์ถูกส่งคืนมา เขาเดินไปทางด้านหลังตู้เอกสาร ผลักประตูออกไป...ฝนทิพย์ย่องตามไป...ใช้หูแนบอยู่กับประตู...
“พี่ไม่สะดวกแล้ว เอาไว้วันหลังได้ไหม...น่านะ พี่สัญญาว่าอย่างไรเราได้เจอกันแน่นอน...แค่นี้นะ”
ฝนทิพย์รีบย่องกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ได้ยินแว่วๆ ว่าจะย้ายข้อมูลออกจากไดร์ฟซีแล้วทำไมไม่ถามเธอเสียก่อนละ...เฮ้อ หมอนี่ ถ้าข้อมูลบางอย่างหายไปเธอตายแน่ๆ เลย
เขาเดินกลับมาฝนทิพย์แกล้งหน้าเง้าหน้างอใส่เขา... “จะย้ายข้อมูลไม่เห็นบอกกันก่อน”
“ก็ยังไม่ได้ย้าย แล้วก็กำลังจะบอกแต่ว่าพอดีคุณป้าของคุณโทรมาเสียก่อน” เขาชายตามองนาฬิกาที่ข้างฝา
“ตกลงซ่อมเป็นหรือเปล่า” ฝนทิพย์เงยหน้าขึ้นมาถามคนที่ ยืนค้ำหัวของเธอ
“ไม่เป็น ไม่มาให้ขายขี้หน้าหรอก...ลุก หนี จะทำงาน” ฝนทิพย์ลุกขึ้น เขาไม่เลี่ยงหลบ หล่อนจึงต้องเป็นฝ่ายหลบเสียเอง...คิดจะแต๊ะอั๋งหล่อนใช่ไหมล่ะ ไม่มีทางเสียหรอก...
ฝนทิพย์กลับเข้าไปนั่งทำงานแล้ว เขายังชวนคุย...
“มีอะไรจะลบทิ้งบ้างไหมเนี่ย รูปถ่ายจะใส่แผ่นดิสไหม ดูแล้วเอาออกจากกล้องมาไม่รู้จักกี่ปีแล้วนะ” ใจจริงเขาอยากจะบอกว่า “ดูแล้ว น่าจะเอามาเก็บไว้เป็นชาติๆ” แต่ถ้าพูดแบบจริงใจออกไปเธอคงหาว่าเขาหยาบคาย
“เอาออกก็ได้ค่ะ” ดวงหน้าที่หันกลับมานั้นสงบนิ่ง...คล้ายกับคนที่ไม่มีพิษภัย...
“เอาออกแบบไหน”
หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเปิดตู้เหล็กหยิบกล่องแผ่นดิสกับปากกาเขียนหมึกสีน้ำเงินแบบลบไม่ออกพร้อมกับซองพลาสติกสำหรับใส่แผ่นดิสออกมา
“ไรท์ลงแผ่นแล้วก็เขียนชื่อโฟลเดอร์ให้ด้วยว่าไร้ท์อะไรใส่ไว้ในแผ่นไหนบ้าง...ขอบคุณค่ะ”
ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำปิง เมื่อทั้งสามคนนั่งประจำที่แล้ว เจ้าของร้านปรี่เข้ามาหาด้วยรู้ว่าแขกที่มาช่วยอุดหนุนนั้นเป็นใคร เมนูอาหารถูกเลื่อนมาให้ฝนทิพย์...หญิงสาวประเมินสถานการณ์แล้วว่าคนที่จ่ายต้องเป็นคุณป้า หล่อนจึงสั่งแต่แค่ที่อยากกินและราคาไม่แพงมาก...
“สามอย่างก็พอค่ะ”...
เจ้าของร้านกลับไปแล้วเด็กเสิร์ฟยกแก้วน้ำกับขวดน้ำเปล่าเข้ามา
“ผมขอเป๊ปซี่เพิ่มนะครับ” ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับชายขึ้นกับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อนร้องบอก... เม็ดกระดุมที่หน้าอกสองเม็ดไม่ติดจึงเผยให้เห็นขนหน้าอกโผล่ออกมา...ฝนทิพย์นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขา หล่อนจึงต้องเบือนหน้าไปทางอื่น
“คุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง” คุณป้าสมทรงเริ่มชวนเขาคุยในขณะที่ฝนทิพย์พลิกเมนูอาหารดูรูปภาพและราคา...
“สบายดีครับ...ตอนนี้ซื้อทัวร์ไปญี่ปุ่นทั้งสองคน กลับประมาณสิ้นเดือน”
“บ้านพี่ดาวเหนือเขาอยู่ตรงริมแม่น้ำปิง...ฝนเคยเห็นไหม” คุณป้าหันมาชวนหลานสาวคุย...ฝนทิพย์หน้าเป๋อเหลอ...ก่อนจะตอบว่า...
