อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 2 เคืองไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 2 เคืองไม่ไหว

เฟรนด์หายใจฟึดฟัดแล้วเดินสับขาตึงตังเข้ามาภายในบ้านก่อนจะมานั่งลงที่โซฟาตรงโซนนั่งเล่น

 

“กวนตีนชิบหาย ไอ้ห่า เหมือนเมื่อก่อนเป๊ะ” เขาส่ายหัวแล้วถอนหายใจด้วยอารมณ์หงุดหงิด

 

คนตัวเล็กนั่งพิงโซฟาพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถ้าจะอัดคลิปตอนนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะเสียงก่อสร้างจากข้างบ้านยังคงดังแว่วมาอยู่เป็นระยะๆ เขาเลยตัดสินใจหยิบรีโมทมาเปิดทีวีเพื่อหาอะไรดูฆ่าเวลา แต่ทีวีก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจให้ดูเลยแม้แต่น้อย

 

ขนาดเน็ตฟลิกซ์เขายังเปิดเข้าๆ ออกๆ อยู่ตั้งหลายรอบ เนื่องจากหนังหรือซีรีส์ส่วนใหญ่ในนั้น เขาก็ดูไปแทบจะหมดอยู่แล้ว เวลาที่ผ่านไปเกือบชั่วโมงนั้นหมดไปกับการไล่หาหนังที่จะดูนี่แหละ

 

“โว้ยยยยยย” เฟรนด์ขยี้หัวตัวเองอย่างแรงอยู่หลายที

 

“พออัดคลิปไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยเนี่ย”

 

เขายู่หน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนอนยาวไปกับโซฟาแล้วดิ้นไปดิ้นมาด้วยความหงุดหงิดใจ ก็คนมันตั้งใจตื่นแต่เช้ามาถ่ายคลิปใหม่ลงช่อง แต่พอผิดคาดเพราะไอ้คนตัวสูงขี้เก๊กที่กำลังจะย้ายมาอยู่บ้านข้างๆ กำลังรีโนเวทอยู่ ก็เลยทำให้เฟรนด์หัวเสียไม่น้อย

 

ปกติเขาชอบวางแผนการทำงานในแต่ละวันไว้เสมอ แล้วก็มักจะทำตามนั้นได้สำเร็จ

 

แต่พอมาเป็นวันนี้ แผนที่วางไว้มันถูกรบกวนจากปัจจัยภายนอกจนทำให้เขาต้องผิดแผน เขาก็เลยรู้สึกรำคาญอยู่หน่อยๆ

 

“ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

 

เฟรนด์ผุดลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อคิดได้อย่างนั้น เขานั่งวาดๆ ขีดๆ เขียนๆ อะไรลงบนกระดาษอยู่พักใหญ่ก่อนจะลุกเดินออกไปหน้าบ้านแล้วตะโกนเสียงดัง

 

“คุณ!!!!!” เขาชะโงกหน้าไปเรียกไอ้ขี้เก๊กบ้านข้างๆ เสียงดังลั่น

 

“คุณจัสท์เข้าห้องน้ำอยู่ครับ” ช่างคนหนึ่งที่กำลังพักกินน้ำหันมาตอบเฟรนด์

 

“อ่าวหรอ งั้นเดี๋ยวผมมาใหม่ละกัน”

 

“มีอะไรมั้ยครับ ฝากไว้ก็ได้ เดี๋ยวผมบอกคุณจัสท์ให้ครับ”

 

“ไม่เป็นไรๆ ขอบคุณมากครับ”

 

เฟรนด์เอ่ยตอบช่างคนนั้นก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้ามาที่บ้านตัวเอง เขาวางกระดาษแผ่นนั้นไว้ที่โต๊ะแล้วหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่เขาเพิ่งลุกออกจากมันไปเมื่อครู่

 

มือบางเอื้อมไปหยิบเอาตุ๊กตาหมีแคร์แบร์ตัวโตที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมากอดระหว่างรอคนบ้านข้างๆ เข้าห้องน้ำ แล้วนั่งจ๋องมองซีรีส์ในทีวีที่กำลังดำเนินไปตามเรื่องราวของมัน

 

ลมเย็นๆ ที่พัดอ่อนๆ โชยผ่านเข้ามาทางประตูหลังบ้านที่เปิดรับลมไว้ กับเสียงดนตรีประกอบซีรีส์ในทีวีที่เขาเปิดทิ้งไว้ดังคลอมาเรื่อยๆ ก็ทำเอาคนตัวบางที่เพิ่งทิ้งตัวลงบนโซฟาเคลิบเคลิ้มไปได้เหมือนกัน

 

ก็ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่เนอะ พอถึงช่วงสายๆ บวกกับอากาศสบายๆ แบบนี้มันก็เกิดอาการง่วงได้ง่ายๆ เหมือนกัน

 

เปลือกตาเริ่มหนักเกินจะบังคับไหว..

