หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...

อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ) - บทที่ 1 มาเริ่มกันเถอะ! โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,อาโปรักศิลา,นิยายวาย,วาย,Yaoi,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อาโปรักศิลา,นิยายวาย,วาย,Yaoi,BL,BoyLove

รายละเอียด

อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ) โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...

สารบัญ

อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-Intro บทนำ,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 1 มาเริ่มกันเถอะ!,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 2 ไอ้เด็กนี่มันยังไงกันนะ,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 3 เอาไงล่ะทีนี้,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 4 อย่าตีกัน,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 5 แผลใจได้รับการเยียวยา,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 6 อย่าปล่อยให้งานมากระทบความสัมพันธ์ของเรา,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 7 ความเครียดถาโถม,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-ตอนพิเศษ 1 ส่วนที่ขาดหายไปในบทที่ 7 (NC),อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 8 เกิดข้อเปรียบเทียบ,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 9 หยุดยาวนี้อย่าให้ใครมาขวางสองเรา,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 10 ลองดูสักตั้ง,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 11 เป็นเรื่องจนได้,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 12 ถึงเวลาของแกสักที,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 13 Lucky in work but what about love?,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 14 ร่างกายอ่อนแอคนเทคแคร์เลยจำเป็น,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 15 หนทางข้างหน้ายังคงยาวไกล (ตอนจบ),อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-ตอนพิเศษ ครบรอบ 3 ปี #BDWAANJAI3YRS

เนื้อหา

บทที่ 1 มาเริ่มกันเถอะ!

“กลับมาแล้วหรอ” เสียงทุ้มของอาโปเอ่ยทักเมื่อได้ยินเสียงประตูคอนโดเปิดออก

 

“อื้อ” ศิลาเอ่ยตอบเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงห้องนั่งเล่นด้วยความเหนื่อยล้า

 

“เหนื่อยมั้ยวันนี้” คนพี่เดินมานั่งลงข้างๆ คนน้องพร้อมยื่นน้ำเย็นแก้วหนึ่งให้

 

“โคตรเหนื่อยเลย เห้อออ” ศิลาหันมาตอบอาโปแล้วบิดขี้เกียจชุดใหญ่ โดยมีสายตาของคนพี่เฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ จากนั้นคนน้องจึงเอื้อมมือไปคว้าเอาแก้วน้ำที่คนพี่เอามาให้ยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

 

“ค่อยๆ กินก็ได้ เดี๋ยวก็สำลักเอาหรอก” อาโปเอ่ยทัก แล้วรับแก้วเปล่ากลับมาไว้ในมือของตัวเอง

 

“ค่อยยังชั่ว ชื่นใจจัง” ศิลาพูดแล้วตามด้วยยิ้มหวาน

 

“แล้วกินอะไรมายัง” อาโปเอ่ยถามในขณะที่อีกฝ่ายหยิบมือถือขึ้นมาเล่น

 

“ยังเลยครับ”

 

“งั้นเดี๋ยวพี่ทำอะไรให้กินมั้ย”

 

“ได้ครับ”

 

“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”

 

“พี่โปเลือกเลย แต่ขอให้มีซุปร้อนๆ ให้ซดละกันครับ” ศิลายิ้ม

 

“โอเค งั้นต้มมาม่าละกันนะ”

 

“เคเล้ยย งั้นผมขอแซ่บๆ ใส่เครื่องแบบจัดหนักเลยนะ”

 

“ได้ เดี๋ยวพี่จัดให้ งั้นเราไปอาบน้ำก่อนดีมั้ย ออกมาก็จะได้กินพอดี”

 

“ครับ” ศิลาพยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินไปอาบน้ำ

 

