อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว

สีท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้ากลายเป็นสีส้มดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงต่ำลงเรื่อยๆ จนเริ่มแตะขอบฟ้า เฟรนด์ที่นั่งวาดรูปมาตั้งแต่ที่จัสท์เดินกลับบ้านไปหลังเคลียร์ใจกันเสร็จลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งวาดภาพมาทั้งวันเพื่อบิดขี้เกียจและยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย

 

สายตาของเขาเหลือบมองดูนาฬิกาที่แขวนไว้ที่ผนังห้องก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อสังเกตเห็นได้ว่าเขาใช้เวลาวาดรูปเล่นๆ เพลินๆ ไปนานมากทีเดียว เขาถอดผ้ากันเปื้อนที่เต็มไปด้วยรอยสีแล้วแขวนไว้ที่ราวแขวนเสื้อตรงประตูก่อนจะเดินเข้าไปล้างไม้ล้างมือในห้องน้ำจากนั้นจึงก้าวเดินลงไปยังชั้นล่าง

 

เพราะเมื่อตอนกลางวันจัสท์เอ่ยชวนเรื่องไปปาร์ตี้กับแก๊งเพื่อนเอาไว้ซึ่งทีแรกก็คิดว่าจะไม่ไปเพราะไม่รู้จักใครสักคนกลัวไปแล้วจะอึดอัด แต่พอมาคิดดูอีกทีเขาเองก็ไม่ได้ไปเที่ยวปาร์ตี้นั่งชิลกับเพื่อนฝูงมานานมากแล้วหากจะแวะไปสักหน่อยก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย เผื่อว่าจะได้แรงบันดาลใจอะไรๆ มาในงานศิลปะของเขาได้บ้าง

 

คนตัวเล็กเดินออกไปยังบ้านข้างๆ ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อเจ้าของโฮสเทลดังลั่น “ไอ้จัสท์!!”

 

“มีไรร!!” เสียงตะโกนตอบกลับดังแว่วออกมาจากด้านในก่อนที่เจ้าตัวจะปรากฏออกมา

 

โห... หล่อจังวะ

 

เสียงความคิดในหัวดังขึ้นแทบจะทันทีที่เฟรนด์เห็นจัสท์เดินออกมา ใบหน้าหล่อคมเข้มรับกับทรงผมที่ถูกจัดแต่งแบบเตรียมพร้อม ชุดที่คนตัวสูงใส่ก็ไม่ค่อยจะได้เห็นเท่าไหร่ในชีวิตปกติประจำวัน

 

ก็เลยทำให้วันนี้จัสท์ดูหล่อเป็นพิเศษในสายตาของเฟรนด์...

 

“สรุปเอาไง” จัสท์เอ่ยถาม

 

“เดี๋ยวไปด้วย”

 

“โอเค” คนตัวสูงพยักหน้ารับแล้วมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

“...”

 

“...”

 

ทั้งสองฝ่ายเงียบใส่กันไม่พูดอะไรได้แต่มองหน้ากันไปมา

 

“อะไร” เฟรนด์เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาก่อนอย่างสงสัย

 

“เปล่าๆ แค่สงสัยว่าจะไปชุดนี้เหรอ”

 

เฟรนด์ก้มหน้าลงมองชุดตัวเองก่อนจะเพิ่งเข้าใจเหตุผล “เออ ลืมไปเลย เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดก่อน”

 

“ให้สิบนาที”

 

“ไรวะ นานๆ กูจะได้ออกไปเที่ยวสักที ไม่คิดจะให้กูเฉิดฉายหน่อยเหรอ” เฟรนด์พูดพลางเล่นหูเล่นตาใส่อีกฝ่าย

 

“เฉิดฉายห่าไร ไปกับกูมึงจะเฉิดฉายทำไม” จัสท์เสียงแข็ง

 

“เอ้า ก็เจอเพื่อนมึงครั้งแรก เดี๋ยวไม่ประทับใจกูจะทำไงล่ะ กูมีชื่อเสียงนะ ภาพลักษณ์มันสำคัญ” เฟรนด์บ่นอุบ

 

“อะๆ แล้วแต่มึงเลย กูให้ครึ่งชั่วโมงก็ได้”

 

“เย่! ค่อยยังชั่ว” เฟรนด์ยิ้มกว้าง

 

“ไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันนัด” จัสท์หัวเราะกับท่าทางน่าเอ็นดูของอีกฝ่ายก่อนโบกมือไล่ให้กลับไปเปลี่ยนชุด

 

...

 

...

 

...

