อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้
รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zoneอยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้
-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------
"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...
ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."
"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."
Run Kantheephop
20210424.
ตึ๊งดึ่งงงง~!!
เสียงสัญญาณกริ่งของบ้านถูกกดดังขึ้นเรียกเอาเฟรนด์ที่กำลังหลับใหลอยู่ในนิทราสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเล็กน้อย มือขวาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูเวลาที่หน้าจอแล้วก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยเพราะมันยังเป็นเวลาเช้ามากเกินกว่าที่เขาจะตื่น แม้ว่าจะไม่ได้นอนดึกมากแต่เขาก็ยังรู้สึกอยากนอนต่อยู่ดี
07:00 น.
“ใครมาแต่เช้าวะ”
คนตัวเล็กขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วคว้ามือถือมาไว้กับตัวแล้วค่อยๆ หย่อนขาลงจากเตียง รองเท้าใส่ในบ้านสีขาวถูกสวมให้กระชับก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง
สองเท้าเดินเรื่อยๆ มาด้วยสีหน้ามุ่ยเพราะยังไม่ตื่นดี สายตาพยายามปรับเข้ากับแสงสว่างที่กำลังส่องกระทบเข้าที่ม่านตา เขายกมือขึ้นขยี้ตาเล็กน้อยแล้วเดินไปเปิดประตูเหล็กที่หน้าบ้าน
“กว่าจะมาเปิดนะ” จัสท์ในชุดนอนยืนยิ้มแฉ่งอยู่ที่หน้าบ้าน
แสงสว่างที่ส่องกระทบมาจากด้านหลังของคนตัวสูงจนเกิดเป็นเงาตกกระทบบนใบหน้านั้นยิ่งทำให้จัสท์ดูเท่ขึ้นอีกเป็นกอง...
“มีไรแต่เช้าวะ” เฟรนด์เอ่ยถามด้วยเสียงที่ยังไม่ตื่นดี
“เพิ่งตื่นหรอ”
“มึงก็รู้อยู่ ยังจะถามอีก” สีหน้ามุ่ยขึ้นของคนตัวเล็กทำเอาคนตัวสูงแอบยิ้ม
“ก็นัดกันว่าจะถ่ายคลิปวันนี้ไม่ใช่เหรอ”
“บ่ายโมง” เฟรนด์เอ่ยเสียงแข็ง
“เอ้า! ไม่ได้จะเริ่มถ่ายแต่เช้าเหรอ”
“ใครบอกมึง”
“ไม่มี”
“เออ เห็นป้ะ ก็แค่นัดว่าจะถ่ายวันนี้ แต่มึงกับกูก็ไม่ได้ตกลงเวลากันสักหน่อย ต่อให้กูจะเริ่มถ่ายตอนสามทุ่มก็ไม่ผิดป้ะ” เฟรนด์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวนกวนอารมณ์
“หัวหมอนักนะ”
“กูแซวเล่น เดี๋ยวกูอาบน้ำแต่งตัว เตรียมอุปกรณ์อะไรเรียบร้อยแล้วจะตามไป”
“จะกินไรมั้ย จะได้เตรียมไว้ให้” จัสท์ถามพลางหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอพลิเคชั่นสั่งอาหาร
“แล้วแต่มึงเลย กูกินได้หมดแหละ”
“โอเค เจอกัน” คนตัวสูงตอบรับก่อนจะหันหลังเดินกลับบ้านไป
