รักต้องห้ามของทูตสวรรค์กับจอมปีศาจ ที่พระเจ้าไม่มีทางยอมรับ ท้ายที่สุดความรักนี้จะมีจุดจบเป็นอย่างไร จะได้อยู่ด้วยกันตลอดกาลหรือจากกันชั่วนิรันดร์ ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้แม้จะเป็นโชคตะตาก็ตาม
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,พารานอมอล,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,ทูตสวรรค์,ปีศาจ,นรก,สวรรค์,รักต้องห้าม,วายแฟนตาซี,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังจากที่อดัมกับอีฟได้ออกจากสวนอีเดนไป พวกเขาได้ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์มากมาย และในยุคแรกนั้น มีทูตสวรรค์ชั้นอาวุโสยี่สิบตน ได้รับมอบหมายหน้าที่จากพระผู้เป็นเจ้าคอยเฝ้าดูพวกมนุษย์ ให้ความช่วยเหลือเมื่อยามจำเป็น แต่ต้องไม่รบกวนการพัฒนาของมนุษย์ พวกเขาเป็นผู้ส่งสารและอยู่ตรงกลางระหว่างโลกกับสวรรค์ ทูตสวรรค์กลุ่มนี้ถูกเรียกว่า ‘กริกอริ*’ หรือผู้เฝ้าดู
โดยที่มีหัวหน้าคณะคือ ซัมยาซา และอาซาเซล ในตอนแรกทุก ๆ อย่างนั้น ดำเนินไปด้วยดี แต่แล้วซัมยาซาทูตสวรรค์เซราฟิม ได้ทำบางอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าไม่อาจยอมรับ เขาได้หลงมัวเมาในความรักกับสตรีโลกมนุษย์ ในขณะนั้นเหล่าน้องชายน้องสาวของเขาได้กระทำสิ่งที่สวรรค์ตีตราว่าเป็นบาป โดยการสอนองค์ความรู้แก่มนุษย์ อาซาเซลสอนให้มนุษย์รู้จักการทำอาวุธ โคคาเบียลสอนโหราศาสตร์ ทามิลสอนดาราศาสตร์ และทูตสวรรค์ตนอื่น ได้สอนในสิ่งที่แต่ละตนถนัด
แต่นั่นยังไม่ถือว่าเลวร้าย จนกระทั่งซัมยาซาได้โน้มน้าวให้น้อง ๆ ของตน มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับมนุษย์ ทำให้กำเนิดเนฟีลิม* ออกมามากมาย เมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบเข้า พระองค์โกรธมาก สั่งให้มิคาเอลนำคณะทูตสวรรค์ลงมาจัดการกับเรื่องนี้ ทำให้เกิดการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มผู้เฝ้าดูกับทูตสวรรค์ และเป็นที่แน่นอนว่าฝ่ายที่ชนะคือมิคาเอลผู้บัญชาการกองทัพสวรรค์ และเหล่าผู้เฝ้าดูก็ถูกเนรเทศออกจากสรวงสวรรค์ตกลงสู่นรก เหลือเพียงแค่ทูตสวรรค์ชั้นเครูบอาซาเซลแต่เพียงผู้เดียว…
“ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะติดนิสัยแย่ ๆ ของลูซิเฟอร์มาด้วย อาซาเซล ทำไม? เจ้าเบื่อการเป็นทูตสวรรค์แล้วหรือ ถึงได้หาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูรื่นหู แต่กลับเย็นชาจริงจังไร้ความรู้สึกนั้นมาจากชายหนุ่มที่มีใบหน้างดงามประดุจเดียวกันกับลูซิเฟอร์ ซึ่งต่างกันตรงที่ดวงตาสีเขียวของชายผู้นี้ ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาให้เห็นมากนัก กับร่างกายสูงโปร่งกำยำแบบนักรบ และเวลานี้เขากำลังใช้ดาบจ่อไปที่ลำคอของอาซาเซล ทูตสวรรค์ชั้นเซราฟิมตนนี้คือ มิคาเอลพี่ชายฝาแฝดของลูซิเฟอร์
ร่างสูงโปร่งของอาซาเซลกำลังนั่งคุกเข่าลงกับพื้น แขนขาทั้งสี่ถูกโซ่สีดำอันใหญ่ล่ามเอาไว้ รวมถึงปีกสีขาวใหญ่คู่นั้นของเขาด้วย ผมสีน้ำตาลทองที่ยามปกติจะจัดแต่งอย่างดี เวลานี้กลับยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ตามเนื้อตัวบนชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์มีร่องรอยบาดแผลน้อยใหญ่อยู่ไม่น้อย มีเลือดสีแดงสดปนทองประกายไหลออกมาจากแผลเหล่านั้น ตกลงสู่พื้นโดยที่ทูตสวรรค์ผู้พี่ตรงหน้าไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ใบหน้าอันงดงามพยายามฝืนยิ้มเงยหน้าขึ้นมองมิคาเอล พี่ชายของเขาอีกคน ที่มักจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง และยากที่จะสามารถคุยด้วยกันดี ๆ ได้ สายตาสีน้ำตาลทองที่หม่นหมองอับแสง น้ำเสียงแหบพร่าระคนความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผล
“ทูตสวรรค์ที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกเช่นท่านพี่ ต่อให้ข้ายกเหตุผลมาอีกกี่ร้อยล้านแปดมาให้ท่านได้ ท่านก็ไม่มีวันเข้าใจ มิคาเอล เพราะท่านเป็นพวกไม่มีหัวใจ”
และสิ่งที่เขาได้รับกลับมาหลังจากที่เอ่ยออกมา ดาบที่อยู่ในมือมิคาเอลแทงเข้าที่ไหล่ของอาซาเซล หากออกแรงมากกว่านี้เพียงอีกนิด ดาบนี้มันคงแทงทะลุไปยังด้านหลังของเขาแล้ว ผู้บัญชาการสวรรค์ดึงดาบออกอย่างแรงโดยไม่สนใจว่ามันจะทำอีกฝ่ายเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม อาซาเซลกัดฟันจนแน่นเพื่อทนรับความเจ็บปวด ก่อนจะมองไปยังดาบที่เปื้อนเลือดของเขา
“ทำไม ข้าพูดแทงใจดำท่านหรือ แล้วนี่รู้สึกอย่างไรบ้าง…กับการที่ได้ลงมือกับผู้เป็นน้องชายถึงสองครั้งสองคราว” ยามนั้นท่านพี่มิคาเอลก็ลงมือเช่นนี้กับพี่ชายอีกคนของเขา
ทูตสวรรค์ที่แสนจะองอาจแสดงสีหน้าโกรธจัด จนไม่น่าดูเท่าไรนัก ทำท่าจะแทงอาซาเซลอีกครั้ง แต่ถูกทูตสวรรค์อีกตนหนึ่งเข้ามาขวางไว้
“หลบไป! ราฟาเอล”
ทูตสวรรค์แห่งการรักษาราฟาเอลยืนนิ่งไม่ขยับ ทั้งยังส่ายหน้าไปมามองมิคาเอลอย่างขอร้องด้วยน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มอันซีดเผือดในยามนี้
“พอได้แล้ว…พอเถอะมิคาเอล อย่าทำน้องอีกเลย เจ้าไม่เห็นหรือว่าอาซาเซลเลือดไหลออกมามากขนาดนี้แล้ว แค่นี้น้องเราก็เจ็บมากพอแล้ว” น้ำเสียงทุ้มหวานของราฟาเอลพูดขาดเป็นช่วง ๆ พยายามจะอดกลั้นความเจ็บปวดเสียใจ ที่ได้เห็นพี่น้องลงมือทำร้ายกันเองเช่นนี้
“ข้าบอกให้เจ้าหลบไป ราฟาเอล!” เสียงของผู้บัญชาการตวาดกลับด้วยความโกรธ
“ไม่! จนกว่าเจ้าจะรับปากข้าว่าจะไม่ทำร้ายน้องอีก” เทวทูตแห่งการรักษาตวาดกลับอย่างไม่ยอมแพ้ อาซาเซลเคยเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องเขามาก่อน ครั้งนี้เขาควรทำเพื่อน้องบ้างเช่นกัน
มิคาเอลเห็นว่ายืนเถียงกันต่อไปก็ไม่ได้อะไร ราฟาเอลถึงจะเป็นทูตสวรรค์ที่อ่อนโยนที่สุด ในบรรดาพวกเขาเจ็ดตน แต่ก็หัวดื้อที่สุดเช่นเดียวกัน หากไม่ยอมถอยออกมาก้าวหนึ่ง เขาเชื่อว่าราฟาเอลจะยืนกรานขวางตัวเขาให้ถึงที่สุด โดยไม่ไปไหนแน่นอน มิคาเอลถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ได้! ข้ารับปาก ทีนี้พอใจเจ้าหรือยัง” ผู้บัญชาการกองทัพสวรรค์ลดดาบลงด้วยท่าทีไม่พอใจนัก หากแต่ยอมทำตามที่น้องชายขอไว้
ราฟาเอลที่ได้ยินแบบนั้นรีบนั่งลงด้านหน้าอาซาเซล ดวงตาสีทองสำรวจบาดแผลตามร่างกาย เมื่อทูตสวรรค์แห่งการรักษาได้เห็นบาดแผลใหญ่ที่ไหล่กว้างนั้น ก็ทำท่าจะร้องไห้ออกมาอีก นึกเจ็บใจที่ไม่อาจใช้พลังของตนเองรักษาน้องชายที่รักได้ อาซาเซลที่ได้เห็นน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสีทองคู่สวยเลยต้องกล่าวปลอบ ถึงเสียงเขาจะแผ่วเบา แต่แฝงความอบอุ่นไว้
“อย่าร้องไห้เลยพี่ชาย ร้องไห้มาก ๆ เดี๋ยวท่านจะหมดสวยเอานะ”
ทูตสวรรค์ผู้เป็นพี่ชายรีบยกมือเรียวบางขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าตน ในใจนึกอยากจะตีน้องชายตัวแสบ ที่ในเวลาแบบนี้ยังจะสามารถล้อเล่นกับเขาได้อยู่อีก
“เจ้านี่มัน…ตกลงจริงหรือไม่ ที่เจ้ามีความสัมพันธ์กับหญิงมนุษย์” ถึงไม่ถามเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าน้องชายตนนี้ ไม่มีทางมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครที่ไหนได้ ในเมื่อหัวใจของอาซาเซลถูกใครบางตนครอบครองไว้นานแล้ว แต่ที่ถามออกไปเพราะอยากได้คำตอบที่ชัดเจนเท่านั้น
