อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว

หน้าจอทีวียังคงเปิดซีรีส์เกาหลีอยู่อย่างต่อเนื่องเพราะทั้งจัสท์และเฟรนด์ต่างก็เผลอหลับกันไปตอนไหนไม่รู้หลังจากที่เมื่อคืนทำความสะอาดจนเสร็จสิ้นก็ชวนกันมานั่งดูซีรีส์กันต่อเพราะไม่ยอมจะนอนกัน อาจเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็เลยทำให้ทั้งคู่เผลอนอนซบกันแล้วหลับไปบนโซฟาโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว

 

เฟรนด์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อมีเสียงสัญญาณไลน์ดังขึ้น ความงัวเงียเปลี่ยนไปเป็นความตกใจทันทีเมื่อสายตาของเขาเห็นว่าใบหน้าของจัสท์อยู่ใกล้กับใบหน้าของเขาอยู่เพียงไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นจากอีกฝ่ายลอยออกมาปะทะเข้ากับใบหน้าของเขาเรียกเอาหัวใจเริ่มเต้นรัว

 

ตึกๆ ตึกๆ

 

คนตัวเล็กจ้องมองใบหน้าคมนั้นอย่างละเมียดฉกฉวยโอกาสในเวลานี้ได้เฝ้ามองอย่างใกล้ชิด เขามองไปทั่วใบหน้านั้นเพื่อซึมซับถึงรายละเอียดต่างๆ บนนั้นตั้งแต่ จมูก และริมฝีปากที่ดูน่าจะนุ่มหากได้สัมผัส

 

ความรู้สึกเดียวกันกับสมัยตอนมัธยมเหมือนจะถูกเรียกกลับมาทั้งหมดในเวลานี้ อาการตกหลุมรักเกิดขึ้นอีกครั้งกับเฟรนด์ เป็นสิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่เคยมูฟออนไปจากความรู้สึกครั้งเก่าก่อนได้เลยแม้แต่น้อย

 

ปากบอกไม่ได้คิดอะไรแล้ว แต่ความเป็นจริงนั้นเขาทำไม่ได้เลยต่างหาก...

 

คนตัวโตค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองตัวเองอยู่ เขานิ่งอยู่แบบนั้นพักใหญ่จนเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเริ่มเต้นแรงมากเกินไปจนกลัวคนตรงหน้าจะได้ยิน เขาจึงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยพูดเพื่อหวังว่าจะช่วยกลบเสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัวของเขาได้

 

“มะ...มีไรเปล่า..” จัสท์เอ่ยถามตะกุกตะกัก

 

“ปะ..เปล่า”

 

“...”

 

“แค่มองหน้าเฉยๆ พอดีเพิ่งตื่น” เฟรนด์เอ่ยพูดก่อนจะค่อยๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

 

“อ่อ...”

 

“งั้นเดี๋ยวกูกลับบ้านก่อนละ” คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเดินออกไปจัสท์ก็คว้าข้อมือเล็กเอาไว้เสียก่อน

 

“เย็นนี้กูนัดเพื่อนเอาไว้ ว่าจะปาร์ตี้กัน สนใจไปด้วยกันมั้ย”

 

“เดี๋ยวบอกอีกทีนะ”

 

“แสดงว่าไม่ไป” จัสท์เอ่ยพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อย

 

“ฟังภาษาไทยไม่ออกเหรอ ไม่ได้บอกว่าไม่ไป แต่กูบอกว่าเดี๋ยวบอกอีกที” เฟรนด์จิ๊ปากเล็กน้อย

 

“เคๆ ยังไงบอกแล้วกัน”

 

“อือ ค่อยว่ากัน” เฟรนด์พูดแล้วก้าวสองขายาวของตัวเองออกจากโฮสเทลของจัสท์ทันที

 

คนตัวเล็กเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสี่ของบ้านแล้วปลดเสื้อผ้าบนร่างกายออกจนร่างกายเปลือยเปล่าก่อนจะคว้าเอาผ้าขนหนูขึ้นพาดบ่าแล้วเดินตรงเข้าห้องน้ำไป

 

เสียงน้ำซู่ซ่าจากฝักบัวดังขึ้นตลอดเวลาที่เขากำลังอาบน้ำ สายน้ำที่ไหลผ่านตั้งแต่เส้นผมจนถึงปลายเท้าทำให้จิตใจของเฟรนด์รู้สึกสงบขึ้นมาได้ไม่น้อย ภาพเมื่อเช้าตอนตื่นนอนวนกลับเข้ามาในหัวเขาอีกครั้ง ความรู้สึกเดิมๆ ก็ตีกลับมาทั้งหมดจนเขาเองที่พยายามจะมูฟออนไปข้างหน้ามานานหลายปีล้มไม่เป็นท่าต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

