นครไซเบอร์พังค์ที่ช่องว่างชนชั้นต่างกันราวเทวดากับผีโหย อิกนัสอัศวินพิทักษ์นครต้องตัดสินใจเลือกระหว่างรับใช้แกนอำนาจเพื่อชีวิตที่สุขสบายหรือตายเพื่ออุดมการณ์ที่ไม่มีวันเป็นจริง

Krampus - 3 3 โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ไซไฟ,แอคชั่น,ผจญภัย,อาชญากรรม,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์ ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Krampus

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ไซไฟ,แอคชั่น,ผจญภัย,อาชญากรรม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์

รายละเอียด

Krampus โดย S.T. Ratindh @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นครไซเบอร์พังค์ที่ช่องว่างชนชั้นต่างกันราวเทวดากับผีโหย อิกนัสอัศวินพิทักษ์นครต้องตัดสินใจเลือกระหว่างรับใช้แกนอำนาจเพื่อชีวิตที่สุขสบายหรือตายเพื่ออุดมการณ์ที่ไม่มีวันเป็นจริง

ผู้แต่ง

S.T. Ratindh

เรื่องย่อ

สารบัญ

Krampus-1 1,Krampus-2 2,Krampus-3 3,Krampus-4 4

เนื้อหา

3 3





3




ห้าแผ่นนครขนาดมโหฬารถูกสร้างขึ้นครอบเมืองเก่าและแบ่งแทรนโธสเหนือออกเป็นห้าเขตคือ คอร์ เฮฟเว่น เจด อ็อกซ์ และเดรกูน โลกศิวิไลซ์เริ่มต้นจากชั้นแผ่นนคร เบื้องใต้ลงไปคือแดนสนธยาของพวกไร้ค่า


ลิฟต์โดยสารขนาดใหญ่รองรับฝูงชนแออัดนับร้อยเคลื่อนลงสู่ความมืดมนใต้แผ่นนคร ฝนตกหนักตั้งแต่บ่ายแล้ว อิกนัสในชุดกันฝนยืนสูงเด่นท่ามกลางคลื่นมนุษย์ โอบล้อมด้วยความหนาวเย็นและเฉอะแฉะของโลกชั้นล่าง


แสงนีออนหลากเฉดฉูดฉาดส่องสว่างทดแทนแสงอาทิตย์ที่ไม่อาจเล็ดลอด โลกใต้ดินใช้เทคโนโลยีโบราณอย่างน้ำมันและไฟฟ้า อิกนัสเดินออกจากสถานีรังราตรี แหงนมองเสียงเอี๊ยดอ๊าดของรถโมโนเรลเหนือหัว เพดานฟ้าคือแผ่นนครแผ่ไปสุดสายตาค้ำยันด้วยสนามพลังกราวิทัติที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เขาผ่านป้อมขายบัตรประชาชนเกรดห้า ผู้ครองบัตรเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ขึ้นสู่เบื้องบน ไฟนีออนดัดบอกราคาสิบเครดิตทองซึ่งมากกว่ารายได้เกินครึ่งปีของคนที่นี่


รายได้ที่แค่ค่ากินอยู่ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงอย่าได้หวังหลุดพ้นไปจากสภาพชีวิตนี้ ยิ่งสูงยิ่งเบาบาง ยิ่งต่ำยิ่งหนาแน่น เชื่อว่าประชากรเกือบครึ่งของแทรนโธสเหนืออยู่ในโลกใต้แผ่นนครนี้ ซึ่งไม่มีใครรู้แน่ชัดเพราะคนที่ไม่มีบัตรประชาชนก็ถือเป็นคนจรจัด อาจมีหลายแสนหรือเป็นล้าน ไม่มีใครสนใจ


ความมืดซ่อนความเสื่อมโทรมและโสโครก แสงขับเน้นเฉพาะโลกอันฉาบฉวย ตึกแถวสร้างจากหินขนาบสองฝั่งทางอย่างไร้ระเบียบ ผู้คนเบียดเสียดในตรอกแคบโยงใยเป็นข่ายแมงมุม พื้นเจิ่งด้วยหลุมน้ำเน่า รังราตรีคือย่านศูนย์กลางของโลกใต้แผ่นนคร ตลาดที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงในกลางคืนไร้สิ้นสุด


