อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว

ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวหน้าเซเว่นเจ้าประจำที่เปิดบริการอยู่ทุกวันยังคงมีลูกค้านั่งกินอยู่ประปรายในเวลานี้ ทั้งจัสท์และเฟรนด์พากันเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ยังคงว่างอยู่ อาเจ็กเจ้าของร้านหันมาเห็นก็ตะโกนถามเสียงดัง

 

“อาเฟรนด์กินไรดีวันนี้”

 

“บะหมี่เกี๊ยวน้ำหมูแดงครับเจ็ก” เฟรนด์ตะโกนตอบก่อนจะหันไปถามจัสท์ “ละมึงกินไร”

 

“เอาแบบมึงมาเลยก็ได้”

 

“เจ๊ก เอาเพิ่มเป็นสองเลย พิเศษให้ด้วย” คนตัวเล็กหันไปตะโกนบอกเจ้าของร้าน

 

“จัดไป รออั๊วแป๊บ”

 

เสียงเคาะกระบวยดังโคร้งเคร้งประกอบกับเสียงถ้วยชามดังแว่วมาอยู่เรื่อยๆ ไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยโชยมาตามลมเตะจมูกคนทั้งคู่เข้าทำเอาความหิวปะทุรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ชามบะหมี่เกี๊ยวทั้งสองชามถูกลูกสาวอาเจ๊กนำมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ปริมาณของทั้งสองชามที่แม้จะสั่งพิเศษแต่ก็ดูจะน้อยไปถนัดตาเมื่อความหิวโหยมันกำลังเติบโตอย่างบ้าคลั่ง

 

“ลองชิมดู” เฟรนด์บอกก่อนจะจับตะเกียบแล้วคีบเส้นบะหมี่เข้าปาก

 

“ถ้าไม่อร่อยทำไง”

 

“ก็เรื่องของมึงดิ เกี่ยวไรกับกูล่ะ”

 

“กวนตีน” จัสท์หัวเราะน้อยๆ แล้วตักน้ำซุปขึ้นมาชิมแล้วพยักหน้าเบาๆ “อื้อ อร่อยดี”

 

“เห็นมั้ยกูบอกแล้ว” คนตัวเล็กยิ้มบาง

 

ช่วงเวลาของอาหารมื้อดึกเริ่มต้นขึ้น ณ ตอนนั้น ปกติจัสท์ไม่ค่อยได้กินมื้อดึกสักเท่าไหร่ หลังหกโมงก็ไม่ได้กินอะไรแล้วนอกเสียจากผลไม้เล็กๆ น้อยๆ เพราะเขาเป็นคนที่นอนไวมาก ดึกสุดๆ ก็ไม่เกินเที่ยงคืน คืนนี้ก็เลยถือว่าค่อนข้างพิเศษนิดหน่อยที่ได้มานั่งทำอะไรในแบบที่ไม่เคยทำ

 

“เออ กูถามไรหน่อยดิ” จัสท์เอ่ยถามโพล่งขึ้นมา

 

“ถามไรวะ”

 

“มึงมาเป็นยูทูปเบอร์ได้ไงอะ”

 

“มึงอยากรู้จริงอ่อ”

 

“อือ ก็ตอนเรียนมึงดูไม่น่าจะมาทางนี้ได้”

 

“ก็เพราะมึงนั่นแหละ” เฟรนด์เอ่ยตอบเสียงนิ่ง

 

“...”

 

“จำตอนที่เราทะเลาะกันได้มั้ยล่ะ”

 

“ตอนไหนอีกอะ กูกับมึงทะเลาะกันบ่อยจะตายไป” จัสท์ตอบกลับ

 

“หลังจากที่พวกไอ้มิ้นกับไอ้แก้วบอกมึงว่ากูเป็นเกย์แล้วมึงก็ทำตัวห่างออกไปไง” เฟรนด์เสียงแอบสั่นเครือนิดๆ เหตุการณ์ในช่วงนั้นมันยังคงฝังอยู่ในใจของเขาตลอดมา

 

...

 

...

 

...

