อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว

เฟรนด์สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาหอบหายใจแรงอยู่พักใหญ่กว่าจะปรับสติ อารมณ์ ความรู้สึก และจังหวะการหายใจให้กลับมาเป็นปกติได้ พักนี้เขาชอบสะดุ้งตื่นเช้าอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในวันที่คืนนั้นไม่ได้ถ่ายงานวาดรูปแล้วนอนหลับเร็ว ทั้งที่เขาเองก็คิดว่าการนอนเร็วจะทำให้เขาได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเขานอนเร็วก็มักจะทำให้เขาสะดุ้งตื่นเช้าอยู่บ่อยๆ ทำให้เขาไม่ค่อยชอบความรู้สึกแบบนี้สักเท่าไหร่ สู้นอนเช้าแล้วหลับยาวไปตื่นเที่ยงทีเดียวเลยยังจะดีซะกว่า

 

หรือจริงๆ เขาแค่ไม่ชินกับการตื่นเช้าไปแล้วกันนะ...

 

เขาค่อยๆ ลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน เช้านี้เขาเลือกที่จะไม่ใส่คอนแทคเลนส์เพราะรู้สึกเจ็บตาหน่อยๆ เนื่องจากสองสามวันมานี้เขาใส่คอนแทคเลนส์เกินเวลาติดต่อกันจนทำให้ตาค่อนข้างแห้งและระคายเคืองเล็กน้อย เขาจึงคว้าแว่นที่วางทิ้งไว้ตรงอ่างล้างหน้าตั้งแต่เมื่อคืนมาใส่แทน

 

สองขาเรียวสวมเท้าเข้ากับรองเท้าใส่ในบ้านแล้วก้าวเดินลงไปยังชั้นล่าง สถานที่แรกที่คนตัวเล็กแวะก็คือห้องครัวเขาหยิบเอากาน้ำร้อนมาใส่น้ำแล้วเสียบปลั๊กเพื่อรอน้ำเดือด ก่อนจะหยิบขนมปังออกมาสองแผ่นแล้วคว้าแยมในตู้เย็นมาทาจนทั่วจากนั้นก็ค่อยๆ งับเข้าปากทีละน้อยจนหมดชิ้น

 

พอน้ำเดือดเฟรนด์ก็หยิบเอาไมโลซองมาฉีกใส่แก้วแล้วเทน้ำร้อนลงไป ช้อนเล็กๆ ถูกใช้คนจนทั่ว ควันลอยขึ้นมาเหนือแก้วจนเขาต้องหันไปเปิดตู้เย็นอีกรอบเพื่อที่จะเอาน้ำแข็งมาใส่ลงในแก้วเพื่อลดความร้อนในเครื่องดื่มให้กินได้ง่ายขึ้น

 

เขายกแก้วไมโลนั้นขึ้นมาดื่มแล้วเดินออกไปที่หน้าบ้านเปิดประตูออกไปรับลมรับแสงแดดยามเช้าเสียหน่อย เขาถอดรองเท้าใส่ในบ้านออกแล้วเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะเพื่อออกไปนอกบ้าน สายตาเหลือบไปมองข้างบ้านก็พบว่าว่างเปล่าไม่มีรถของจัสท์จอดไว้เหมือนที่เคย เขายกไมโลดื่มจนหมดก่อนจะวางแก้วลงที่โต๊ะหน้าบ้านแล้วเดินเข้าไปดูต้นไม้ที่เข้าปลูกไว้เพื่อตกแต่งหน้าบ้านอยู่หลากหลายกระถาง

 

“เหี่ยวเชียว ขอโทษน้า ไม่ได้รดน้ำมาตั้งหลายวัน” เฟรนด์เผลอพูดแล้วยิ้มให้กับต้นไม้ก่อนจะหันไปหยิบเอาสายยางที่อยู่ด้านข้างของตัวบ้านมาเปิดน้ำเบาๆ แล้วบรรจงรดลงไปที่ต้นไม้ทีละต้น

 

“หลังจากนี้จะพยายามมารดให้ทุกวันนะ จะได้สดชื่นๆ”

 

ตึงงง!!!

