อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว

เสียงจิ้งหรีดและจักจั่นดังระงมไปทั่วขณะที่เฟรนด์กำลังเซ็ตอัพกล้องและอุปกรณ์เพื่อเตรียมถ่าย Vlog ลงช่องหลังจากที่ห่างหายไปหลายวันเนื่องจากแรงบันดาลใจค่อนข้างถดถอยในช่วงที่ผ่านมา

 

เขากดปุ่มอัดวิดีโอที่กล้องก่อนจะค่อยๆ เดินมานั่งลงที่เก้าอี้หน้าเซ็ตที่ได้จัดเตรียมไว้กดปุ่มเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ แล้วเริ่มแนะนำตัว

 

“สวัสดีครับ กลับมาแล้วนะครับกับช่อง With your friend...” เสียงบรรยายเอ่ยพูดไปตามสคริปท์แบบเดิมๆ ที่เคยทำมาก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือร่างภาพด้วยดินสอลงบนกระดาษทันที

 

นาฬิกาออกเดินช้าๆ จากเที่ยงคืนสู่ตีสอง จากตีสองสู่ตีสี่ กระดาษเปล่าสีขาวค่อยๆ ถูกแต่งแต้มจนเกิดสีสันจนเต็มพื้นที่เกิดเป็นภาพบรรยากาศบริเวณหลังบ้านยามค่ำคืนที่สายตาของเขาสามารถมองผ่านหน้าต่างของห้องทำงานออกไปได้ดังเช่นทุกคืน

 

แม้จะยังเป็นสถานที่เดิมแต่ภาพที่เฟรนด์เห็นในทุกๆ คืนนั้นมันไม่เคยจะเหมือนกันเลยสักครั้ง เขาจึงถือว่าสิ่งนี้เป็นเสน่ห์ของธรรมชาติที่เขาหลงใหลมาตลอด

 

“เห้อ... เสร็จซะที” เฟรนด์ถอนหายใจยาวก่อนจะพูดกับตัวเองหลังจากที่นิ้วเรียวกดปุ่มหยุดอัดคลิปที่กล้อง

 

06:47 น.

 

หน้าจอนาฬิกาดิจิทัลโชว์ตัวเลขบอกเวลาเด่นชัดอยู่ที่โต๊ะข้างโซฟาในห้องทำงาน เฟรนด์หันไปมองก่อนจะอ้าปากหาวหวอดแล้วชูมือบิดขี้เกียจหนึ่งยกแล้วเดินออกจากห้องนั้นเพื่อจะขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่บนชั้นสาม

 

“ทำไมวันนี้เงียบจังวะ ไอ้จัสท์กลับบ้านหรอ” เฟรนด์เอะใจที่วันนี้ข้างบ้านเงียบผิดปกติไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดมาให้ได้ยินเลย ปกติเวลานี้ต้องเริ่มได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ดังมาบ้างเพราะที่จัสท์รีโนเวทก็ยังไม่เชิงจะเสร็จดี ก็เลยอดที่จะแปลกใจไม่ได้

 

“แอบลงไปดูหน่อยดีกว่า”

 

เฟรนด์เดินลงจากหน้าห้องทำงานชั้นสองไปที่ชั้นล่างสุดแล้วเดินออกไปยังหน้าบ้าน เขาเปิดประตูบานเลื่อนแล้วโผล่หน้าไปมองข้างบ้านก็เห็นว่าเงียบกริบ ไม่มีรถจอดอยู่สักคัน

 

“ไม่อยู่จริงด้วยแฮะ”

 

คนตัวเล็กคว้าประตูดึงปิดเข้ามาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นคว้าเอานมถั่วเหลืองในนั้นออกมาหนึ่งกล่องแล้วเจาะหลอดดูด จากนั้นก็เดินขึ้นห้องนอนไป

 