 

บรรยากาศของเช้าวันนี้ดูอึมครึมและไม่สดใสดังเช่นที่ผ่านมาในทุกๆ วัน เฟรนด์ก้าวขายาวผ่านพ้นประตูโรงเรียนเข้ามาพร้อมความหดหู่ที่ก่อตัวขึ้นมาภายในจิตใจของเขา เพราะหลังจากวันที่ได้ยินเพื่อนในกลุ่มนินทาตัวเองเขาก็รู้สึกว่าทุกคนดูเปลี่ยนไป ไม่แน่ใจว่าเขาคิดไปเองคนเดียวหรือเพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ กันแน่

 

อย่างเช่นเช้านี้ที่ปกติเขาจะต้องมานั่งรอที่บริเวณม้านั่งริมระเบียงอาคารเรียนชั้นสองกับจัสท์ในทุกๆ วันเพื่อคุยเล่นกันเรื่อยเปื่อยซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเพื่อนในกลุ่มก็จะตามมาสมทบก่อนจะถึงเวลาเข้าแถว แต่วันนี้ไม่เป็นแบบนั้นเพราะเขามานั่งรออยู่ตรงนี้นานมากแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครมาเลยสักคนเดียว

 

จนกระทั่งเสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าต้องเดินไปเข้าแถวที่สนามฟุตบอลหน้าเสาธงแล้ว คนตัวเล็กเดินคอตกไปยังแถวของห้องตัวเองก่อนจะพบว่าทุกคนรวมกลุ่มกันอยู่ตรงนั้นและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเงียบลงไปเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา

 

แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาคิดได้ยังไงว่าทุกคนดูผิดปกติกันไปหมด

 

“พวกมึงเป็นไรวะ” เฟรนด์ที่เดินตามหลังจัสท์มาหลังจากเคารพธงชาติกันเสร็จเอ่ยถามขึ้นจนคนทั้งกลุ่มหันมามอง

 

“ห้ะ?” จัสท์อุทานออกมาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

 

“ก็มึงไม่คุยกับกูอะ”

 

“มึงอะคิดมาก” จัสท์แล้วหันหลังเดินไปพร้อมกับมิ้นและแก้ว

 

“คิดมากก็เหี้ยละ” เฟรนด์สบถด่าออกมากับตัวเอง แล้วเดินตามหลังไป

 

ตลอดเวลาที่เหลือตั้งแต่ตอนนั้นจนจบเทอมทุกคนในห้องก็ดูจะพากันออกห่างจากเฟรนด์กันหมด จนคนตัวเล็กเรียนรู้ที่จะไม่ต้องพึ่งพาใครอีก เขาคิดเพียงแค่เช้ามาเรียนเย็นก็กลับบ้าน ไม่จำเป็นจะต้องมาแบกรับภาระทางจิตใจอะไรอีก จะมีลำบากก็แค่ตอนที่ต้องทำงานกลุ่มซึ่งเขาก็ต้องแบกตัวเองไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เป็นเด็กหน้าห้องแล้วเขาก็ยังรู้สึกไม่สนิทด้วยเท่าไหร่

 

แต่จะให้ทำยังไงได้ เพราะมันไม่มีทางออกอื่น...

 

ในตอนนั้นเฟรนด์เองก็รู้สึกแปลกว่าทำไมต้องเป็นเขาที่มาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ เพียงเพราะเขาเป็นเกย์อย่างนั้นเหรอ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมว่าแล้วการเป็นเกย์มันผิดอะไรนักหนาถึงจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้ ทำไมต้องทำตัวออกห่าง การเป็นเกย์ของเขามันดูมีพิษภัยขนาดนั้นเลยเหรอ

 

ยิ่งเจอแบบนี้มันยิ่งทำให้เฟรนด์รู้สึกอยากปกปิดตัวตนของเขาตลอดไป...