กว่าจะได้อาบน้ำแบบจริงจังก็ผ่านการเถลไถลเล่นมือถือส่องติ๊กต่อกอยู่อีกเกือบหนึ่งชั่วโมงเพราะเขามักจะขี้เกียจทุกครั้งเมื่อถึงเวลาอาบน้ำ และกว่าจะแต่งตัวเสร็จก็ใช้เวลาไปอีกร่วมชั่วโมงแต่เพราะวันนี้จำเป็นต้องถ่ายคลิปรีวิวโฮสเทลให้จัสท์เขาจึงจำเป็นต้องพิถีพิถันในการแต่งหน้าแต่งตัวสักหน่อย
เฟรนด์คว้ากระเป๋ากล้องและขาตั้งขึ้นสะพายบ่าก่อนจะหันไปมองนาฬิกาบนผนังแล้วพบว่าเขาใช้เวลาไปถึงสองชั่วโมงครึ่งตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเมื่อนึกไปถึงคนข้างบ้านว่าคงนั่งรอจนหลับไปแล้ว
สองเท้ายาวก้าวมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านแล้วชะโงกมองเข้าไปด้านในเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาในส่วนพื้นที่นั่งเล่นของโฮสเทลเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปทันที
“กว่าจะมานะ” จัสท์เอ่ยแซวเมื่อหันมาเห็น
“ทำมาเป็นบ่น” เฟรนด์วางกระเป๋ากล้องและขาตั้งลงบนโต๊ะแล้วหย่อนตัวลงข้างๆ “มา เล่าคอนเซปท์ของที่นี่ให้ฟังหน่อย แล้วก็มีอะไรตรงไหนอยากให้เน้นเป็นพิเศษมั้ย โปรโมชั่นไรงี้อะ”
“ตามใจมึงเลย ก็ถ่ายแล้วให้คนดูอยากตามมาพักที่นี่อะ”
“โอ้โห บรีฟกว้างมาก แล้วกูจะถ่ายยังไง ไอ้เวร” เฟรนด์บ่นอุบเมื่อได้ยินคำบอกจากฝั่งตรงข้าม
“เอ้า! ก็เนี่ยสิ่งที่กูอยากเน้น คืออยากให้คนดู ดูแล้วอยากตามมาพักไง”
“แล้วคอนเซปท์ของที่นี่ล่ะ แรงบันดาลใจใดๆ”
“ไม่มีอะไรมาก อยากให้คนที่มาพักได้ฟีลแบบมานอนบ้านเพื่อน” จัสท์เอ่ยบอกเสียงนิ่ง
“โอเค”
“...”
เฟรนด์มองหน้าจัสท์นิ่งแล้วถามต่ออย่างสงสัย “แค่นี้?”
“อือ แค่นี้แหละ”
“ไม่เพิ่มเติมอะไรใช่มั้ย โปรโมชั่นงี้”
“ยังไม่ได้คิดอะ”
“งั้นเอางี้มั้ย” เฟรนด์พูดเสนอขึ้น “ใครบอกว่าตามมาจากคลิป With your friend มึงจะลดให้เขา 10%”
“อืม... ก็ดีนะ เอาตามที่มึงบอกเลย” จัสท์ยิ้มรับแล้วเอ่ยบอก
“โอเค งั้นเดี๋ยวเริ่มถ่ายเลยละกัน”
“เดี๋ยว” จัสท์พูดแล้วยื่นมือไปคว้าแขนของเฟรนด์เอาไว้ “มึงถ่ายคนเดียวเลยเหรอ ไม่มีตากล้องอะไรมาช่วยเหรอ”
“ไม่อะ กูก็ถ่ายคนเดียวมาตลอดมึงก็เห็น” เฟรนด์พูดพลางหยิบกล้องออกจากกระเป่ามาประกอบเข้ากับไมค์และขาตั้งขนาดเล็กเพื่อให้ถือกล้องถ่ายได้สะดวกขึ้น
“เออว่ะ ถามโง่ๆ อีกละกู” จัสท์บอกแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปหลังบ้านแล้วออกมาพร้อมกับครัวซองก์กับโกโก้เย็น
“อะไรวะ” คนตัวเล็กถามขึ้นเมื่อหันไปเห็น
“ก็ที่กูสั่งไว้ให้มึงเมื่อเช้าอะ แต่ละลายหมดแล้วนะ” จัสท์ยื่นครัวซองก์กับแก้วโกโก้เย็นให้อีกฝ่าย
“ขอบใจมากมึง”