 

“ไป! เสร็จละ” เฟรนด์ที่แต่งหน้าเซ็ตผมและแต่งตัวจัดเต็มเดินเข้ามาหาจัสท์ที่นอนเล่นเกมอยู่ที่โซฟาตรงห้องนั่งเล่นของโฮสเทลหลังจากผ่านเวลาไปเกือบชั่วโมง

 

“ครึ่งชั่วโมงไม่มีจริง” จัสท์แซวขณะที่สายตายังจดจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือ

 

“ก็เสร็จแล้วเนี่ย จะไปยังอะ”

 

“ไปๆ จบเกมละ” จัสท์ใช้นิ้วกดจิ้มหน้าจอมือถืออยู่อีกสองสามทีก่อนจะปิดลง “รอนิดรอหน่อยไม่ได้เหรอ กูรอมึงมาตั้งเกือบชั่วโมง”

 

“ไม่ต้องพูดดดดดด” เฟรนด์เอื้อมมือไปคว้าเข้าที่แขนของคนตัวสูงแล้วออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน

 

“ไปแล้วๆๆ” จัสท์ลุกขึ้นตามแรงลากแล้วเดินตามคนตัวเล็กไปยังรถตัวเอง

 

รถยนต์คันประจำของจัสท์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบริเวณด้านหน้าโฮสเทลเพื่อมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ ความเร็วคงที่ตลอดเส้นทางแต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะมีกราฟอารมณ์ที่โดดเด้งมากกว่าปกติกลับค่อยๆ เด่นชัดขึ้น เพราะเฟรนด์ดูจะอารมณ์ดีกว่าในทุกวันที่เขาเคยได้เห็นมา

 

ถ้าไม่นับตอนที่คนตัวเล็กกำลังมีความสุขกับการวาดภาพน่ะนะ...

 

จัสท์ค่อยๆ ขับรถเข้ามาจอดที่บริเวณลานจอดรถของร้านซึ่งในเวลานี้ยังไม่ค่อยมีคนมากันมากนักเนื่องจากเป็นวันธรรมดาที่ผู้คนมักไม่ค่อยเที่ยวกัน

 

ร้านที่จัสท์นัดกับเพื่อนเพื่อปาร์ตี้ในคืนนี้ไว้นั้นเป็นร้านประจำที่กลุ่มของเขามักจะชอบไปกันบ่อยๆ เพราะอยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านของทุกคนซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจเพราะเฟรนด์ไม่เคยมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

“มันมีร้านนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย” เฟรนด์เอ่ยพูดขณะที่ก้าวลงจากรถด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

 

“ห้ะ? ไม่เคยเห็นจริงดิ” จัสท์หันมามองแล้วถามอย่างประหลาดใจ

 

“ก็กูไม่ได้อยู่ในเมืองมั้ย” เฟรนด์บอกเสียงเหวี่ยง

 

“แต่มันดังมากเลยนะ”

 

“ก็กูไม่รู้จัก”

 

“เพื่อนกูหลายคนก็ไม่ได้อยู่ในเมืองทำไมยังรู้จักเลย มากันบ่อยด้วย”

 

“กูโง่! พอใจยัง” เฟรนด์จิ๊ปากไม่พอใจชักสีหน้าแล้วเดินออกไปทันที

 

“เดี๋ยวดิ กูก็แค่ถามเล่นๆ เอง” จัสท์ตะโกนตามหลังแล้วรีบเร่งฝีเท้าเดินตามไปทันที

 

ทั้งสองคนเดินตามกันมาจนถึงด้านหน้าของร้านแต่พอเห็นว่าไม่มีพนักงานอยู่ตรงนั้นพวกเขาจึงเดินตรงเข้าไปด้านในร้านทันที จัสท์มุ่งตรงไปยังมุมประจำที่เขากับเพื่อนชอบมากันบ่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นโต๊ะประจำของพวกเขาเลยทีเดียว

 

“เห้ยมึง!” เสียงตะโกนเรียกจากคนในโต๊ะดังขึ้นพร้อมกับมือที่ชูขึ้นแล้วโบกเรียก

 

โต๊ะเดิมเป๊ะ!

 

“นั่งเลยๆ” จิมเพื่อนคนที่ตะโกนเรียกผายมือให้เฟรนด์นั่งลงข้างๆ

 

“เดี๋ยว มึงนั่งฝั่งนี้ดีกว่า” จัสท์จับแขนเฟรนด์ไว้แล้วดึงให้ออกห่างจากจิมก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้นแทนแล้วให้คนตัวเล็กนั่งถัดไปจากเขา

 

“ทำไมมึงหวงหรือไง” จิมเอ่ยแซว

 

“หวงพ่องง!!” คนตัวโตขยับปากด่าแบบไม่มีเสียงเรียกเอาทุกคนบนโต๊ะหัวเราะลั่น

 

