อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งจัสท์และเฟรนด์ต่างก็ยุ่งๆ กันทั้งคู่ด้วยภาระหน้าที่การงานของแต่ละฝ่าย ทำให้ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้เจอหน้ากันสักเท่าไหร่ จัสท์ก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมความพร้อมของโฮสเทลที่ใกล้จะเปิดให้บริการเต็มที ส่วนเฟรนด์ก็วุ่นวายอยู่กับงานรีวิวที่มีติดต่อเข้ามาเยอะกว่าปกติในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เขาต้องถ่ายรีวิวติดต่อกันหลายวันจนแทบไม่ได้ออกไปไหนมาไหนเลยแม้แต่น้อย

 

เช้านี้จัสท์ตื่นแต่หัววันอาบน้ำอาบท่ารีบทำธุระส่วนตัวเพราะมีแพลนนัดเพื่อนที่เป็นตากล้องให้มาช่วยถ่ายรูปสำหรับเอาไปใช้ลงในเพจเพื่อโปรโมทสถานที่ในวันนี้

 

ครืด ครืด~

 

เสียงสั่นของมือถือจัสท์ดังขึ้นในขณะที่เขากำลังวุ่นวายอยู่กับการติดรูปที่จ้างให้เฟรนด์วาดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน จริงๆ ก็ได้งานมาตั้งนานแล้วแต่เขาก็มัวแต่คิดว่าเอาไว้ค่อยติดจนกระทั่งเวลามันจวนตัวนี่แหละถึงได้มาเร่งรีบติดมันให้ทันก่อนเวลาที่เพื่อนตากล้องมาถึง

 

ครืด ครืด~

 

เสียงมือถือสั่นดังขึ้นอีกครั้ง จัสท์รีบกระโดดลงจากเก้าอี้หลังติดรูปบนผนังหลังเคาท์เตอร์เสร็จ แล้ววิ่งมาคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูก่อนจะรับสาย

 

ตงตงคนคูล.

 

“ฮัลโหลมึง”

 

(กูใกล้ถึงแล้วนะเว้ย เลยโทรมาเช็คอีกทีว่าให้เลี้ยวเข้าซอยที่ปากทางมีปั๊มเชลล์ใช่มั้ย)

 

“เออ ใช่ เลี้ยวแล้วตรงเข้ามาอย่างเดียวเลย เดี๋ยวก็เจอ”

 

(มีป้ายหรือจุดสังเกตไรมั้ย)

 

“มึงดูป้ายเลย Just stay here Hostel ถ้าถึงจอดรถต่อท้ายกูได้เลย”

 

(เคๆ)

 

จัสท์วางสายแล้ววางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะนึกได้ว่าเดี๋ยวไอ้ตงจะต้องเอารถมาจอดหน้าบ้านของเฟรนด์เขาก็เลยตัดสินใจเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อดูว่าคนตัวเล็กตื่นหรือยังเพราะจะได้ขออนุญาตจอดรถตรงหน้าบ้านไว้ล่วงหน้า

 

สองขายาวก้าวเดินไปถึงหน้าบ้านของเฟรนด์เห็นประตูแง้มอยู่นิดๆ ก็เลยเอามือค่อยๆ เปิดออกก่อนจะตะโกนเข้าไปในบ้านเพื่อเรียกเจ้าของบ้านให้ออกมาหา

 

“ไอ้เฟรนด์!!!”

 

“...”

 

“ไอ้เฟรนด์ อยู่ปะเนี่ยยย!!!!”

 

“...”

 

“มึงเปิดบ้านทิ้งไว้เนี่ย!!!”