ทูตสวรรค์ที่ถูกคุมขังตัวไว้นิ่งเงียบไปครู่ เมื่อได้ยินคำถามนั้น ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลทองจะบอกความนัยบางอย่างให้ราฟาเอลได้รับรู้ ดูเหมือนพี่ชายของเขาคล้ายจะเข้าใจในความนัยนั้น นัยน์ตาสีทองเบิกกว้างยกมือขึ้นมาปิดปาก อาซาเซลยกยิ้มเหมือนเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ทำเอาราฟาเอลถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินหันหลังให้อาซาเซล
ทูตสวรรค์มิคาเอลที่เห็นแบบนั้น คิดไปเองว่าราฟาเอลนึกรังเกียจน้องชายตัวดีขึ้นมาเลยอดที่จะเยาะเย้ยถากถางอาซาเซลไม่ได้ “ดูสิ อาซาเซล ขนาดราฟาเอลพี่ชายที่รักใคร่และเอ็นดูเจ้าที่สุด ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เจ้าทำ เจ้านี่ช่างน่าเวทนายิ่งนัก”
ผู้เป็นน้องชายไม่สนใจคำพูดของมิคาเอลเลยสักนิด เพียงแสยะยิ้มกลับอย่างขอไปที ดูท่าพี่ชายคนเก่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นถึงผู้บัญชาการสวรรค์ จะไม่ศรัทธาในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“พอก่อนท่านมิคาเอล ให้ข้าคุยกับเขา” เสียงทุ้มต่ำกังวานของผู้สูงวัยแฝงอำนาจที่มีอยู่อย่างเหลือล้น
เมตาตรอนทูตสวรรค์สูงอาลักษณ์ของพระเจ้า ที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่แรกเพิ่งจะเอ่ยปากออกมา เดินเข้าไปหาอาซาเซลที่คุกเข่าลงข้างหนึ่ง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม
“อาซาเซลเจ้ารู้ไหมว่า…ตอนนี้เหตุใดถึงมีเพียงเจ้าที่ยังไม่ถูกเนรเทศลงสู่นรก เพราะมันมีแค่เจ้าคนเดียวที่เราไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับมนุษย์ และให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจ ตอบข้ามา ทูตสวรรค์อาซาเซล ว่าเจ้าได้มีความสัมพันธ์กับสตรีมนุษย์หรือไม่”
“มันสำคัญด้วยหรือ ว่าจะมีหรือไม่” อดีตผู้นำกองทัพสวรรค์ถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ที่ไม่กลัวเกรงอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“การสอนความรู้ให้แก่มนุษย์ไม่ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ยังพอให้อภัยได้ อย่างมากก็แค่โดนลดขั้น แต่การมีความสัมพันธ์กับมนุษย์มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ว่าอย่างไร เจ้าจะตอบข้าได้รึยัง”
ใบหน้างดงามที่ซีดเผือดจากการสูญเสียเลือดเลือกที่จะเมินหน้าหนี ปิดปากเงียบไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย สำหรับในตอนนี้ เขาไม่ต้องการที่จะพูดอะไรอีก โดยเฉพาะกับเฒ่าเจ้าเล่ห์เมตาตรอน ที่คิดว่าตนเองมีอำนาจเหนือเขา
เมตาตรอนที่เห็นอาซาเซลทำท่าทางไม่สนใจตน ทำให้เขาเกิดโทสะขึ้นมาเพราะเขาเป็นถึงผู้เผยพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าที่ทูตสวรรค์ต่างให้ความเคารพ แต่ทูตสวรรค์จอมอวดดีมักไม่ไว้หน้าหรือมีเขาในสายตา นิสัยไม่ต่างจากลูซิเฟอร์เลยสักนิด
“ได้! ในเมื่อเจ้าไม่พูด จะมาว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าไม่ได้นะ” เมตาตรอนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เอ่ยเสียงทุ้มต่ำมีความโกรธเจืออยู่ “ก่อนที่จะนำเจ้ามาที่นี่ ข้าได้ออกคำสั่งให้กาเบรียลไปสังหารพวกเนฟีลิมทิ้งซะ”
อาซาเซลที่ได้ยินประโยคนั้น ดวงตาสีน้ำตาลทองเบิกกว้างหันหน้ามองเมตาตรอนด้วยสายตาที่โกรธจัดอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ มือเรียวทั้งสองที่ถูกโซ่ตรวนล่ามไว้กำแน่นจนเลือดไหลซึมออกมาตามร่องนิ้ว
เมตาตรอนเห็นสายตาที่มองมา แต่หาได้รู้สึกกลัวไม่ ในใจกระหยิ่มยิ้มย่องที่สามารถทำให้ทูตสวรรค์ที่ไม่ชอบขี้หน้ารู้สึกโกรธจัดขึ้นมาได้ เท่านี้มันยังไม่พอหรอกกับความจองหองที่อีกฝ่ายมีให้ตนมาตลอด