 

เฟรนด์เดินพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จเขารู้สึกหน่วงๆ ในหัวใจเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เขาวุ่นวายใจมากจนคิดวกวนอยู่ในหัวแม้จะพยายามไม่เข้าข้างตัวเองแต่สุดท้ายมันก็ยังวนกลับไปคิดอยู่ดีว่าที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ จัสท์จะรู้สึกอะไรกับเขาบ้างหรือเปล่า

 

เขาคว้ามือถือขึ้นมากดโทรออกหาหนึ่งในเพื่อนสนิทซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายและเป็นคนที่รู้เรื่องราวทั้งหมดระหว่างเขากับจัสท์

 

ไอ้โต้ง (ฟาร์มไก่)

 

“ไอ้โต้ง ว่างคุยมั้ย”

 

(คุยได้ มีไรวะ)

 

“กูเจอไอ้จัสท์”

 

(เชี่ยยยย!!! จริงป่ะเนี่ย ที่ไหนวะ)

 

“ข้างบ้านกูเลย”

 

(ห้ะ?)

 

“มึงฟังไม่ผิดหรอก”

 

(หมายความว่าไงวะ)

 

“มันย้ายมาอยู่ข้างบ้านกูเลย”

 

(พรหมมันก็ช่างลิขิตเนาะ อิเวร)

 

“เวรกรรมมากกว่ามั้ง กูอุตส่าห์มูฟออนได้ตั้งนานละ เจองี้เหมือนกลับไปนับหนึ่งใหม่เลย”

 

(เดี๋ยวนะ นี่มึงมีอะไรที่ไม่ได้เล่าให้กูฟังอีกมั้ยเนี่ย...)

 

“เยอะแยะ”

 

(ก็จริงแหละ กูก็ยังนึกอยู่ว่าทำไมจู่ๆ มึงถึงพูดออกมาว่าเหมือนกลับไปนับหนึ่งใหม่)

 

“มึงว่ามันจะชอบกูมั้ยวะ” เฟรนด์ถามเสียงเครียด

 

(พัก! เลิกมโนก่อน อย่าคิดไปเอง)

 

“ไอ้สัสโต้ง”

 

(กูพูดจริง แต่ถ้ามึงเล่ารายละเอียดอื่นๆ มากูก็อาจจะช่วยบอกได้นิดหน่อยว่ามึงมโนหรือพอจะมีความหวังได้บ้าง)

 

“ไว้เจอกันจะเล่าให้ฟังละกัน เรื่องมันยาว”

 

(โอเค้! เมื่อไหร่ก็บอกละกัน กูไปทำงานต่อก่อน)

 

“เออๆ”

 

เฟรนด์วางมือถือลงหลังจากที่ปลายสายตัดไปแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วคว้าเสื้อยืดแขนกุดสีแดงมาใส่เพราะอยู่ใกล้มือที่สุดก่อนจะหยิบเอากางเกงขาสั้นสีกรมท่ามาสวม ไดร์เป่าผมเสียงดังขึ้นหลังจากที่คนตัวเล็กเสียบปลั๊กและเปิดสวิทช์ เส้นผมปลิวไปตามแรงลมร้อนที่พ่นออกมาซึ่งใช้เวลาไม่นานผมของเขาก็แห้งลงและถูกจัดแต่งเป็นทรงรับกับใบหน้าหวานนั้นก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของตัวเองไปโดยไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกไปด้วย

 

คนตัวเล็กเปิดทีวีพร้อมเปิดช่องที่ตัวเองอยากดูขึ้นมาเพื่อให้บ้านไม่เงียบจนเกินไป เขาคว้าเอาเครื่องดูดฝุ่นที่วางซ่อนไปข้างตู้ที่อยู่ทางด้านซ้ายของทีวีออกมาแล้วเริ่มทำความสะอาดฝุ่นบริเวณพื้นบ้าน เสียงเครื่องดูดฝุ่นดังอื้ออึงจนกลบเสียงทีวีไปจนหมด

 

พอเสร็จจากการดูดฝุ่นเฟรนด์ก็เดินไปหยิบอาหารกล่องแช่แข็งที่เคยซื้อจากร้านสะดวกซื้อมาเก็บตุนไว้ในตู้เย็นออกมาใส่ในไมโครเวฟเพื่ออุ่นก่อนจะหันไปคว้าเอาน้ำส้มกล่องออกมาเทใส่แก้ว

 

ติ๊งงง!