 

เสียงประตูบานเลื่อนถูกเปิดขึ้นดังลั่นทำเอาเฟรนด์ที่รดน้ำต้นไม้อยู่ต้องสะดุ้งแล้วหันไปมอง แววตาซ่อนความสงสัยไว้เล็กน้อยแต่ยังไม่ได้ทันจะได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็เอ่ยทักแทรกขึ้นมาก่อน

 

“คุยกับต้นไม้ก็ได้ด้วยอ่อ”

 

“คุยได้หมดแหละ”

 

“เก่งว่ะ”

 

“เออ กูเก่ง” เฟรนด์ยืดอกทำหน้าขิง

 

“กูหมายถึงมโนเก่งต่างหาก”

 

“ไอ้จัสท์!!!”

 

“กูแซวเล่นหรอกน่า ทุกทีตื่นมาตอนเช้าไม่เคยจะเห็นมึงมารดน้ำต้นไม้ วันนี้ก็เลยแปลกใจหน่อย” จัสท์เดินออกจากบ้านแล้วเดินมาใกล้เฟรนด์

 

“เมื่อคืนนอนนี่เหรอ” คนตัวเล็กเอ่ยทักเมื่อสายตาสังเกตเห็นว่าคนตัวสูงยังคงใส่ชุดนอนอยู่

 

“อือ ก็แต่งห้องไปเรื่อยจนดึก ก็เลยนอนนี่เลย”

 

“แล้วรถอะ”

 

“เอาไปล้างอะ”

 

“ก็ว่าไม่เห็นจอดอยู่หน้าบ้าน ก็นึกว่าไม่อยู่”

 

“ทำไม คิดถึงกูอ่อ” จัสท์เอ่ยถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

 

“ก็แย่ละ” เฟรนด์บอกแล้วหันกลับไปรดน้ำต้นไม้ต่อ

 

จัสท์เดินดูต้นไม้ที่คนตัวเล็กปลูกไปรอบๆ เพราะลำพังตัวเขาเองก็รู้สึกสนใจในต้นไม้อยู่บ้างเหมือนกันแล้วไอ้ต้นไม้ที่เฟรนด์ปลูกก็ดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเพราะแต่ละต้นก็ดูแปลกตาไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่

 

“มึงไปเอาต้นไม้พวกนี้มาจากไหนวะ” คนตัวสูงเอ่ยถาม

 

“แฟนคลับให้มาอะ”

 

“จริงป่ะเนี่ย” จัสท์เอ่ยถามอย่างแปลกใจ

 

“อือ พอดีบ้านเขาเพาะพันธุ์ต้นไม้แปลกขายอะ ก็เลยเอามาให้”

 

“ก็ว่าอยู่... มันดูน่าจะแพง”

 

“ช่าย กูก็เพิ่งมารู้ราคาตอนหลังนี่แหละ” เฟรนด์พูดจบก่อนจะเดินไปปิดก๊อกน้ำแล้วลากสายยางไปเก็บเข้ามุมให้เรียบร้อย

 

“กูขโมยได้ปะ” จัสท์แกล้งแซว

 

“อยากได้ก็เอาไปดิ”

 

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” จัสท์ถามกลับ

 

“อือ กูไม่ค่อยมีเวลาดูแลอะ ถ้ามึงคิดว่าเอาไปแล้วดูแลต่อได้ กูก็โอเค”

 

“แต่แฟนคลับมึงให้มาเลยนะ”

 

“เออว่ะ กูไม่ให้ละ ห้ามขโมยนะ กูจะดูแลเอง” เฟรนด์เอ่ยพูดพลางเช็ดมือเปียกที่กางเกงแล้วเดินเข้าบ้านไป

 

จัสท์หัวเราะเบาๆ กับตัวเองเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย สมัยก่อนเด๋อด๋ายังไงตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น เขายืนมองอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินกลับบ้านตัวเองแต่ยังไม่ได้ทันจะได้ก้าวพ้นหน้าบ้านของเฟรนด์เสียงของคนตัวเล็กก็เอ่ยทักขึ้นมาเสียก่อน