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ อีกไม่กี่ชั่วยามมนุษย์ที่พวกเจ้ารักก็จะตาย”
“หมายความว่าอย่างไร” น้ำเสียงของอาซาเซลแหบพร่าและแผ่วเบา จนแทบคล้ายพึมพำกับตนเองมากกว่า
“พระผู้เป็นเจ้าจะบันดาลให้มีน้ำท่วมโลก ล้างบางพวกคนบาปทั้งหมด และเนฟีลิมที่อาจหนีรอดจากกาเบรียลไปได้”
ทูตสวรรค์ผู้นำของกริกอริแทบจะพุ่งเข้าใส่เมตาตรอนทันทีที่เอ่ยจบประโยค แต่เพราะโซ่ตรวนที่ตรึงร่างของเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถไปถึงตัวไอ้เฒ่าสารเลวนั่น เขาเลยทำได้แค่กรีดร้องตะโกนใส่อย่างบ้าคลั่ง
“ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเจ้าใช่ไหม! พระบิดาไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ ต้องเป็นเจ้าที่เสนอความคิดต่ำช้าเช่นนี้”
มิคาเอลกับราฟาเอล ทูตสวรรค์เซราฟิมทั้งสองก็ตกใจอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน ราฟาเอลทูตสวรรค์ที่มีความเมตตาที่สุดถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น ใช้มือปิดใบหน้าสวยที่กำลังร้องไห้ สีหน้าของมิคาเอลเองก็ดูไม่สบายใจนัก เขาเดินเข้าไปใกล้เมตาตรอน
“นี่เรื่องจริงหรือ การสังหารเนฟีลิม ข้าเห็นดีด้วย แต่…ข้าไม่คิดว่านี่มันเป็นความคิดที่ดีเรื่องพวกมนุษย์”
แม้ในสายตาของเจ้าของดวงตาสีเขียวเข้ม พวกมนุษย์จะไม่ได้มีความสำคัญกับเขามาก แต่การสังหารพวกมนุษย์ทิ้งทั้งหมด มันก็ไม่เคยอยู่ในความคิดเขาเลย
“เรื่องจริง ข้าได้ให้ยูรีเอลจัดการเรื่องนี้ไปแล้ว”
“แต่ว่า…” น้ำเสียงของมิคาเอลมีความลังเลใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่มีแต่! ท่านมิคาเอล พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ตัดสินใจแล้ว”
“เอาละ ถึงเวลาตัดสินโทษของเจ้าแล้ว อาซาเซล ในเมื่อข้าให้โอกาสเจ้าแล้วเจ้าไม่รับมัน ก็โทษที่ตัวเจ้าเองเถอะ”
สิ้นคำดวงตาสีดำสนิทของเมตาตรอนมองไปยังทูตสวรรค์ ที่ทำท่าจะเข้ามาทำร้ายเขา แต่กลับถูกตรึงโดยโซ่ตรวนสีดำขนาดใหญ่ ก่อนดวงตาคู่นั้นเรืองแสงสีน้ำเงินเข้มขึ้นมา ทันใดนั้นอาซาเซลรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วเรือนร่างเหมือนถูกไฟแผดเผา เขาทรุดตัวลงชักดิ้นชักงอกับพื้น ใช้มือกุมใบหน้ากรีดร้องด้วยความทรมาน เสียงโซ่ที่กระทบดังกังวานยิ่งทำให้เขาน่าเวทนา ปีกเขาแสบร้อนราวกับขนบนปีกกำลังหลุดหล่น เสียงกรีดร้องของอาซาเซลดังอยู่พักใหญ่ก่อนทุกอย่างจะจบลง…
เสียงหอบหนักดังออกมาจากอดีตทูตสวรรค์ เขาละมือที่ปิดหน้าลง เมื่อความเจ็บปวดนั้นหายไปแล้ว สิ่งที่เขาได้เห็นคือผิวหนังอันขาวซีดคล้ายกับคนตาย เล็บสีดำยาว เขาจับผมตัวเองขึ้นมาดู...จากที่มันเคยเป็นสีน้ำตาลทองประกายสวยงาม ยามนี้กับดำขลับ เขาเลื่อนมือจับไปบนศีรษะตนเองถึงรู้ว่ามันมีเขาแพะขนาดใหญ่
จากนั้นเจ้าของร่างสูงโปร่งลองขยับปีกดู ถึงจะรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของมัน แต่ไม่รู้ทำไมมันเหมือนไม่ใช่ปีกของเขาเอง จนเขาพยายามออกแรงกางปีกถึงได้เห็นปีกใหญ่สีดำแบบเดียวกันกับท้องฟ้ายามค่ำคืน สภาพเขาในตอนนี้ได้กลายเป็นปิศาจแล้ว
“โทษของเจ้าไม่ได้มีแค่นี้ ราฟาเอลเจ้าพาอาซาเซลไปขังไว้ที่ Dudael อย่าให้เขาได้เห็นแสงสว่างไปชั่วนิรันดร์!” เมตาตรอนเมื่อได้เห็นสภาพร่างของอาซาเซล ที่เขาลงมือสาปเองกับมือด้วยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ
“อะไรนะ / ไม่นะ” มิคาเอลกับราฟาเอลต่างร้องอย่างตกใจ
“แบบนี้...มันไม่เกินไปหน่อยหรือ” ราฟาเอลทูตสวรรค์แห่งการรักษาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ข้าก็อยากรู้ว่าทำไม ถึงไม่ส่งอาซาเซลไปนรก” มิคาเอลถามอย่างไม่เข้าใจ ยังไงที่นรกยังดีกว่า Dudael ถึงจะเป็นน้องชายแสนดื้อด้านไม่ต่างจากลูซิเฟอร์ แต่ก็ไม่อยากให้อาซาเซลต้องมาตกอยู่ในสภาพตายทั้งเป็น
