หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...

อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ) - บทที่ 2 ไอ้เด็กนี่มันยังไงกันนะ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,อาโปรักศิลา,นิยายวาย,วาย,Yaoi,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อาโปรักศิลา,นิยายวาย,วาย,Yaoi,BL,BoyLove

รายละเอียด

อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ) โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...

สารบัญ

อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-Intro บทนำ,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 1 มาเริ่มกันเถอะ!,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 2 ไอ้เด็กนี่มันยังไงกันนะ,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 3 เอาไงล่ะทีนี้,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 4 อย่าตีกัน,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 5 แผลใจได้รับการเยียวยา,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 6 อย่าปล่อยให้งานมากระทบความสัมพันธ์ของเรา,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 7 ความเครียดถาโถม,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-ตอนพิเศษ 1 ส่วนที่ขาดหายไปในบทที่ 7 (NC),อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 8 เกิดข้อเปรียบเทียบ,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 9 หยุดยาวนี้อย่าให้ใครมาขวางสองเรา,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 10 ลองดูสักตั้ง,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 11 เป็นเรื่องจนได้,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 12 ถึงเวลาของแกสักที,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 13 Lucky in work but what about love?,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 14 ร่างกายอ่อนแอคนเทคแคร์เลยจำเป็น,อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-บทที่ 15 หนทางข้างหน้ายังคงยาวไกล (ตอนจบ),อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)-ตอนพิเศษ ครบรอบ 3 ปี #BDWAANJAI3YRS

เนื้อหา

บทที่ 2 ไอ้เด็กนี่มันยังไงกันนะ

เสียงสัญญาณเปิดประตูสตูดิโอดังขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะหลังจากเปิดบริการมาได้เพียงสองอาทิตย์แต่ก็มีผู้คนสนใจมาสมัครกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากที่นี่มีทั้งคอร์สเรียนการแสดง และคอร์สเรียนเต้น ที่มีครูผู้สอนเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์การทำงานจริงในวงการบันเทิงอีกด้วย ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้อาโป เจ้าของสตูฯ ที่ใช้คอนเนคชั่นของตัวเองที่เคยผ่านงานในวงการดีลครูเหล่านั้นให้มาสอนยัง AS Studio & Academy แห่งนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสตูฯ เล็กๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ก็ตาม

 

“สวัสดีคร้าบ” เสียงเอ่ยทักทายเจื้อยแจ้วของเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาดังขึ้น

 

“เอ้า! เอ็ม มาเร็วจังวันนี้” ศิลาเอ่ยทักเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

 

“ผมคิดถึงพี่ศิลาอ่ะ เลยรีบมา” เอ็มพูดไปยิ้มไปแบบทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงอ้อน

 

“ถ้าพี่อาโปมาได้ยินแกตายแน่”

 

“ผมหยอกเล่นน่า”

 

เอ็มเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่างตรงด้านหน้าเคาท์เตอร์ของสตู ก่อนจะปลดกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองออกมาวางไว้บนเก้าอี้ตัวข้างๆ

 

“เรียนตั้งบ่ายโมง ทำไมรีบมา ยังไม่เที่ยงเลย” ศิลาถามด้วยความสงสัย

 

“เบื่อๆ อ่ะพี่ วันนี้ไม่มีคนอยู่บ้านด้วย เลยออกมานั่งที่นี่ดีกว่า อย่างน้อยก็มีพี่คุยเป็นเพื่อน”

 

“ใครบอกว่าพี่จะคุยกับแก ต้องทำงานทำการมั้ย” ศิลาส่ายหัวแล้วหันกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดอยู่แล้วพิมพ์อะไรบางอย่างจนเสียงแป้นพิมพ์ดังก๊อกแก๊กออกมา

 

“คุยกับใครอ่ะ” เอ็มเสนอหน้ามาถาม

 

“ตอบลูกค้าอยู่..”

 

“งั้นเดี๋ยวผมออกไปเซเว่นแป๊บนะ หิวอ่ะ พี่จะเอาไรป้ะ?”