แสงเหลวเรืองเฉดฟ้าและเขียวเปล่งออกมาจากร่องพื้นถนนและอาคารหิน เป็นแหล่งแสงหลักของเมืองเบื้องใต้ ของเหลวมหัศจรรย์พวกนี้เมื่อเทลงไปในเบ้าหินจะแข็งตัวและเปล่งแสง


มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด สีสันและความบันเทิงช่วยให้ชีวิตแสนบัดซบพอทนทานได้ สลัมโสโครกมีชีวิตชีวาด้วยเสียงดนตรีจากหลากกลุ่มศิลปินเปิดหมวก แสงเหลวถูกวาดอย่างมีสไตล์แทนความหมองหม่นของกำแพงตึกแถว ร้านเสื้อผ้าราคาถูก ร้านสัก ร้านเครื่องใช้สารพัด ไม่มีแหล่งเริงรมย์ในย่านนี้ แม้ดูไร้แบบแผนแต่ที่นี่ก็มีระเบียบที่ทุกคนยอมรับ ผู้ควบคุมย่านต่าง ๆ คือไทริยะ ตราบใดที่ผู้อาศัยมีเครดิตจ่ายชีวิตก็พอเป็นไปได้


ส่วนจำพวกบุคคลต้องห้ามในย่านรังราตรีนี้ก็คือผู้พิทักษ์นคร โดยเฉพาะหน่วยอัศวินที่ถือเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง อิกนัสจึงต้องปลอมตัวให้แนบเนียนเพราะอยู่กลางรังศัตรู เขาวนเวียนอยู่ในย่านนี้เหมือนไร้จุดหมาย แต่สายตาสังเกตความเป็นไปอย่างละเอียด จากผู้เข้าออกในร้านรวงต่าง ๆ บทสนทนาและพฤติกรรม รวมถึงข้อมูลทั้งหมดที่เคยรับจากสายสืบ ในเวลาสองสามชั่วโมงเขาก็วางแผนการและเป้าหมายสำเร็จ


อิกนัสเดินเข้าไปในร้านหนูเกรียม อาหารชั้นยอดในบรรดาของกินราคาถูกย่านรังราตรี ลูกค้าไม่ถึงสิบเบียดเสียดในร้านขนาดสามโต๊ะ โขมงควันบุหรี่เคล้ากลิ่นเค็มของเครื่องเทศและเนื้อย่าง แสงส้มจากหลอดไฟดวงกลมห้อยเพดานส่องความคร่ำคร่าของผนังร้านที่ปูด้วยหินขึ้นรา ลูกค้าใหม่เปิดฮู้ดเสื้อกันฝนออกและตรงไปยังโต๊ะว่างด้านหน้าบาร์ หย่อนก้นลงบนเก้าอี้กลมไร้พนัก


“ดำเกรียมและเพิ่มหมึกพิษด้วย”


ลุงพ่อครัวเหล่ตามองเขา พ่นควันคำใหญ่ออกจากปากที่คาบไปป์ แล้วคีบหนูถลกหนังตัวแดงลงกระทะติดโต๊ะ เสี่ยงชี่ชวนน้ำลายสอ เนื้อถูกผัดอย่างชำนาญจนดำเกรียม ตักวางบนจานเปรอะคราบ ราดน้ำจิ้มแดงเยิ้ม


อิกนัสยื่นเหรียญทองที่มูลค่าเกินราคาอาหารนับร้อยเท่า พ่อครัวหยิบเหรียญไปและวางกระดาษรองโต๊ะก่อนทับด้วยจานอาหารดำเกรียม ลูกค้าใช้ตะเกียบที่รับมาคีบเนื้อสีตะโกเข้าปาก รสชาติมันขมเหนือคาด เผ็ดจัดจ้าน และกรอบมันอย่างพิสดาร ซึ่งเข้ากันจนอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาจงใจทิ้งอาหารเต็มจานไว้ตรงนั้น หยิบเพียงแผ่นกระดาษรองจานและจากไป


เมื่อออกนอกร้านฝนก็หยุดตกแล้ว อิกนัสถอดเสื้อกันฝน กดปุ่มหดเก็บเป็นแคปซูลเล็ก ๆ แล้วหยิบกระดาษรองจานขึ้นดู มันเขียนแผนที่สู่ร้านขายอาวุธเถื่อนไว้ ส่วนตัวกระดาษคือตั๋วเข้าร้าน อัศวินหนุ่มตามแผนที่ไปจนถึงบันไดหินที่ทอดลงสู่ซากเมืองเก่า บ้านอิฐหินที่สร้างขึ้นด้วยวิธีโบราณตั้งแต่มนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานที่นี่เมื่อสามศตวรรษก่อน ร่อยรองการถูกกัดเซาะด้วยกาลเวลาปรากฏชัด บ้านไล่ระดับลงไปตามเนินมืดมนไร้พืชพันธุ์