 

ใบหน้าคมค่อยๆ ฟุบลงที่ตุ๊กตาตัวโต

 

ในขณะที่เฟรนด์กำลังเคลิ้มจนเกือบจะใกล้หลับ เขาสัมผัสได้ว่าเหมือนเห็นใครบางคนเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่ก็ไม่ทันได้ตื่นตระหนกว่าจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาหรือเปล่า เพราะเขาดันคิดไปว่ามันคือความฝัน

 

ใครวะ ทำไมหล่อจัง

 

เฟรนด์ได้แต่นึกอยู่ในใจเพราะไม่อาจฝืนยื้อเปลือกตาให้เปิดได้อีกต่อไป

 

เอ๊ะ! หรือว่ากูตายแล้วหรอ!?

 

ไม่นะ!

 

ยังตายไม่ได้

 

ฮืออออออออออ...

 

“คุณ...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่นั่งสัปหงกอยู่

 

นั่น.. เทวดาเหรอ

 

ท่านมารับตัวแล้วเหรอวะ

 

นี่กูตายจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!!

 

แง้!!!!!

 

“คุณ!!!!!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกอีกครั้งด้วยเสียงดัง

 

“ห้ะ!”

 

เฟรนด์สะดุ้งตื่นตัวโยนกระเด้งขึ้นมายืนด้วยความตกใจ ตาเบิกโตเมื่อหันไปมองเห็นคนตัวสูงยืนประจันหน้าอยู่อย่างนั้น

 

“คุณ! เข้ามาได้ไงเนี่ย!” เฟรนด์ขึ้นเสียงถาม “หรือว่า...ขโมย!!!!! ช่วยด้วยค้าบบบบ”

 

จัสท์ยืนนิ่งมองด้วยสีหน้าเอือมระอา

 

“นี่คุณ!!!” จัสท์ส่งเสียงดังเรียกสติอีกฝ่าย

 

“...” เฟรนด์สะดุ้งแล้วเงียบเสียงลงแต่ยังมีท่าทีลุกลี้ลุกลน

 

“อะไรอีก” จัสท์เอ่ยถาม

 

“คะ..คุณ อย่าทำอะไรผมเลยนะ อยากได้อะไรเอาไปเลย” เฟรนด์ยกมือไหว้ปะหลกๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง

 

“โว้ยยยย คุณ! ตั้งสติก่อน ถ้าผมจะมาปล้นแล้วผมจะมาปลุกคุณเพื่อ!”

 

เออว่ะ ลืมคิดไปเลย...

 

“ผมอ่ะตะโกนเรียกคุณตั้งแต่หน้าบ้านนู่นแล้ว แต่เห็นคุณเงียบไม่ตอบ แล้วประตูบ้านมันแง้มไว้อ่ะ ก็เลยลองผลักเข้ามาดู เรียกอีกตั้งหลายรอบคุณก็ยังนิ่ง ก็เลยเดินเข้ามาใกล้ๆ ถึงเห็นว่าหลับนี่แหละ”

 

“อ่อ..” เฟรนด์พึมพำเสียงเบาแล้วค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งที่โซฟา

 

“นี่ถ้าผมเป็นโจรจริงๆ คุณโดนฆ่าตายไปละมั้ง” จัสท์พูดเสริมพลางนั่งลงเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่

 

“ก็คนมันตกใจนี่หว่า” เฟรนด์บ่นพลางก้มหน้างุดเพราะรู้สึกอายคนตรงหน้ากับท่าทีของตัวเองที่เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อครู่

 

“เห็นช่างบอกว่าคุณไปเรียกหาผมเมื่อกี๊ มีอะไรหรือเปล่าครับ” จัสท์ถามเปิดประเด็น

 

“อ๋อ คืองี้”

 

เฟรนด์เอื้อมมือไปคว้าหยิบกระดาษที่ตัวเองอุตส่าห์นั่งขีดนั่งเขียนอยู่พักใหญ่มาวางให้จัสท์ดู

 

“อะไรครับ” จัสท์ถามด้วยความสงสัย

 

“ก็ดูก่อนสิครับ แล้วค่อยถาม ยังไม่ทันได้มองเลย ก็ถามซะละ”

 

จัสท์ได้แต่ส่ายหัวเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น

 

ปากแจ๋วไม่หยุด...