 

“เข้ามาก่อนดิมึง จะรีบไปไหนอะ”

 

“จะไปอาบน้ำ”

 

“เดี๋ยวดิ กินข้าวกันก่อน ไม่อยากกินคนเดียว”

 

“เออๆ”

 

จัสท์ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปในบ้านของเฟรนด์ เขาหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาหน้าทีวีเหมือนเดิมกับที่เคยมาครั้งก่อน เขาเอนตัวพิงกับโซฟาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู

 

“เน็ตไอดอลนี่เขาต้องอัพเดทชีวิตตลอดเลยหรอ” คนตัวโตเอ่ยพูดขณะที่เปิดไปเห็นสตอรี่ในไอจีของเฟรนด์ที่เพิ่งอัพเมื่อ 1 นาทีที่แล้วว่ากำลังทำอาหารเช้าอยู่

 

“กูไม่ใช่เน็ตไอดอล กูเป็นยูทูปเบอร์”

 

“นั่นแหละ ก็เหมือนกันป้ะ”

 

“ไม่เหมือนโว้ยยย” เฟรนด์เถียงเสียงดังลั่นในขณะที่มือก็ยังคงทำอาหารในกระทะไปด้วย

 

เสียงดังปึงปังในครัวเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเชฟกำลังเริ่มอารมณ์ไม่ดี จัสท์ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาชะเง้อไปมองก็ได้แต่อมยิ้มเล็กน้อยเพราะรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก

 

“กูเปิดทีวีนะ” จัสท์ตะโกนบอกอีกฝ่าย

 

“เออ จะดูไรก็เปิดเลย”

 

สิ้นเสียงตอบของเฟรนด์คนตัวสูงก็คว้าเอารีโมทมากดเปิดทีวีแล้วเปิดยูทูปค้นหารายการเพื่อดูฆ่าเวลา เปิดดูไปได้ไม่นานเฟรนด์ก็ยกจานอาหารมื้อเช้ามาวางลงที่โต๊ะหน้าทีวีพร้อมกลิ่นหอมฉุยจนจัสท์ต้องละสายตาจากหน้าจอทีวีมามอง

 

“ไข่เจียวกับต้มจืดเต้าหู้ไข่หรอ”

 

“ช่าย” เฟรนด์บอกแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้างจัสท์

 

“เมนูเด็กเวอร์” คนตัวสูงเอ่ยแซว

 

“มื้อเช้า ก็ต้องกินอะไรเบาๆ ก่อนป่ะ”

 

“แล้วไหนข้าวอะ” จัสท์ถามเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยกมาแค่กับข้าวเพียงอย่างเดียว

 

“เออ กูลืม มึงเดินไปตักมาหน่อยดิ” เฟรนด์ยิ้มแหยก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนให้คนข้างๆ

 

“มึงนี่นะ รอแป๊บ” จัสท์ส่ายหัวแล้วลุกเดินไปตักข้าวสวยในครัวใส่จานแล้วเอามาวางไว้ที่โต๊ะส่วนอีกจานก็ยื่นให้คนตัวเล็กข้างๆ

 

“ขอบใจมากมึง แล้วนี่มึงดูไรอยู่วะ”

 

“ก็ดูไปเรื่อยอะ ชอบดูอะไรตลกๆ เวลากินข้าว”

 

“งั้นดูหน้ามึงก็ได้หนิ” เฟรนด์พูดพลางหัวเราะไปด้วยก่อนจะเอี้ยวตัวหลบเพราะจัสท์ง้างมือทำท่าจะทุบ “กูล้อเล่นน่ะ แหมม”

 

“กวนตีน”

 

จัสท์คว้ารีโมทมาเลื่อนหาคลิปรายการใหม่อยู่สองสามทีก็ได้เจอกับรายการจากช่องโปรดที่เป็นช่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่งจะอัพคลิปล่าสุดเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว เขาก็เลยเลือกที่จะกดเปิดทันที