อัศวินจินตนาการความสวยงามของหมู่บ้านแห่งนี้ในอดีตที่แสงตะวันเคยสาดส่อง นครเก่าที่ถูกสร้างทับและหลงลืม ทว่ายังคงเป็นย่านอาศัยอันแออัด บ้านแต่ละหลังแน่นขนัดด้วยหลายครอบครัว ความสว่างมาจากแสงเหลวตามฝาบ้านและพื้นทาง โดยมีเสาไฟหลอดส้มส่องสว่างตามข้างถนน ไฟสีส้มของไทริยะเป็นสัญลักษณ์บอกว่านี่คือเขตคุ้มครองของพวกเขา


ส่วนที่ไฟฟ้าไปถึงล้วนถูกควบคุมโดยไทริยะ แม้แต่ในจุดเสื่อมโทรมที่สุดของนคร แน่นอนว่าแสงสว่างและความปลอดภัยไม่ใช่ของฟรี ทุกชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ผู้อาศัยทุกคนต้องจ่ายเครดิตให้ผู้คุ้มครองจากไทริยะ ผู้นอกคุ้มครองจะถูกปล่อยให้เป็นเหยื่อของฝูงโจร นี่คือการคัดสรรโดยธรรมชาติ


อิกนัสมุ่งลงไปในตรอกลึกอันมืดมิด คนสวมชุดหนังสีแดงปิดคลุมร่างและใส่หมวกยอดแหลมครอบศีรษะสามคนเดินสวนขึ้นจากความมืด ผู้ย่อยสลายคือชื่อของพวกเขา มีหน้าที่สลายศพคนจรจัดที่มีอยู่เกลื่อนเมือง น้ำยาสลายศพที่พวกเขาใช้จะสลายซากจนหมดจดทิ้งไว้เพียงคราบดำและกลิ่นเปรี้ยวสาบ


ความเจริญที่แท้จริงของนครบอกได้จากวิธีที่พวกเขาดูแลคนระดับล่างสุดในสังคม


อิกนัสนึกถึงคำของเฟบและคิดว่าจริงทีเดียว โลกต้องเลวร้ายขนาดไหนหากสังคมจัดการกับผู้ล่วงลับไม่ต่างไปจากขยะกองหนึ่ง เขามองผ่านแผ่นกระดาษเพื่อเห็นสีเรืองแสงพิเศษตามพื้นที่จะนำไปสู่ร้านอาวุธเถื่อน ลงไปตามทางเดินกว้างกว่าช่วงตัวคนริมคลองน้ำเน่า กลิ่นปฏิกูลคละคลุ้งจนเขาต้องกลั้นลม พื้นเต็มไปด้วยรอยคราบดำเปรี้ยวสาบ คงเป็นที่ประจำสำหรับการทิ้งศพ ปลายทางเดินนี้เมื่อขึ้นไปก็จะถึงร้านอาวุธเถื่อน


อัศวินไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฉายเพราะสายตาที่ฝึกจนปรับตัวได้ดีในความมืด เช่นเดียวกับกุ๊ยสามคนที่ติดตามเขามา และสองคนที่เดินออกมาขวางจากซอยข้างหน้า เสียงลั่นนกดังจ่อหลังหัวเขา


“ลงมาหาที่ตายข้างล่างนี่หรือไงไอ้เจ้าหน้าที่” กุ๊ยร่างสูงที่สุดข้างหน้าเป็นคนพูด มือขวามันถือขวานรบมือเดียว ด้านหลังอีกสองคนเดินขึ้นมาขนาบซ้ายขวาในท่าทีขึงขัง “มึงพลาดแล้ว เพราะการปลอมตัวของมึงแม่งไม่เนียนโว้ย”


อิกนัสจ้องตาหัวหน้ากุ๊ยกลับไปอย่างนิ่งกริบ “พวกคุณต่างหากที่พลาดสองจุด หนึ่งหากจะฆ่าก็ไม่ควรเผยตัวพูดพล่าม สองพวกคุณต่างหากที่พลาดมาติดกับผม”