เขาวางกล่องนมที่ดูดหมดแล้วไว้ที่โต๊ะทำงานก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีพลางหยิบมือถือขึ้นมาไล่เช็คกล่องข้อความของเพจเฟสบุ๊คช่องตัวเองว่ามีใครติดต่องานเข้ามาหรือเปล่า หรือว่ามีแฟนคลับคอมเมนต์อะไรในเพจมาบ้างก่อนจะค่อยๆ เผลอหลับไปแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

 

จัสท์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของตัวเองขณะที่ลงจากรถเขาก็หันไปมองยังบ้านของเฟรนด์ก่อนจะเอะใจว่าถึงเวลาที่พระอาทิตย์ฉายอยู่กลางหัวแล้วทำไมถึงยังไม่ตื่นลงมาเปิดบ้านอีก

 

“ยังไม่ตื่นอีกหรอวะ”

 

คนตัวสูงได้แต่สงสัยก่อนจะเดินไปไขกุญแจเพื่อเปิดประตู แต่เพราะเป็นประตูบานเลื่อนที่เปิดแต่ละทีเสียงก็ดังลั่นไปทั้งถนนก็เลยทำให้เขาต้องค่อยๆ เลื่อนเปิดทีละนิด ทีละนิด เพื่อให้เกิดเสียงน้อยที่สุดเพราะเขาเองก็ไม่อยากจะให้การเปิดประตูของเขานั้นไปรบกวนเวลานอนของคนตัวเล็กข้างบ้านที่กำลังหลับใหลอยู่สักเท่าไหร่ เขารู้ดีว่าเวลาทำงานและเวลานอนของเขาและเฟรนด์มันต่างกันซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแบบเป็นลายลักษณ์อักษร เขาก็เลยอยากจะรักษาคำพูดให้ได้มากที่สุด

 

กว่าประตูจะเปิดออกจนเต็มบานก็ใช้เวลาไปมากพอสมควร จัสท์เดินเข้าไปวางกระเป๋าและกุญแจที่เคาท์เตอร์ด้านในแล้วเดินออกมาที่รถอีกครั้งเพื่อยกของตกแต่งที่ตัวเองไปหาซื้อเพิ่มเติมมาจากอีเกียเข้าไปในบ้าน

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง เพราะจัสท์ต้องการให้เกิดเสียงน้อยที่สุด...

 

แต่ก็พลาดจนได้เพราะขณะที่คนตัวสูงกำลังจะรินน้ำลงแก้วที่เพิ่งหยิบมาวางที่โต๊ะอาหารสายตาพลันเหลือบไปเห็นแมลงสาบตัวน้อยวิ่งโผล่เข้ามาจากหน้าบ้านทำเอาจัสท์สะดุ้งกระโดดตัวโยน

 

“เชี่ย” เขากระโดดขึ้นเก้าอี้แต่แขนดันปัดไปโดนแก้วตกหล่นพื้นแตกกระจายส่งเสียงดังลั่นไปทั่ว “ชิบหายแล้ว ไอ้เฟรนด์จะด่ามั้ยเนี่ย”

 

ไลน์!

 

เสียงสัญญาณแจ้งเตือนข้อความจากแอพลิเคชั่นแชทดังขึ้น จัสท์เหมือนรู้ชะตากรรมหยิบขึ้นด้วยสีหน้าท้อใจที่จะต้องโดนคนข้างบ้านด่าตั้งแต่ก่อนเริ่มทำงาน

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : มาละเหรอ

 

“เอ้า ไม่ด่าเว้ย” จัสท์เปิดอ่านข้อความด้วยความรู้สึกแปลกใจ “สงสัยวันนี้จะอารณ์ดี”

 

จัสท์ครับ : อือ เพิ่งมา เมื่อคืนกลับไปนอนบ้านมา

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : ก็ว่าเมื่อเช้าออกไปดูไม่เห็นรถ

 

จัสท์ครับ : ทำไมตื่นเช้า

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : ไม่ได้ตื่นเช้า

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : เมื่อคืนถ่าย Vlog

 

จัสท์ครับ : อ่อ เสร็จเช้าสินะ

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : แต่นี่ตื่นละ

 

จัสท์ครับ : หิวป้ะ?