 

เสียงจากในคลิปดังขึ้นคลอไปกับการที่จัสท์และเฟรนด์เริ่มกินมื้อเช้ากันแบบจริงจังโดยที่ทั้งคู่ก็แทบจะไม่เปิดปากคุยกันเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะอาหารมันอร่อยหรือเพราะว่าทั้งคู่หิวกันแน่

 

“เออ เมื่อคืนเพลงเพราะดีนะ” จู่ๆ จัสท์ก็เอ่ยพูดขึ้นมา

 

“หื้ม? เพลงไร?” เฟรนด์ถามกลับอย่างสงสัย

 

“ก็เพลงที่มึงเปิดเมื่อคืนไง เพราะดี”

 

“ได้ยินด้วยเหรอ”

 

“อือ ชัดเจนทุกคำเลย”

 

“จริงปะเนี่ย กูขอโทษนะเว้ย ไม่รู้ว่าเปิดดังไปอะ ปกติย่านนี้ก็มีแค่บ้านกูหลังเดียวไง มันเลยชิน” เฟรนด์เอ่ยบอกเสียงอ่อน

 

“ไม่เป็นไร กูฟังเพลินจนเผลอหลับไปเลย”

 

“วันหลังกูจะเปิดเบากว่านี้นะ สัญญาเลย” เฟรนด์ยกนิ้วก้อยชูขึ้นมาเพื่อจะทำสัญญากับจัสท์ทำเอาคนตัวโตอดยิ้มตามไม่ได้

 

“ว่าแต่มันชื่อเพลงไรนะ”

 

“เพื่อนไม่จริงของโพลีแคท”

 

“เพลงโปรดเหรอ” จัสท์ถาม

 

“ทำไมรู้” เฟรนด์หันมองอย่างแปลกใจ

 

“ก็จริงๆ แอบได้ยินมาหลายคืนแล้ว ชอบฟังเพลงหรอ”

 

“อือ ชอบฟังมาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว” คนตัวเล็กพูดแล้วตักข้าวเข้าปาก

 

“ก็ว่า...”

 

“ทำไมอีก” เฟรนด์หันมาจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่องเพราะอยากจะรู้ว่าคนตัวโตจะกวนตีนอะไรเขาอีก

 

“เปล่าๆ ก็แค่นึกได้ว่าตอนนั้นมึงชอบใส่หูฟังตลอดเวลาเลย”

 

“ใช่ แต่บางทีก็ไม่ได้เปิดเพลงหรอก ใส่ไว้เฉยๆ”

 

“แล้วมึงจะใส่ไว้ทำไมวะ” จัสท์เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

 

“หนึ่งคือใส่ไว้เพราะไม่อยากคุยกับใคร สองคือใส่ไว้เพราะไม่อยากให้ใครมาคุยด้วย และสามคือใส่ไว้เพื่อที่จะได้ยินเวลาใครนินทา”

 

“งี้ก็ได้ยินคนอื่นเมาท์มึงบ่อยเลยดิ”

 

“เออดิ ตอนเรียนกูก็ได้ยินนะ ที่สวนวรรณฯ อะ” เฟรนด์พูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่มีเลศนัย

 

“ตอนไหนวะ”

 

...

 

...

 

...

 

“พวกมึงอาจารย์ลา บ่ายนี้ไม่มีเรียนไปนั่งเล่นที่สวนวรรณฯ มั้ย” มิ้นเพื่อนในกลุ่มเอ่ยถามขึ้น

 

“เอาดิ” บอสเพื่อนในกลุ่มอีกคนเอ่ยตอบ

 

“มึงบอกพี่มึงให้สั่ง KFC มาดิ เดี๋ยวกูออกไปรับตรงประตูหลัง” มิ้นบอกกับบอสหัวโจกประจำห้อง

 

“เออๆ เดี๋ยวกูให้พี่ชายกูไปซื้อแล้วแวะมาส่งหลังโรงเรียน”

 