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกท่านทั้งสองจะเข้ามายุ่ง คำพิพากษาได้ถูกตัดสินแล้ว และข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านราฟาเอลจะทำตามคำสั่งให้ลุล่วง” เสียงของอาลักษณ์แห่งพระเจ้าดูไม่ทุกข์ร้อนเลยสักนิด ที่สั่งให้ทูตสวรรค์ผู้มีจิตใจดีงามที่สุด โยนน้องชายสุดที่รักลงสถานที่คล้ายแดนประหาร
“ท่านกำลังสั่งให้ข้าฝังน้องชายตัวเอง? เมตาตรอนท่านช่างเลือดเย็นยิ่งนัก” เสียงทุ้มหวานของทูตสวรรค์ราฟาเอล มีร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์โทสะ
“ความถูกต้องมักเย็นชาเสมอ ราฟาเอลท่านเองก็ควรจะเรียนรู้ไว้บ้าง และท่านควรจะทำหน้าที่ของตนเองได้แล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่ราฟาเอลรู้สึกเกลียดน้ำเสียงของเมตาตรอน ส่วนมิคาเอลที่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งถอนหายใจ และบินออกไปจากที่แห่งนี้ โดยไม่สนใจเสียงเรียกของทูตสวรรค์แห่งการรักษา
อาซาเซลมองสถานการณ์เบื้องหน้าด้วยแววตาอันว่างเปล่า เขาลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากจากอาการบาดเจ็บ รวมถึงการถูกเปลี่ยนทางร่างกายเมื่อครู่ ทำให้เขาควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้ดั่งใจ ก่อนที่เขาจะยื่นมือทั้งสองข้างที่ยังถูกล่ามโซ่ไว้ให้ราฟาเอล
“ไม่เป็นไร ท่านพี่ราฟาเอล ท่านทำตามหน้าที่ของท่านเถอะ”
ราฟาเอลกัดฟันแน่นกลั้นน้ำตาเมินหน้าหนีจากสถานการณ์ตรงหน้า แต่ต่อให้เขาอยากจะหนีจากความจริงมากแค่ไหน มันเป็นไปไม่ได้เลย เขาเดินเข้าไปจับแขนอาซาเซลด้วยมือที่สั่นเทา
“พี่จะ…จะไปส่งเจ้าน้องรัก อภัยให้พี่ด้วย”
อดีตทูตสวรรค์ยิ้มอย่างอ่อนแรงเอาศีรษะซบลงที่ไหล่ของราฟาเอล เพื่อเป็นการบอกว่าเขานั้นให้อภัย และแล้วราฟาเอลก็กางปีกบินพาอาซาเซลไปยัง Dudael สถานที่รกร้าง เศษซากกระดูกกระจัดกระจายไปทั่ว มีแต่กลุ่มควันสีดำปกคลุมจนแสงส่องมาไม่ถึง รับรู้ได้ถึงกลิ่นของความตายและความทุกข์ทรมาน ทั้งสองมาหยุดอยู่ที่หน้าหลุมที่มืดมิดจนมองไม่เห็นก้นหลุมลึก
“Dudael เป็นพื้นที่ที่มืดมนที่สุด และลึกที่สุดยิ่งกว่านรกเสียอีก สงสัยเมตาตรอนจะรังเกียจข้ามิใช่น้อยเลย ท่านพี่จำได้ไหมว่านอกจากอัยยิน* เขาขังอะไรไว้อีก”
“ข้าจำไม่ได้และไม่อยากจะจำด้วย แค่อัยยินก็อันตรายมากพอ มิต้องพูดถึงอสุรกายมากมายที่ไม่สามารถขังไว้ในนรกได้อีก อาซาเซล…เจ้าหนีไปเถอะ” ราฟาเอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จนผู้เป็นน้องชายไม่แน่ใจว่าตนเองได้ยินถูกต้องไหม
“อะไรนะ ท่านกำลังบอกให้ข้าหนีไป?”
“ใช่น้องพี่ รีบหนีไป หาทางติดต่อลูซิเฟอร์ให้ได้ เขาจะมารับเจ้าเอง หากเจ้าอยู่กับลูซิเฟอร์…ต่อให้เป็นไอ้เฒ่างี่เง่าเมตาตรอนก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้” เขาเอ่ยพลางใช้พลังปลดล็อกโซ่ตรวนให้กับอาซาเซล อีกทั้งยังรักษาบาดแผลบนร่างกายให้อีกด้วย
“แต่ท่านอาจโดนลงโทษได้!” น้องชายที่มีรูปร่างสูงกว่ารีบคว้ามือเรียวสวยของพี่ชายตัวเล็กมากุมไว้ กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ไม่ต้องห่วงข้า รีบไปเถอะ ข้าขอร้องได้โปรดเถอะ หนีไปซะ” เสียงของราฟาเอลอ้อนวอนเหมือนจะขาดใจ ทำเอาอาซาเซลรู้สึกปวดใจไม่น้อย เขาดึงพี่ชายเข้ามาสู่อ้อมกอดไว้ จากกันครั้งนี้ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะมีโอกาสได้พบกันอีก
“ได้ ๆ ข้าจะไป ข้าเองก็มีสถานที่ที่หนึ่งต้องไปอยู่ แต่ก่อนจากกัน…ข้าขอรบกวนท่านเป็นอย่างสุดท้ายได้หรือไม่”
……….