 

“ไม่เป็นไรๆ แกไปเหอะ” ศิลาเอ่ยตอบโดยที่สายตายังจ้องที่หน้าจอคอมอยู่

 

“ก็ด้ะ” เอ็มยู่ปากก่อนจะเดินออกจากสตูไป

 

“ทำไมวันนี้ไอ้เด็กนั่นมาเร็วจังวะ” กานต์เดินถือผลไม้หลายอย่างที่จัดใส่จานมาอย่างดีมาวางไว้บริเวณที่ว่างหลังเคาท์เตอร์ข้างๆ ศิลา

 

“มันบอกว่าอยู่บ้านคนเดียวแล้วเบื่ออ่ะ เลยมานั่งเล่นที่นี่” ศิลาพูดพลางจิ้มแตงโมเข้าปากไปชิ้นหนึ่ง

 

กานต์พยักหน้ารับพลางค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างรุ่นน้องอย่างศิลา ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารที่รวบรวมรายชื่อและประวัติของเด็กๆ ที่เข้ามาเรียนที่นี่มาเปิดดูไปทีละคน

 

เขาถูกอาโปและศิลาชักชวนให้มาทำงานด้วยกันในส่วนของฝ่ายดูแลและพัฒนาศิลปิน หน้าที่หลักๆ ของกานต์ก็คือช่วยจับตามองว่าเด็กคนไหนที่เข้ามาเรียนแล้วดูมีแววก็ให้มากระซิบบอกอาโป เพื่อที่จะได้ติดต่อทาบทามให้เข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดของที่บริษัท รวมไปถึงคอยช่วยดูแลและพัฒนาเหล่าเด็กฝึกหัดของบริษัทให้มีศักยภาพพร้อมสำหรับการทำงานในวงการบันเทิงต่อไป

 

แต่สตูดิโอก็เพิ่งเปิดมาได้แค่สองอาทิตย์อ่ะเนอะ กานต์ก็เลยยังไม่ได้ทำอะไรมากสักเท่าไหร่หรอก เพราะตั้งแต่เปิดมาก็ยังไม่เจอเด็กที่มีแววเข้าตาเลยสักคน

 

“ทำไม? มีใครน่าสนใจเหรอครับ” ศิลาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่กำลังขะมักเขม้นในการเปิดแฟ้มประวัตินักเรียนดู

 

“อ๋อ เปล่าๆ พอดีไอ้เตมันกำลังจะทำซีรีส์เรื่องใหม่อ่ะ เลยบอกว่าให้ช่วยหาเด็กไปแคสให้หน่อย พี่เลยมาลองหาดูจากของเราก่อน”

 

“อ๋อครับ ลองเลือกดูเลยพี่ ถ้าพี่เตสนใจคนไหนก็บอกละกัน เดี๋ยวผมติดต่อให้” ศิลายิ้มตอบ

 

“เออ เดี๋ยวกูลองเลือกดูก่อน มึงมีใครแนะนำป่ะวะ”

 

“อืม...” ศิลานิ่งคิด “ไม่มีเลยว่ะพี่ มันเพิ่งเปิดมาแค่สองอาทิตย์เองอ่ะ ยังไม่เจอใครที่โดดเด่นเลยว่ะ”

 

“อ่อ..” กานต์พยักหน้าพลางเปิดแฟ้มดูไปเรื่อยๆ

 

เข็มนาฬิกาขยับไปเรื่อยๆ ในขณะที่ทุกชีวิตในสตูฯ ก็ดำเนินไปตามหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ศิลาเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังสายตาเห็นเข็มยาวชี้ที่เลข 10 ซึ่งหมายความว่าตอนนี้เป็นเวลา 11:50 น. แล้ว

 

อีกสิบนาทีจะหมดคลาสช่วงเช้า...

 

“ป้าพรครับ เดี๋ยวถ้าห้องใหญ่เลิกคลาสแล้ว ผมรบกวนป้าทำความสะอาดให้หน่อยนะครับ เพราะบ่ายมีคลาสต่อ” ศิลาหันไปพูดกับป้าแม่บ้านที่อาโปจ้างมาไว้ประจำสตูฯ เพื่อที่ศิลาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำความสะอาดหลังสตูปิดในทุกๆ วันอีก

 

“ค่ะคุณศิลา” ป้าพรรับคำด้วยรอยยิ้มแล้วหันไปหยิบอุปกรณ์ประจำตัวอย่างไม้กวาดและที่โกยขยะติดมือแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป

 

“เป็นไงมั่งพี่” ศิลาหันกลับมาดูกานต์ที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับแฟ้มรายชื่อเด็กๆ ด้วยสีหน้ายู่ คิ้วหมวดเข้าหากัน เพราะยังไม่เจอเด็กๆ ที่เข้าตาเลยสักคน

 

“ยากว่ะ ยังไม่เห็นแววใครสักคน” กานต์ส่ายหัวโดยมีศิลานั่งมองแล้วอมยิ้มอยู่ข้างๆ

 

“เดี๋ยวก็เจอพี่ ใจเย็นๆ”

 

“เออจริง ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามเนอะ”

 

“ช่ายพี่”

 

ปึง!