เฟรนด์นั่งยิ้มเจื่อนๆ ให้กับทุกคนบนโต๊ะเพราะไม่รู้จะต้องทำตัวยังไงไม่รู้จักใครสักคน จนกระทั่งจัสท์หันมาเห็นแล้วเพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้แนะนำทั้งสองฝ่ายให้ได้รู้จักกัน

 

“เออพวกมึง นี่เฟรนด์เพื่อนสมัยม.ต้นอะ” จัสท์หันไปแนะนำคนตัวเล็กให้กลุ่มเพื่อนได้รู้จัก

 

“หวัดดีครับ” คนตัวเล็กเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเขินๆ

 

“มันเป็นยูทุปเบอร์อะ ดังนะเว้ย” คนตัวสูงพูดต่ออย่างภาคภูมิใจ

 

“เอ้า ดารา!!!” จิมแซว “งี้ต้องขอลายเซ็นหน่อยละ”

 

“ให้เราเป็นยูทูปเบอร์เหมือนเดิมแหละดีแล้ว” คนตัวเล็กขำเบาๆ ออกมาเล็กน้อยระหว่างที่พูด

 

“ไอ้นี่ชื่อจิมนะ” จัสท์ชี้ไปที่คนหน้าตี๋แต่ตาโตผิวออกขาวตามสไตล์ลูกคนจีนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาก่อนจะค่อยๆ ทยอยแนะนำไปทีละคน “ส่วนนี่ไอ้ป้อง ไอ้ทิว และไอ้กาย”

 

“หวัดดีๆ” เฟรนด์เอ่ยทักเสียงบาง

 

“ตามสบายเลย กูมึงได้เลยนะ พูดเพราะๆ พวกกูไม่ชินกันหรอก” จิมเอ่ยพูดขึ้นในขณะที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี

 

“พวกมึงสั่งกันไปกี่อย่างเนี่ย” จัสท์เอ่ยถามจิม

 

“สั่งไปแต่พวกกับแกล้มอะ น่าจะห้าอย่าง”

 

“แล้วเบียร์อะ”

 

“มีโปร 3 ขวดแถม 1 อะกูเลยสั่งไป 6 ขวดได้แถมมาอีก 2” ป้องเอ่ยบอกแล้วช่วยขยับจานอาหารให้มาอยู่ตรงกึ่งกลางของโต๊ะ

 

พอเบียร์มาเสิร์ฟจิมก็รีบหยิบมาเปิดแล้วรินใส่แก้วให้ทุกคนบนโต๊ะทันทีโดยเริ่มจากเฟรนด์เป็นคนแรกเพราะเขาถือว่าเป็นเพื่อนใหม่ต้องมีการต้อนรับสักหน่อย

 

“ประเดิมเลยมึง ในโอกาสที่รู้จักกันวันแรก เพราะฉะนั้นแก้วแรกหมดแก้ว!” จิมบอกแล้วยื่นแก้วไปให้เฟรนด์โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาแข็งกร้าวจากจัสท์ที่กำลังมองตามอยู่ทุกการกระทำ

 

เมื่อแก้วแรกเริ่มต้นขึ้นก็ทำให้มีแก้วต่อๆ ไปอย่างไม่มีหยุดหย่อน ยิ่งในโอกาสที่แต่ละคนมีความรู้สึกกรึ่มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เข้าสู่กระแสเลือดแล้วนั้นก็ยิ่งทำให้ทุกคนปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสนุกกันแบบเต็มที่

 

“เอ้า! ชนนนน!” จิมยกแก้วขึ้นชูก่อนที่ทุกคนจะยกตามขึ้นมาชนเสียงดังเคร้งแล้วตามด้วยแต่ละคนยกซดจนเบียร์ในแก้วเกือบจะหมด

 

“มึง” เฟรนด์ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จัสท์แล้วกระซิบ “กูไปห้องน้ำก่อนนะ”

 

“เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” จัสท์ตอบแล้วหันไปบอกกับเพื่อนในกลุ่ม “เดี๋ยวกูกับไอ้เฟรนด์ไปห้องน้ำก่อนนะ”

 

“เออ รีบไปรีบมามึง” กายที่เป็นคนเดียวที่ยังพอจะมีสติเอ่ยบอก

 

จัสท์เดินประคองเฟรนด์ที่เริ่มจะเดินไม่ตรงเพื่อพาไปให้ถึงห้องน้ำ เพราะระหว่างทางตั้งแต่โต๊ะคนตัวเล็กก็เซไปชนลูกค้าคนอื่นเขาไปทั่วจนจัสท์กลัวว่าจะโดนตีนคนอื่นกระทืบเสียก่อนจะถึงห้องน้ำ

 

“ดีๆ นะมึง” จัสท์บอกขณะผลักให้เฟรนด์เข้าห้องน้ำไป

 

“เออ”

 