ทูตสวรรค์ขัตติยเทพที่ถูกยูรีเอลใช้งานโดยการให้มาเฝ้าสังเกตเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ พระผู้เป็นเจ้าโกรธพวกมนุษย์มากที่กล้ามีความสัมพันธ์กับทูตสวรรค์จึงถือเป็นสิ่งชั่วร้าย รวมถึงการกระทำอย่างอื่นที่ท่านไม่อาจให้อภัย ท่านเลยบันดาลให้ฝนตกหนักสี่สิบวัน และเกิดน้ำท่วมแผ่นดินเป็นเวลาร้อยห้าสิบวัน จนกว่าผู้คนและสิ่งมีชีวิตทั่วโลกตายจนหมดสิ้น แผ่นดินจึงจะแห้ง มีเพียงมนุษย์ครอบครัวเดียวที่อยู่รอดกับสัตว์อย่างละชนิดต่อหนึ่งคู่ ครอบครัวโนอาห์ได้รับความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะโนอาห์เชื่อฟังปฏิบัติตามพระเจ้า จนเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์
แซคเคอัสมองเรือโนอาห์ลำใหญ่ ที่กำลังนำสัตว์ต่าง ๆ ขึ้นเรืออยู่ จู่ ๆ น้ำตาก็ได้ไหลออกจากดวงตาสีน้ำเงิน เขาพยายามจะกลั้นเสียงสะอื้น เขาเสียใจที่พวกมนุษย์จะต้องตาย แต่สิ่งที่เสียใจมากที่สุดคือการที่เขาจะไม่ได้เจอกับอาซาเซลอีก เขายังไม่มีโอกาสได้บอกว่าตัวเขารู้สึกยังไงกับทูตสวรรค์ผู้สูงส่งเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทูตสวรรค์เครูบแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีความรู้สึกกับทูตสวรรค์ชั้นผู้น้อยกว่าอย่างไร แต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่กล้า สำหรับเขาแล้วอาซาเซลคือทูตสวรรค์ที่สูงเกินเอื้อม ไร้กำลังที่จะไขว่คว้าให้มาเป็นของตน ถ้าหากรู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเขาคง…ยิ่งคิดน้ำตากลับยิ่งไหลกว่าเดิม ในเวลานี้หัวใจดวงน้อยได้เรียนรู้คำว่าสายเกินไปเป็นครั้งแรก
“นั่นเจ้ากำลังร้องไห้อยู่หรือ”
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่สวยแทบจะหยุดร้องไห้ในทันที ที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มอันคุ้นเคย เสียงนี้มัน…
“ท่านอาซาเซล! ท่านอยู่ไหน” เจ้าของดวงตาสีไพลินมองไปรอบ ๆ เพื่อหาชายที่หัวใจของตนถวิลหา
“ข้าอยู่หลังก้อนหินข้างหลังเจ้า” เสียงทุ้มต่ำของอดีตทูตสวรรค์กล่าวตอบกลับ
ทูตสวรรค์แซคเคอัสเมื่อได้ยินว่าคนที่หัวใจเขาปรารถนาอยู่ที่ไหน เขารีบเดินเข้าไปหาแต่กลับถูกอาซาเซลห้ามไว้
“ไม่ เจ้าอย่าเข้ามา! ถ้ามีทูตสวรรค์เห็นเจ้าอยู่กับข้า เจ้าจะเดือดร้อน และข้า…ในยามนี้ สภาพไม่น่าดูนัก เจ้าอาจรังเกียจข้าได้”
“โถ่ ท่านอาซาเซล ทุกสิ่งล้วนอาจเกิดขึ้นได้ แต่ให้ข้ารังเกียจท่านมันไม่มีทางเกิดขึ้น ข้าชอบท่านด้วยใจจริง” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนของเขาแฝงไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง
อดีตทูตสวรรค์อาซาเซลหลับตาลงซึมซับความรู้สึกที่ส่งผ่านคำพูดนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่แซคเคอัสเปิดเผยความรู้สึกต่อเขาอย่างตรงไปตรงมา ตัวเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนขี้อายและขี้กลัวเลยแทบจะไม่แสดงความรักที่มีต่อกันให้เห็น
ยามนี้ร่างสูงโปร่งของทูตสวรรค์ที่ถูกสาป ทั้งรู้สึกยินดีจนหัวใจเต้นรัว และเศร้าใจจนแทบอยากร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ถ้าหากว่าเขาได้ยินมันก่อนหน้านี้…มันจะดีสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้มันสายไปแล้ว เขาถูกสาปให้กลายเป็นปิศาจ
“เช่นนั้น จงใช้ดวงตาของเจ้ามองดูข้าเถิด ก่อนจะพูดคำนั้นอีกครั้ง”
