หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...
รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,อาโปรักศิลา,นิยายวาย,วาย,Yaoi,BL,BoyLove,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อาโปรักศิลา (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 2) (เล่มจบ)หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...
หลังจากคบกันมาได้ 5 ปี อาโปก็เปิดสตูดิโอเป็นของตัวเองโดยมีศิลาคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ทำให้เขาทั้งคู่ต้องเผชิญปัญหาที่มากกว่าแค่เรื่องความรักความสัมพันธ์ แต่มันยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นจากบุคคลรอบๆ ตัวซึ่งเกินจะควบคุมได้ แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนถึงตลอดรอดฝั่ง เป็นความรักในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ได้หวือหวาแต่ทว่ามั่นคง...
สายฝนตกลงมาพรึมพรำกระทบกับผิวถนนรวมไปถึงหลังคาและผิวสัมผัสต่างๆ ของอาคารจนส่งเสียงดังเปาะแปะไปทั่ว เอ็มที่เดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อยืนมองภาพตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนออกไปเพราะเขาคิดว่าคงไวกว่าที่จะรอให้ฝนหยุดสนิท
เขากลับมาถึงบ้านที่ปิดไฟมืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามาเท่านั้น เป็นเวลานานนับเดือนแล้วที่เขาต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ เพราะพ่อแม่ไปทำงานต่างประเทศ มือขวาที่หิ้วถุงอาหารสำเร็จรูปจากเซเว่นโยนมันขึ้นไปวางบนโซฟาตัวโปรดที่เขาชอบนั่งดูเน็ตฟลิกซ์เป็นประจำก่อนจะเดินไปกดเปิดสวิตช์ไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้ตัวบ้านมากขึ้น
บรรยากาศภายนอกที่อึมครึมเพราะฝนตกแบบนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเขาถึงเลือกตัดสินใจไปสมัครเรียนที่สตูดิโอของศิลาและอาโป หนึ่งเพราะมันอยู่ไม่ไกลจากบ้านเขาเท่าไหร่นัก และสองเขาเบื่อเต็มทีที่จะต้องอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้
มันอุดอู้ มันอึดอัด ...
หันไปทางไหนก็เจอแต่สิ่งแวดล้อมเดิมๆ การได้ออกไปเจอคนอื่นนอกบ้านบ้างดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขารู้สึกว่าชีวิตมันน่าสมเพช ใครจะไปคิดว่าวันที่แดดแรงแต่เช้า จู่ๆ ฝนจะตกลงมาซะได้ เขาอุตส่าห์จะออกไปหาซื้ออะไรกลับมากินเป็นมื้อเช้าซะหน่อย แต่พอออกจากร้านมาปุ๊บฝนก็ตกซะงั้น ดีที่มันยังตกแค่ปรอยๆ แต่การวิ่งฝ่าฝนกลับมาก็ทำให้เสื้อผ้าเขาเปียกได้อยู่เหมือนกัน
เขารีบเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะวันนี้มีเรียนเต้นที่สตู ซึ่งเขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าคงจะไปแต่เช้าอีกเช่นเคย ไอ้ของกินที่ซื้อมาจากเซเว่นน่ะ ไม่ใช่เพราะว่าเขาจะเอากลับมากินที่บ้านจริงๆ หรอก แต่เขาจะแบกไปกินที่สตูเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาต่างหาก
ก็อย่างที่บอกอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้นานๆ มันก็อดที่จะกินข้าวไม่ลงเป็นธรรมดา ไปนั่งกินที่สตูอย่างน้อยก็ยังมีพี่ศิลานั่งเป็นเพื่อน พอแต่งตัวเสร็จเขาก็คว้าเอาถุงที่หิ้วมาวางเมื่อเช้าใส่กระเป๋าผ้าใบโปรดแล้วเดินออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าบ้านทันที
รถแท็กซี่ขับมาจอดที่ด้านหน้าสตู ปกติเขาจะต้องรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้ออกมาพบปะผู้คน แต่วันนี้ความรู้สึกเหล่านั้นมันต่างออกไปจากปกติ เพราะมันกลับกลายเป็นความประหม่าเข้ามาแทนที่ ไม่รู้ว่าพี่ศิลาจะรู้สึกยังไงที่ทำให้พี่เขากับแฟนต้องทะเลาะกัน แล้วถ้าเจอหน้าพี่อาโปล่ะจะยังมองหน้ากันติดมั้ย ความคิดมันปั่นป่วนในหัวเต็มไปหมด
แกร่ก!