 

แต่เพราะเหตุการณ์นี้นี่แหละที่ทำให้เขาได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นและเรียนรู้อะไรๆ ที่จะทำให้ตัวเขาได้พัฒนามากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้านความสามารถและด้านภาพลักษณ์

 

เฟรนด์ขลุกอยู่กับรายการเรียลลิตี้ในทีวี ดูยูทูปเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง การพัฒนาและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ เขาพยายามศึกษาทุกอย่างตั้งแต่การแต่งตัวจนถึงการทาครีม แม้กระทั่งการหาข้อมูลเพื่อพบแพทย์ด้านเสริมความงามเพราะหวังอยากจะให้ตัวเองได้ดูเปลี่ยนแปลงไปจนเห็นได้ชัด

 

แต่มันไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการให้คนอื่นหันมาสนใจ เขาเพียงแค่อยากจะหาอะไรทำให้ตัวเองมีความสุขความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นและที่สำคัญคืออยากจะลืมเรื่องราวความหนักหน่วงในจิตใจที่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

 

“ไม่ออกไปข้างนอกบ้างเหรอลูก” แม่ของเฟรนด์เอ่ยทักเมื่อเริ่มรู้สึกว่าช่วงหลังไม่ค่อยได้เห็นลูกชายตัวเองออกไปไหนนอกเสียจากจมอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน

 

“ไม่รู้จะไปไหนอะแม่”

 

“ก็ไปหาเพื่อนฝูงบ้างตามประสาวัยรุ่นไงลูก”

 

“ไม่เอาอะ อยู่บ้านดีกว่า”

 

“ทะเลาะกับเพื่อนเหรอ”

 

“ไม่นะแม่ ก็ปกติ”

 

“แต่เมื่อก่อนลูกชอบออกไปกินข้าวข้างนอกกับเพื่อนบ่อยๆ”

 

“ก็ช่วงนี้อากาศมันร้อนอะ แดดแรงออกไปก็กลัวดำ” เฟรนด์เอ่ยบอกก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงสั่นเตือน หน้าจอแสดงให้เห็นว่ามีเบอร์ของแม่เพื่อนสนิทคนหนึ่งโทรมาหาหลังจากที่ช่วงนี้แทบจะไม่ค่อยได้คุยกับลูกชายของเขาสักเท่าไหร่นัก

 

คุณแม่จัสท์

 

เฟรนด์กดรับสายด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ดีๆ แม่ของจัสท์ถึงโทรหาเขา

 

“ฮัลโหลครับ”

 

(น้องเฟรนด์ใช่มั้ยลูก)

 

“ครับ”

 

(อยู่ไหนกันเหรอลูก)

 

“อะไรนะครับ?”

 

(รถชนที่ไหนเหรอ)

 

“ห้ะ? ยังไงนะครับ” เฟรนด์ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตกเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย

 

(นี่เฟรนด์อยู่ไหนนะลูก อยู่กับจัสท์หรือเปล่า)

 

“เปล่านะครับ ผมอยู่บ้านครับ”

 

(อ้าว ไหนจัสท์บอกอยู่กับเฟรนด์)

 

“ไม่นะครับ ผมไม่รู้เรื่องเลยครับ”

 

(อ้อ จัสท์โทรมาบอกแม่ว่ารถชน แม่โทรหาแล้วไม่รับ เลยลองโทรมาหาเฟรนด์ดู)

 

“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ครับแม่ ไม่รู้ด้วยว่าจัสท์ออกไปไหน”

 

(โอเค ไม่เป็นไรลูก จัสท์เนี่ยน้า แก้ไม่หายจริงๆ นิสัยขี้โกหกเนี่ย ขอบใจมากนะลูก)

 

“ครับผม”

 

ปลายสายตัดสายไปเฟรนด์ก็เลยกดวางสายแล้ววางมือถือลงกับโต๊ะทำงานก่อนจะหันไปสนใจคลิปสอนแต่งหน้าผู้ชายในยูทูปต่อแต่ไม่ทันจะได้ดูไปสักเท่าไหร่มือถือก็สั่นครืดส่งเสียงดังออกมาอีกครั้ง เขาหันหน้าไปมองที่หน้าจอมือถือก่อนจะเห็นรายชื่อของคนต้นเรื่องโชว์หราอยู่ที่หน้าจอ

 

จัสท์

 

“ว่า...”