 

เฟรนด์เดินออกมาจากทางหลังครัวโผล่มาด้วยใบหน้ายุ่ง “กูขี้อยู่ ตะโกนทำเชี่ยไรเนี่ย”

 

“อ่อ โทษๆ”

 

“มีไรแต่เช้า” คนตัวเล็กเอ่ยพูดขณะที่เดินเข้ามาใกล้จัสท์

 

“พอดีเดี๋ยวเพื่อนกูจะเข้ามาถ่ายภาพไปรีวิวในเพจอะ เลยจะมาขอจอดรถหน้าบ้านมึงหน่อย”

 

“อ่อ เออ จอดไปเหอะ”

 

“เค ขอบคุณมาก” จัสท์บอกแล้วหันหลังจะเดินกลับไปยังโฮสเทล “เออ ถ้าหิวอะ ไปกินข้าวด้วยกันก็ได้นะ กูฝากเพื่อนซื้อเข้ามาให้ละ”

 

“เออ เดี๋ยวว่ากัน จริงๆ กูกินไปนิดนึงละอะ”

 

“อ่อ”

 

“เดี๋ยวว่ากัน เผื่อหิวอีกจะเดินไปหา” เฟรนด์บอกแล้วยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่าย

 

หลังจากที่จัสท์เดินกลับบ้านตัวเองไปได้ไม่นาน รถยนต์คันหนึ่งก็ขับเข้ามาเทียบจอดที่ริมฟุตบาทหน้าบ้านของเฟรนด์ คนตัวเล็กที่นั่งดูทีวีอยู่ได้แต่ชะโงกมองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจทีวีต่อเหมือนเดิม

 

ตงตงเดินลงจากรถแล้วเปิดประตูด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋าใส่กล้องมาสะพายบ่าก่อนจะคว้าเอาอุปกรณ์เสริมพวกขาตั้งและไฟประคองเข้าข้างลำตัวแล้วเดินตรงไปยังโฮสเทลทันที

 

“เห้ยมึง” ตงตงร้องทักจัสท์ที่กำลังนั่งเล่นมือถือรอ “มาช่วยกูหน่อยดิ๊”

 

“เอ้า ไอ้ตง” คนตัวสูงหันมาเห็นตามเสียงเรียกก่อนจะรีบลุกแล้ววิ่งมาช่วยรับของจากมือเพื่อนทันที

 

“ขอบใจมากมึง” ตงตงเอ่ยบอกขณะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่างตรงบริเวณนั้น

 

“นั่งพักก่อนมึง เดี๋ยวกูเอาน้ำเย็นๆ มาให้”

 

“สวยเหมือนกันนะเนี่ย” ตงตงหันมองไปรอบๆ ก่อนจะหยิบมือถือออกมาถ่ายภาพภายในโฮสเทลไปสองสามรูป

 

“ค่อยยังชั่วหน่อย กูนึกว่าจะโดนมึงด่าซะละ” จัสท์เดินกลับมาพร้อมแก้วและน้ำเย็นเหยือกใหญ่ เขาวางลงที่โต๊ะแล้วนั่งลงข้างๆ เพื่อนของตัวเอง

 

“ใช้บริษัทที่กูแนะนำใช่ป่ะ”

 

“เออดิ แพงชิบหาย แต่ก็คุ้ม ถูกใจกู”

 

“เห็นมั้ย กูบอกแล้ว ใช้เงินแก้ปัญหาไปเลยจบๆ มานั่งแต่งเอง เหนื่อยตายห่า แถมจะไม่สวยเอาด้วย” หนุ่มหน้าตี๋เอ่ยพูดพลางยกแก้วน้ำที่จัสท์เทให้ขึ้นมาดื่ม

 

“แล้วข้าวที่กูฝากซื้ออะ” จัสท์ถามเมื่อไม่เห็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ

 

“เออ อยู่บนรถอะ”

 

“งั้นเอากุญแจมา เดี๋ยวกูเดินออกไปเอาเอง มึงนั่งพักก่อน เดี๋ยวกินข้าวกินปลาเสร็จค่อยเริ่มงานกัน” จัสท์รับกุญแจรถที่ตงตงยื่นให้แล้วเดินออกไปที่หน้าบ้านทันที

 

ติ๊ด!