 

เสียงกระแทกประตูดังลั่นขึ้นทั้งกานต์และศิลาเลยหันไปมอง เป็นเด็กผู้ชายตัวกวนประจำสตูฯ อย่างเอ็มเดินถือถุงขนมพะรุงพะรังเข้ามาพร้อมน้ำอีกสองแก้ว เดินตรงเข้ามายังบริเวณเคาท์เตอร์ที่ศิลานั่งอยู่

 

“มาละค้าบบบบ” เอ็มวางแก้วน้ำจากร้านสะดวกซื้อที่ข้างแก้วเต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะอยู่ “ซื้อมาฝากครับพี่ศิลา”

 

“ขอบใจๆ”

 

“ไม่เป็นไรครับ เพื่อพี่ศิลา ให้ผมซื้อเลี้ยงทั้งชีวิตยังไหวเล้ยยย” เอ็มพูดไปพลางหัวเราะไป

 

“เอาอีกแล้วนะ บอกไม่จำ ถ้าพี่อาโปมาได้ยิน แกไม่รอดแน่” ศิลาทำหน้าขู่แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งขำมากกว่าเดิมเพราะอดเอ็นดูในความน่ารักของคนเป็นพี่ไม่ได้

 

“ผมล้อเล่นน่า ขำๆ”

 

“ระวังจะขำไม่ออกเหอะ” ศิลาพูดจบก็คว้าเอาแก้วน้ำที่เด็กหนุ่มตรงหน้าซื้อมาฝากขึ้นดื่ม

 

“แล้วไม่มีของพี่เลยหรอ” กานต์พูดแทรกขึ้นพลางสอดส่ายสายตามองไปยังถุงขนมที่เอ็มถือเข้ามาเยอะแยะ

 

“ไม่มีครับ” เอ็มตอบด้วยสีหน้ากวน

 

“โห.. ใจร้ายว่ะ”

 

“ไม่ใช่พี่ศิลา ก็ต้องเหนื่อยหน่อยนะครับพี่กานต์ ฮ่าๆ” เอ็มพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย แล้วก็ยังต้องหลบหลีกหมัดจากฝีมือของกานต์ให้ได้อีกด้วย

 

“ไอ้เอ็ม วอนโดนทุบละน้า…” กานต์มองเอ็มด้วยสายตาคาดโทษ

 

“หยอกเล่นนะค้าบบบ พี่กานต์อยากกินไรหยิบได้เลยครับ”

 

“เอาเถอะ แกก็รีบกิน เดี๋ยวบ่ายโมงคลาสเริ่มละนะ” กานต์พูดแล้วคว้าเอาขนมมันฝรั่งอบกรอบไปหนึ่งถุง

 

“ครับพี่”

 

เอ็มคว้าเอาขนมปังชิ้นโตเข้าปากหลังพูดจบ มือหนึ่งถือแก้วน้ำส่วนอีกมือก็คว้าถุงขนมที่เหลือไว้เตรียมจะเดินขึ้นชั้นบนเพื่อไปรอเข้าคลาสตอนบ่าย แต่ยังไม่ทันที่จะลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินไปไหน เสียงประตูบานใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าของสตูฯ ก็เปิดขึ้นพร้อมร่างสูงที่เปล่งประกายออร่าของอาโปก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดสูทหล่อเท่ ในมือถือไอแพดและกระเป๋าเอกสารเล็กๆ กำลังเดินตรงเข้ามาที่บริเวณศิลานั่งอยู่

 

“หวัดดีพี่” กานต์ยกมือไหว้รุ่นพี่คนหล่อตรงหน้า

 

“หวัดดีน้อง” อาโปตอบรับแล้ววางกระเป๋าลงบนเคาท์เตอร์

 

“หวัดดีครับ” เอ็มยกมือไหว้ก่อนจะค่อยๆ ถอยตัวหลบออกมา

 

“เหนื่อยมั้ยครับ” ศิลาเอ่ยถามแล้วคว้าเอากระเป๋าเอกสารของอีกฝ่ายลงไปเก็บไว้ในลิ้นชักใต้โต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่

 

“ไม่เท่าไหร่ครับ วันนี้เจอลูกค้าน่ารัก เลยคุยง่ายหน่อย”

 

“กินไรมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ศิลาเอ่ยถาม

 

“ไม่เป็นไร พี่กินมาละ ขอบคุณที่เป็นห่วงพี่นะครับ” อาโปอมยิ้มพูดมือหนาพลางเอื้อมไปบีบแก้มศิลาที่ยืนยิ้มอยู่ตรงข้าม

 