 

แต่เขาก็อดที่จะอมยิ้มมุมปากไม่ได้ เพราะความปากแจ๋วของคนตัวเล็กที่เจื้อยแจ้วอยู่เมื่อครู่มันก็น่าขำอยู่ไม่น้อย

 

“ไหนขอดูหน่อยนะครับ” จัสท์พูดพลางเลื่อนกระดาษของเฟรนด์มาดูใกล้ๆ

 

บนกระดาษแผ่นนั้นเป็นตารางเวลาการทำงานที่เฟรนด์วาดขึ้นด้วยมือ โดยระบุเวลาตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 6 โมงเช้าอีกวันหนึ่ง เรียกได้ว่าครบ 24 ชั่วโมง แถมยังมีครบทั้ง 7 วันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ เรียกได้ว่าครบถ้วนจบในกระดาษแผ่นเดียว

 

“ชื่อเฟรนด์เหรอครับ” คนร่างสูงเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าในตารางเวลาที่อีกฝ่ายวาดขึ้นนั้น ถูกเขียนคำว่าเฟรนด์ลงในทุกช่องของตารางในช่วงเวลาตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 6 โมงเช้าของทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์

 

“ไหนบอกว่าพี่สาวคุณชอบดูคลิปผมไง ทำไมไม่รู้ชื่อผม” เฟรนด์จ้องหน้าถาม

 

“ผมแค่เคยเห็นพี่สาวดูอยู่บ่อยๆ มั้ยล่ะ ก็ไม่ได้สนใจใครจะไปรู้ชื่อ”

 

“เหรอออออ” คนตัวเล็กลากเสียงยาวเพราะหมั่นไส้ในท่าทางของอีกฝ่าย

 

“แต่ชื่อแปลกดีนะครับ ไม่ค่อยได้ยินคนใช้ชื่อนี้”

 

“แหม.. ชื่อจัสท์ไม่แปลกเลยเนอะ” เฟรนด์ยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะเบะปากแล้วมองอีกฝ่ายด้วยหางตา

 

“ใจเย็นสิคุณ ผมไม่ได้ว่าอะไรเลย แค่บอกว่าไม่ค่อยมีคนใช้”

 

“อ่อ ครับ”

 

มึงจำกูไม่ได้จริงๆ เหรอวะ?

 

แวบหนึ่งในหัวของเฟรนด์ฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมา ก่อนจะนึกได้ว่าถ้าจำกันได้ อีกฝ่ายก็คงจะทักเขาตั้งแต่แรกแล้ว

 

“ผมชื่อจัสท์นะครับ” คนตัวสูงแนะนำตัว

 

“ครับ”

 

“มัวแต่เถียงกันเลยไม่ได้แนะนำตัวเลยครับ” จัสท์พูดพลางขำออกมาน้อยๆ รอยยิ้มอบอุ่นนั้นก็ทำเอาคนตัวเล็กที่นั่งฟังอยู่อดเคลิบเคลิ้มและยิ้มตามไม่ได้

 

เดี๋ยว ตั้งสติก่อนไอ้เฟรนด์

 

ต้องจัดการเรื่องตารางเวลาก่อนดิ

 

ไม่งั้นไม่ได้ทำงานทำการกันแน่ๆ

 

“ตรงที่เขียนชื่อผม คือช่วงเวลาที่ผมจะทำงานนะครับ” เฟรนด์อธิบายพลางชี้ให้ดู

 

“หกโมงเย็นถึงหกโมงเช้าเลยหรอครับ” จัสท์ถามอย่างแปลกใจ

 

“ทำไมครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

 

“เปล่าครับ แค่แปลกใจว่าไม่เหลือเวลาไว้พักผ่อนบ้างเหรอครับ”

 

“เรื่องของผม!” เฟรนด์เอ่ยเสียงเหวี่ยง

 

“แต่เรื่องสุขภาพก็สำคัญนะครับ” จัสท์ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงกวน

 

“นี่คุณ!”