อาโปมองตามอีกฝ่ายไปจนประตูห้องน้ำปิดลงแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว จากนั้นก็เปิดตู้ด้านบนเพื่อเอามาม่า 2 ห่อลงมาฉีกซองเพื่อต้มให้กับคนน้อง เขาใส่ทั้งเนื้อหมู ทั้งผัก รวมถึงลูกชิ้นไปแบบเน้นๆ จัดเต็มแบบไม่อั้นปริมาณ ก่อนจะใส่เส้นมาม่า เครื่องปรุงแล้วตอกไข่ลงไปรอจนเดือดก็ยกหม้อลงจากเตาก่อนจะเทใส่ชามเตรียมไว้ให้ศิลาออกมากิน

 

เอาจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาทั้งคู่จะยังดูรักกันดีเหมือนข้าวใหม่ปลามัน แต่ใครจะรู้ว่ามันผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้วตั้งแต่ที่ทั้งคู่ตัดสินใจคบกัน

 

ที่ยังเป็นแบบนี้ก็เพราะอาโปยังคงคอยหยอดมุกจีบกับศิลาอยู่ทุกๆ วัน ส่วนศิลาก็ผนวกเอาอาโปเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปซะแล้ว

 

โดยปกติแล้วศิลาจะเป็นคนเตรียมอาหารและทำงานบ้านเสียมากกว่า แต่ก็มีบ้างที่ฝ่ายอาโปจะได้ลงมือทำอาหารให้กับคนน้องอย่างเช่นวันนี้ เพราะเวลาที่คนน้องออกไปทำงานนอกบ้านแล้วเหนื่อยๆ กลับมา อาโปก็มักจะคอยเอาอกเอาใจคนน้องอยู่เสมอ

 

ใจจริงอาโปก็อยากจะให้ศิลาเลิกทำงานประจำสักที แต่ความพยายามตลอด 5 ปีที่ผ่านมาก็ยังไม่เป็นผล แม้ว่าเขาจะพยายามเกลี้ยกล่อมน้องมาตลอดว่าให้อยู่บ้านเฉยๆ เขาจะหาเลี้ยงเอง แต่น้องก็ไม่ยอมสักที

 

ตั้งแต่เรียนจบศิลาก็เข้าทำงานที่บริษัทเดียวกันกับตอนฝึกงานและทำยาวมาจนปัจจุบัน แม้จะมีรับจ๊อบถ่ายแบบบ้าง โฆษณาบ้าง รีวิวสินค้าเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แต่เขาก็ยังโฟกัสที่งานประจำมากกว่าอยู่ดี

 

ฝั่งอาโปเองก็เช่นกัน หลังเรียนจบก็มารับช่วงต่อธุรกิจของที่บ้าน แต่ก็มีบ้างที่แวบไปถ่ายโฆษณาหรือถ่ายแบบเล็กๆ น้อยๆ มีรีวิวสินค้าลงไอจีบ้างพอเป็นพิธี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นผลพวงมาจากกระแสงานธีสิสของกานต์เมื่อตอนสมัยเรียนมหาลัยนู่นแหละที่ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงขึ้นมาในโซเชียลจนต่อยอดงานพวกนี้มาได้จนถึงปัจจุบัน

 

นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่อาโปอยากให้ศิลาอยู่บ้านเฉยๆ รับแค่งานรีวิว หรือถ่ายแบบกับถ่ายโฆษณาก็พอ เพราะมันก็ทำให้พอมีรายได้เลี้ยงชีวิตประจำวันได้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปทำงานประจำอีก เพราะเขาไม่อยากให้น้องต้องเหนื่อยแบบวันนี้

 

อันที่จริงมันก็ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่เขาเห็นมาตลอด 5 ปี ซึ่งเขาไม่ชอบเวลาเห็นน้องเหนื่อย เพราะเขารู้สึกว่าเขาดูแลน้องได้ดีไม่มากพอ

 

แต่คนดื้ออย่างศิลาก็ไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน เพราะเขารู้สึกว่าการทำแบบนั้นมันเป็นการดูถูกตัวเองไปเสียหน่อย ความสามารถก็ยังมีแถมยังหน้าตาดีเป็นพิเศษอีกต่างหาก จะมาให้เขาอยู่บ้านเฉยๆ เขาไม่ทำหรอก ทั้งคู่ก็เลยต้องมาเจอกันตรงกลางเพื่อไม่ให้ทะเลาะกันในเรื่องพวกนี้อีก