“โอ่ยยย หมั่นไส้ๆๆ” กานต์เอ่ยพูดขัดขึ้นมาทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า พร้อมเบะปากและมองบนใส่ทั้งอาโปและศิลา

 

“เอ่อ.. งั้นผมขึ้นไปเรียนก่อนนะครับ” เอ็มเอ่ยพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่อยากเสียมารยาทแล้วเดินออกไปเฉยๆ

 

“อื้ม ตั้งใจเรียนด้วย อย่ากวนครูให้มากนักล่ะ” ศิลาเอ่ยแซวจนเอ็มอดยิ้มเขินจนตาหยีไม่ได้ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นชั้นบนไป

 

“งั้น เดี๋ยวกูขึ้นไปดูเด็กๆ เรียนกันหน่อยดีกว่าเนอะ เผื่อมีใครเข้าตากูบ้าง” กานต์พูดก่อนจะแอบเหล่ตามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “แล้วก็.. จะได้ไม่ต้องอยู่เป็น กขค ด้วยเนอะ!!”

 

“เดี๋ยวเหอะ” อาโปชี้หน้าในขณะที่กานต์ขำไม่หยุดแล้วคว้าเอาแฟ้มรายชื่อเด็กในสตูเดินขึ้นไปห้องซ้อมชั้นบน

 

อาโปเมื่อเห็นว่ากานต์เดินขึ้นชั้นบนไปแล้วและตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่บริเวณอีกด้วย เขาจึงเดินอ้อมมายังหลังเคาท์เตอร์แล้วตรงเข้าสวมกอดร่างบางจนเต็มอก ก่อนจะหอมแก้มศิลาไปฟอดใหญ่

 

“พี่โป ระวังหน่อยสิครับ ที่นี่เด็กเยอะนะครับ” ศิลาตีต้นแขนอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อแก้เขิน

 

“ก็ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ตรงนี้นี่นา” พูดจบอาโปก็ลอบหอมแก้มอีกข้างที่เหลือด้วยความรวดเร็ว

 

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมดังขึ้นทำเอาทั้งคู่ตกใจจนสะดุ้งตัวโยน

 

“ระวังหน่อยสิคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีเอานะคะ” ป้าพรที่เพิ่งเดินลงมาจากการทำความสะอาดห้องซ้อมเอ่ยทักเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าระหว่างเจ้านายทั้งสองคนของเขา

 

“แหะๆ ขอโทษครับป้าพร” อาโปยิ้มเจื่อนแล้วค่อยๆ คลายกอดออกจากศิลาแล้วขยับห่างออกมานิดหน่อย

 

“ป้าไม่ได้อะไรหรอกค่ะ กลัวแต่ว่าถ้าเด็กๆ มาเห็นเข้าแล้วไปเล่าให้คนอื่นฟัง คุณอาโปกับคุณศิลาจะดูไม่ดีเอานะคะ ป้าเป็นห่วง”

 

“ครับ ผมเข้าใจ ขอบคุณป้าพรมากนะครับ” อาโปเอ่ยรับคำด้วยน้ำเสียงเข้มก่อนป้าพรจะยิ้มให้แล้วเดินออกไปทางด้านหลังสตูฯ

 

“งั้นพี่ขึ้นไปห้องทำงานก่อนนะครับ” อาโปเอ่ยกับศิลา

 

“ครับพี่โป อยากได้อะไรก็ไลน์ลงมานะครับ” ศิลายิ้มแป้นให้อาโปก่อนที่คนร่างสูงจะเดินถือไอแพดขึ้นชั้นสามไป ส่วนเขาก็นั่งลงที่เคาท์เตอร์เหมือนเดิม

 

เด็กๆ ในคลาสบ่ายเริ่มทยอยเดินทางมาถึงที่สตูฯ กันเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นวัยรุ่นเสียเยอะ เพราะส่วนใหญ่ไม่ตื่นเช้ากันจึงมักมาลงคลาสบ่ายกันเป็นจำนวนมาก ก็คึกคักไปอีกแบบ แต่ละคนมาถึงก็ทักทายศิลาที่นั่งหน้าเคาท์เตอร์แล้วทยอยเดินขึ้นชั้นบนกันไป เอาจริงๆ ที่ศิลาต้องทำก็มีอยู่แค่นี้ ต้อนรับขับสู้ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่มาเรียนหรือผู้ปกครองที่มารอน้องๆ แล้วก็คอยรับสมัครชี้แจงรายละเอียดคลาสว่ามีอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ ส่วนเวลาที่เหลือก็คอยทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้สตูเพียงเท่านั้น

 