“กว่ามึงจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ คงไม่อร่อยแล้วมั้ง” จัสท์บอกเสียงอ่อนๆ
“อะ นี่แอบหยิกหลังกูป่ะเนี่ย"
“กูพูดให้ฟังเฉยๆ เหอะ ไม่ได้แซะ” จัสท์นั่งลงข้างๆ “กินให้เสร็จก่อนก็ได้แล้วค่อยเริ่มถ่าย”
“อือ”
คนตัวเล็กคว้าเอาครัวซองก์เข้าปากแล้วงับไปคำใหญ่เคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มป่องทำเอาจัสท์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ็นดูจนต้องหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดถ่ายสตอรี่เอาไว้
“แอบถ่ายหรอ” เฟรนด์เอ่ยทักเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังถือโทรศัพท์หันมาทางเขา
“อือ”
“คิดเงินนะ”
“ไม่ให้”
“เชอะ”
เฟรนด์มุ่ยหน้าก่อนจะยัดคำสุดท้ายเข้าปากแล้วตามด้วยโกโก้เย็นจนหมดแก้วในรวดเดียว ทีแรกจัสท์ก็คิดว่าจะเอ่ยปากชมว่าเก่งแต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายดันสะอึกออกมาเสียก่อน คนตัวสูงหัวเราะออกมาเบาๆ ก็เลยโดนฝ่ามือบางของเฟรนด์ฟาดเข้าที่ไหล่ไปเต็มแรง
คนตัวเล็กหยิบกล้องแล้วเดินออกไปที่ด้านหน้าของโฮสเทลก่อนจะหันมองหามุมอยู่ครู่หนึ่งแล้วเปิดฝากล้องพร้อมกดปุ่มบันทึกเพื่อเริ่มถ่ายแล้วยิ้มใส่กล้องสามวินาทีจากนั้นจึงเริ่มพูดเปิดรายการ
“สวัสดีคร้าบบบ กลับมาเจอกับเฟรนด์ในช่อง With your friend อีกแล้วนะครับในคอนเทนต์ Vlog แบบนี้ที่นานๆ จะมาสักทีนะครับ...”
เสียงพูดเจื้อยแจ้วเปิดรายการและเริ่มแนะนำสถานที่ที่เขาพามาในวันนี้โดยมีจัสท์ยืนมองอยู่ทางด้านหลังของกล้อง เขายังอดหัวเราะเอ็นดูไม่ได้ในทุกครั้งที่เขาเห็นเฟรนด์อยู่หน้ากล้อง เพราะดูเหมือนมันเป็นคนละคนกับเฟรนด์ที่เขารู้จักแต่ก็ทำให้เขาได้เห็นคนตัวเล็กในอีกมุมหนึ่งที่เขาไม่ค่อยจะได้เห็นมากนัก แต่มันก็ทำให้เขาได้รู้แล้วว่าทำไมแชแนลยูทูปของอีกฝ่ายถึงได้ประสบความสำเร็จได้มีคนรักคนเอ็นดูมากขนาดนี้
“เดี๋ยวเฟรนด์จะพาเข้าไปชมด้านในกันนะครับว่าจะเป็นยังไงบ้าง ตามมาเลยฮะ” เฟรนด์โบกมือเรียกใส่กล้องก่อนจะกดปุ่มอีกครั้งเพื่อหยุดถ่าย จากนั้นจึงหันกล้องไปถ่ายเก็บฟุตเทจบรรยากาศของด้านหน้าโฮสเทลหลายๆ มุมเผื่อเอาไว้เลือกตอนตัดต่อ
“เดี๋ยวตอนถ่ายข้างในอะ อยากให้เน้นตรงไหนก็สะกิดบอกได้นะ” เฟรนด์หันมาบอกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมเปิดกล้องถ่ายอีกครั้ง
การถ่ายทำยังดำเนินต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำและความสดใสของเฟรนด์ คนตัวเล็กเดินไปตามมุมต่างๆ และแนะนำความน่าสนใจของโฮสเทลแห่งนี้ให้ฟังตั้งแต่ชั้นล่างสุดที่เป็นบริเวณโซนนั่งเล่นและรับประทานอาหารซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนรวมที่ทุกคนที่มาพักที่นี่สามารถใช้ได้ฟรี