 

“โอเคๆ ผมไม่ยุ่งเรื่องของคุณละ” จัสท์เป็นฝ่ายยอมที่จะยุติสงครามน้ำลายนี้ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ หลังจากที่ฝ่ายเฟรนด์เริ่มมีน้ำเสียงที่ฟังดูโมโหขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ปกติผมไม่ทำงานกลางคืนนะครับ แต่งานของคุณจัสท์มันทำได้แค่ช่วงกลางวัน ผมเลยหลีกทางให้ จะได้ไม่มีปัญหากัน”

 

“งั้นก็ต้องขอบคุณคุณเฟรนด์มากนะครับ”

 

เฟรนด์หยิบปากกามาวางไว้บนกระดาษตารางเวลาทำงานแล้วพูดกับคนตัวสูงที่นั่งอยู่ด้วยกัน “คุณเขียนชื่อของคุณลงในตารางด้วยนะครับ”

 

จัสท์คว้าเอาปากกาขึ้นมาแล้วไล่เขียนชื่อตัวเองลงในช่องตารางเวลาที่ยังว่างอยู่จนครบ

 

“เรียบร้อยครับ” เขาวางปากกาแล้วเลื่อนกระดาษเข้าไปให้คนตัวเล็กที่ปรายสายตามองตามตารางเวลาที่อยู่ตรงหน้า

 

“โอเคครับ งั้นก็สรุปตามนี้นะครับ” เฟรนด์ยิ้มแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายตารางนั้นเอาไว้

 

จัสท์เห็นแบบนั้นก็เลยเอามือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายเอาไว้บ้าง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอามือถือเก็บลงกระเป๋ากางเกง “งั้นผมไปละ”

 

“ครับ” เฟรนด์ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ

 

คนตัวสูงหันหลังเตรียมที่จะเดินออกจากตรงนั้น แต่เสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาขัดเอาไว้ก่อน

 

“ยังไงก็ช่วยทำตามตารางเวลาอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ”

 

จัสท์หันกลับมามองเฟรนด์ด้วยสีหน้านิ่งแต่แววตาใสแฝงไปด้วยความกวนตามสไตล์ของเขา “อย่าลืมบอกตัวเองด้วยนะครับ”

 

“นี่คุณ!” เฟรนด์เสียงแหลมขึ้นมาอีกครั้ง

 

แต่จัสท์ก็หาได้รู้สึกอะไรไม่ เพียงแค่หัวเราะออกมาบางๆ เท่านั้นก่อนจะเดินออกจากบ้านของเฟรนด์ไป

 

“เห้อออออ” เฟรนด์ถอนหายใจยาว “หวังว่าจะเรียบร้อยนะ”

 

เขาลุกเดินไปปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย แล้วเดินกลับมาคว้ารีโมทมากดปิดทีวีเพราะเบื่อที่จะดู จากนั้นจึงหายเข้าไปในครัวเพื่อจะหาอะไรลงท้องแบบจริงๆ จังๆ สักที เพราะตั้งแต่เช้าเขากินไปเพียงขนมปังปิ้งกับกาแฟเท่านั้น

 

แล้วนี่มันก็ได้เวลามื้อเที่ยงแล้วด้วย เสียงท้องก็เริ่มประท้วงดังจนเขาเองก็ห้ามมันไม่ได้

 

เฟรนด์เปิดตู้เย็นแล้วเอาวัตถุดิบที่พอจะมีเหลืออยู่ในตู้ออกมาวางไว้บนเคาท์เตอร์ในครัว ระหว่างที่เขาคิดว่าจะทำอะไรกินดีก็เกิดไอเดียขึ้นมาได้ว่าเขาเคยเห็นยูทูปเบอร์เกาหลีทำคลิปตอนทำงานในคาเฟ่ โดยที่ไม่ได้เก็บเสียงเลยแม้แต่น้อย แล้วพอถึงตอนตัดต่อเขาก็ใส่เพลงกับใส่คำบรรยายแทนการใช้เสียงพูดหรือเสียงบรรยากาศจริง เลยไม่ต้องกังวลว่าตอนถ่ายจะมีเสียงรบกวนหรือไม่

 

ก็ดีเหมือนกัน ช่องจะได้มีคอนเทนต์ใหม่ๆ มั่ง

 