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : ว่าจะหาไรกินอยู่เลย

 

จัสท์ครับ : มากินด้วยกันได้นะ

 

จัสท์ครับ : ว่าจะสั่งแกร๊ปเข้ามาอะ

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : งั้นฝากสั่งเผื่อด้วยดิ

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : ขออาบน้ำแป๊บ

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : เดี๋ยวเดินไป

 

จัสท์ครับ : เคๆ

 

เฟรนด์วางมือถือลงแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที สองมือปลดกระดุมเสื้อนอนแล้วถอดออกก่อนจะค่อยปลดกางเกงให้เลื่อนหล่นไปกองอยู่ที่พื้นแล้วยกเท้าออกจากนั้นจึงใช้เท้าเขี่ยกางเกงกับเสื้อนอนลงตะกร้าผ้าเพื่อรอซักแล้วก็เอื้อมมือไปคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ตรงตู้เสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำไป

 

ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงเฟรนด์ถึงอาบน้ำเสร็จ คนตัวเล็กเดินเช็ดหัวออกมาที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วรีบทาสกินแคร์ตัวโปรดลงบนผิวหน้าหยิบไดร์มาเป่าผมจนแห้งก่อนจะเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นมาใส่แถมหยิบน้ำหอมกลิ่นเบาๆ มาประพรมเล็กน้อยแล้วรีบเดินลงไปข้างล่างทันที

 

“กว่าจะมานะมึง” จัสท์เอ่ยทักเมื่อเห็นเฟรนด์เดินเข้าประตูหน้าบ้านของตัวเอง

 

“อะไร นี่กูก็รีบสุดๆ แล้วเนี่ย”

 

“กับข้าวจะเย็นหมดละ” คนตัวโตเอ่ยบอกขณะที่หยิบข้าวออกจากถุง

 

“ทำมาพูด เพิ่งมาส่งเหอะ กูเดินสวนกับแกร๊ปเมื่อกี๊”

 

“อะหรอๆๆ” จัสท์ยิ้มก่อนจะค่อยๆ แกะอาหารเทใส่จานทีละถุง

 

“ละนี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะวะ” เฟรนด์หันไปมองดูบรรดาของตกแต่งที่จัสท์เอาออกจากถุงมาวางไว้จนเต็มพื้นบ้านไปหมด

 

“ของตกแต่งอะ”

 

“ตกแต่ง?”

 

“ก็ของตกแต่งห้องพักไง”

 

“เออ กูก็เพิ่งสังเกตว่ามึงรีโนเวทเสร็จหมดแล้วหนิ” เฟรนด์พูดพลางหันมองไปรอบๆ

 

“ใช่ ก็เหลือตกแต่งอีกนิดหน่อย กูเลยว่าจะทำเอง เพิ่งไปซื้อจากอิเกียมานี่แหละ”

 

“อ่อ... มีอะไรกูช่วยก็บอกนะ”

 

“มีแน่นอน”

 

“ว่ามาเลย”

 

“มึงเห็นผนังตรงหลังเคาท์เตอร์ที่ว่างๆ ตรงนั้นป้ะ?” จัสท์พูดแล้วชี้นิ้วไปตรงตำแหน่งที่กล่าวถึง

 

“อือ เห็น ทำไม จะให้กูทำไร” เฟรนด์พยักหน้าแล้วมองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

 

“มึงช่วยวาดรูปให้กูหน่อยดิ จะเอามาติดผนังอะ”

 

“หมื่นห้า”

 

“ค่าจ้างอ่อ ถูกจัง”

 

“ให้ราคาพิเศษเลย คนกันเอง” เฟรนด์บอกพลางยักคิ้วกวน

 

“งั้นกูเอาเพิ่มอีกสองรูป จะไปแขวนตรงบันไดชั้นสองกับชั้นสาม กูให้รูปละสองหมื่นเลย”

 

“ดีล”

 

เฟรนด์ยื่นมือไปตรงหน้าจัสท์ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาจับเพื่อเป็นการยืนยันข้อตกลงทางธุรกิจที่ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยตกลงกันไปเมื่อครู่

 