จากนั้นเฟรนด์ก็เริ่มพาขึ้นชั้นสองที่มีห้องพักอยู่สองห้องซึ่งจริงๆ ในทุกชั้นก็มีห้องพักเพียงชั้นละสองห้องเท่านั้น โดยแต่ละห้องก็ถูกตกแต่งให้เป็นคนละสไตล์กัน ซึ่งจะทำให้แขกที่มาพักได้รับความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเฟรนด์ก็สามารถแนะนำชูความโดดเด่นของแต่ละห้องได้เป็นอย่างดี
เฟรนด์เดินตรงเข้าไปที่ห้องสุดท้ายที่อยู่ชั้นสี่ “และนี่คือห้องสุดท้ายของโฮสเทลแห่งนี้นะครับ เดี๋ยวเราลองเข้าไปดูกันดีกว่าครับ”
คนตัวเล็กเดินตรงเข้าไปด้านในห้องแล้วหย่อนตัวนั่งลงที่ปลายเตียงนอนแล้วหมุนกล้องถ่ายไปรอบๆ พร้อมเชิญชวนให้ดูรายละเอียดต่างๆ ของห้องนี้ที่ค่อนข้างจะมีดีไซน์และคอนเซปท์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากห้องอื่นอย่างชัดเจน
“และห้องนี้นะครับก็ถูกตกแต่งได้แตกต่างจากห้องอื่นอย่างชัดเจนเลยนะครับ เพราะห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยธีมของโลกเวทย์มนต์ซึ่งเฟรนด์ชอบมากกกก หลายๆ คนที่ติดตามกันมานานก็จะรู้ว่าเฟรนด์ชอบแฮร์รี่พอตเตอร์เพราะฉะนั้นห้องนี้จึงตอบโจทย์คนรักเวทย์มนต์อย่างเฟรนด์มากเลยฮะ”
จัสท์แอบทำมือยกนิ้วโป้งยื่นให้คนตัวเล็กอยู่ที่ด้านหลังกล้องเพื่อชื่นชมว่าเฟรนด์ทำหน้าที่ได้ดีมาก คนตัวเล็กก็เหลือบตามามองก่อนจะยักคิ้วตอบรับแล้วหันกลับไปพูดปิดคลิป
“ใครที่สนใจอยากมาพักที่นี่ก็ติดต่อมาได้ตามช่องทางที่ขึ้นไว้ด้านล่างได้เลยนะค้าบ แล้วก็ที่สำคัญนะครับใครที่แจ้งกับทางโฮสเทลว่าตามมาจากช่อง With your friend ก็จะได้รับส่วนลดถึง 10% เลยนะครับ ส่วนวันนี้เฟรนด์ต้องไปแล้ว อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามช่อง With your friend และที่สำคัญอย่าลืมกดกระดิ่งเพื่อรอรับแจ้งเตือนคลิปใหม่ๆ ของช่องกันด้วยนะค้าบ ไปแล้วครับ บ๊ายบาย...”
“เก่งมาก” จัสท์ยืนปรบมือเปาะแปะอยู่ตรงหน้าเฟรนด์ที่ยืนมองตาขวางกลับมาให้แทนรอยยิ้ม
“เยอะมากนะ ปกติทำขนาดนี้มึงต้องจ่ายกูเป็นแสนเด้อ”
“อะๆ เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงข้าว”
“เออ”
“แต่กูขออะไรเพิ่มอีกนิดดิ” จัสท์เอ่ยพูดด้วยเสียงอ่อน
“อะไรอะ” เฟรนด์ถามกลับขณะที่กำลังปิดฝากล้อง
“มึงช่วยถ่ายวิธีการเดินทางให้กูหน่อยดิ เผื่อนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถอะจะได้มาถูก”
เฟรนด์มองบนแล้วถอนหายใจแรง “สองหมื่น”
“ห้ะ?”
“จ่ายเพิ่มมาสองหมื่น เดี๋ยวถ่ายให้”
“...”