คนตัวเล็กฟาดมือตบลงที่เคาท์เตอร์ครัวเสียงดังปัง เพื่อยืนยันคำตอบและความมั่นใจของตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปหยิบกล้องและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ลงมาที่ครัวเพื่อจะได้เริ่มถ่ายคลิปใหม่ลงช่อง

 

แต่เพราะบ้านแบบตึกแถวมันก็มักจะมีหลายชั้น การที่เฟรนด์ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงจากชั้นหนึ่งไปชั้นสี่อยู่หลายรอบก็เรียกเหงื่อและอาการเหนื่อยหอบให้เขาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

 

“เห้อ.. เหนื่อยชิบหาย” เขาบ่นพลางเอามือปาดเหงื่อ

 

เขาเริ่มเซ็ตไฟ และหยิบขาตั้งกล้องออกมากางก่อนจะหามุมที่โอเคที่สุดเพื่อวางกล้อง จากนั้นก็เริ่มเซ็ตฉากในครัว วางข้าวของและอุปกรณ์ให้ดูสวยงามตามฉบับครัวในฝันของใครหลายคน

 

พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เฟรนด์ก็เริ่มถ่ายทำทันที

 

เมื่อจุดสีแดงบนกล้องสว่างขึ้นสีหน้าของเฟรนด์ก็เปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มและแววตาที่ปรากฏบนหน้าเป็นสิ่งที่แฟนๆ ของเขามักจะพูดถึงอยู่เสมอว่าเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจนทำให้ใครๆ ที่เข้ามาดูมักตกหลุมรักได้อยู่เสมอ

 

สิ่งนี้เฟรนด์เรียกมันว่าเป็นเครื่องหมายการค้ากันเลยทีเดียว

 

ยิ้มแบบแกล้งๆ

 

ยิ้มแบบการค้า

 

โปรยเสน่ห์ลับเฉพาะที่ฝึกฝนมาแล้วเพื่อการตกแฟนคลับโดยเฉพาะ

 

พอเขายิ้มแฉ่งให้กล้องเสร็จก็หันกลับไปเริ่มทำอาหารทันที เสียงมีดกระทบเขียงตอนที่หั่นผัก หั่นเนื้อ ดังแข่งกับเสียงก่อสร้างจากบ้านข้างๆ อยู่เป็นระยะ แต่เฟรนด์ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ละ เพราะว่าไม่ได้เก็บเสียง

 

เขายกย้ายเปลี่ยนมุมกล้องอยู่สองสามรอบ เพื่อเก็บภาพระหว่างทำอาหารให้ได้มุมที่สวยที่สุด แต่กว่าจะผ่านไปได้ก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน เพราะต้องคอยระวังไม่ให้อาหารในเตาไหม้ด้วย

 

“เสร็จสักที” เฟรนด์เช็ดมือบนผ้าที่แขวนไว้ตรงอ่างล้างมือ ก่อนจะกดปุ่มหยุดบันทึกบนกล้อง แล้วเดินไปหยิบมือถือมาถ่ายรูปอาหารที่เพิ่งทำเสร็จแล้วอัพลงอินสตาแกรมของตัวเอง

 

เฟรนด์ย้ายกล้องและไฟออกไปทางประตูหลังบ้านบริเวณระเบียง ตรงนั้นเป็นที่ที่เขามักจะมานั่งชมวิวอยู่บ่อยๆ เพราะด้านหลังบ้านเป็นสวนผลไม้ของชาวบ้านในละแวกนั้น ซึ่งก็เป็นของบรรดาลุงๆ ป้าๆ ที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก สีเขียวของต้นไม้จำนวนมากในสวน บวกกับลมเย็นๆ ที่พัดมาเรื่อยๆ ทำให้เขาสบายตาและสบายใจทุกครั้งที่มานั่งมอง

 

เพราะมันเงียบจึงทำให้เขาชอบมานั่งพักผ่อนหย่อนใจอยู่ตรงนี้เวลาที่ว่างจากงาน

 

จานอาหารถูกยกตามออกไปหลังจากที่เฟรนด์จัดกล้องและไฟเสร็จ บนโต๊ะที่ถูกปูด้วยผ้าปูโต๊ะแบบมินิมอลสไตล์เกาหลี พออยู่กับจานที่ถูกเลือกมาให้เข้ากันก็ทำให้องค์ประกอบของภาพนั้นออกมาสวยงาม