คลาสบ่ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อถึงเวลาและเด็กๆ เข้าคลาสจนครบ ครูที่มาสอนในวันนี้ก็เป็นพี่ที่ศิลารู้จักสมัยที่เคยถ่ายงานโฆษณาด้วยกัน เห็นว่าเป็นแอคติ้งโค้ชอยู่ พอเปิดสตูก็เลยทักไปชวนมาร่วมงานด้วย

 

ขณะที่ศิลาและอาโปต่างทำหน้าที่ของตัวเองอยู่นั้น กานต์ก็ต้องรับผิดชอบงานตัวเองต่อเช่นเดียวกัน เขาตรงมายังหน้าห้องซ้อมห้องใหญ่สุดของสตูฯ พร้อมรายชื่อของเด็กที่เรียนคลาสบ่ายวันนี้ เพื่อที่จะมองหาเด็กที่พอจะมีแววไปแคสซีรีส์ของเต

 

เขาเดินเข้าไปนั่งอยู่มุมด้านหลังของห้องในขณะที่คลาสก็ดำเนินไปตามรูปแบบของมัน คลาสนี้เป็นการแสดงครูก็ให้น้องๆ ทุกคนทำ Relaxation เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและเกิดสมาธิ ก่อนจะทำกิจกรรมอื่นๆ ในคลาสต่อไป

 

แรกๆ กานต์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะมีใครที่โดดเด่นสะดุดตามากสักเท่าไหร่นัก จนกระทั่งครูสอนการแสดงได้เริ่มให้เด็กแต่ละคนทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับการแอคติ้งเบื้องต้น ก็เลยทำให้กานต์ได้เห็นพลังงานที่โดดเด่นบางอย่างของเอ็มที่เฉิดฉายเปล่งประกายท่ามกลางกลุ่มเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นความประทับใจแรกที่กานต์สัมผัสได้จากเอ็ม เขาเอาปากกาเขียนเครื่องหมายวงกลมไว้บนหัวกระดาษประวัติของเอ็ม

 

“เดี๋ยวเบรกสิบนาทีนะคะ” เสียงครูสอนแอคติ้งดังขึ้น เด็กๆ ก็ทยอยเดินออกจากห้อง ส่วนกานต์ก็เตรียมจะเก็บของออกจากห้องซ้อม แต่ศิลาก็เดินเข้ามาหาเสียก่อน

 

“ไงพี่ ได้เรื่องมั้ย”

 

“อือ เจอละ” กานต์ชูใบประวัติของเอ็มให้ศิลาดู

 

“ไอ้เอ็มอ่อพี่?”

 

“ใช่ มันมีของนะเด็กคนนี้อ่ะ”

 

“จริงป่ะพี่ เห็นมันเอาแต่กวนตีน” ศิลาเอ่ยพูดพลางหัวเราะไปด้วย

 

“รอดูป่ะล่ะ”

 

“ไม่เป็นไรอ่ะพี่ ไม่อยากกวนสมาธิเด็กๆ” ศิลาปฏิเสธ

 

“เอ๊ะ! นี่มึงหลอกด่ากูป่ะเนี่ย” กานต์เอ่ยถามอย่างสงสัย โดยมีศิลายืนหัวเราะบางๆ อยู่ข้างๆ

 

“บ้าพี่! คิดมาก ฮ่าๆ” ศิลาหันไปมองเด็กๆ ที่เริ่มทยอยกลับเข้ามาในห้องก่อนจะหันไปเอ่ยกับรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไปกันเถอะพี่ เด็กๆ เบรกกันเสร็จละ”

 

“เคๆ”

 

ศิลาและกานต์ตัดสินใจเดินออกจากห้องซ้อมซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เอ็มกลับมาจากเข้าห้องน้ำและเดินสวนเข้ามาพอดี

 

“เอ้าพี่ศิลา” เอ็มร้องทัก

 

“อะไร เรียกทำไม!”

 

“ขึ้นมาทำไรครับ คิดถึงผมเหรอ” เอ็มพูดด้วยน้ำเสียงกวนจนศิลาต้องเผลอเหลือบตามองบนเพราะความหมั่นไส้

 

“พี่โปปปป!!!” ศิลาแกล้งตะโกนเสียงดังเรียกอาโปที่อยู่ชั้นสาม เพราะอยากแกล้งเอ็มที่ชอบมาหยอดมุกเต๊าะอยู่เรื่อย

 

“ทำมาเป็นนน.. อยากเจอหน้าผมก็บอกมาเหอะ” เอ็มยังคงพูดต่อแล้วทำหน้าล้อเลียน

 

“มีไรกันครับ แกล้งแฟนพี่เหรอ” อาโปเดินลงมาจากชั้นสามแล้วเอ่ยทักขึ้น

 