เอ็มเปิดประตูเข้าไปด้วยความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ขนลุกซู่เพราะกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับพี่อาโปเพราะตอนนี้เขาเองยังรู้สึกไม่พร้อมสักเท่าไหร่
“หวัดดีครับ” เอ็มเอ่ยทักป้าพรที่กำลังยืนกวาดพื้นอยู่ด้านหน้าเคาท์เตอร์ก่อนจะเดินตรงไปนั่งที่โซฟาตรงบริเวณโถงด้านหน้าที่ไว้ใช้รับแขก จากนั้นเขาก็ล้วงเอาหูฟังในกระเป๋าออกมาเสียบเข้าที่หูแล้วเปิดยูทูปหาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อยเพื่อรอเวลาเข้าเรียน
“เอ้า เอ็มมาละหรอ” กานต์เอ่ยทัก แต่เอ็มนั่งนิ่งมองแต่หน้าจอมมือถือเพราะไม่ได้ยิน
“...”
“เอ็ม” กานต์เดินเข้าไปใกล้แล้วสะกิดไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ
“พี่กานต์ หวัดดีครับ” เอ็มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกดหยุดวิดีโอในมือถือแล้วยกมือขึ้นสวัสดีอีกฝ่ายที่โตกว่า
“ทำไมวันนี้มาเร็วจังวะ”
“ก็ไม่เร็วนะพี่ ปกติอ่ะ” เอ็มพูดจบกานต์ก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“เออว่ะ พี่มาถึงก็มัวแต่เคลียร์เอกสารไม่ได้มองเวลาเลย พี่อาโปกับไอ้ศิลามาช้าจังวะวันนี้
“...” เอ็มได้ยินชื่ออาโปก็แอบสะอึกไปนิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปดูยูทูปต่อ
“ทำไรวะ”
“นั่งดูไรไปเรื่อยอ่ะพี่” เอ็มยิ้มตอบ
“อ่ะ นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ มาถึงกันละ” กานต์พยักเพยิดหน้าออกไปยังด้านหน้าสตูที่เห็นรถของอาโปขับเข้ามาจอดที่บริเวณลานจอดรถ
“งั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปนั่งรอเรียนข้างบนนะครับ” เอ็มพูดจบก็ลุกจากโซฟาแล้วหอบข้าวของเดินขึ้นชั้นบนไปทันที
“อะไรของมันวะ” กานต์มองตามไปอย่างงงๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้อาโปและศิลาที่เดินเข้ามาในสตูฯ
“หวัดดีพี่” ศิลาเอ่ยทัก
“เออหวัดดี” กานต์พยักหน้ารับก่อนจะหันไปยกมือไหว้รุ่นพี่อย่างอาโป “หวัดดีครับพี่อาโป”
“โทดทีน้อง วันนี้มาสาย” อาโปเอ่ยบอก
“ฮั่นแน่ะ! เมื่อคืนทำไรกันมาใช่มั้ย ถึงได้มาสายเนี่ย” กานต์เหล่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์
“จะบ้าเหรอพี่ เมื่อเช้ารถเสียกลางทางเหอะ” ศิลารีบบอกปัดก่อนจะเดินเอากระเป๋าและข้าวของที่เพิ่งเอาลงมาจากรถไปวางไว้ที่หลังเคาท์เตอร์
“อ่อออ ไอ้เราก็นึกว่าอย่างอื่น” กานต์เอ่ยแซวพลางยิ้มแซว
“แกนี่นะ คิดแต่เรื่องแบบนี้เหรอ” อาโปบอกพลางส่ายหัวแล้วเดินเข้าไปในครัว