หลังจากนั้นจัสท์ก็เลื่อนจานข้าวสวยที่เทออกจากถุงไปให้คนตัวเล็กแล้วยื่นช้อนกับส้อมไปให้ ก่อนจะหันไปหยิบเหยือกน้ำเย็นมารินใส่แก้วให้ เฟรนด์ก็รับแล้วเอาวางไว้บนโต๊ะข้างจานข้าว จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มกินข้าวมื้อเที่ยงซึ่งสำหรับเฟรนด์นั้นมันนับว่าเป็นมื้อแรกของวัน

 

จัสท์กินข้าวไปจ้องมองหน้าของเฟรนด์ไปจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกผิดปกติ มันดูเหมือนจะจับผิดอะไรบางอย่างในตัวเขาจนทำให้คนตัวเล็กเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย

 

“มองไรวะ” เฟรนด์เอ่ยถามอย่างสงสัย

 

“มึงไปทำไรมาวะ”

 

“ทำไมอะ”

 

“ก็มึงดูน่ารักขึ้นเยอะเลย ถ้าเทียบกับตอนม.ปลาย”

 

“น่ารักหรอ?” เฟรนด์เอ่ยถามย้ำด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

 

“อือ”

 

ตึกตัก ตึกตัก...

 

หัวใจของเฟรนด์เต้นแรงขึ้นมาเมื่อได้ยินคำนั้นหลุดจากปากคนตรงข้าม ความร้อนเริ่มระอุขึ้นทั่วใบหน้าและใบหูจนตัวเขาเองรู้สึกได้

 

“กะ... ก็ไม่ได้ทำไรมากนะ แค่ดูแลตัวเองอะ” เฟรนด์ละล่ำละลักตอบ

 

“อ่อ แต่ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องโดนเมาท์เหมือนตอนนั้นอีก”

 

“ตอนไหนวะ” เฟรนด์ถามด้วยสีหน้าสงสัย

 

“ก็ตอนที่เราอยู่ในลิฟท์ตอนม.6 ไง”

 

“อ่อ ที่อีป้าสองคนนั่นมันด่ากูอะนะ” สีหน้าของเฟรนด์เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น

 

...

 

...

 

...

 

ปีการศึกษา 2554

 

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

 

“มึงไปห้องธุรการเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” จัสท์หันไปบอกเฟรนด์ที่กำลังนั่งปั่นการบ้านอยู่ในช่วงพักเที่ยง

 

“เออๆ” คนตัวเล็กเก็บสมุดและกล่องดินสอลงกระเป๋าก่อนจะคว้าเอาขึ้นมาสะพายหลังแล้วเดินตามหลังจัสท์ไป

 

ทั้งสองคนเดินมายังอาคาร 7 แล้วหยุดยืนอยู่ที่หน้าลิฟท์ที่จะขึ้นไปยังชั้น 6 เพื่อไปห้องธุรการตามที่คนตัวสูงได้เอ่ยชวนเมื่อครู่ ระหว่างรอลิฟท์อยู่นั้นเฟรนด์ก็หันซ้ายหันขวามองไปมาอย่างกังวลจนจัสท์ต้องร้องทัก

 

“เป็นไรมึง”

 

“นี่มันลิฟท์อาจารย์ไม่ใช่เหรอ” คนตัวเล็กบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

 

“แล้วไงวะ ก็อาจารย์ใช้กูให้เอาเอกสารไปให้ห้องธุรการ เท่ากับว่ากูเป็นตัวแทนของอาจารย์ ดังนั้นกูมีสิทธิใช้ลิฟท์อาจารย์ จบนะ”

 

“เออ มึงพูดถูก”

 

ติ๊ง!