อาซาเซลยอมเดินออกมาจากหลังก้อนหิน ชุดสีขาวบริสุทธิ์ในคราวแรกแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ เพราะเขาไม่อยากให้แซคเคอัสเห็นถึงรอยคราบเลือด ทูตสวรรค์ในสังกัดพลังการรักษาสำรวจร่างกายอาซาเซลช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลทองอันงดงามถูกแทนที่ด้วยดวงตาสีแดงเข้มที่ดูลึกลับ ผมหยักศกสีดำเงา เขาแพะสีดำขนาดใหญ่ ผิวกายขาวซีด เล็บยาวสีดำที่ดูแข็งแรง และปีกสีดำที่ดูจะใหญ่กว่าตอนเป็นทูตสวรรค์
“ข้ามีเขี้ยวด้วยนะ” ไม่พูดเปล่าอาซาเซลยิงฟันให้แซคเคอัสได้เห็น พยายามให้เสียงทุ้มนั้นร่าเริงที่สุด เพื่อให้บรรยากาศที่ชวนน่าอึดอัดนี้คลายลงบ้าง “เป็นอย่างไร มันน่าเกลียดใช่ไหม”
ร่างสูงโปร่งหากแต่ตัวเล็กกว่าของทูตสวรรค์เดินเข้ามาใกล้ เอื้อมมือไปกุมแก้มของอาซาเซลไว้ และจ้องเข้าไปในดวงตาสีแดงเข้มนั้น ให้อดีตทูตสวรรค์ตรงหน้าได้เห็นความรักความจริงใจที่เขามีให้อีกฝ่ายเสมอมา ต่อให้คนที่เขารักจะกลายเป็นอะไรก็ตาม
“ไม่เลย อาซาเซล สำหรับข้าไม่ว่าท่านจะมีรูปลักษณ์แบบไหน ท่านยังคงงดงามเสมอในใจข้า”
หัวใจของอดีตทูตสวรรค์ผู้สร้างสรรค์อาวุธแทบอยากจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดให้สมกับความรู้สึกที่มีอยู่เต็มอก แต่เขาทำไม่ได้ในเมื่อสภาพเขาตอนนี้ไม่ต่างจากนักโทษหลบหนี หากมีทูตสวรรค์ตนอื่นมาพบเห็นเข้า แซคเคอัสจะต้องเดือดร้อนมากไปกว่านี้แน่
และแล้วหยาดน้ำฝนก็เริ่มตกลงมา อดีตทูตสวรรค์พยายามที่จะกางปีกเพื่อบังฝนให้อีกฝ่าย แต่มันกลับไม่ขยับได้ดั่งใจนึก แซคเคอัสเลยเป็นฝ่ายที่กางปีกบังฝนให้เขาแทน
“ร่างกายท่านถูกน้ำฝนได้หรือไม่ มันไม่เป็นอันตรายต่อท่านใช่ไหม” เขาเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับปิศาจมากนัก สงครามครั้งก่อนเขาก็ไม่ได้ออกไปรบด้วย เขามีหน้าที่แค่คอยรักษาทูตสวรรค์ที่บาดเจ็บ
ร่างสูงโปร่งของทูตสวรรค์ที่ถูกสาป ใช้มือลองน้ำฝนที่ไหลมาตามปีกของแซคเคอัส เมื่อน้ำได้สัมผัสกับฝ่ามือเขารู้สึกถึงความเปียกแฉะหนาวเย็น ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าไปมาเป็นการปฏิเสธ
“ดูท่าจะไม่เป็นไร แต่น้ำฝนมันเย็นเอาเรื่องเลย”
“เช่นนั้น ท่านก็ยืนนิ่ง ๆ ให้ข้าได้บังฝนให้ท่านเถอะ”
อาซาเซลที่สัมผัสถึงลูซิเฟอร์ได้เหมือนพี่เขาจะอยู่ไม่ไกล เขารีบส่งถุงหนังขนาดเท่าฝ่ามือให้กับแซคเคอัส ทูตสวรรค์รับมันไว้ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“มันคือสิ่งใด”
“เดี๋ยวพอน้ำแห้งเจ้าก็จะรู้เอง เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าแค่โยนของที่อยู่ข้างในลงพื้นก็พอ”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” ถ้าเป็นเรื่องที่อาซาเซลต้องการ ต่อให้ต้องทำอะไรเขายอมทั้งนั้น
“อาซาเซล เจ้าอยู่นี่เองน้องชาย ข้าตามหาเจ้าให้ทั่ว” แซคเคอัสได้ยินเสียงลูซิเฟอร์เลยลดปีกของตนเองลงให้มองเห็นตัวอาซาเซล อดีตทูตสวรรค์เซราฟิมที่บินฝ่าฝนมา แต่ตัวของเขาไม่เปียกเลยสักนิด ทันทีที่เท้าของจ้าวแห่งนรกแตะพื้นก็รีบวิ่งเข้าไปกอดน้องชายด้วยความเป็นห่วง
“ท่านรู้ได้ไงว่าข้าอยู่ที่นี่”
“ราฟาเอลบอกข้ามา แต่เรื่องอื่นช่างมันก่อน เราต้องรีบไปนรกเดี๋ยวนี้ ร่างกายเจ้ายังไม่ชินกับสภาพนี้ หากยังอยู่ข้างบนนานเกินไปมันจะเกิดผลเสียต่อเจ้า” ลูซิเฟอร์ใช้แขนโอบหลังน้องชายเอาไว้แน่น
“ทำไมเจ้าถึงเหลือพลังน้อยเช่นนี้” อดีตผู้นำแห่งแสงถามขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังในตัวของคนอายุน้อยกว่า ว่ามันเหลือไม่มากแล้ว
“ไว้ข้าจะเล่าให้ฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ท่านคงต้องพาข้าบินแล้วละ ปีกข้ามันไม่ยอมขยับเท่าไรเลย” เขาทิ้งน้ำหนักตัวลงบนแขนลูซิเฟอร์ เขาในตอนนี้แค่แรงจะยืนยังไม่ค่อยจะมี แต่ยอมฝืนทนเพราะกลัวแซคเคอัสจะเป็นห่วง