“หลังไหนคะ เห็นบ้านติดอยู่ริมแม่น้ำปิงเต็มไปหมด”
“ใกล้ๆ กับดวงรัศม์รีสอร์ตนั่นไง ตอนที่มีอบรม...โรงเรียนส่งฝนไปกับครูเก้านั่นไงจำได้ไหม”
“อ๋อค่ะ” เธอตอบแค่นั้นแล้วก็ก้มหน้าดูเมนูต่อ...
“พี่สาวของดาวเหนือดังจนฉุดไม่อยู่เลย โฆษณายาสระผมตัวใหม่ ได้ข่าวว่าได้หลาย”
“ครับ ผมก็ไม่ค่อยได้รู้เรื่องอะไรของพี่เค้าหรอกครับ”
“ไม่ชวนน้องเข้าวงการบ้างเหรอ”
“ผม...คงไม่ แต่นายแสงใต้คงไม่แน่ ขานั้นเขาชอบเหมือนกัน แต่ไม่รู้พี่ดวงจะให้เข้าหรือเปล่า เขาบอกว่า ถ้าพี่ดังมากๆ แล้วเข็นน้องเข้าไปถ้าน้องไม่ดังระดับพระเอกมันก็ไม่ดีนะครับ ทีนี้แสงใต้เขาก็เลยมุ่งเรียนไปทางเบื้องหลัง เผื่อวันข้างหน้า พี่ดวงจะเปลี่ยนจากเบื้องหน้ามาอยู่เบื้องหลังจะได้ช่วยกันได้”
เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไรตาของฝนทิพย์เป็นประกายขึ้นมา...
ก็หล่อนมีความฝัน ว่าสักวันหล่อนจะต้องเป็นผู้ประกาศ
เป็นดีเจ เป็นอะไรสักอย่างในวงการบันเทิง แต่นี่หล่อนต้องมาอยู่โยงเฝ้าห้องแคบๆ รบรากับเด็ก ผู้ปกครอง ครูเล็ก และครูใหญ่...
ฝนทิพย์ยกแก้วน้ำขึ้นจิบแต่ก็ยังวางท่าไม่สนใจใคร่รู้... เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ ก่อน...แล้วเสียงโทรศัพท์ของป้าสมทรงก็ดังขึ้น...ป้าลุกออกไปรับข้างนอกโต๊ะอาหารแล้วก็รีบเดินกลับมาหา...
“เออ ฝน ดาวเหนือ ป้ากลับก่อนนะ พอดีเจ้านายโทรให้ออกไปราชการด้วยกันด่วนเลย”...คุณป้าเปิดกระเป๋าหยิบแบงก์ห้าร้อยสีม่วงสดให้หลานสาวของตน “ฝนจ่ายค่าอาหารด้วยนะป้าไปก่อน”
“คุณป้าคะ” ฝนทิพย์ลุกขึ้น...ป้าแววหันกลับมา
“อยู่เป็นเพื่อนพี่เขาก่อน กินอิ่มแล้วค่อยกลับ เดี๋ยวป้าโทรหา ครูเก้าให้เอง...ป้ารีบ ไปก่อนนะ ดาวเหนือฝากน้องด้วย”
คุณป้าปรี่ไปยังรถเก๋งส่วนตัว ถอยหลัง...เดินหน้า แล้ว ขับออกไป...ฝนทิพย์ถอนหายใจออกมา มีลางสังหรณ์อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้...นายดาวเหนือจะมารถของคุณป้าด้วยกัน แต่คุณป้าบอกว่าให้ขับรถตามมาดีกว่า...ระหว่างทางคุณป้าชวนคุยถึงเรื่องอนาคตของโรงเรียน พูดถึงการเพิ่มทุนสำหรับเปิดสอนในระดับช่วงชั้นที่ 3 ตอนนั้นเธอรู้แล้วเงินทุนจะมาจากตรงไหน ครอบครัวนายดาวเหนือแน่ๆ แต่ไม่คิดว่า นายดาวเหนือนี่จะเป็นถึงน้องชายแม่ ‘ดวงรัศม์ ดารารัตน์’ ดาราสาวที่หล่อนเกลี๊ยดเกลียด ถึงว่าทีแรกทำไมรู้สึกคุ้นๆ หน้า ก็เพราะแววตาและจมูกโด่งคล้ายๆ กันนั่นเอง...ถ้าเอาวิกผมยาวสลวยมาสวมให้ ก็จะสามารถเล่นบท พี่น้องฝาแฝดกันได้เลย