 

เสียงกดรีโมทเพื่อปลดล็อกประตูรถของตงตงดังขึ้นพร้อมๆ กับที่เฟรนด์เปิดประตูบ้านออกมาพอดี คนตัวเล็กเดินมายืนมองคนตัวสูงที่มุดเข้าไปในตัวรถที่จอดอยู่หน้าบ้านตัวเองอย่างสงสัย เขายืนกอดอกรออยู่ตรงนั้นจนจัสท์ออกจากรถแล้วหันมาเจอ

 

“เอ้า มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

“ก็ตั้งแต่ที่มึงมาเปิดรถนั่นแหละ”

 

“อ่าวหรอ ไม่ได้สังเกต”

 

“ละนี่มึงมาเอาไรเนี่ย”

 

“กับข้าวไง” จัสท์ชูถุงกับข้าวที่ฝาตงตงซื้อให้กับเฟรนด์ดู

 

“อ่อ”

 

“ไป ไปกินข้าวกันเถอะ” คนตัวโตยกมือขึ้นโอบไหล่อีกฝ่ายแล้วพากันเดินกลับไปที่โฮสเทล

 

จัสท์และเฟรนด์เดินเข้าไปด้านในโฮสเทล ตงตงที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้หันมาเห็นก็รีบยกมือสวัสดีทันทีทำเอาเฟรนด์รีบยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน

 

“หวะ...หวัดดีครับ” เฟรนด์พูดพลางหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้บริเวณโต๊ะทานข้าวฝั่งตรงข้ามกับตงตง

 

“ผมตงตงนะครับ เพื่อนไอ้จัสท์ที่มหาลัย”

 

“ผมเฟรนด์ครับ”

 

“แฟนไอ้จัสท์หรอครับ” ตงตงถามพรวดออกมาทำเอาเฟรนด์ตั้งตัวไม่ทัน

 

“เห้ย ไม่ใช่ๆ เป็นเพื่อนตอนม.ปลายอะ” คนตัวเล็กละล่ำละลักตอบ

 

“ไอ้เชี่ยตง!” จัสท์ที่ได้ยินคำถามจากปากตงตงถึงกับต้องหยิบกระดาษทิชชู่มาขว้างใส่

 

“โอ๊ย อะไรของมึงเนี่ย” ตงตงโวยวาย

 

“ก็มึงทำเชี่ยอะไรของมึงล่ะ”

 

“ก็แค่ถามเฉยๆ เอง เห็นมึงชอบมาเล่าเรื่องคนชื่อเฟรนด์ให้ฟังบ่อยๆ นี่หว่า” ตงตงทำหน้ากวน

 

จัสท์รีบวิ่งเข้ามาหาตงตงแล้วยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่ายทันที “มึงเงียบไปเลยไอ้ห่า เดี๋ยวก็ไม่ให้แดกข้าวหรอก”

 

ตงตงหัวเราะลั่นในขณะที่เฟรนด์ได้แต่มองหน้าทั้งสองคนสลับไปมาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันคืออะไร ทำไมเพื่อนของจัสท์ถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา รวมไปถึงไอ้ท่าทางเลิ่กลั่กของจัสท์นั่นด้วย

 

เฟรนด์ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจโดยไม่ได้ถามอะไรออกไป จนจัสท์เดินถือบรรดาอาหารที่เทใส่จานมาวางไว้ที่โต๊ะคนตัวเล็กก็เอาแต่มองหน้าจนทำให้คนตัวโตอดสงสัยไม่ได้

 

“มีอะไรติดหน้ากูเหรอ” จัสท์ถามขณะหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้

 

“เปล่าๆ กินข้าวเหอะ” เฟรนด์ยิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่ายแล้วยื่นมือไปจับช้อนกลางตักต้มจืดมาใส่จานตัวเอง

 

“ประหลาดคนนะมึงอะ”

 

“อะไรล่ะ มองไม่ได้หรือไง” คนตัวเล็กทำหน้ามู่ทู่ใส่จัสท์ก่อนจะตักข้าวเข้าปากคำโต

 

“มึงสองคนเนี่ยเคมีได้อยู่นะว่าไป กูจิ้นได้ป้ะ” ตงตงพูดแทรกขึ้นมาทำเอาทั้งสองคนหันขวับไปมองหน้าพร้อมกัน

 

“ก็เหี้ยละ!!”