“เร็วๆ นะ เดี๋ยวพวกกูไปนั่งรอ” มิ้นบอกแล้วพากันเดินออกไปพร้อมเพื่อนในกลุ่มอีก 4-5 คน

 

เฟรนด์นั่งเก็บสมุดกับเครื่องเขียนส่วนตัวลงกระเป๋าก่อนจะหยิบหูฟังมาใส่เข้าหูแล้วเปิดเพลงจากมือถือจนเสียงดังกลบเสียงภายนอกทั้งหมดแล้วค่อยๆ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนเพื่อจะงีบสักหน่อย ไหนๆ ก็ว่างแล้ว

 

“มึง”

 

จัสท์ที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำตรงเข้ามาสะกิดเบาๆ ที่หัวไหล่ของเฟรนด์ ทีแรกคนตัวเล็กก็ไม่ยอมตื่นจัสท์เลยสะกิดเรียกอีกครั้งจนเฟรนด์สะดุ้งเบาๆ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง

 

“หื้ม?” คนตัวเล็กดึงหูฟังออกเพื่อฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

 

“แก๊งเราไปไหนกันหมดอะ” จัสท์ถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะลึมสะลือตื่นขึ้น

 

“สวนวรรณฯ อะ”

 

“แล้วมึงไม่ไปหรอ”

 

“ว่าจะงีบอะเลยไม่ได้ไป อีกอย่างพวกไอ้มิ้นก็ไม่ได้ชวนกูด้วย” เฟรนด์พูดพลางจะหยิบเอาหูฟังเสียบเข้าหูตัวเองอีกรอบ

 

“เดี๋ยว” จัสท์คว้ามือของเฟรนด์เอาไว้ทันก่อนที่คนตัวเล็กจะเสียบหูฟังเข้าหูไปอีกครั้ง

 

“อะไร”

 

“ไปสวนวรรณฯ กับกูหน่อย” จัสท์เอ่ยเสียงอ้อน

 

“กูจะนอนนนน”

 

“ไปเหอะน้า... นะๆๆๆ” จัสท์ปล่อยลูกอ้อนเสียยกใหญ่ทำเอาคนตรงหน้าอย่างเฟรนด์อดที่จะใจอ่อนไม่ได้

 

“เออๆ” คนตัวเล็กกดปิดเพลงในมือถือแล้วดึงสายหูฟังออกก่อนจะม้วนเก็บลงกระเป๋า

 

“เย่” จัสท์ยิ้มกว้างแล้วรีบดึงให้เฟรนด์ลุกจากเก้าอี้ทันที

 

เฟรนด์เดินตามหลังจัสท์ไปต้อยๆ ใจจริงเขาก็แอบรู้สึกอยากจะนอนมากกว่าไปนั่งร้อนๆ อยู่ที่สวนวรรณฯ แต่โดนจัสท์แอทแทคไปขนาดนั้นจะไม่มาก็กระไรอยู่ ระหว่างนั้นเขาก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่ไว้ในหูตามเคย แต่ไม่ได้เปิดเพลงฟังหรอกนะ

 

ทั้งคู่เดินตรงไปยังสวนวรรณฯ ทันที จัสท์คอยหันมามองคนตัวเล็กที่เดินตามหลังมาอยู่เป็นระยะ เพื่อเช็คว่าเพื่อนของตัวเองแอบเดินหนีไปไหนหรือเปล่าแต่ก็ไม่ เพราะเฟรนด์ก็ทำเพียงเดินตามใส่หูฟังทำหน้าทำตาไม่สนใจโลกภายนอกอยู่แบบนั้น

 

“ไปไหนมาวะ” มิ้นตะโกนถามเสียงลั่นเมื่อเห็นจัสท์เดินเข้ามา

 

“ห้องน้ำ”

 

“เอ้า ไอ้เฟรนด์มาด้วยอ่อ”

 

“เออ กูชวนมาเอง ตอนแรกมันจะนอน” จัสท์เดินไปหย่อนตัวลงนั่งกับมิ้น

 