“ป้าพรครับ” อาโปเอ่ยเรียก
“คะ คุณอาโป” ป้าพรเดินเข้ามาจากประตูด้านหลังตึกพร้อมไม้กวาดและที่โกยผง
“เดี๋ยวรบกวนเอากาแฟขึ้นไปให้ผมหน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” ป้าพรยิ้มรับแล้วเดนเข้าในครัวไป
อาโปหันหลังเดินออกมาแล้วก้าวเดินขึ้นบันไดไปเพื่อจะขึ้นห้องทำงานของตัวเอง ระหว่างที่ผ่านมาชั้นสองเพื่อจะขึ้นไปอีกชั้นเขาก็ได้พบกับเอ็มที่กำลังนั่งใส่หูฟังดูยูทูปอยู่ตรงเก้าอี้ด้านหน้าห้องซ้อมเต้น
เอ็มเงยหน้าขึ้นมองเพราะรู้สึกว่ามีคนเดินขึ้นมา อาจจะเป็นเพื่อนที่เรียนคลาสเดียวกัน เผื่อจะได้ทักทายสักหน่อย แต่สิ่งที่เขาไม่ทันได้คาดคิดนั่นก็คือ คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่เพื่อนฝูงที่เขาสนิท แต่ดันเป็นอาโปคนที่เขากำลังไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้นั่นเอง
“สวัสดีครับ” เอ็มยกมือขึ้นไหว้ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย ถึงแม้ใจเขาจะเต้นระรัวด้วยความกลัวก็ตาม
“อื้ม” อาโปพยักหน้ารับด้วยใบหน้านิ่ง แบบที่เอ็มก็เดาอารมณ์ไม่ถูกเหมือนกัน
เอ็มหลุบตาต่ำลงแล้วหันไปคว้ากระเป๋าของตัวเองเดินเข้าไปในห้องซ้อมเต้นทันที อาโปมองตามแล้วถอนหายใจ เขาเองก็รู้สึกผิดต่อน้องเหมือนกันที่ไปทำท่าทีน่ากลัวใส่น้องเมื่อวันก่อน เลยเข้าใจว่าการที่เอ็มจะรู้สึกประดักประเดิดแล้วหลบหน้าหลบตาเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไร ออกจะเป็นเรื่องปกติที่มันคงต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วหลังจากที่เขาไปแสดงท่าทีหึงหวงแบบชุดใหญ่ต่อหน้าน้องเอ็ม
อาโปยืนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่ถัดขึ้นไปด้านบนอีกชั้นหนึ่ง
ศิลาที่เริ่มนั่งลงที่เก้าอี้หลังเคาท์เตอร์เพื่อจะเริ่มทำงานก็เหมือนเพิ่งจะเอะใจนึกขึ้นได้เมื่อสายตาหันไปมองที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง
“พี่กานต์ ป่านนี้แล้วไอ้น้องเอ็มยังไม่มาอีกหรอพี่” ศิลาหันไปถามกานต์ที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆ
“หื้ม.. มาตั้งนานแล้วนะ อยู่ชั้นสองนู่น”
“หรอพี่ แปลกแฮะ”
“แปลกไง”
“ก็ปกติมันต้องมาเสนอหน้านั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์นี่แล้วดิ” ศิลาพูดต่อ กานต์ได้ยินแบบนั้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“แหม่ มันก็คงจะมาเสนอหน้าเจอมึงอยู่หรอกมั้ง เล่นโดนพี่อาโปอาละวาดไปซะขนาดนั้น”
“ก็จริงแฮะ..”