 

เฟรนด์หยิบแป้งมาซับหน้านิดหน่อยก่อนจะเดินไปกดปุ่มที่กล้องเพื่อเริ่มถ่ายอีกครั้ง

 

พอกล้องเริ่มถ่ายปุ๊บ คลาสแอคติ้งก็เริ่มขึ้นปั๊บ

 

สองมือเริ่มจับช้อนและส้อมค่อยๆ ตักอาหารที่อยู่ในจานขึ้นมากินในท่าทางอิ่มเอมและดูมีความสุขกับบรรยากาศโดยรอบ รอยยิ้มปรากฏขึ้นเมื่อลิ้นได้ลิ้มรสอาหารที่ผ่านการปรุงด้วยฝีมือของตัวเอง

 

เฟรนด์นั่งกินไปด้วยถ่าย vlog ไปด้วยแบบนั้นจนเสร็จ จากนั้นเขาก็ลุกหยิบจานอาหารที่ถูกกินจนเกลี้ยงเพื่อจะเอาเข้าไปเก็บในครัว แต่ในขณะที่เขากำลังจะเอี้ยวตัวเข้าบ้านนั้น หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่ามีใครบางคนยืนมองเขาอยู่จากบ้านข้างๆ

 

เขาหันขวับไปดูก็เห็นจัสท์กำลังใช้มือถือยืนถ่ายเขาจากฝั่งบ้านของตัวเอง

 

นี่สินะข้อเสียของบ้านตึกแถวที่หลังบ้านมันมองเห็นกันแบบทะลุปรุโปร่ง

 

“นี่คุณ! แอบถ่ายผมเหรอ!” เฟรนด์ตะโกนถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเคือง

 

“ก็มันตลกอ่ะ”

 

“ตลกอะไรไม่ทราบ”

 

“ก็ตอนคุณอยู่หน้ากล้องกับตัวจริง มันคนละคนกันเลยหนิ” คนตัวสูงพยายามกลั้นขำ

 

“แล้วจะทำไม!” สายตาของคนตัวเล็กเริ่มแข็งกร้าว

 

“ก็มันขำไง”

 

“นี่คุณ!!” เฟรนด์ขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้

 

“ดูพยายามดี ฮ่าๆๆๆ” จัสท์ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังอีกครั้งทำเอาเฟรนด์แทบจะหมดความอดทน แต่เพราะไม่อยากจะทะเลาะกับอีกฝ่ายมากกว่านี้เพราะเริ่มเหม็นขี้หน้า คนตัวเล็กเลยส่งหน้าบึ้งพร้อมหันหลังเดินปึงปังจะเข้าบ้าน

 

“นี่คุณ” คนตัวสูงเอ่ยทักอีกครั้งพลางชูมือถือให้อีกฝ่ายดู “เดี๋ยวผมแท็กสตอรี่ไปนะ จะได้เห็นว่าตัวเองตลกขนาดไหน” เขาพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย ท่าทีแบบนั้นยิ่งเป็นเหมือนเชื้อเพลิงจุดไฟในหัวของเฟรนด์ให้ปะทุขึ้นมาได้เป็นอย่างดี

 

“หึ้ยยยย!!!” เฟรนด์หงุดหงิดที่ไอ้คนตัวสูงโย่งชอบทำท่าทีกวนประสาทใส่เขาแบบนั้น เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพียงแต่กำหมัดแน่นยืนโกรธตัวสั่นอยู่แบบนั้น

 

“ว่าแต่คนอื่น ดูหน้าตัวเองด้วย มอมแมมอย่างกับลูกหมาตกน้ำ” คนตัวเล็กเถียงกับแล้วเบะปากใส่ก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านไป

 

เหมือนตอนม.ปลายไม่มีผิด

 

ถึงเมื่อก่อนจะเคยชอบ

 

แต่ตอนนี้ไม่แล้วจ้ะ หึ!