“มาๆๆ มานั่งก่อนมึง” มิ้นกวักมือเรียกเฟรนด์ให้เดินมานั่งด้วยกัน

 

คนตัวเล็กเดินมาหย่อนตัวลงนั่งข้างจัสท์แล้วนั่งเล่นเกมในมือถือไปเรื่อยโดยที่ยังมีหูฟังเสียบคาหูอยู่

 

“เออกูฝากพี่ชายไอ้บอสซื้อ KFC ให้ แดกด้วยกันป้ะ” มิ้นถาม

 

“เอาดิ” จัสท์พยักหน้าตอบแล้วหันไปมองเฟรนด์ก่อนจะสะกิด

 

“ว่า” เฟรนด์หันมามองแล้วเอ่ยถาม

 

“แดกเคเอฟซีมั้ย ไอ้มิ้นมันเลี้ยง”

 

“มึงกินกันเลย เดี๋ยวกูจะของีบหน่อย ง่วง” พูดจบเฟรนด์ก็หาวเสียวอดใหญ่

 

“อะไรวะ จะนอนอีกละ กินเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”

 

“ไม่เอา”

 

“โถ่ แดกเป็นเพื่อนกูหน่อยน้า... นะๆๆๆ” ลูกอ้อนอีกหนึ่งดอกปะทะเข้ากับใจของเฟรนด์เต็มๆ จนต้องอ่อนใจยอมรับคำอีกฝ่ายจนได้

 

“เออๆ มาถึงแล้วเรียกละกัน” คนตัวเล็กเอ่ยบอกแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หูฟังยังคงถูกเสียบไว้ในหูแต่ไม่ได้เปิดเพลงใดๆ

 

“มันไปง่วงมาจากไหนวะ” มิ้นเอ่ยถามจัสท์อย่างสงสัย

 

“กูจะไปรู้เหรอ” จัสท์บอกปัดแล้วแล้วคว้ามือถือขึ้นมานั่งเล่นเกมเพื่อรอเวลาไก่ทอดจะมาถึง

 

มิ้นหันไปมองกับแก้วแล้วสะกิดกันเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้าไปหาจัสท์เพื่อต้องการถามอะไรบางอย่างที่พวกเขาอ้างว่าคนทั้งกลุ่มสงสัยกันมานานแล้ว แต่ก็ต่างฝ่ายต่างเกี่ยงกันไม่ยอมถามจนจัสท์จับสังเกตได้เลยชิงพูดขึ้นมาก่อน

 

“มีอะไรกันวะ”

 

“เอ่อ.. คือ..” มิ้นอึกอักไม่กล้าพูด

 

“...”

 

“คือพวกกูอยากรู้ว่าไอ้เฟรนด์มันชอบมึงเหรอ” แก้วเป็นคนเอ่ยถามออกมา

 

“ห้ะ? มึงไปเอามาจากไหน” จัสท์ถามกลับอย่างตกใจ

 

“ก็ไอ้มิ้นมันบอกกูว่าเฟรนด์แอบชอบมึง” แก้วพูดต่อ

 

“มึงจะบ้าเหรอ พูดงี้ได้ไง เดี๋ยวไอ้เฟรนด์มันได้ยินจะคิดไง” จัสท์พูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ

 

“มันจะไปได้ยินได้ไงล่ะ มันใส่หูฟังอยู่”

 

“เออ นั่นดิ ไม่ได้ยินหรอก” มิ้นพูดเสริมแล้วทำเป็นกระซิบ “แต่กูว่ามันชอบมึงจริงๆ นะเว้ย ดูก็รู้”

 

“ทำไมมึงคิดงั้นวะ” จัสท์ถาม

 

“ก็ดูแววตาตอนมันอยู่กับมึงดิ มันดูมีประกายอะ แถมยังตัวติดกับมึงตลอดเวลาอีก กูว่ามันเป็นเกย์ ชอบมึงชัวร์” มิ้นเอ่ยย้ำตามสไตล์คนชอบเมาท์มอย

 