“เชี่ยย!!” เอ็มอุทานลั่นด้วยสีหน้าตกใจ จนศิลาและกานต์หลุดขำออกมา

 

“เอ้ย พี่ๆๆ ผมล้อเล่นๆ” เอ็มหน้าเสียทันทีพร้อมยกมือไหว้ปลกๆ พอได้ยินแบบนั้น

 

“สม!! อยากให้มันโดนสักที” กานต์เอ่ยพูดเสริมขึ้นมาพลางหัวเราะร่วน

 

“ไป เข้าไปเรียนได้แล้ว” ศิลาพูดพร้อมโบกมือไล่

 

“คร้าบบบ” เอ็มยิ้มแป้นแล้วหันหลังเดินเข้าห้องไป

 

“โดนเด็กจีบเหรอครับ” อาโปเอ่ยพูดทันทีที่ประตูห้องเรียนปิดลง แม้จะเป็นการแซวแต่ใบหน้านิ่งของคนพี่ก็ทำเอาศิลาเองแอบเสียวสันหลังวูบอยู่เหมือนกัน

 

“มันกวนตีนเฉยๆ อ่ะพี่โป ไม่มีไรหรอก” ศิลายิ้มแล้วบอกปัด

 

“งั้นต้องจัดแล้วป่ะ กล้ามากวนตีนแฟนพี่อ่ะ” อาโปเอ่ยเสียงแข็งทำหน้าตาดุดัน

 

“พี่โปครับ น้องมันหยอกเล่นเฉยๆ” ศิลาทำสายตาอ้อน

 

“โอ๋ๆ พี่ล้อเล่นค้าบบบบ” มือหนายกขึ้นยีหัวร่างบางในขณะที่กำลังพูด รอยยิ้มอบอุ่นค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอาโป นั่นยิ่งทำให้ศิลาค่อยสบายใจขึ้นหน่อย

 

เพราะเรื่องความหึงหวงของอาโปนั้นมันน่ากลัวมากจริงๆ สำหรับเขา..

 

“อ่ะ.. สวีทกันเสร็จยัง ลืมไปละมั้งว่ามีคนยืนอยู่ตรงนี้อ่ะ” กานต์พูดแทรกขึ้นมาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นอากาศไปเรื่อยๆ

 

“โทษทีๆ คุยเพลินไปหน่อย” อาโปตอบกลับพลางยิ้มมองอย่างมีเลศนัย “คนโสดอาจจะไม่เข้าใจ”

 

“โอ้โหหหหห พี่อาโป พูดงี้ต่อยผมเลยเหอะ” กานต์พูดเสียงดังหลังจากได้ยินสิ่งที่คนตัวสูงพูด

 

“อ่ะ พูดเองน้า” อาโปกำหมัดแน่นแล้วชูขึ้นมาง้างเตรียมจะซัดหน้ากานต์

 

“เห้ยพี่!! ผมประชด!!!” กานต์กระโดดหลบออกไปพร้อมเสียงหัวเราะของอาโปและศิลา

 

“ก็นึกว่าจะแน่” อาโปพูดแซวต่อ

 

“พอเลยพี่” กานต์พูดแล้วหันไปหาศิลา “ดูแลผัวมึงด้วยไอ้ห่า”

 

“บ้า!!! ผัวใคร ไม่มี นี่พี่น้องงงงกั๊นนนนนน!!!!” ศิลาเอ่ยตอบเสียงสูง

 

“อ้อหรอออออ” กานต์ลากเสียงยาวประชดรุ่นน้องที่ยืนอยู่ตรงพลางเบะปากใส่

 

“พี่น้องแบบไหนก็ไปคิดเอาเองละกันนะน้อง” อาโปพูดจบก็เอื้อมมือไปคว้าเอวของศิลาแล้วดึงมากอดไว้แน่น

 

“เห้อ จะบ้าตาย” กานต์เอามือขยี้หัวด้วยความรำคาญ “นี่นะ! ใครๆ เขาก็บอกว่าพี่อาโปทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ ทั้งอบอุ่น มันจะมีใครมาเห็นแบบที่ผมเห็นบ้างมั้ยเนี่ย ว่าตัวจริงพี่อาโปเนี่ยมันร้ายขนาดไหน” กานต์บ่นยาวจนคนทั้งสองที่ยืนฟังอยู่อดยิ้มตามไม่ได้ จะว่าสงสารก็สงสาร แต่คนโสดอย่างกานต์คงไม่มีวันเข้าใจว่าอาการคลั่งรักมันเป็นยังไง

 