 

ทันทีที่เสียงไมโครเวฟดังขึ้นเขาก็เปิดแล้วหยิบข้าวกล่องสำเร็จรูปออกมาก่อนจะยกข้าวกับน้ำส้มนั้นมานั่งที่โซฟาหน้าทีวี ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่รายการในทีวีเป็นช่วงของการนำเสนอข่าวพอดีซึ่งมันก็เป็นข่าวที่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าไม่น่าจะนำมาทำเป็นข่าวเพราะมันมีอีกหลายเรื่องหลายประเด็นที่เหมาะสมต่อการนำเสนอมากกว่านี้

 

“ไอ้เฟรนด์” เสียงจัสท์เอ่ยเรียกดังขึ้นที่หน้าบ้านก่อนที่ร่างของคนตัวสูงที่ถือถุงขนมเต็มไม้เต็มมือจะเดินเข้ามาใกล้ “ดูไรอยู่วะ”

 

“ข่าวอะดิ”

 

“ข่าวชาวบ้านอะนะ มึงดูอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ”

 

“ก็ไม่ได้อยากดูหรอก เปิดทิ้งไว้พอดี ข่าวเด็กม.ปลายแทงกันตายเพราะเรื่องผู้หญิงอะ เห้ออ เด็กสมัยนี้” เฟรนด์ถอนหายใจแรงก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

 

“น่ากลัวชิบหาย อารมณ์ชั่ววูบก็แบบนี้” จัสท์พูดเสริม

 

“จริง เขาถึงบอกว่าอย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง” ปากที่เคี้ยวตุ้ยๆ ของเฟรนด์ทำเอาคำพูดฟังไม่ค่อยชัดมากนัก

 

“แต่ตอนนั้นที่เราเลิกเป็นเพื่อนกันก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบไม่ใช่เหรอ” จัสท์พูดพลางหัวเบาๆ

 

“เอาอีกแล้วหรอ รื้อฟื้นอีกแล้วหรอ”

 

“ก็มันนึกแล้วขำดี ตอนนั้นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต”

 

“ก็มึงมันเหี้ย” เฟรนด์พูดเสียงอ่อน

 

“กูเหี้ยยังไง ก็ตอนนั้นกูให้มึงมานอนที่หอไม่ได้จริงๆ นี่หว่า”

 

“แล้วทำไมไม่บอกตรงๆ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบคนโกหก” เฟรนด์วางช้อนลงกระแทกจานเสียงดังแล้วมองอีกฝ่ายตาแข็ง เพราะพูดเรื่องนี้กี่ทีก็พาลจะทำให้อารมณ์ขึ้นทุกที

 

“กูกลัวมึงรู้ว่ากูมีแฟน...” จัสท์เอ่ยพูดแบบไม่เต็มเสียงนัก

 

“ว่าไงนะ?”

 

“กูกลัวมึงรู้ว่ากูเอาแฟนมาอยู่ที่ห้องอะ..”

 

“ปัญญาอ่อน” เฟรนด์ด่าแล้วผลักหัวจัสท์ไปหนึ่งที

 

“เออ! แต่ตอนนั้นถ้ามึงรู้มึงก็ต้องเสียใจแน่ๆ กูเลยไม่อยากบอกไง”

 

“ทำไมมึงคิดงั้น” เฟรนด์เอ่ยถามอย่างสงสัย

 

“ก็ตอนนั้นมึงแอบชอบกูไม่ใช่เหรอ...” จัสท์พูดแล้วจ้องหน้าคนตัวเล็กนิ่ง

 

“...”

 

“ตกใจอะดิที่กูรู้” คนตัวสูงยกยิ้มมุมปาก

 

“รู้ได้ไงวะ”

 

“แสดงออกขนาดนั้นทำไมกูจะไม่รู้ กูก็แค่ไม่พูดเฉยๆ ไม่อยากให้เสียเพื่อน”

 

“โห.. คนอย่างมึงคิดได้ด้วยเหรอเรื่องนี้” เฟรนด์อุทานออกมาอย่างประหลาดใจเพราะจัสท์ในตอนมัธยมปลายนั้นก็ไม่ได้ดูว่าจะเป็นคนที่มีความคิดสักเท่าไหร่นัก

 

“เดี๋ยวกูต่อยให้หรอก”

 

“ใจร้อนว่ะ ตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ”

 

“ใจร้อนแล้วมันทำไม เรื่องของกู” จัสท์ยักไหล่แล้วฉีกซองขนมออกก่อนจะหยิบขนมที่อยู่ด้านในออกมากิน

 

“เรื่องของมึงแต่มันทำร้ายคนอื่นไง ตอนนั้นที่มึงเห็นโพสท์มึงก็โทรมาด่ากูยับเลย ไม่รู้จักคิดบ้างว่าตอนมึงลำบากใครที่คอยช่วยเหลือมึง ไอ้ห่า” เฟรนด์เริ่มหงุดหงิดตักข้าวเข้าปากรัวๆ จนหมดจานก่อนจะคว้าแก้วน้ำส้มมาดื่มจนหมดเกลี้ยง