“กูพูดเล่น” คนตัวเล็กรีบบอกปัดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป “เดี๋ยวถ่ายให้ เริ่มจากไหนอะ”
“ท่ารถที่ตลาดอะ เดี๋ยวพาไป”
ทั้งสองคนพากันเดินลงจากชั้นสี่ไปที่ชั้นหนึ่งก่อนจะพากันขึ้นรถของจัสท์แล้วขับออกไป จากโฮสเทลไปถึงตลาดใช้เวลาไม่นานมานักประมาณสิบนาทีหากใช้รถส่วนตัว แต่ถ้าจะต้องนั่งรถโดยสารสาธารณะก็อาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้อีกสักเล็กน้อย
“เริ่มจากตรงนี้ได้เลย เนี่ยถ้าลงรถเมล์หรือรถตู้ที่ท่ารถก็เดินไปขึ้นรถสองแถวตรงโน้น...” จัสท์เริ่มอธิบายวิธีการเดินทางจากท่ารถให้เฟรนด์ฟังเพื่อที่จะได้ถ่ายได้อย่างถูกต้อง
พอจบการพร่ำอธิบายจากจัสท์แล้วนั้นเฟรนด์ก็เริ่มเปิดกล้องแล้วถ่ายทันทีโดยเดินแนะนำตั้งแต่ตำแหน่งที่รถบัสจากกรุงเทพมาจอดแล้วต้องเดินไปต่อรถที่ไหนยังไงแบบละเอียดยิบ ก่อนจะตัดสินใจกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถสองแถวคันที่กำลังรอคิวจะออกรถเป็นคันต่อไป
“มึงจะนั่งไปจริงๆ เหรอ” จัสท์เดินเข้ามาเกาะข้างรถแล้วเอ่ยถาม
“เออดิ จะได้มีฟุตเดินทางด้วยไง คนจะได้รู้ว่าต้องลงตรงไหนยังไง”
“ลงทุนว่ะ”
“กูเต็มที่ให้ขนาดนี้แล้วนะ ถ้ามีลูกค้าเยอะมึงต้องแบ่งเปอร์เซ็นให้กูด้วย อุตส่าห์ทำให้แบบไม่คิดค่าจ้าง” เฟรนด์พูดจบเสียงรถสองแถวก็สตาร์ทขึ้น “มึงขับรถตามไปเจอกันที่บ้านละกัน”
“เออ เจอกันที่บ้าน” จัสท์ตอบรับแล้วเดินกลับไปที่รถของตัวเอง
รถสองแถวออกตัวจากท่ารถพร้อมๆ กับที่เฟรนด์ก็เปิดกล้องถ่ายเก็บฟุตเทจบรรยากาศรอบๆ ไปด้วยพร้อมบอกจุดเด่นที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดก่อนจะถึงโฮสเทลเพื่อที่นักท่องเที่ยวที่ตามมาจะได้มองเห็นและเตรียมพร้อมที่จะลงได้ทัน
กริ๊งงงง!
คนตัวเล็กกดกริ่งเพื่อส่งสัญญาณให้คนขับรถสองแถวจอดรถเมื่อมาถึงปลายทาง เขาก้าวขาลงจากรถก็พบกับรถของจัสท์จอดรออยู่ที่ด้านหน้าของโฮสเทลแล้ว เขากดปิดกล้องแล้วเดินเข้าไปด้านในก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งพักผ่อนที่โซฟาจากนั้นจัสท์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำก็มาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ
“เรียบร้อยละ” เฟรนด์เอ่ยบอก
“ขอบคุณนะ เดี๋ยวเย็นนี้พาไปเลี้ยงชาบู”
“ร้านไหน?”