 

ซึ่งมันก็ดี เพราะต่างฝ่ายต่างก็เคารพกันและกัน

 

ถึงแม้ว่าอาโปเองจะยังไม่พอใจเต็มที่กับสิ่งที่ศิลาทำอยู่ แต่ก็ไม่อยากห้ามปรามอะไรแล้ว เพราะบอกไปอีกฝ่ายก็ไม่ได้รับฟังสักเท่าไหร่

 

ร่างหนาเดินยกชามใส่มาม่าร้อนๆ ตกแต่งสวยงามราวกับว่าชามนี้หลุดออกมาจากหน้าซองมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นทันทีที่ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำเงียบลงเป็นสัญญาณว่าศิลาอาบน้ำเสร็จแล้ว

 

คนน้องเดินออกจากห้องน้ำมาด้วยผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวเพียงผืนเดียว จมูกฟุดฟิดดมกลิ่นหอมฉุยที่ลอยมาแตะจมูกก่อนจะเดินเข้ามาใกล้คนพี่ที่ยืนรออยู่ในห้องนั่งเล่น

 

“หอมจัง” คนตัวบางกว่าเอ่ยขึ้น

 

“ใช่ หอมจัง” คนพี่ขยับเข้าไปใกล้แล้วยื่นจมูกเข้าไปดมบริเวณซอกคอของคนน้องแล้วสูดหายใจเข้าลึก

 

“พี่โป!”

 

“ทำไมครับ” อาโปยิ้มออกมาอย่างคนเจ้าเล่ห์

 

“ผมหมายถึงมาม่าที่พี่ทำอ่ะหอมจัง” ศิลาชี้นิ้วไปที่ชามมาม่าที่วางอยู่บนโต๊ะ

 

“แต่พี่หมายถึงเรา..” อาโปพูดจบก็กดหน้าลงจูบบนริมฝีปากบางของอีกฝ่าย ศิลาแอบสะดุ้งเล็กน้อยเพราะตกใจกับการกระทำของคนพี่ที่บุกเข้ามาแบบที่ไม่ได้ตั้งตัว แม้ว่าพวกเขาจะผ่านประสบการณ์แบบนี้มาหลายปี แต่คนน้องก็อดไม่ไหวที่ตื่นเต้นทุกครั้งด้วยความเร่าร้อนของคนตรงหน้าที่ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อย

 

มือหนาของอาโปทำเนียนเลื่อนมาสัมผัสที่บริเวณสะโพกของอีกฝ่าย เรียวนิ้วค่อยๆ ปลดเปลื้องผ้าขนหนูสีขาวที่กำลังเกาะกุมรอบเอวคนน้องออก แต่ไม่ทันที่ผ้าผืนนั้นจะได้หลุดออกอย่างเป็นอิสระ ศิลาก็คว้าหมับหยุดยั้งการกระทำนั้นไว้เสียก่อน มือบางกุมผ้าขนหนูและมือของอาโปไว้แน่นแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แบบรู้ทัน

 

“ผมรู้ทันหรอกน่า”

 

“ไม่ได้หรอ” อาโปส่งสายตาอ้อน

 

“ไว้ก่อนละกันนะครับ”

 

“แต่พี่ไม่อยากรอนี่นา”

 

“แต่ผมหิว ขอกินข้าวก่อนนะครับ”

 

“งั้นเดี๋ยวพี่รอเรากินข้าวเสร็จก็ได้” คนพี่ยิ้มแป้น

 

“แต่วันนี้ผมเหนื่อยอ่า ทำงานทั้งวันเลย” ศิลาเอ่ยพลางทำหน้าบึ้ง

 

“โอเค งั้นวันนี้ก็พักผ่อนนะครับ พี่ไม่กวนก็ได้” อาโปลูบหัวของศิลาที่เพิ่งสระเบาๆ โดยไม่กลัวว่ามือจะเปียก