 

(ฮัลโหลมึง อยู่ไหนวะ) ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงกังวล

 

“มีไร”

 

(ถ้าแม่กูโทรหามึงอะ บอกว่ามึงอยู่กับกูนะเว้ย)

 

“ทำไมวะ”

 

(เหอะน่า)

 

“อะไรของมึง ประสาทปะเนี่ย ไม่คุยกับกูมาตั้งนานอยู่ดีๆ ก็โทรมาให้กูช่วยโกหกให้ ถ้าไม่บอกเหตุผลกูก็ไม่ช่วยนะ”

 

(ไรวะ เพื่อนกันช่วยเหลือกันหน่อยไม่ได้รึไง)

 

“...” เฟรนด์เลือกที่จะเงียบไม่โต้ตอบอะไรกลับไป

 

(กูยืมรถที่บ้านมาขับแล้วเสือกชนอะดิ โทรไปบอกให้พ่อโทรหาประกันละ)

 

“แล้วมึงไม่เป็นไรใช่มั้ย” เฟรนด์ตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้นแต่ก็ยังพยายามจะเก็บอาการเอาไว้ก่อน

 

(ไม่เป็นไรๆ แค่ไม่อยากให้แม่รู้กลัวโดนด่า)

 

“หึ! ขอร้องกูสิ” คนตัวเล็กลอบยิ้มมุมปากอย่างสะใจเพราะรู้สึกได้ถึงช่วงเวลาเอาคืน

 

(เออๆ กูขอร้องนะ ช่วยกูหน่อย ถ้าแม่กูโทรมาช่วยบอกหน่อยมึงอยู่กับกูนะ)

 

“ไม่ทันแล้วแหละ”

 

(อะ...อะไรนะ)

 

“กูบอกว่าไม่ทันแล้ว แม่มึงเพิ่งโทรมาหากูเมื่อกี๊”

 

(ชิบหายละ จริงป่ะเนี่ย)

 

“เออดิ”

 

(มึงแม่ง โง่จังวะ ทำไมไม่รู้จักโกหกช่วยกูมั่ง กูโดนด่าแน่)

 

“เอ้า! ใครจะไปรู้วะ”

 

(ไอ้สัตว์)

 

ตื๊ดๆๆๆ

 

“เอ้า!!!!!” เฟรนด์ถึงกับอุทานออกมาด้วยความงงเพราะอยู่เฉยๆ ก็โดนด่าแล้วตัดสายหนีไปซะงั้น ทั้งที่ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย

 

เฟรนด์หัวร้อนขึ้นมาทันทีแบบไม่มีอะไรมายับยั้งได้ ใครมันจะไปทนได้อยู่บ้านเฉยๆ กลับโดนโทรมาด่าซะงั้นเพราะดันให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายไม่ได้

 

ก็คงจะเป็นคราวซวยของมันที่ดันโทรมาบอกช้ากว่าแม่มันเอง...

 

เขารัวนิ้วพิมพ์ด่าเสียยาวเหยียดลงบนเฟสบุ๊คของตัวเองเพราะต้องการระบายความรู้สึกหงุดหงิดดังกล่าวออกไปให้ทุกคนได้รู้ว่าจริงๆ แล้วไอ้คนป๊อปปูล่าอย่างไอ้จัสท์ที่ใครหลายคนชื่นชอบและหมายปองนั้นตัวจริงมันนิสัยเหี้ยมากแค่ไหน เอาแต่ใจยืนหนึ่งและไม่แคร์ความรู้สึกของใครเลยแม้แต่นิด

 

สักแต่ว่าตัวเองจะได้หรือเสียผลประโยชน์อะไรบ้างเท่านั้น...