 

มื้ออาหารเช้าเป็นไปด้วยความประดักประเดิดต่างฝ่ายต่างก็ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรในใจ ยกเว้นก็แต่ตงตงที่นั่งกินข้าวอย่างสบายใจเฉิบ ทั้งที่เป็นตัวต้นเหตุที่จู่ๆ ก็โพล่งเรียกแบบนั้นขึ้นทำเอาจัสท์ทำตัวไม่ถูก รวมไปถึงเฟรนด์ที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเล่าเรื่องตัวเองให้เพื่อนสนิทฟังก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

 

ช่วงเวลาของอาหารจบลงอย่างเงียบเชียบ จัสท์รวมจานข้าวที่ทุกคนกินหมดเดินเอาไปวางไว้ในอ่างล้างจานในครัว เฟรนด์ก็ทยอยเดินเก็บจานกับข้าวที่ยังเหลืออยู่ไปไว้ในตู้เย็น ส่วนตงตงก็เริ่มหยิบอุปกรณ์ถ่ายภาพออกมาประกอบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายภาพโฮสเทล

 

“มึงเอาเรื่องกูไปเล่าให้ตงตงฟังอ่อ” เฟรนด์เอ่ยถามขณะที่กำลังจะเดินออกจากครัว

 

“พวกมึง!! กูพร้อมละ ถ่ายกันเลยมั้ย” เสียงตะโกนจากตงตงดังเข้ามา

 

“ไอ้ตงเรียกละ ขอไปทำงานก่อนนะ” จัสท์ยิ้มบอกแล้วเดินออกจากครัวไป ทิ้งความสงสัยให้ยังติดอยู่ในใจของเฟรนด์ต่อไป

 

คนตัวสูงพาเพื่อนตากล้องเดินขึ้นไปถึงชั้นที่สี่ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคารก่อน เพื่อที่จะได้เริ่มไล่ถ่ายจากที่สูงแล้วค่อยๆ เดินลงไปจนถึงชั้นล่างสุด เฟรนด์เองก็ไม่มีอะไรทำเลยแอบเดินตามหลังคนทั้งคู่ขึ้นไปด้วย เขาก็เพิ่งรู้วันนี้เองว่าโฮสเทลแต่ละห้องของที่นี่มันถูกตกแต่งในสไตล์ที่แตกต่างกัน

 

ระหว่างที่ตงตงกับจัสท์ถ่ายรูปแต่ละมุมของแต่ละห้องพักอยู่นั้น เฟรนด์เองก็เดินไปดูห้องอื่นๆ ที่สองคนนั้นยังไม่ได้เข้าไป เขาเดินแอบถ่ายรูปแต่ละมุมเก็บไว้ในมือถือของตัวเอง บางครั้งก็มีเซลฟี่บ้างเวลาเจอมุมที่มันสวยๆ และเข้ากับโทนในไอจีของตัวเอง ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่เตียงในห้องพัก

 

แชะ!

 

เสียงชัตเตอร์จากกล้องใหญ่ดังขึ้นพร้อมแสงแฟลชสว่างวาบขึ้นมาทำเอาเฟรนด์ตกใจหันไปมอง จึงได้เห็นจัสท์กับตงตงยืนยิ้มอยู่ที่ด้านหน้าห้องก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

 

“ห้องสวยอะดิ” คนตัวสูงเอ่ยถาม

 

“อือ เพิ่งรู้ว่าแต่ละห้องมันไม่เหมือนกัน”

 

“ช่าย ชอบป้ะ”

 

“อือ เท่ดี”

 

ตงตงเดินเปิดรูปที่เพิ่งถ่ายเฟรนด์ไปเมื่อครู่ให้จัสท์ดู “มึง เฟรนด์มันขึ้นกล้องจังวะ ดูดิ”

 

“เอ้า เขาเป็นดารา” จัสท์แกล้งบอกเพื่อนสนิท

 

“ห้ะ จริงป้ะเนี่ย ก็ว่าหน้าคุ้นๆ”

 

“ปลอมมากกกก” เฟรนด์พูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“เอ้า สรุปเรื่องจริงหรือล้อเล่น” ตงตงถามด้วยความสงสัยคิ้วขมวดเข้ากันจนแทบจะผูกเป็นปม