 

“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ติดคอตายพอดี” คนตัวสูงเอ่ยแซว

 

“กูยังพูดไม่จบ” เฟรนด์ขยับตัวหันหน้ามาทางจัสท์แบบเต็มตัว คิ้วหมวดเข้าหากันเมื่ออารมณ์เริ่มครุกรุ่นขึ้นมาได้ถึงจุดหนึ่ง “ตอนที่มึงมีคลิปหลุดมีอะไรกับสาวในห้องน้ำสาธารณะใครที่ช่วยมึงปฏิเสธ ไหนจะตอนสอบซ่อมอีกตั้ง 11 ตัวไอ้ควาย”

 

“เออจริงด้วย”

 

“คนเชี่ยอะไรเรียนให้ติด 0 ได้ตั้ง 11 ตัว กูงงชิบหาย” เฟรนด์บ่นไม่หยุด “แล้วไอ้คนที่เหนื่อยก็คือกูไงที่ต้องมาช่วยมึงทำงานเพื่อซ่อมคะแนนตอนปิดเทอมอะ บ้านกูไกลแต่ก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นมาช่วยมึง ตอนนั้นมึงไม่ขอบคุณกูด้วยซ้ำ”

 

“...”

 

“แล้วก็ตอนที่ให้กูช่วยมึงโกหกแม่มึงด้วยเพื่อที่ตัวเองจะได้ไปเที่ยวกับสาวได้ ไอ้ห่า ครั้งนั้นเกือบแย่ ถ้าโป๊ะขึ้นมาแม่มึงต้องไม่ไว้ใจกูแน่ๆ”

 

“แต่ก็ผ่านมาได้นี่หว่า กูก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย” จัสท์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

 

“ไอ้จัสท์!!”

 

“เออๆ กูขอโทษ” จัสท์เอ่ยพูดพลางยกมือขึ้นลูบไหล่เฟรนด์เบาๆ “ใจเย็นๆ ก่อน”

 

“โทษที พูดเรื่องนี้ทีไรขึ้นทุกที” คนตัวเล็กถอนหายใจยาวก่อนจะกลับมายกยิ้มสดใสอีกครั้ง

 

“ตอนนั้นที่โกรธก็เพราะกูรู้สึกเสียหน้าด้วยแหละที่โดนเพื่อนสนิทอย่างมึงด่าในที่สาธารณะอะ มึงก็รู้ว่าตอนม.ปลายกูป๊อปจะตาย”

 

“เออไง ดีนะที่ไม่ฆ่ากันตายเหมือนในข่าวอะ”

 

“มึงก็เวอร์”

 

“ใครจะไปรู้ อารมณ์ชั่ววูบมันน่ากลัวจะตาย” เฟรนด์บอกแล้วคว้าจานข้าวกับแก้วก่อนจะลุกขึ้นยืน

 

“เดี๋ยว” จัสท์คว้าหมับเข้าที่แขนทำเอาเฟรนด์เกือบจะหยุดก้าวขาไม่ทัน

 

“อะไรรร!! จานกูเกือบตกละเนี่ย”

 

“เรื่องตอนนั้นอะ กูขอโทษจริงๆ นะ” จัสท์เอ่ยบอกเสียงอ่อน

 

“เออ ช่างมันเหอะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานละ กูลืมไปหมดแล้วแหละ”

 

“งั้น...เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเนอะ” จัสท์ถามเสียงนิ่งพร้อมรอยยิ้มบางๆ

 

“เออ ก็...ตามนั้นแหละ” เฟรนด์พูดจบก็ปรายตามองมือของจัสท์ที่จับแขนตัวเองอยู่ “ปล่อยได้แล้วกูจะไปล้างจาน”

 

“อ่อ โทษๆ”

 

คนตัวเล็กก้าวสองขาเข้าครัวไปเอาจานกับแก้ววางลงในอ่างล้างจานก่อนจะเท้าแขนที่ขอบอ่างแล้วถอนหายใจยาวออกมา ลำพังใจเขาก็ไม่ได้อยากจะกลับไปเพื่อนกับจัสท์สักเท่าไหร่หรอก เพราะใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าจากเพื่อนจะเลื่อนสถานะไปเป็นอะไรแบบที่ใจเขาต้องการได้นั้นมันก็ค่อนข้างยาก

 

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ...

 

-----------------------------------------------------------------

#จฟเพื่อนไม่ไหว

ฝากคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค้าบบบบ