“จริง มึงไม่ขนลุกเหรอวะ เพื่อนสนิทตัวเองมาแอบชอบอะ” แก้วช่วยพูดเสริม ซึ่งนั่นมันยิ่งทำให้เฟรนด์ที่แกล้งหลับอยู่ได้ยินแล้วรู้สึกแย่เพิ่มมากขึ้น

 

“กู...ไม่รู้ว่ะ” จัสท์เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจก่อนจะปรายตาไปมองเฟรนด์ที่นอนหลับอยู่

 

“ระวังเหอะมึง มันจะแอบทำมิดีมิร้ายมึงเอานะ”

 

อ้าว.. อีมิ้น

 

เฟรนด์ได้แต่นึกด่าในใจเพราะความปากหมาของเพื่อนในกลุ่มของตัวเอง ใครจะไปเชื่อว่าเพื่อนที่สนิทกันเห็นกันอยู่ทุกวัน พูดจาดีต่อกัน ลับหลังจะพูดถึงกันได้ขนาดนี้ แต่จะพูดว่าลับหลังก็ไม่ได้ เพราะไอ้ที่พูดกันอยู่นี่ก็ต่อหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเขาแกล้งหลับแล้วก็แกล้งใส่หูฟังเท่านั้นเอง

 

“ไก่มาแล้วพวกมึง” บอสเดินถือเคเอฟซีเดินเข้ามาจากทางประตูหลังโรงเรียน

 

เฟรนด์ได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที

 

“เอ้า! ไอ้เฟรนด์ ไปไหนอะ ไก่มาแล้วนะเว้ย” จัสท์ร้องทักเมื่อจู่ๆ เห็นเฟรนด์ลุกพรวดพราดเดินออกไปแบบฉับพลันทันด่วน

 

“มันเป็นไรวะ” บอสถามด้วยสีหน้างงๆ

 

มิ้นกับแก้วหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก “หรือว่ามันได้ยินที่เราคุยกันวะ”

 

...

 

...

 

...

 

“กูได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ” เฟรนด์บอกพลางยิ้มบางๆ

 

“จริงป่ะเนี่ย”

 

“เออดิ ได้ยินหมดตั้งแต่ต้นจนจบ”

 

“ขอโทษนะเว้ย” จัสท์บอกพลางยกมือขึ้นจับไหล่คนข้างๆ ไว้

 

“ช่างมันเหอะ กูเข้าใจ ตอนนั้นเราก็ยังเด็กกันหมด”

 

“กูก็สงสัยอยู่ตั้งแต่ตอนนั้นละว่ามึงได้ยินแน่ๆ เพราะอยู่ๆ มึงก็ลุกไปเลย ไม่พูดไม่จาสักคำ”

 

“เออดิ โกรธชิบหาย เป็นเพื่อนกันเสือกมาพูดแบบนั้น” เฟรนด์วางช้อนลงแล้วเอนตัวพิงกับโซฟาโชว์พุงน้อยๆ ป่องออกมาหลังอิ่ม

 

“กูขอโทษจริงๆ นะมึง ตอนนั้นกูเหี้ยเอง ที่ไม่ยอมปกป้องมึงเลย ทั้งๆ ที่มึงเป็นเพื่อนสนิทของกูแท้ๆ” จัสท์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อน ใจหวิวหน่อยๆ เพราะเมื่อนึกย้อนกลับไปเขาก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

 

“ตอนนี้กูแข็งแรงแล้ว ใครจะมาด่าว่ากูเป็นเกย์ กูก็เฉยๆ ละ ก็กูเป็นจริงๆ นี่หว่าใครจะพูดอะไรก็ไม่สนใจทั้งนั้นละ เพราะตอนนี้กูมีความสุขในแบบที่กูเป็น แล้วกูก็รักตัวเองมากด้วย” เฟรนด์เอ่ยบอกแล้วยิ้มกว้าง แววตาฉายความสดใสอย่างเห็นได้ชัด

 

“เก่งว่ะ กูล่ะภูมิใจในตัวมึงจริงๆ” จัสท์บอกก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวคนข้างๆ เบาๆ

 

#จฟเพื่อนไม่ไหว