 

เสียงลิฟท์ดังขึ้นพร้อมประตูลิฟท์ที่เปิดออกหัวใจของคนทั้งคู่ก็เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะก็ยังแอบระแวงว่าจะเจออาจารย์คนใดโผล่ออกมาจากในลิฟท์หรือเปล่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็คงจะต้องโดนด่าจนหูชาแน่ๆ แต่โชคดีที่ในลิฟท์นั้นว่างเปล่าจนทั้งจัสท์และเฟรนด์ต่างก็เผลอถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

 

“ไปกันเถอะมึง”

 

ขายาวกำลังจะก้าวเข้าลิฟท์แต่ก็ดันมีผู้หญิงสองคนเดินแทรกเข้ามาเสียก่อน ทีแรกจัสท์ก็ตกใจนึกว่าเป็นอาจารย์แต่พอได้มองชัดๆ ก็พบว่าเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ในห้องธุรการ จัสท์กับเฟรนด์หันมองหน้ากันทันทีสายตาของทั้งคู่มีแต่คำด่าอยู่ในนั้นเต็มไปหมด

 

“เดินระวังหน่อยสิคะ” ผู้หญิงผมยาว คิ้วเข้มเป็นปลิง ใส่ชุดเครื่องแบบของโรงเรียนเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดเหวี่ยง

 

“ขอโทษครับ” จัสท์เอ่ยพูดเสียงนิ่งก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ไปโดยมีเฟรนด์เดินตาม

 

“มึงจะไปขอโทษเขาทำไมวะ” คนตัวเล็กหันไปกระซิบที่ข้างหูคนข้างๆ

 

“ชู่ว” จัสท์ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากตัวเองแล้วส่งเสียงเล็กๆ เพื่อให้อีกฝ่ายหยุดพูด เพราะในลิฟท์ที่มีพื้นที่จำกัดแบบนี้มันมีโอกาสค่อนข้างมากที่จะทำให้ทุกคนได้ยินเสียงพูดคุยของกันและกันแม้จะเบาแค่ไหนก็ตาม

 

“มึงๆ ดูนั่นดิ” เสียงผู้หญิงอีกคนที่เข้ามาพร้อมกับผู้หญิงคิ้วปลิงในตอนแรกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระซิบ

 

แต่ก็ยังทำให้ทั้งจัสท์และเฟรนด์ได้ยินอยู่ดี...

 

“อะไรวะ” ผู้หญิงอีกคนหันไปตอบ

 

“ก็สองคนนั้นไง”

 

“เนี่ยนะ” นิ้วมือของหญิงสาวถูกชี้มาที่จัสท์กับเฟรนด์จนสังเกตเห็นได้จากหางตา

 

“เออ”

 

“ทำไมอะ”

 

“ก็ดูดิ เป็นเพื่อนสนิทกันได้ไงวะ” เสียงนินทาดังพร้อมเสียงหัวเราะเล็กๆ ทำเอาเฟรนด์เริ่มขมวดคิ้ว

 

“...”

 

“หน้าตาต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว” เสียงหัวเราะของหญิงสาวทั้งสองคนดังขึ้นต่อจากบทสนทนานั้น

 

เฟรนด์สูดหายใจเข้าลึกพร้อมยืดตัวขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้คนที่อยู่ร่วมกันในลิฟท์ได้รับรู้ว่าเขามีตัวตนยืนอยู่ตรงนั้นและสิ่งที่ผู้หญิงทั้งสองคนนั้นพูดเขาได้ยินทั้งหมด จัสท์หันไปมองคนข้างๆ ด้วยสายตาไม่สู้ดี เพราะเขาเองก็รู้ว่าสิ่งที่สองคนนั้นพูดมันทำร้ายจิตใจของเพื่อนเขาแน่ๆ คนตัวสูงขยับมือของตัวเองไปคว้ามือของเฟรนด์แล้วจับไว้แน่นก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อให้กำลังใจคนข้างๆ

 

ก็แค่ใส่แว่นหนาเตอะ ผิวคล้ำแดดเพราะไม่ได้ดูแลตัวเอง ผมหยักศกที่ได้มาตามธรรมชาติ ก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะสามารถล้อเลียนรูปลักษณ์ของเขาได้อย่างสนุกปากนี่นา...