“ก็นั่นแหละ มันมาตั้งแต่เช้านั่งเล่นมือถืออยู่ตรงโซฟานู่นอ่ะ พอเห็นรถมึงกับพี่อาโปเข้ามา ไอ้เอ็มมันก็รีบเดินขึ้นชั้นสองไปเลย ก็คงกลัวล่ะมั้ง” กานต์บอกพลางหยิบขนมเข้าปาก
“รู้สึกผิดเลยว่ะพี่”
“ละจะเอาไง ปกติมึงชอบบ่นรำคาญไม่ใช่เรอะที่น้องมันชอบมาวอแวอ่ะ” กานต์เอ่ยเสริม
“มันก็ใช่ แต่ก็ไม่ได้รำคาญขนาดนั้น ผมรู้ว่าน้องมันไม่ได้อะไร แค่เล่นๆ ตามประสาเด็กนั่นแหละ”
“อือ แต่พี่อาโปเขาไม่ได้คิดแบบนั้นหรือเปล่า..” กานต์ถามย้ำถึงแม้จะพอรู้คำตอบอยู่บ้าง
“ก็ใช่แหละ แต่เมื่อคืนเคลียร์กันแล้วนะ พี่โปเขาก็บอกว่าไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว...” ศิลาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อวานระหว่างอาโปกับเอ็มแทรกเข้ามาในหัวระหว่างพูด
“พี่โปเขาบอกมึง แล้วมึงกับพี่โปได้บอกน้องเอ็มมันหรือยังล่ะ” กานต์เอ่ยถามขึ้นเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่ายให้รู้ว่าควรจะทำอะไรเป็นขั้นตอนต่อไป
“จะไปบอกตอนไหนล่ะ ตั้งแต่วันนั้นก็ยังไม่ได้เจอน้องมันเลยอ่ะ”
“ก็วันนี้ไง มึงลองหาจังหวะดีๆ ไปคุยกับมันละกัน” กานต์เอ่ยแนะนำ
“เดี๋ยวรอน้องมันเรียนเสร็จก่อนละกันพี่”
“แล้วแต่มึงเลย ไม่เกี่ยวกับกูละ..” กานต์ตอบพลางลุกขึ้นแล้วกดรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาหาเขาพอดี
ศิลามองตามหลังกานต์ที่เดินออกไปก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้แล้วยกมือขึ้นยีหัว เพราะเขาไม่คิดว่าเรื่องวันนั้นจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้
เขาลืมนึกถึงใจของเอ็มไปเลย คิดเพียงแต่ว่าไม่อยากให้อาโปกับเอ็มทะเลาะกัน หลังจากเกิดเรื่องขึ้นเขาก็เอาแต่เคลียร์ใจกับอาโปเท่านั้น โดยหลงลืมไปเลยว่าฝ่ายเอ็มเองก็อาจจะต้องมีบาดแผลหลงเหลืออยู่ภายในจิตใจจากเหตุการณ์ในตอนนั้นเหมือนกัน
พอใกล้เวลาเรียน เด็กๆ และผู้ปกครองหลายคนเริ่มทยอยเข้ามาในสตูฯ ศิลาก็เลยต้องวางเรื่องที่หนักอึ้งภายในใจเอาไว้ที่หลังเคาท์เตอร์แล้วออกมายิ้มแย้มต้อนรับขับสู้กับทุกคน เพื่อให้การบริการในสตูเป็นอีกหนึ่งความประทับใจสำหรับทุกคน
เอ็มเดินไปจองพื้นที่บริเวรหน้ากระจกแล้วยืดเส้นยืดสายเตรียมความพร้อมให้ร่างกาย เมื่อเห็นเพื่อนร่วมคลาสหลายคนเริ่มทยอยเข้ามาในห้อง เพราะใกล้ได้เวลาเรียนเต็มที
คลาสเรียนเริ่มดำเนินไปเสียงเพลงดังลอดออกมาจนได้ยินเสียงแว่วลงมาที่ชั้นล่าง ศิลาได้ยินแบบนั้นก็เลยเดินขึ้นมาที่ชั้นสองด้านหน้าประตูห้องซ้อม เขามองลอดผ่านกระจกใสที่เป็นส่วนหนึ่งของบานประตูแล้วสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาเอ็ม
เด็กคนนั้นกำลังออกลวดลายเต้นตามท่าที่ครูกำลังสอน ไลน์เต้นและความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายของเอ็มก็ยังคงทำให้สะดุดสายตาของศิลาได้ไม่ยาก เขายืนมองอยู่พักหนึ่งพลางอมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะเขารู้สึกภูมิใจในสายตาอันแหลมคมของตัวเองที่มองคนไม่ผิด
เด็กคนนี้มันปั้นได้ และจะไปได้ไกลด้วย
ศิลาคว้าโทรศัพท์ออกมาจากกางเกงของตัวเองแล้วเปิดแอพลิเคชั่นไลน์เพื่อพิมพ์ข้อความหาอาโปทันที
Sila : พี่โป ลงมาชั้นสองหน่อยสิครับ
A-PO : โอเคครับ
หลังจากที่ศิลาส่งข้อความไปได้เพียงไม่นาน อาโปก็ค่อยๆ เดินลงมายังชั้นสองก่อนจะเดินตรงเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ศิลา พอศิลาหันเห็นก็ยกมือขึ้นชี้นิ้วผ่านกระจกเข้าไปภายในห้อง อาโปมองตามก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรครับ?”