 

พอจรดนิ้วพิมพ์ด่าจนครบถ้วนคนตัวเล็กก็ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนสถานะความเป็นส่วนตัวของโพสท์ให้มีแค่เพียงคนที่เป็นเพื่อนกันเท่านั้นจะมองเห็นก่อนจะกดโพสท์ไปแล้วหันกลับไปสนใจคลิปวิดีโอในยูทูปต่อทันทีแม้จะเสียสมาธิอยู่บ้างแต่ก็พอช่วยให้ผ่อนคลายความรู้สึกให้เบาลงได้บ้าง

 

...

 

...

 

...

 

“คนมาคอมเมนต์ด่ากูยับเลยตอนนั้น” จัสท์พูดไปพลางหัวเราะไปด้วยเมื่อทั้งคู่พูดคุยกันถึงเหตุการณ์ในครั้งอดีตนั้น

 

“ก็สมควรละป่ะ” เฟรนด์ตอบกลับก่อนจะยื่นตะเกียบไปขโมยลูกชิ้นปลาในชามของจัสท์มาเข้าปากของตัวเอง

 

“กวนตีนนะมึงเนี่ย ของตัวเองก็มีไม่กินวะ” จัสท์ส่ายหัวบ่น

 

“ก็เห็นมึงไม่กินอะ”

 

“แล้วสรุปมึงมาเปิดช่องได้ไง กูยังไม่รู้เลยเนี่ย” จัสท์เอ่ยถามย้ำ

 

“ก็กูหาอะไรทำไปเลยเรื่อย แล้วก็เจอว่าตัวเองชอบวาดรูปเลยฝึกวาดมาตลอด” คนตัวเล็กเว้นจังหวะการพูดแล้วคีบเส้นบะหมี่เข้าปากก่อนจะสูดเสียงดัง

 

“...”

 

“วันหนึ่งกูก็ไปเห็นยูทูปคนเกาหลีเข้า เขาทำ Vlog แนวศิลปะนั่งวาดรูปไปเรื่อยๆ แบบไม่พูดอะไรเลยงี้ ก็เลยลองทำดูบ้าง แล้วจู่ๆ มันก็ดังขึ้นมาอะ เลยทำมาเรื่อยๆ รายได้ส่วนใหญ่ก็มาจากการทำช่องยูทูปนี่แหละ”

 

“อ่อ ก็ดีนะ คงเพราะในไทยยังไม่ค่อยมีคนทำช่องแนวนี้เหมือนมึงมั้ง”

 

“ก็คงงั้น” เฟรนด์เอ่ยตอบแล้วมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง “แล้วมึงล่ะ คิดไงมาทำโฮสเทลที่นี่”

 

“กูเคยบอกมึงไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

 

“เออว่ะ กูลืม”

 

“หลังเรียนจบกูลองทำมาหลายอย่างแล้ว หลายธุรกิจเลย”

 

“เจ๊งหมด?” เฟรนด์เอ่ยแซวพลางหัวเราะเบาๆ

 

“กวนตีน มันก็ไม่ได้เจ๊งแต่กูเบื่ออะ รู้สึกว่ายังไม่ใช่ตัวเอง ก็เลยอยากลองหาอะไรใหม่ๆ ทำดู ทีนี้พ่อแม่กูเขาก็ทำธุรกิจอสังหาฯ ทำหมู่บ้านขายอยู่แล้วก็เลยพอจะมีจะมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจแนวๆ นี้อยู่บ้าง พอมาเจอตึกที่นี่เปิดขายบวกกับบรรยากาศสงบก็เลยถูกใจอะ”

 

“อ่อใช่ นึกออกละเหมือนมึงจะเคยเล่าให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่ง”

 

“อือ นั่นแหละ แล้วแถวนี้สถานที่ท่องเที่ยวก็กำลังเริ่มจะเป็นที่รู้จัก ต่างชาติให้ความสนใจกันเยอะด้วย กูเลยคิดว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”

 

“มองการณ์ไกลดีเหมือนกัน”

 

“จะชมว่าเก่งก็พูดออกมาได้นะ ไม่ต้องเขิน” จัสท์เอ่ยบอกพลางมองเฟรนด์ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

 

“เขินพ่อง! รีบแดกจะได้กลับบ้านไปนอน กูเริ่มง่วงละ”

 

#จฟเพื่อนไม่ไหว