 

ทันทีที่ลิฟท์เปิดออกจัสท์และเฟรนด์ปล่อยให้พนักงานฝ่ายธุรการทั้งสองคนเดินออกไปข้างนอกก่อนแล้วพวกเขาทั้งคู่ค่อยเดินตามออกไป

 

“มึงโอเคมั้ย” จัสท์เอ่ยถามด้วยสายตาเป็นห่วง

 

“โอเค...”

 

“...”

 

“โอเคก็เหี้ยละ มีสิทธิไรมาด่ากูวะ”

 

“ปากหมาชิบหาย” จัสท์บ่นพลางหันไปมองทางห้องธุรการ

 

“เออดิ กระซิบดังขนาดนี้ไม่ด่ากูตรงๆ ไปเลยล่ะ” เฟรนด์หัวเสียเอ่ยพูดด้วยเสียงแข็ง “มึงเดินไปเองคนเดียวเลยห้องธุรการอะ กูไปไม่เข้าไปด้วยหรอกนะ”

 

“เออๆ งั้นมึงนั่งรอกูตรงนี้นะ”

 

“เออ รีบไปรีบมา”

 

“เค เดี๋ยวมา” จัสท์ยกมือขึ้นตบไหล่เฟรนด์ปุๆ ก่อนจะหันหลังแล้วรีบเร่งฝีเท้าตรงไปที่ห้องธุรการทันที

 

...

 

...

 

...

 

“ตอนนั้นนะกูโมโหชิบหาย นินทาไม่ว่าแต่อย่าให้กูได้ยินไง” เฟรนด์บ่นคิ้วขมวดพลางตักข้าวยัดเข้าปากคำโต

 

“ฮ่าๆๆ กูจำได้ มึงเลยหงุดหงิดไปทั้งวันเลย” จัสท์พูดพลางหัวเราะร่วน

 

“เออดิ ยังติดเป็นแผลในใจกูมาจนทุกวันนี้เลย อีห่า คนพูดลืมมันลืมไปเป็นชาติละแต่คนฟังอย่างกูยังจำฝังใจไม่ลืม”

 

“กูขอโทษที่หัวเราะนะ” จัสท์เอ่ยพูดพร้อมหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้นจากอีกฝ่าย

 

“ช่างมันเหอะมึง ไม่ต้องคิดมาก อย่างน้อยเพราะเหตุการณ์นั้นก็เลยทำให้กูเปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายมาเป็นกูในทุกวันนี้ได้ไง”

 

“เก่งมากพ่อหนุ่ม” จัสท์บอกก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ

 

“...” เฟรนด์นิ่งไปเมื่อได้รับถึงสัมผัสนั้น

 

“เป็นไร เขินอ่อ”

 

“เขินไรล่ะ”

 

“น่ารักดีนะ” จัสท์พูดแล้วยกยิ้มที่มุมปากเล็กๆ ทำเอาใจของเฟรนด์เต้นแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

“ห้ะ?!”

 

“กูบอกว่ามึงน่ารักดี เวลามึงเขินแบบนี้อะ”

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก...

 

เสียงหัวใจของเฟรนด์เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาที่หน้าอกของเขา มือซ้ายที่วางอยู่ตรงเก้าอี้แอบจิกแน่นเพื่อที่จะพยายามซ่อนความตื่นเต้นของเขาเอาไว้ ไม่ให้เปิดเผยออกมาให้จัสท์ได้เห็นอย่างชัดเจนนัก

 

“กูก็น่ารักมาตั้งนานละป้ะ...” เฟรนด์ฝืนเชิ่ดหน้าขึ้นยืดอกพลางทำหน้ามั่นใจก่อนจะปรายตาไปมองคนตัวโตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

 

“ก็กูเพิ่งจะเห็นนี่หว่า ว่ามึงน่ารักได้มากขนาดนี้” สิ้นเสียงพูดของจัสท์ เฟรนด์ก็หลุบตาลงต่ำทันทีเพราะหากเขาฝืนจ้องอีกฝ่ายต่อไปเขาคงต้องเขินจนความร้อนระเหยเป็นไอกลายเป็นควันไหลออกทางหูเป็นแน่

 

#จฟเพื่อนไม่ไหว