 

“ขอบคุณนะพี่”

 

“อื้อ รีบไปแต่งตัวแล้วมากินเถอะ เดี๋ยวมันจะอืดซะก่อน”

 

“ค้าบบบ”

 

ศิลาหอมแก้มอีกฝ่ายไปฟอดใหญ่หลังพูดจบก่อนจะเบี่ยงตัวเดินออกไปยังห้องนอนแล้วสวมเสื้อผ้าเป็นชุดนอนตัวโปรดของเขา จากนั้นก็เดินออกมานั่งที่โซฟาตัวเดิมโดยมีอาโปนั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ

 

มือบางคว้าเอาตะเกียบมาคีบเส้นมาม่าในชามเข้าปากแล้วดูดสุดแรงจนเสียงดังออกมา อาโปที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับต้องหันมามองอย่างเอ็นดู ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนแต่ศิลาก็ยังคงเป็นเด็กน่ารักในสายตาของเขาเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอกันอยู่ดี

 

อาหารในชามหมดลงอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องสืบเลยว่าคนกินหิวมากขนาดไหน ศิลาเอนตัวพิงหลังกับพนักโซฟาก่อนจะเอามือน้อยๆ ขึ้นมาลูบพุงตัวเอง

 

“เห้อ อิ่มจัด”

 

“กินไวมาก” อาโปหันมองด้วยความแปลกใจ

 

“มันหิวอ่า”

 

“แล้วตอนนี้อิ่มยังครับ”

 

“มากกกกกก” ศิลาเอ่ยตอบลากเสียงยาวประกอบกับใบหน้าที่แสดงออกมาอย่างน่ารัก ทำเอาคนพี่ที่นั่งมองอยู่อดเอ็นดูไม่ได้

 

“อิ่มแล้วก็พักผ่อน...” อาโปหยุดพูดเว้นจังหวะหายใจ “หรือ..จะดูหนังกับพี่มั้ยครับ” อาโปพยักเพยิดหน้าไปทางทีวีที่กำลังเปิดหนังในเน็ตฟลิกซ์อยู่

 

“ผมขอเข้าไปนอนเล่นมือถือในห้องดีกว่า อยากพักแล้วครับ” ศิลาเอ่ยตอบก่อนจะขยับเข้าไปหอมแก้มอาโปฟอดใหญ่

 

“ฝันดีนะครับ” ศิลาบอกหลังจากผละออกจากใบหน้าของคนพี่แล้วลุกเดินเข้าห้องนอนไป

 

อาโปมองตามคนน้องที่ลุกเดินไปจนกระทั่งประตูห้องปิดลง

 

“เห้อ...”

 

เขาถอนหายใจออกมาเพราะรู้สึกหนักใจทุกครั้งที่เห็นน้องเหนื่อยจากการทำงาน แล้วก็หนักใจเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงหรือพูดยังไงให้อีกฝ่ายยอมรับข้อเสนอที่จะให้ออกจากงานประจำแล้วมาอยู่บ้านสบายๆ สักที

 

คนพี่ละความหนักใจเอาไว้ตรงนั้นเพราะไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้ศิลายอมออกจากงานประจำมาอยู่บ้านได้ เพราะที่ผ่านมาก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดโน้มน้าวจนหมดหนทางแล้ว เขาเลยตัดสินใจหันกลับมาสนใจหนังที่กำลังฉายอยู่ในทีวีแทน

 

ศิลาที่เดินเข้ามาภายในห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มก่อนจะดึงผ้าห่มผืนหนามาคลุมตัวเอาไว้ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเช็คโซเชียลไปเรื่อย บ้างดูเฟสบุ๊คสลับกับไอจี เบื่อๆ ก็วนไปเปิดยูทูปดูบ้างเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน

 

เสียงหัวเราะคิกคักดังลอดออกมายังห้องนั่งเล่นตลอดระยะเวลาที่อาโปนั่งดูหนังอยู่ เขาแอบเหลือบมองบ้างในบางครั้งที่ได้ยิน บางทีหลุดหัวเราะตามก็มี

 

นั่นยิ่งเป็นสิ่งยืนยันความคิดของอาโปได้เป็นอย่างดีว่าศิลาเหมาะกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจริงๆ

 

เขาเป็นเด็กที่ควรจะมีความสุข...