“หน้าอำเภอ”
“ไป! กูชอบกินร้านนั้น” เฟรนด์ดูกระตือรือร้นทันทีหลังจากที่หมดแรงเพราะออกไปเดินตากแดดถ่ายงานมา “แต่ปกติมันคนเยอะต้องรอนานไม่ใช่เหรอ”
“งั้นเดี๋ยวกูโทรไปจองโต๊ะก่อนแล้วกัน”
“อื้อ โทรเลยๆ”
จัสท์หยิบมือถือออกมาเสิร์ชหาเบอร์โทรศัพท์ของร้านชาบูดังกล่าวแล้วกดโทรออก มีเสียงสัญญาณรอสายดังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมีปลายสายรับแล้วเอ่ยพูดกลับมา
(ฮัลโหล สวัสดีค่า)
“ร้านชาบูหน้าอำเภอใช่มั้ยครับ จะจองโต๊ะหน่อยครับ”
(วันนี้ร้านปิดค่ะลูกค้า)
“อ่าว เหรอครับ ขอบคุณครับ” จัสท์กดวางสายด้วยสีหน้าเสียดาย
“ทำไมเหรอ” คนตัวเล็กหันมาถาม
“ร้านปิด”
“เอ้า เสียดายอะ”
“งั้นพวกเราออกไปซื้อของมาทำกินที่นี่มั้ยล่ะ เครื่องครัวก็มีครบ” จัสท์เสนอไอเดียซึ่งเฟรนด์เองก็เห็นด้วย
“เอาดิ ไปตลาดกันเลยป้ะ?”
“ไปดิ”
...
...
...
วัตถุดิบจำนวนมากหลากหลายชนิดถูกจัดวางใส่จานแล้วนำมาวางจนเต็มโต๊ะอาหาร หม้อชาบูถูกเสียบปลั๊กแล้ววางไว้ตรงกลาง เฟรนด์เดินถือหม้อน้ำซุปที่เตรียมไว้มาเติมลงในหม้อก่อนจะเปิดสวิทช์เพื่อให้หม้อร้อน พอน้ำเริ่มเดือดทั้งคู่ก็เริ่มนำผักและเนื้อหมูชนิดต่างๆ ใส่ลงไปในน้ำซุปทันที
“กินให้เต็มที่เลยนะ ถือซะว่าเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยงานกูวันนี้” จัสท์เอ่ยบอกขณะที่วางจานเต้าหู้ปลากับปูอัดลงบนโต๊ะ
“กูจะกินให้หมดเกลี้ยงเลย เอาให้คุ้มกับที่กูทำให้มึงวันนี้”
“ตามใจ เอ้อ! กูมีของขวัญให้มึงด้วย”
“อะไรวะ”
“รอแป๊บ” จัสท์รีบเดินกลับเข้าไปในครัวแล้วเดินออกมาพร้อมกับถือเบียร์มาสี่ขวดวางลงบนโต๊ะทำเอาคนตัวเล็กตาโต
“เอาล่ะ กูคุ้มละ” เฟรนด์บอกพลางหยิบเบียร์มาเปิดแล้วรินลงในแก้วทันที
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะเมาก่อนอิ่ม” จัสท์บอกพร้อมเผยอยิ้มมุมปากเบาๆ ก่อนจะคว้าเอาขวดเบียร์จากมือคนตัวเล็กมาเทใส่แก้วตัวเองบ้าง
อาหารค่อยๆ พล่องไปทีละนิด ทีละนิดรวมไปถึงเบียร์ด้วยเช่นกัน สี่ขวดนั้นหมดลงไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับอาการเมาของคนทั้งคู่ที่เริ่มจะกรึ่มๆ กันทั้งสองฝ่าย
“มึงรู้ป่ะ กูไม่คิดว่าเราจะได้กลับมาเจอกันเลยนะ” เฟรนด์เอ่ยทักขึ้นมา
“กูก็เหมือนกัน กูก็ไม่เคยคิดจะกลับมาเจอมึงเลยแม้แต่นิดเดียว บังเอิญชิบหาย” น้ำเสียงเมาหลุดลอดออกจากปากคนตัวสูง
“มึงจำตอนสมัยเรียนได้มั้ยล่ะ ที่บังเอิญสอบติดมหาลัยเดียวกันอะ”
“จำได้ดิวะ”
“ตอนม.6 ร่ำลากันชิบหายว่าจะไม่ได้เจอกันอีก สรุปวันสัมภาษณ์เจอกันเฉยแล้วก็ได้มาเรียนด้วยกันอีกจนได้” เฟรนด์หัวเราะเบาๆ ในลำคอก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง
“กูตกใจชิบหาย ไม่คิดว่าจะเจอมึง” จัสท์ยกแก้วขึ้นมาแล้วชนเข้ากับแก้วของคนตัวเล็ก
“กูตกใจกว่าเพราะไม่คิดว่าคนขี้เกียจอย่างมึงจะสอบเข้ามหาลัยได้”
“ไอ้สัส”
“ตอนนั้นแม่งโคตรดีเลย เสียดายที่สุดท้ายเราทะเลาะกันซะก่อน”
“...” จัสท์นั่งเงียบไม่พูดอะไร
“มึงแม่งเหี้ย!”