 

“ไม่ได้เป็นดารา เป็นยูทูปเบอร์” คนตัวเล็กเอ่ยบอก

 

“อ่อ ชื่อช่องไรอะ”

 

“With your friend”

 

“เสิร์ชแป๊บ” ตงตงพูดพลางหยิบมือถือมากดค้นหาในยูทูป

 

“เจอป้ะ”

 

“เจอละ อ๋อออออ ก็ว่าคุ้นๆ เคยดูอยู่ผ่านๆ”

 

“แสดงว่าดังจริงว่ะ” จัสท์เอ่ยแซว

 

เฟรนด์ได้ยินแบบนั้นก็ยืดอกทำหน้าเหนือขึ้นมาเล็กน้อย “ก็อยู่แล้วป้ะ”

 

“แล้วทำไมมึงไม่ให้เฟรนด์มันช่วยรีวิวโฮสเทลให้เลยวะ จะได้ช่วยโปรโมทให้ด้วย” ตงตงเอ่ยบอก แนวคิดนี้ทำเอาจัสท์กับเฟรนด์หันหน้ามามองกันทันทีเพราะไม่ทันจะได้ฉุกคิดมาก่อน

 

“เออว่ะ มึงมาถ่าย Vlog รีวิวลงช่องมึงให้หน่อยดิ” จัสท์เอ่ยบอก

 

“ได้”

 

“ขอบใจมากมึง”

 

“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ” เฟรนด์ตอบพลางยิ้มแบบมีเลศนัย

 

“กูว่าละ”

 

“ทำไม ไม่พอใจเหรอ งั้นไม่ทำให้นะ”

 

“ก็พูดมาดิจะให้ทำไร”

 

“มาช่วยกูถ่ายรีวิวสินค้าคืนนี้”

 

“สบายมากไอ้หนุ่ม” จัสท์เอ่ยตอบพลางยักคิ้วแล้วยิ้มมุมปาก

 

“โอเค้! งั้นเจอกันสองทุ่มนะ” เฟรนด์บอกแล้วลุกขึ้นยืนจะเดินออกไป

 

“อ้าว จะกลับละเหรอ” คนตัวโตเอ่ยถาม

 

“เออ กูจะไปกินขนม!” เฟรนด์บอกแล้วรีบก้าวขายาวออกจากห้องนั้นไปทันที

 

...

 

...

 

...

 

อุปกรณ์ไฟถูกเซ็ตติ้งเตรียมไว้พร้อมกับอุปกรณ์การวาดภาพรวมถึงสีจำนวนหลากหลายที่ได้มาจากลูกค้าถูกจัดวางไว้อย่างดีหันป้ายยี่ห้อออกให้เห็นเด่นชัด กล้องถูกตั้งอยู่บนขาตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเฟรนด์เดินมาเช็คเล็กน้อยว่ามันยังพร้อมใช้งานอยู่ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนัง

 

19:50 น.

 

“อีกสิบนาที มันจะมาตอนไหนวะเนี่ย” เฟรนด์บ่นพลางหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมไลน์หาอีกฝ่าย แต่ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาเสียก่อน

 

จัสท์ครับ : ถึงละ

 

จัสท์ครับ : ลงมาเปิดประตูหน่อย

 

เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : เออ รอแป๊บ

 

คนตัวเล็กกดปิดหน้าจอมือถือแล้วยัดลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินลงไปรับคนตัวโตที่รออยู่หน้าบ้านให้เข้ามาในบ้านแล้วพาเดินขึ้นมายังห้องทำงานที่อยู่ชั้นสอง

 

“มา จะให้กูทำไร” จัสท์เอ่ยถามทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง

 

“มึงเดินไปนั่งตรงนู้นไป ที่มีเก้าอี้วางอยู่อะ” เฟรนด์ชี้ไปที่เก้าอี้กลมที่วางอยู่ด้านหลังกระดานวาดรูป

 

“นั่งเฉยๆ เลยอ่อ”

 

“อือ กูจะให้มึงเป็นนายแบบให้หน่อย”

 

“...”