“นั่นแหละที่ข้าบอก ดวงจิตเจ้ายังไม่ชินกับร่างกายของเจ้าในยามนี้” ร่างสูงโปร่งผู้มีผมสีทองเป็นประกายสยายกางปีกสีดำที่ใหญ่กว่าปีกของน้องชายถึงเท่าตัว แค่ขยับเล็กน้อยมากพอที่จะสร้างกระแสลมได้ และก่อนที่เขาจะพาอาซาเซลบินขึ้น เขาหันมาเอ่ยกับแซคเคอัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ขอบคุณ”
ทูตสวรรค์เพียงแค่พยักหน้ารับ หากแต่ดวงตาสีไพลินยังคงจับจ้องอยู่ที่อาซาเซล พยายามพูดบางคำออกมาอย่างยากลำบาก “ลาก่อน อาซาเซล”
เจ้าของร่างสูงโปร่งที่สภาพดูอ่อนแรงไม่พูดอะไร เพียงส่งสัญญาณให้พี่ชายผู้เป็นจ้าวแห่งนรกออกบินได้เลย ขณะที่พวกเขากำลังบินค่อย ๆ ห่างออกไป อาซาเซลหันกลับมามองแซคเคอัสด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์
ลาก่อน ทูตสวรรค์ที่รัก
ในเอกภพอันกว้างใหญ่มีกลุ่มดาวมากมายส่องประกายระยิบระยับ ทูตสวรรค์มิคาเอลสยายปีกบินอยู่ท่ามกลางดวงดาวที่เงียบสงัด นัยน์ตาสีเขียวที่ปกติไม่แสดงอารมณ์ แต่เวลานี้มันกับเศร้าหมองมีน้ำตาคลอเล็กน้อย แต่พอเขากะพริบตามันก็หายไป
“ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องมาอยู่นี่” เจ้าของดวงตาสีทองอันอ่อนโยน เอ่ยเสียงทุ้มหวานบินเข้ามาใกล้มิคาเอล
“น้องไปแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงทุ้มนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของผู้บัญชาการสวรรค์นั้นแผ่วเบามาก ถ้าหากไม่ตั้งใจฟังให้ดีคงจะไม่ได้ยิน
“อืม เจ้าเป็นคนส่งข่าวให้ลูซิเฟอร์ใช่ไหม เรื่องอาซาเซล”
มิคาเอลนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ผู้เป็นน้องชายที่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกไป…เลยเอื้อมมือไปจับไหล่ของหัวหน้านักรบทูตสวรรค์ถึงได้รู้ว่ามันกำลังสั่นไหว
“การรับบทเป็นพี่ชายที่เข้มงวดเย็นชาและร้ายกาจมันเหนื่อยมากใช่ไหม การที่ท่านเป็นนักรบทูตสวรรค์ ภาระหน้าที่ทำให้ท่านไม่อาจช่วยเหลือน้องเราได้ใช่ไหม” ทูตสวรรค์แห่งการรักษาเอ่ย พยายามข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เขาเพิ่งมาคิดดูว่าที่จริงแล้วตอนมิคาเอลลงดาบกับอาซาเซลก็ใช่ว่าอยากทำ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นเมตาตรอนก็อยู่ด้วย
“…ข้าเป็นพี่ชายที่แย่มากจริง ๆ ข้าปกป้องพวกน้อง ๆ ไม่ได้เลย สิ่งที่ข้าทำได้มีแค่ขอให้พระบิดาส่งพวกเขาไปยังนรก ส่งไปอยู่กับลูซิเฟอร์ เพราะข้าเชื่อว่าน้องชายฝาแฝดของข้า จะดูแลพวกเขาได้ดีกว่า…ข้า”
“ท่านพี่มิคาเอล…” น้องชายคนสุดท้ายของทูตสวรรค์ชั้นเซราฟิม เอ่ยเรียกชื่อพี่ชายอย่างแผ่วเบา
“ราฟ พี่ขอร้อง ช่วยปล่อยพี่ไว้คนเดียวเถอะ ตอนนี้พี่ไม่พร้อมจะพบใครทั้งนั้น”
“ได้ ข้าเข้าใจ หากท่านต้องการใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน เรียกข้าได้เสมอ”
ราฟาเอลจำใจต้องยอมบินห่างออกไป ทิ้งพี่ชายอยู่เพียงลำพังตามที่เขาต้องการ ก่อนจะหันกลับไปมองแผ่นหลังที่แสนเดียวดาย แผ่นหลังกว้างที่รับภาระไว้หนักแน่นเหลือเกิน
เกร็ดความรู้เล็กๆ
*กริกอริ (อ่านออกเสียงในภาษารัสเซียว่า เกรกิอรี) คือ ผู้เฝ้ามอง
*เนฟีลิม คือ ลูกหลานของบรรดาบุตรแห่งพระเจ้า (ทูตสวรรค์) ก่อนเหตุการณ์น้ำท่วมโลกตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับหนังสือปฐมกาล บท 6 วรรค 4 พวกเนฟีลิมเข้าตั้งรกรากในคานาอันในห้วงเวลาที่วงศ์วานอิสราเอลพิชิตคานาอันได้ บางคัมภีร์แปลเนฟีลิมว่าพวก ‘ ร่วงหล่น ’
*อัยยิน เป็นผู้สร้างปิศาจดั้งเดิม และเป็นผู้ต่อต้านพระเจ้า มีตัวตนเทียบเท่าพระเจ้า โดยมีพี่สาวชื่ออาเชราห์ ภรรยาของพระเจ้าและพระแม่ของเหล่าเซราฟิม