“นู่นอ่ะ ที่เต้นอยู่ข้างหลังครู เห็นป่ะครับ” ศิลายังคงชี้นิ้วจิ้มจึกๆ ผ่านกระจกเพื่อให้อีกฝ่ายได้มองตามไป
“ทำไมเหรอ”
“น้องเอ็มไงครับ” ศิลาเอ่ยย้ำ
“พี่รู้แล้วครับ แต่พี่หมายถึงว่าเรียกพี่มาดูน้องเอ็มเนี่ยมีอะไรหรือเปล่า” อาโปถามอย่างอบอุ่น
“น้องมันเก่งเนอะ”
“อื้อ ก็เก่งสิ ไม่งั้นไอ้เตมันไม่เลือกไปเล่นซีรีส์ของมันหรอก”
ศิลาฟังแบบนั้นก็พยักหน้าตามก่อนจะพูดต่อ “แต่พี่เห็นอะไรผิดปกติในตัวน้องเอ็มมั้ยครับ”
“...”
อาโปนิ่งเงียบไปพลางเปลี่ยนสายตากลับไปมองที่เอ็มอีกครั้ง ก็บังเอิญปะทะสายตาเข้ากับสายตาของเอ็มที่เหลือบมองมาที่กระจกใสตรงประตูห้องซ้อมพอดี
เอ็มรีบหลบสายตาทันที...
“ก็.. น้องมันคงกลัวพี่มั้งครับ หลังจากโดนพี่เผลออาละวาดไปวันนั้น”
“เห้อ.. พี่โปครับ ผมรู้นะว่าพี่พยายามเลี่ยงตอบ” ศิลาเอ่ยพูดพลางจ้องตาแป๋วใส่คนพี่
“งั้น ถ้าหนูรู้ใจพี่ ก็ลองบอกหน่อยว่าจริงๆ แล้วคำตอบที่พี่เลี่ยงไม่ตอบออกมาคืออะไร” อาโปอมยิ้มก่อนจะวาดมือไปโอบเอวของคนตัวเล็กเข้ามาใกล้
“ดูเผินๆ เอ็มอาจจะดูเก่งเหมือนเดิม แต่พี่ก็เห็นใช่มั้ยครับว่าวันนี้น้องไม่มีสมาธิเลย” ศิลาบอกพลางเสหน้าไปมองเอ็มอีกครั้งที่กำลังเรียนเต้นอยู่ “ถึงจะยังเต้นเก่งเหมือนเก่า แต่สายตาดูไม่มีความมั่นใจเลยครับ”
“คงเพราะพี่มายืนดูด้วยล่ะมั้ง” อาโปเอ่ยเสริม
“ผมก็คิดเหมือนพี่นั่นแหละ”
“แล้ว.. เรียกให้พี่มาดูเนี่ย จะให้พี่ทำยังไงเหรอ”
“พี่โป! เป็นถึงผู้บริหารทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ได้ล่ะครับ” ศิลาเริ่มขึ้นเสียงเพราะอาการหงุดหงิดค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาภายในตัวของเขา
“โอ๋ๆ พี่ขอโทษค้าบบบ หนูอย่าเสียงดังใส่พี่สิครับ” อาโปเอ่ยตอบพลางออกแรงกอดให้แน่นมากกว่าเดิม
“เรียนเสร็จลองคุยกับเอ็มหน่อยมั้ยครับ ผมว่าถ้าได้เคลียร์ใจกันน่าจะดีกว่า” ศิลาบอกพลางยิ้มให้คนตัวสูงอย่างศิลาแล้วเดินออกจากอ้อมกอดของอาโปแล้วเดินลงชั้นล่างไป
อาโปเองก็เดินหลบออกมาจากบริเวณหน้าห้องแล้วขึ้นไปนั่งทำงานอยู่ที่ห้องของตัวเองเหมือนเดิมจนกระทั่งได้เวลาหมดคลาส พอเสียงเพลงเงียบลงและเริ่มได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของบรรดาเด็กๆ ที่มาเรียนดังลอยขึ้นมา เขาก็เลยตัดสินใจเดินลงมาที่ชั้นสอง