 

เฟรนด์ได้แต่นึกอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา เอาจริงๆ ความกวนตีนของจัสท์นี่แหละที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาเคยหลงใหลในตัวเพื่อนคนนี้อย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่พอเวลามันผ่านไป ร่างสูงก็ไม่ได้มีผลต่อหัวใจของเขามากขนาดนั้นอีกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนได้เจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากห่างหายกันไปหลายปีจะแอบเรียกให้หัวใจกระตุกวูบอยู่บ้างก็ตาม

 

คนตัวเล็กวางจานลงในอ่างก่อนจะใช้มือขวาเปิดก๊อกน้ำแต่ทว่าไม่มีแม้น้ำสักหยดไหลออกมา

 

“หื้ม.. น้ำไม่ไหลเหรอ” เฟรนด์หมุนเปิดปิดก๊อกน้ำอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีน้ำไหลออกมาสักหยด

 

เขาก้มลงไปเปิดตู้ใต้อ่างล้างจานแล้วมุดเข้าไปหมุนวาล์วเปิดปิดน้ำ แต่เหมือนว่าเขาจะออกแรงมากเกินไปเสียหน่อย ก็เลยพาลทำเอาวาล์วน้ำหลุดออกมาคามือบาง ก่อนจะตามมาด้วยความแรงของน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากท่ออย่างแรงกระแทกเข้าที่หน้าของเฟรนด์แบบเต็มๆ

 

ซ่า!!!!!

 

“เชี่ยยยยยยย!!!!!!!!!!”

 

เฟรนด์ร้องลั่นออกมาจนเสียงหลง สองมือพยายามปัดป่ายเพื่อปิดบังน้ำที่พุ่งออกมาจากท่อราวกับว่ามันจะช่วยหยุดน้ำไม่ให้ไหลออกมาได้

 

ทั้งเสียงน้ำและเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของเฟรนด์ดังข้ามไปจนฝั่งบ้านของจัสท์ได้ยินกันทั่ว คนตัวสูงกับบรรดาช่างก่อสร้างต่างรีบวิ่งมาดูด้วยความตกใจ

 

ทันทีที่เข้าไปถึงจัสท์ก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเพราะมวลน้ำที่พุ่งออกมาอย่างน่าตกใจ ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปแล้วถอดเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ใส่คลุมด้านนอกออกแล้วเอาไปช่วยอุดตรงบริเวณท่อน้ำไว้

 

“นี่คุณว่างจนต้องหาอะไรทำแก้เบื่อเลยหรือไง” จัสท์ถามพลางบ้วนน้ำที่พุ่งเข้าปากออกมา

 

“อี๋! อย่าถุยน้ำลายใส่บ้านผมนะคุณ” เฟรนด์ทำท่าขยะแขยงแล้วพยายามขยับตัวออกห่างโดยที่มือยังคงอุดท่อไว้แบบเดิม

 

“จะบ้าหรือไง น้ำมันเข้าปากผมเนี่ย”

 

“ก็กลืนลงไปสิ” คนตัวเล็กเถียง

 

จัสท์เลยแกล้งปล่อยมือที่ช่วยอุดท่อน้ำออก

 

ซู่!!!!

 

น้ำพุ่งออกมาอีกครั้งเพราะมือเล็กๆ ของเฟรนด์ปิดไว้ได้ไม่หมด

 

“โอ๊ยยยย คุณ จะเอามือออกทำไมเนี่ย!!!” เฟรนด์หลับตาปี๋แต่ปากก็ยังพยายามบ่นอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าจะต้องทนกับน้ำที่กระเด็นเข้าปากอยู่ด้วยก็ตาม

 

“ปากเก่งจริงๆ เล้ยยย คุณเนี่ย!!!”

 

คนตัวสูงพูดจบก็ยกมือทั้งสองข้างมาช่วยอุดท่ออีกครั้ง

 

พอทั้งสองคนช่วยกันชะลอน้ำที่พุ่งออกมาได้ ภาพของคนตรงหน้าก็ทำเอาจัสท์หลุดขำออกมาจนแทบเสียสติ เฟรนด์เปียกโชกไปทั้งตัว หัวชุ่มน้ำจนลีบราวกับว่าเป็นบาร์โค้ดแปะอยู่ตรงหน้าผาก

 

“นี่มันลูกหมาตกน้ำแท้ๆ เลย ฮ่าๆ” คนตัวสูงพูดไปหัวเราะไป

 

“ว่าแต่คนอื่น ดูตัวเองด้วยจ้ะ” เฟรนด์เอ่ยแขวะ

 

ทั้งสองคนเปียกมะล่อกมะแล่กไปทั้งตัว หัวหน้าช่างที่ยืนอยู่ห่างๆ เลยเอ่ยตะโกนถามออกมา

 