“เอ้อ.. เดี๋ยวขอคุยด้วยแป๊บนึงดิ เรื่องไอ้น้องเอ็มอ่ะ” กานต์พูดแทรกขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นมาได้

 

“เออ ไปพี่ ไปคุยในห้องประชุมก็ได้ครับ” ศิลาเอ่ยตอบ

 

“มีไรกันหรอ” อาโปถามขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ

 

“พอดีไอ้เตมันกำลังหานักแสดงหน้าใหม่ไปเล่นซีรีส์ที่มันกำกับอ่ะพี่ แล้วพอดีผมสนใจน้องเอ็มเลยอยากคุยเพิ่มเติมกันสักหน่อยครับ”

 

“อ่อ ดีๆ พี่ฝากด้วยนะ เผื่อสตูฯ ดังขึ้น คนจะได้มาเรียนเยอะๆ เก็บเงินไปทำซีรีส์เองมั่ง” อาโปเอ่ยพูดแล้วหันไปมองทางศิลา “พี่จะได้ให้แฟนพี่มาเล่นเป็นนายเอก”

 

“แล้วจะให้ใครเป็นพระเอกครับ” ศิลาถามกลับ

 

“พี่ว่า.. หนูไม่น่าถามคำถามนี้กับพี่นะ”

 

“โอ๊ยยย!!! พอ!!!!! รำคาญ เหม็นความรัก” กานต์ร้องดังลั่นก่อนจะเดินแทรกเบียดกลางผ่าทั้งคู่ให้แยกออกจากกันแล้วเดินขึ้นห้องประชุมที่อยู่ชั้นสามไป

 

คลาสเรียนตอนบ่ายเลิกพร้อมๆ กับที่ศิลา อาโป และกานต์คุยกันเสร็จ ทั้งสามคนเดินลงมาผ่านชั้นสองจนมาถึงชั้นล่างก็เห็นเอ็มกำลังนั่งกินขนมอยู่ที่บริเวณเคาท์เตอร์เหมือนเมื่อตอนก่อนจะขึ้นไปเรียน

 

“นี่กินอีกแล้วเหรอ” ศิลาเอ่ยถามเอ็มขณะเดินเข้าไปนั่งยังที่ประจำตำแหน่งของตัวเอง

 

“ก็มันหิวอ่ะพี่” เอ็มบ่นพร้อมทำหน้ายู่

 

“ระวังจะอ้วนเอาเหอะ”

 

“ผมออกกำลังกายทุกวัน ไม่อ้วนแน่นอน” เอ็มพูดแล้วยักคิ้วกวน “กินมั้ยครับ” เขายื่นช็อกโกแลตบาร์ไปตรงหน้าศิลา

 

“ไม่เอาอ่ะ กินเหอะ” ศิลาปฏิเสธ

 

“โห ใจร้ายจัง ปฏิเสธน้ำใจผมได้ไงเนี่ย กินหน่อยเหอะน้า~ นะๆๆ นะครับ” เอ็มวอแวพลางทำหน้าอ้อนโดยไม่ทันได้สังเกตว่าเจ้าของศิลากำลังยืนมองตาแข็งด้วยความไม่พอใจ

 

“อ่ะแฮ่ม!” เสียงกระแอมไอดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาโอบเอวคนตัวเล็กกว่าไว้แน่น “กินไรกันเหรอ แบ่งพี่มั่งสิครับ” อาโปเอ่ยเสียงเข้ม

 

“เอามั้ยครับ” เอ็มยื่นให้ด้วยความเกร็งจนศิลากับกานต์ที่ยืนมองอยู่อดที่จะกลั้นขำไว้ไม่ได้

 

“กินเหอะน้อง พี่ไม่ชอบครับ”

 

“อ่อ ครับ” เอ็มรับคำแล้วยัดช็อกโกแลตบาร์ที่เหลือเข้าปากจนหมดแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ แทนที่จะพูดอะไรต่อไป

 

“เออ เอ็ม วันนี้ทำได้ดีเลยนะตอนเรียนอ่ะ” กานต์พูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเริ่มจะเงียบเกินไป

 

“ขอบคุณครับพี่กานต์”

 

“สู้ๆ นะน้อง พยายามเข้าไว้ เผื่อโอกาสเข้ามาเราจะได้พร้อมคว้ามันเอาไว้” กานต์เอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างจริงใจ เขาน่ะนะอยากจะผลักดันเด็กคนนี้จริงๆ แววซุปเปอร์สตาร์มันเริ่มฉายออกมาให้เห็นอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ

 