 

“พอดีต้องรีวิวสีอะ เลยว่าจะวาดรูปมึง”

 

“ได้ค่าจ้างป้ะ” จัสท์ยิ้มถาม

 

“ก็แลกกับที่กูจะถ่ายรีวิวโฮสเทลให้มึงไง”

 

“เออว่ะ ฮ่าๆๆ”

 

“นั่งนิ่งๆ ได้ละ เดี๋ยวกูจะเริ่มถ่ายแล้ว ปิดเสียงปิดสั่นมือถือด้วยนะ” เฟรนด์เอ่ยพูดกับจัสท์แล้วหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาปิดเหมือนกัน

 

ลำโพงตัวโปรดถูกเชื่อมต่อเข้ากับมือถือของเฟรนด์แล้วเปิดเพลงบรรเลงอย่างที่เคย จากนั้นคนตัวเล็กก็ลุกเดินไปที่กล้องเพื่อกดปุ่มบันทึกก่อนจะเดินกลับมานั่งแล้วหันไปบอกกับจัสท์

 

“มึงไม่ต้องทำไรมากนอกจากนั่งเฉยๆ เลยนะ”

 

“แล้วต้องนั่งนานแค่ไหนวะ” จัสท์ถามอย่างสงสัย

 

“ประมาณชั่วโมงนึงหรือชั่วโมงครึ่งประมาณนี้”

 

“ห้ะ!?”

 

“มา กูจะเริ่มละ อยู่เฉยๆ นะ” เฟรนด์เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเชิงสั่งแล้วหันไปหากล้องก่อนจะพูดแนะนำตัวแบบที่เคย “สวัสดีคร้าบบบ กลับมาเจอกันอีกนะครับกับช่อง With your Friend…”

 

การถ่ายทำดำเนินไปหลังจากที่เฟรนด์พูดแนะนำตัวรวมถึงแนะนำแบรนด์สีที่จะใช้ในวันนี้ คุณสมบัติของสี รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับบรีฟมาจากทางฝั่งของลูกค้าจนครบถ้วน จากนั้นก็เข้าสู่ช่วง ASMR เหมือนในทุกครั้งเมื่อคนตัวเล็กเริ่มลงมือวาดภาพ

 

เสียงเพลงบรรเลงที่ดังคลอยิ่งทำเอาบรรยากาศให้ดูนิ่งสงบมากขึ้นไปกว่าเดิม สายตาของเฟรนด์ที่คอยจ้องมองจัสท์ในเวลาที่กำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการวาดภาพนั้นยิ่งทำให้เฟรนด์ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว

 

และดูเหมือนว่าจัสท์ก็จะไม่รู้ตัวและเผลอไผลหลงใหลไปกับสิ่งนั้นอยู่เหมือนกัน...

 

ใบหน้าหวานของเฟรนด์ในวันนี้ดูน่าสนใจมากกว่าที่เคย ทั้งๆ ที่เขาทั้งคู่ก็อยู่ใกล้ชิดกันมาโดยตลอดแต่จัสท์ไม่เคยได้สังเกตเลยว่าคนตรงหน้าเขาในตอนนี้จะดูน่าค้นหามากกว่าที่คิด

 

ดวงตาคมโตจดจ้องอยู่ที่ร่างบางตรงหน้าแบบไม่ละสายตา...

 

ทำเอาเฟรนด์ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการวาดภาพพอได้เผลอสบตากับอีกฝ่ายก็มีชะงักไปเหมือนกัน เพราะแววตาของจัสท์ที่จ้องมามันดูจดจ่อและลึกลับมากกว่าที่เคย มันมีความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้แบบที่เขาสัมผัสได้แต่ก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ทั้งคู่จ้องมองกันแบบนั้นอยู่พักใหญ่โดยที่กล้องก็ยังบันทึกวิดีโอไปเรื่อยๆ

 