เด็กๆ ที่เห็นอาโปเดินลงมาก็ทักทายสวัสดีกันตามปกติ จนกระทั่งเอ็มเดินคุยกับครูสอนเต้นออกมาเป็นคนสุดท้าย ทันทีที่เห็นอาโปเอ็มก็นิ่งไปก่อนจะหลุบตาลงมองที่พื้น มีเพียงแค่ครูสอนเต้นเท่านั้นที่ยังยิ้มแย้มแล้วหันไปทักทายเจ้าของสตูด้วยน้ำเสียงสดใส
“เอ้า คุณอาโป สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับครูเบย์” อาโปยิ้มแย้มพร้อมทักทายกลับ “เป็นไงบ้างครับวันนี้”
“ดีครับ เด็กๆ ตั้งใจกันมากเลยครับ” ครูเบย์หันไปหาเอ็มก่อนจะยกมือขึ้นวางบนไหล่ “โดยเฉพาะเจ้าเอ็ม ดีขึ้นทุกครั้งที่มาผมมาสอนเลยครับ ถึงวันนี้จะไม่ค่อยมีสมาธิแต่ก็ยังทำได้ดีครับ”
“อ่อครับ ฝากครูเบย์ด้วยแล้วกันนะครับ”
“ยินดีครับคุณอาโป งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีสอนต่ออีกที่ครับ”
“ครับครู เดินทางดีๆ ครับ” อาโปยิ้มตอบก่อนที่ครูเบย์จะหันหลังเดินลงชั้นล่างไป
เอ็มที่ยืนละล้าละลังว่าจะเอายังไงต่อดี จะเดินลงไปเลยดีหรือจะต้องทำตัวยังไงดี แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ตัดสินใจอะไร เสียงของอาโปก็เอ่ยดักขึ้นมาเสียก่อน
“เอ็ม ขึ้นไปคุยกับพี่ข้างบนหน่อยสิ”
“คะ.. ครับ” เอ็มตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือปนความกลัว
เอ็มเดินตามอาโปขึ้นไปยังห้องทำงาน เมื่อเข้ามาถึงเอ็มก็เดินมายืนตรงหน้าโต๊ะที่อาโปนั่งอยู่ด้วยความเกร็ง คนโตกว่าเมื่อเห็นอาการของเด็กตรงหน้าก็แอบอมยิ้มเพราะเอ็นดู ก่อนจะผายมือไปที่เก้าอี้ว่างตรงหน้าของเอ็ม
“นั่งก่อน ไม่ต้องกลัวพี่”
“ครับ” เอ็มตอบแล้วค่อยๆ นั่งลง
“เรื่องวันนั้นพี่ขอโทษนะ”
“ครับ?” เอ็มเงยหน้ามองอีกฝ่ายทันทีที่ได้ยิน สายตางุนงงเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ที่พี่เผลอตะคอกใส่วันนั้น ขอโทษนะ” อาโปเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ผม.. ไม่ได้โกรธครับ วันนั้นผมก็ผิดด้วย ขอโทษพี่อาโปด้วยครับ” เอ็มยกมือขึ้นไหว้
“พี่หัวเสียไปหน่อย เลยเผลอนิสัยไม่ดีใส่เราไป พี่จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกนะ”
“ผมเองก็จะระวังตัวให้มากขึ้นนะครับ”
“เราเป็นแบบเดิมนั่นแหละ เป็นตัวของตัวเอง เป็นเด็กร่าเริงแบบเดิมที่เคยเป็นมาแหละดีแล้ว เป็นเสน่ห์ของเรานะ” อาโปเอ่ยพูดต่อเพื่อหวังจะผ่อนคลายความรู้สึกอึดอัดของคนตรงหน้าให้คลายลงไปบ้าง