“ได้พี่ ผมจะพยายาม” เอ็มพูดจบก็กระโดดลงจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ “งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ หวัดดีครับพี่ๆ” เขายกมือขึ้นไหว้แล้วหันไปทางซ้ายจรดทางขวาเพื่อบอกลาศิลา อาโป และกานต์พร้อมกันในคราวเดียว ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินออกไป

 

“มันกวนตีนมากเลยนะเด็กคนนี้” อาโปเอ่ยขึ้นทันทีที่เอ็มก้าวพ้นประตูออกไป

 

“ใช่พี่” ศิลาเอ่ยตอบ

 

“มันเก่งนะพี่ วันนี้ไปแอบนั่งดูตอนเรียนมา มีของๆ” กานต์เอ่ยเสริม ศิลาเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของกานต์ จะมีก็แค่อาโปนี่แหละที่ถอนหายใจพร้อมใบหน้าที่แอบแฝงความเครียดเอาไว้ได้ไม่มิดเท่าไหร่นัก

 

“เห้อ” เสียงถอนหายใจของอาโปยาวทำเอาทั้งศิลาและกานต์ต้องหันมามองเป็นตาเดียว

 

“มีไรเหรอครับพี่โป” ศิลาถามอย่างห่วงใย

 

“คือพี่... รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับเอ็มเลยแฮะ”

 

“ทำไมอ่า..” ศิลาไม่เข้าใจว่าทำไมอาโปถึงรู้สึกแบบนั้น

 

“ก็...”

 

“...” ศิลานิ่งฟัง

 

“ก็... มันแบบ...” อาโปอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมพูดออกมา

 

“พี่โปปป พูดมาเหอะครับ ผมลุ้นจะแย่แล้วเนี่ย!” ศิลาพูดด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงเล็กน้อย เพราะเริ่มจะหมดความอดทนที่จะต้องมานั่งลุ้นคำตอบจากปากของอีกฝ่ายแล้ว

 

“พี่ไม่ชอบที่มันชอบมายุ่งกับแฟนพี่อ่ะ!!!”

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะลั่นของทั้งศิลาและกานต์ดังขึ้นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย

 

“นี่พี่หึงผมหรอ กับไอ้เอ็มเนี่ยนะ!? ฮ่าๆ” ศิลายังคงขำอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่คาดคิดว่าอาโปจะรู้สึกแบบนั้น

 

“เอ่ออ... งั้นผมขอตัวดีกว่าเนอะ เรื่องในครอบครัว ผมขอไม่ยุ่งละกัน” กานต์โบกมือหยอยๆ บอกลาศิลาและอาโป ก่อนจะค่อยๆ เลียบๆ เคียงๆ เดินออกจากบริเวณนั้นไป

 

“ก็ไม่ได้หึงงง แค่ไม่ค่อยชอบใจอ่ะ ที่น้องมันชอบมาวอแวกับหนูอ่ะ” อาโปเอ่ยบอกศิลาด้วยน้ำเสียงอ้อน โดยไม่แคร์ว่าตัวเองอายุจะสามสิบแล้วก็ตาม

 

“มันก็เล่นๆ กวนๆ ตามประสาเด็กๆ แหละพี่ ไม่ต้องคิดมากนะพี่โป”

 

“มันบาดตาบาดใจพี่นี่นา เราก็ไม่ระวังตัวเลย เกิดวันนึงมันเต๊าะหนูจริงจังขึ้นมาทำไงล่ะ”

 

“พี่โป น้องมันยังเด็กอยู่ มันก็เล่นไปเรื่อยแหละ” ศิลาจับมือของอาโปขึ้นมากุมไว้ก่อนจะพูดต่อ “พี่สบายใจได้ ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องมันเลยแม้แต่นิดเดียว”

 

“แล้วถ้าน้องเอ็มมันคิดล่ะ?” อาโปถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเจือปนความกังวลอยู่สูง

 

“พี่เชื่อใจผมนะ ไม่ต้องไปคิดถึงคนอื่น คิดถึงแต่ผมก็พอ ผมรักพี่ แล้วพี่ก็รักผม แค่นี้พอ เครียดเรื่องงานอย่างเดียวก็พอแล้ว อย่าเสียเวลาไปเครียดเรื่องอื่นเลยเนอะ” ศิลากุมมืออาโปแน่นขึ้นกว่าเดิม เหมือนพยายามจะแสดงให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความมั่นใจในสิ่งที่เขากำลังพูด

 

“อื้อ..” อาโปมองหน้าศิลานิ่ง สายตาฉายประกายบางอย่างออกมาอย่างแจ่มชัด “พี่รักหนูมากนะ”

-------------------------------------------------------

ฝาก #อาโปรักศิลา ด้วยนะค้าบบบ คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