ไฟคลั่งลุกในแววตาหัวหน้ากุ๊ย มันง้างขวานเหล็ก แต่จังหวะนั้นอัศวินก็ต่อยตรงใส่หน้ามันทันที พร้อมหมัดหลังอัดเต็มท้องไอ้กุ๊ยถือปืนก่อนมันทันลั่นกระสุน กำไลวอลแกนเปล่งแสงเขียววาบ เสริมกำลังอัดรุนแรงไม่ต่างจากถูกชนด้วยรถบรรทุกทั้งคัน หัวและท้องศัตรูระเบิดเละเป็นแตงโมแตก


อิกนัสพลิกตัวเตะกุ๊ยคนขวามือ กำไลวอลแกนที่ข้อเท้าระเบิดแสง ร่างมันขาดครึ่งท่อน ท่อนบนปลิวกระเด็นตกไกลในน้ำคลองโสโครก กุ๊ยคนซ้ายชักปืนแต่ถูกอิกนัสบีบข้อมือจนแตกละเอียด ชิงปืนมาจ่อใส่หัวกุ๊ยคนสุดท้ายที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก


“ไอ้ฉิบหายอัศวินเลยเหรอวะ”


กุ๊ยที่ถูกบีบมือแตกสบถลั่น ทรุดตัวลงกับพื้น แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นไปตามแผนของอิกนัส เขาแสร้งทำพลาดให้พวกมันจับได้ว่าเป็นผู้พิทักษ์ปลอมตัวมาแต่ให้เข้าใจว่าเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่าง เพื่อล่อแก๊งแครมปัสที่ชอบสังหารผู้พิทักษ์เป็นพิเศษออกมา


อัศวินปล่อยข้อมือที่เขาบีบจนเละแล้วดึงมืออีกข้างของกุ๊ยขึ้น “เอาละทีนี้ก็บอกผมมาได้แล้วว่ารังของปีศาจแครมปัสอยู่ที่ไหน” เขาจ้องหน้าโจรที่เหงื่อท่วม ถามด้วยเสียงเรียบเฉยเหมือนสั่งอาหารประจำวัน


“ไอ้ชั่ว มึงคงเห็นพวกกูมีค่าไม่ต่างจากหมาจรจัด” กุ๊ยกล่าวพร้อมน้ำตาแห่งความเดือดแค้นที่ไหลพราก มองความเละเทะโชกเลือดและกองอวัยวะของสิ่งที่เคยเป็นเพื่อน กลิ่นคาวเลือดปนอาจมชวนคลื่นเหียน


“อ๊าก...”


กุ๊ยร้องลั่นเมื่ออิกนัสบีบข้อแขนอีกข้างจนมือหลุดลงมากองกับพื้น แล้วจ่อกำปั้นซ้ายชุ่มเลือดไปยังปลายคางของผู้ถูกทรมาน กำไลวอลแกนเรืองแสงเขียวแห่งความตาย ในขณะที่มือขวายังจ่อปืนใส่หัวกุ๊ยอีกคนที่ยืนตัวสั่นปัสสาวะแตกอยู่กับที่


“ถือว่าคุณได้รับโทษแล้ว บอกที่ซ่อนมาแล้วผมจะปล่อยคุณไป” อิกนัสไม่ชอบทรมานใคร แต่ในการปฏิบัติหน้าที่เขาจะคำนึงถึงผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว


“ถึงตายกูก็ไม่บอกมึง”


เปรี้ยง...


แสงเขียวที่กำปั้นซ้ายของอิกนัสวาบขึ้นแล้วหัวของเชลยก็ระเบิดกระจุย “ผมเชื่อ” เขาอ่านคนถูกเสมอว่าใครคือพวกใจแข็งที่ยอมตายดีกว่าขายเพื่อน และใครคือพวกใจเสาะที่ยอมให้ทุกคนตายเพื่อตนรอด เขาจ่อปากกระบอกปืนชิดหัวกุ๊ยคนสุดท้าย ร่างของอัศวินที่ละเลงไปด้วยเลือดดูน่ากลัวไม่ต่างจากปีศาจ แววตาเย็นชาจ้องตรงยังเชลย


“แล้วคุณล่ะจะยอมตายแบบเดียวกันด้วยไหม”