ช่วงเวลาที่คนทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์ทำให้เฟรนด์ไม่ทันได้ระวังเลยเผลอทำถ้วยล้างพู่กันคว่ำลงกับพื้นห้องจนน้ำกระจายเปียกไปหมด ทั้งเฟรนด์และจัสท์ต่างก็ตกใจจึงรีบลุกจากเก้าอี้แล้วรีบวิ่งมาเก็บถ้วยใบนั้น เฟรนด์คว้าผ้าขี้ริ้วที่อยู่ใกล้มือมาเช็ดน้ำที่พื้นในขณะเดียวกับที่จัสท์วิ่งเข้ามาช่วยหยิบแก้วพอดี

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟ้าลิขิตหรืออะไรดลใจแต่มันก็ทำให้ใบหน้าของคนทั้งคู่ได้เข้ามาใกล้กันมากกว่าที่เคย ปลายจมูกแทบจะเกือบสัมผัสกันอยู่แล้ว เฟรนด์กระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใบหน้าของจัสท์ใกล้ขนาดนี้ ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าจนหูเริ่มแดงอย่างเห็นได้ชัด หัวใจกระตุกเต้นแรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

 

จัสท์คว้าหมับเข้าที่มือเรียวของเฟรนด์แล้วดึงผ้าขี้ริ้วออกไปเช็ดพื้นด้วยตัวเองก่อนจะคว้าเอาถ้วยเปล่าที่ตกลงขึ้นไปวางไว้ยังตำแหน่งเดิมของมันก่อนหน้านี้

 

“เป็นไรป่ะเนี่ย ง่วงอ่อ”

 

“มะ..มึงกลับไปนั่งก่อนๆ ยังวาดไม่เสร็จ” เฟรนด์ส่ายหัวแล้วเอ่ยพูดด้วยความอึกอัก “เดี๋ยวกูเก็บเองได้”

 

“ชัวร์นะ”

 

“อื้อ”

 

เฟรนด์เอาผ้าขี้ริ้วคืนจากจัสท์ก่อนจะเช็ดพื้นจนแห้งแล้วคว้าถ้วยล้างพู่กันออกไปเติมน้ำใหม่แล้วกลับเข้ามานั่งวาดรูปต่อจากที่เหลือจนเสร็จ ซึ่งกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนเสียแล้ว ไอ้ที่บอกกับคนตัวโตว่าชั่วโมงเดียวก็น่าจะเสร็จจึงกลายเป็นคำโกหกคำโตไปเสียได้

 

“เสร็จละ”

 

“เมื่อยชิบหาย ไหนบอกแป๊บเดียว” จัสท์บ่นพลางลุกบิดขี้เกียจ

 

“อย่าบ่นได้มั้ยล่ะ ก็ถ้าไม่มีอุบัติเหตุคงเสร็จเร็วกว่านี้” เฟรนด์ตอบกลับพลางลุกไปกดปิดกล้อง

 

โครกกกกกก~

 

“หื้มมม” เฟรนด์หันขวับมามองพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ “หิวเหรอ”

 

“เออดิ นั่งตั้งนาน ไม่ได้กินอะไรเลย จิบแต่น้ำเนี่ย” จัสท์บ่นพลางทำหน้ายุ่ง

 

“อะๆ งั้นเดี๋ยวพาไปกินข้าว”

 

“ดึกป่านนี้ยังมีร้านไหนเปิดอีกเหรอ”

 

“มีดิ ชายสี่หมี่เกี๊ยวตรงสี่แยกเซเว่นอะ มันเปิดขายตลอดทั้งคืน กูไปซื้อกินบ่อยๆ”

 

“งั้นรีบไปเลยกูหิวจะแย่ แต่มึงต้องเลี้ยงกูนะ”

 

“เออๆ เดี๋ยวเลี้ยง” เฟรนด์เอ่ยตอบพร้อมยกยิ้มน้อยๆ ให้กับความอ้อนของไอ้ลูกหมาตัวโตข้างๆ ส่วนจัสท์ก็เดินเข้าไปดันหลังคนตัวเล็กให้เดินนำหน้าออกจากห้องไป

 

#จฟเพื่อนไม่ไหว

ฝากกดแชร์ หรือคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ได้นะค้าบบบ