“เรื่องอะไรอีกอะ...”
“ตอนนั้นกูขอไปนอนห้องมึงเพราะต้องทำงานที่มหาลัยจนดึกแล้วมึงก็บอกว่าไม่อยู่ห้องไปเชียงใหม่ กูก็เลยต้องให้ที่บ้านขับมารับตอนตีสอง” เฟรนด์บ่นยาวก่อนยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกอีกรอบ “แต่สุดท้ายวันรุ่งขึ้นไอ้เฟย์ที่เรียนวิชาภาษากับสังคมเซ็คเดียวกันมาบอกกูว่าเห็นมึงอยู่ใต้หอ มึงรู้ป่ะไอ้จัสท์ว่าตอนนั้นกูรู้สึกไง”
“มึงก็โมโหกูไง โพสท์ด่ากูในเฟสบุ๊ค ประจานกูซะงั้น”
“เออไง แล้วมึงก็โทรมาด่ากู ไล่กูอย่างกับหมูกับหมา บอกให้เลิกเป็นเพื่อนกันไปเลย กูยังไม่ทันได้ตอบอะไรมึงก็ตัดสายไปละ”
“ก็มึงมาด่ากูนี่หว่า แถมยังแฉเรื่องที่กูชอบโกหกอีก ก็ต้องโมโหป่ะวะ”
“ที่กูโพสท์ก็เรื่องจริงหมดป่ะวะ มึงกลัวตัวเองเสียหน้าไง เลยโมโหแล้วมาด่ากูกลับอะ” เฟรนด์พูดแล้วกระดกเบียร์ในแก้วจนหมดก่อน
“แล้วหลังจากนั้นเป็นไงนะ กูลืมไปหมดละ” จัสท์เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่กำลังนึกอะไรบางอย่าง
“มึงโดนรีไทร์เพราะช่วงสอบมึงอกหักโดนรุ่นพี่หลีดบอกเลิก เกรดก็เลยร่วงรัวๆ ไง หลังจากนั้นเพื่อนในกลุ่มก็ไม่มีใครติดต่อมึงได้อีกเลย”
“กูย้ายไปอยู่มหาลัยอื่นไง ตอนนั้นอายชิบหายเลยไม่อยากเจอใครอีกเลย”
“สมน้ำหน้า พวกกูช่วยมึงแทบตาย มึงเสือกไม่ฟังเอง” เฟรนด์เอ่ยบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน
“จะไปไหนวะ” จัสท์ถามอย่างสงสัย
“กูอิ่มละ จะยกของไปเก็บในครัว” เฟรนด์คว้าจานของตัวเองแล้วเดินหายเข้าครัวไป
“ไรวะ อิ่มเร็วจังอะ” จัสท์คีบหมูสามชั้นที่เหลืออยู่ในหม้อกินจนหมดแล้วลุกขึ้นเดินถือจานตามเข้าไปในครัว ก่อนที่ทั้งสองคนจะทยอยกันเดินเข้าออกเพื่อนำภาชนะบนโต๊ะทั้งหมดเข้าไปล้างทำความสะอาดในครัว
แม้จะทุลักทุเลเพราะอาการเมาอยู่บ้างแต่คนทั้งคู่ก็ช่วยกันจัดเก็บทำความสะอาดจนสำเร็จไปได้ด้วยดี
#จฟเพื่อนไม่ไหว
ฝากคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะค้าบบบ