 

พอหนังจบคนพี่ก็นั่งคิดอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอน

 

แอ๊ดดด...

 

เสียงเปิดประตูดังทันทีที่อาโปผลักบานประตูเข้าไป ศิลาที่นอนเล่นมือถืออยู่หันมามองก่อนจะยิ้มให้ คนพี่ค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนน้องด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ ริมฝีปากขบเม้มอย่างครุ่นคิด มันเห็นได้ชัดว่าอาโปเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ มันชัดจนอีกฝ่ายจับสังเกตได้

 

“มีอะไรหรือเปล่าพี่” ศิลากดล็อคหน้าจอแล้วขยับตัวขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง

 

อาโปค่อยๆ นั่งลงบนเตียงแล้วขยับเข้าไปใกล้แล้วสวมกอดคนน้องก่อนจะเอาใบหน้าซบลงที่ไหล่ของอีกฝ่าย

 

“เปล่าครับ..” คนพี่เอ่ยปฏิเสธ

 

“ผมไม่เชื่อพี่หรอก”

 

“ก็..” อาโปหยุดเว้นถอนหายใจยาว

 

“ครับ พูดมาเลยครับ” ศิลาพูดพลางยิ้มละมุนให้

 

“เราอยากออกจากงานมั้ยครับ พี่ไม่อยากให้เราเหนื่อยอ่ะ” อาโปค่อยๆ พูดออกมา เพราะรู้ว่าจริงๆ แล้วคนน้องไม่ค่อยชอบให้พูดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะก็คุยกันมาหลายรอบแล้ว คำตอบที่ศิลาตอบอยู่เสมอก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่ทุกครั้ง

 

“พี่โป.. เราคุยกันหลายครั้งแล้วนะครับเรื่องนี้” คนน้องพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง

 

“พี่เข้าใจ..แต่...”

 

“...” ศิลามองหน้าอาโปนิ่ง

 

“โอเค พี่ไม่พูดเรื่องนี้แล้วก็ได้” อาโปยิ้มให้แล้วกอดคนตัวเล็กแน่นก่อนจะคลายออก แล้วขยับออกมาให้อยู่ในระยะที่สามารถมองเห็นหน้ากันได้ชัดเจน คนพี่ยกมือทั้งสองข้างจับไหล่ทั้งสองข้างของศิลาไว้แน่น

 

“คือ... ถ้าพี่ให้เราออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆ เราไม่เอาใช่มั้ย”

 

“อื้อ” คนน้องพยักหน้า

 

“งั้น..เรามาทำงานกับพี่นะ”

 

“ห้ะ” ศิลาอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

 

“มาทำงานกับพี่”

 

“พี่โปหมายความว่าไงครับ”

 

“ก็พี่ขอให้เราลาออกจากที่ทำงานมาอยู่บ้านเฉยๆ เราก็ไม่ยอมใช่มั้ยล่ะ” อาโปเว้นวรรคหายใจก่อนจะพูดต่อ “งั้นพี่ขอจ้างเราแทนละกัน”

 

“เดี๋ยวนะครับ หมายถึงให้ผมย้ายมาทำงานบริษัทของที่บ้านพี่อะหรอ”

 

“เปล่า พี่จะเปิดบริษัทใหม่” อาโปพูดพร้อมยิ้มมุมปาก

 

“เดี๋ยวๆๆ ผมตามไม่ทันแล้ว” ศิลาเอ่ย

 

“พี่จะเปิดสตูดิโอสอนการแสดง สอนร้องเพลง สอนเต้นอะไรแบบนั้นอ่ะ”

 

“คิดไงถึงอยากเปิดสตูครับ” ศิลาถามด้วยความแปลกใจ

 