“ครับ” เอ็มเอ่ยตอบพลางเกาหัวแกรกๆ เพราะรู้สึกเขิน ไม่คิดว่าจะถูกพี่อาโปชมตรงๆ
“แล้วเป็นไงบ้างช่วงนี้ ตั้งใจฝึกอยู่มั้ย” อาโปเอ่ยถามขึ้น
“พยายามอยู่ครับ ช่วงนี้นอกจากมาเรียนมาซ้อมที่สตู ผมก็ดูหนังเยอะขึ้นครับ จะได้เห็นวิธีแอคติ้งหลายๆ แบบครับ” เอ็มตอบอย่างฉะฉานแววตาฉายประกายความตั้งใจออกมาจนอาโปสัมผัสได้
“ดีแล้ว ได้โอกาสทั้งทีก็ทำให้เต็มที่”
“ครับผม” เอ็มตอบรับพร้อมอมยิ้มบางๆ
“พี่ศิลาเขาไม่ใช่คนที่จะถูกชะตากับใครง่ายๆ เขาช่วยให้เราได้โอกาสมากขนาดนี้ก็อย่าทำให้เขาผิดหวังล่ะ”
“ผมสัญญาครับ”
“ถ้าทำไม่ได้อย่างที่รับปาก พี่จะมาเก็บเงินทั้งหมดที่เป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกของเราทั้งหมดเลยคอยดู” อาโปพูดแล้วยิ้มกว้าง ทำเอาเอ็มที่นั่งนิ่งๆ อยู่พลอยหัวเราะตามไปด้วย
“ขอบคุณพี่อาโปมากนะครับ ผมสบายใจขึ้นเยอะเลย”
“พี่ก็โล่งใจละ เอาเป็นว่าเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ”
“ครับพี่ งั้นเดี๋ยวผมขอไปหาไรกินก่อนนะครับ” เอ็มบอกแล้วยกมือไหว้ลาก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ป่ะ! งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปส่ง”
ทั้งคู่เดินคุยนู่นนี่กันลงมาจนถึงชั้นล่างสุด ทำเอาทั้งศิลาและกานต์ที่กำลังคุยเล่นกันเสียงดังถึงกับเงียบลงทันทีเมื่อได้เห็นภาพแบบนี้
“ผมกลับก่อนนะค้าบบ หวัดดีครับทุกคน” เอ็มเอ่ยพูดเสียงใสก่อนจะก้าวเดินออกจากสตูไป
ศิลากับกานต์หันมองหน้ากันขวับ!
“ดีกันแล้วหรอวะ” กานต์เอ่ยถามทันทีอย่างสงสัย
“นั่นดิพี่” ศิลาตอบก่อนจะเดินเข้าไปหาอาโปที่ยืนมองตามหลังเอ็มที่เพิ่งเดินออกไป “ดีกันแล้วเหรอพี่”
“คุยกันแล้วครับ ไม่ติดใจกันแล้ว”
“ดีแล้วครับ แฟนผมเก่งมาก!” ศิลาโอบกอดอีกฝ่ายแน่นจนกานต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องกรอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้
“ลำไยยย!! ไปรักกันไกลๆ หน่อยได้มั้ย” กานต์พูดไปส่ายหัวไปก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“เป็นคนโสดก็เหนื่อยหน่อยนะพี่กานต์” ศิลาตอบพร้อมยิ้มกว้างก่อนจะยกมือขึ้นตบบ่ารุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เบาๆ