“วาล์วน้ำใหญ่อยู่ตรงไหนครับ”

 

“อยู่หลังบ้านครับ” เฟรนด์เอ่ยตอบ

 

“ขออนุญาตนะครับ” หัวหน้าช่างได้ยินปุ๊บก็รีบวิ่งเข้าไปที่หลังบ้านทันที เพียงไม่นานนานที่กำลังทะลักออกมาก็ค่อยๆ ไหลเบาลงแล้วหยุดไป

 

“อ้ะ! หยุดแล้ว” เฟรนด์พูดเมื่อเริ่มรู้สึกว่าน้ำหยุดไหล

 

“ปิดวาล์วใหญ่เรียบร้อยครับ” หัวหน้าช่างวิ่งกลับมาบอก จัสท์เลยหันหน้าไปหาแล้วพยักหน้ารับ

 

“ขอบคุณมากพี่”

 

“งั้นเดี๋ยวพวกผมขอกลับไปทำงานต่อก่อนนะครับ” หัวหน้าช่างบอกลาก่อนจะเดินนำพวกช่างคนอื่นๆ ที่ยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นให้เดินตามกันออกไป

 

“ขอบใจมากคุณ” เฟรนด์เอ่ยพูดเสียงเบา

 

“อะไรนะ ไม่ได้ยินเลยอ่ะ” จัสท์ถามด้วยเสียงกวน

 

“จิ๊!” คนตัวเล็กจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด

 

“อะไรเล่าคุณ ก็ผมไม่ได้ยินจริงๆ นี่นา”

 

“ขอบ ใจ มาก!” เฟรนด์พูดเน้นย้ำทีละคำด้วยน้ำเสียงที่ดังมากขึ้น

 

“ก็แค่เนี้ย”

 

เฟรนด์ยู่ปาก เพราะไอ้คนตรงหน้ามันยิ้มกวนตีนใส่

 

ไม่พอใจ

 

ไม่พอใจมากๆ

 

ไม่ชอบเลย

 

ที่เขาคิดแบบนั้นก็เพราะว่ากลัวใจตัวเองมากกว่า...

 

กลัวว่าจะกลับไปชอบจัสท์อีก ถึงได้พยายามพร่ำบอกตัวเองอยู่แบบนี้ตลอดตั้งแต่เช้าที่ได้เจอหน้ากับคนตัวสูงอีกครั้ง

 

“เอ้านี่!” จัสท์ยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วโยนเสื้อเชิ้ตที่เปียกชุ่มใส่เฟรนด์ที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น “ซักให้ด้วยนะ”

 

“อะไรล่ะ คุณก็เอากลับไปซักเองสิ บ้านอยู่ข้างๆ ไม่ใช่หรือไง”

 

“คุณจะบ้าหรือไง ยังรีโนเวทไม่เสร็จเลยเหอะ”

 

เฟรนด์ได้ยินแบบนั้นก็นึกขึ้นได้ “เออว่ะ”

 

“เห้อ เหนื่อยใจจัดๆ” จัสท์ถอนหายใจยาวพลางส่ายหน้า

 

“นี่คุณ!” เฟรนด์ขึ้นเสียงดัง

 

“นี่คุณ!” จัสท์ทำเสียงและทำหน้าล้อเลียนอีกฝ่าย จนทำให้คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนตามด้วยความโกรธเคือง แต่ก็ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ คนตัวสูงก็เอ่ยปากดักคอไว้ซะก่อน

 

“ซักให้ด้วยละกัน อุตส่าห์มาช่วยทั้งที ถือซะว่าเป็นการตอบแทนผมละกันนะ บาย”

 

เฟรนด์ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรฝ่ายจัสท์ก็ยกมือโบกไปมาเพื่อบอกลาก่อนจะเดินออกจากบ้านของเฟรนด์

 

“โว้ย หงุดหงิด กวนตีนชิบหาย!” คนตัวเล็กบ่นอุบทันทีที่เห็นจัสท์เดินพ้นจากหน้าบ้านไป จากนั้นจึงหยิบเสื้อเชิ้ตเปียกๆ ของคนตัวสูงขึ้นมาดู

 

“เดี๋ยวมึงได้เจอกูแน่ คนอย่างมึง รอกูได้เลย!! หึ!!!!”

 

-------------------------------------------------

ฝาก #จฟเพื่อนไม่ไหว ด้วยนะค้าบบบ