“ก็ธุรกิจบันเทิงบ้านเรากำลังมาอ่ะ พี่เลยคิดว่าถ้าเราทำสตู เวลามีเด็กมาเรียนก็เหมือนเราได้ค้นหาเด็กที่มีแววไปด้วยเลยไง อีกอย่างเราสองคนก็พอจะมีคอนเน็กชั่นในวงการนี้อยู่บ้างก็น่าจะส่งต่อเด็กได้ไม่ยากนะ”

 

ศิลาที่นั่งฟังก็พยักหน้าตามหงึกๆ

 

“หรือไม่งั้นก็อาจจะปั้นเด็กด้วยตัวเองไปเลยงี้ เพราะสตูที่พี่จะเปิดก็แทบจะครบวงจรอยู่แล้วนะ เงินทุนพี่ก็พอมีอยู่จะทำซีรีส์ ทำเพลงก็พร้อมหมด”

 

“โห ฟังดูแล้วใหญ่โตเหมือนกันนะพี่โป”

 

“ช่าย ก็ลงทุนเปิดทั้งทีแล้วก็ต้องเอาให้คุ้มสิ” คนพี่พูดไปยิ้มไป

 

“แต่ก็ต้องใช้เงินเยอะน่าดูเลยนะครับ” ศิลาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ

 

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่นานเดี๋ยวก็ได้ทุนคืนแล้ว” อาโปยิ้มกว้างพลางลูบหัวคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

“อ่อ..” ศิลาลากเสียงยาวพลางคิดตาม

 

อาโปมองคนข้างๆ ด้วยสายตาเอ็นดู “พี่อ่ะนะ อยากให้เรามาดูแลสตู จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากไง”

 

“ทำธุรกิจมีไม่เหนื่อยด้วยเหรอครับ ยิ่งต้องมาดูแลบริหารทั้งสตู ผมว่าเหนื่อยกว่างานปัจจุบันผมแน่ๆ” คนน้องพูดติดตลก

 

“ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะจ้างคนเข้ามาทำงานให้ครบทุกตำแหน่งเลย เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไง”

 

“แล้วแบบนี้จะจ้างผมมาทำงานตำแหน่งอะไรล่ะครับ” ศิลาเอ่ยถามจ้องคนพี่ตาแป๋ว

 

“ก็..ตำแหน่งแฟนพี่ไงครับ”

 

“แหวะ.. งั้นผมขอทำงานที่เดิมดีกว่า” คนน้องแลบลิ้นล้อเลียน

 

“ฮ่าๆ พี่ล้อเล่นหน่า..” อาโปยิ้มบางๆ ที่มุมปาก “งั้นมาทำบัญชีให้พี่ละกัน”

 

“ทำไมล่ะครับ”

 

“ก็พี่อยากเราเป็นคนดูแลเงินให้พี่ไง รายได้ทุกอย่างของสตูพี่จะให้เราดูแล โอเคมั้ย”

 

“โห.. งั้นผมจะแอบใช้ให้หมดเลย” คนน้องส่งเสียงแกล้งคนพี่ที่ส่งยิ้มมาอย่างเอ็นดู

 

“ตามสบายเลย พี่ยกให้ครับ”

 

“ป๋าซะด้วย” ศิลายิ้มกว้าง

 

อาโปยักไหล่เล็กน้อย “ก็.. ธรรมด๊า”

 

“แหวะๆๆๆ”

 

“แล้วตกลงจะย้ายมาทำงานกับพี่มั้ยครับ” อาโปเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อย้ำความมั่นใจ

 

“อื้อ” คนน้องพยักหน้ารับแล้วยิ้มบางๆ ออกมา

 

อาโปคว้ามือทั้งสองข้างของศิลามากุมไว้แน่น “หลังจากนี้มาลุยไปด้วยกันนะ!”

------------------------------------

ฝาก #อาโปรักศิลา ด้วยนะค้าบบบ ภาคต่อของ #ศิลาของอาโป ครับ