ไม่นานคนตัวเล็กก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาด้วยใบหน้าที่มีหยดน้ำปกคลุมไปทั่วแต่ก็ดูมีสติมากขึ้นกว่าเดิม “เสร็จละ”

 

“นี่มึงล้างหน้าหรือหัวทิ่มลงส้วมมาเนี่ย” คนตัวสูงเอ่ยแซว

 

“ล้างหน้าก็พอมั้ง” เฟรนด์เอ่ยตอบแล้วยกมือขึ้นมาเช็ดเสื้อจัสท์ทำเอาอีกฝ่ายรีบหันตัวหนี

 

“กวนตีน”

 

“เดี๋ยวกูขอไปสูบบุหรี่แป๊บนะ” เฟรนด์บอกแล้วเดินออกไปทางด้านหลังของร้านโดยมีจัสท์เดินตามไป

 

“นี่มึงสูบบุหรี่ด้วยเหรอ” คนตัวสูงเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเดินตามมาถึงจุดสูบบุหรี่ของร้าน

 

“เออ ก็ปกติป่ะวะ”

 

“งั้นกูขอตัวนึงดิ” จัสท์บอกพลางยื่นมือไปรอรับบุหรี่จากคนตัวเล็กที่กำลังหยิบมวนบุหรี่ออกมาจากซองแล้วเฟรนด์ก็หยิบไฟแช็คมาจุดบุหรี่ให้คนข้างๆ ก่อนจะจุดให้ตัวเอง

 

“เวลาทำงานเครียดๆ ได้บุหรี่สักมวนมันก็ช่วยกูได้เยอะ” เฟรนด์เอ่ยบอกเสียงนิ่งก่อนจะเอาบุหรี่เข้าปากแล้วสูดเข้าไปเฮือกใหญ่

 

“กูเข้าใจ ตอนแรกที่ถามเพราะไม่คิดว่าคนอย่างมึงจะสูบเฉยๆ”

 

“ทำไมคิดงั้น”

 

“ก็เห็นภาพลักษณ์ดี เป็นเน็ตไอดอลของวัยรุ่นงี้”

 

“อันนั้นมันงาน ส่วนอันนี้มันเวลาส่วนตัวไง”

 

“ไม่กลัวคนเห็นหรอ”

 

“ก็ไม่นะ สมัยนี้แล้วคนมันก็น่าจะแยกแยะได้แล้วปะ ใครมานั่งดราม่าก็คงจะประสาทแดกเกินไปละ” เฟรนด์บอกพลางส่ายหัวก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นมาสูบต่อจนหมดมวนแล้วโยนก้นบุหรี่ทิ้งลงถังเขี่ยบุหรี่แล้วเดินเข้าร้านไป

 

“เอ้า รอกูด้วย”

 

ค่ำคืนแห่งการดื่มด่ำเป็นไปอย่างยาวนานและอิ่มเอมไปด้วยความสุขเพราะทุกคนต่างก็ปลดปล่อยความเครียดกันอย่างเต็มที่โดยไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีใครมองอยู่หรือไม่ คืนนี้มีเพียงแค่คนธรรมดาที่มาสังสรรค์เฮฮากันเพียงเท่านั้น

 

จวบจนเวลาร้านปิดทุกคนถึงได้พากันเดินออกมายังนอกร้าน ในเวลานี้ต่างคนต่างก็ต้องช่วยกันพยุงร่างของกันและกันให้ยังยืนอยู่ได้โดนไม่ล้มลงไปนอนกับพื้นเสียก่อน

 

“เดี๋ยวไอ้เฟรนด์กลับไงอะ” จิมเอ่ยถามขึ้นขณะที่เดินไปยังลานจอดรถ

 

“เดี๋ยวมันกลับกับกูอะ บ้านอยู่ข้างกัน” จัสท์บอกพลางประคองร่างของเฟรนด์ที่หัวซบไหล่เขาอยู่ด้วยอาการเมามาย

 

“เอ้าหรอ”

 

“มันบังเอิญอะ”

 

“ให้มันจริง ไม่ใช่ว่ามึงแอบตามไปอยู่ข้างบ้านเขานะ” จิมหรี่ตามองแล้วพูดอย่างเจ้าเล่ห์

 

“บังเอิญจริงๆ เว้ย กูไปซื้อตึกทำโฮสเทลพอดี แล้วเขาอยู่ข้างๆ เลย”

 

“ก็แล้วไป กูเห็นทุกทีตามจีบใครมึงก็ชอบย้ายไปอยู่แถวบ้านคนนั้นตลอด”

 

“ชู่ว! เบาๆ ไอ้จิม” จัสท์บ่นแล้วเหลือบตาไปมองเฟรนด์ที่เหมือนจะหลับไปแล้ว

 

“ไม่ได้ยินหรอก หลับไปละนั่น” จิมหันมองตามแล้วเอ่ยบอก “งั้นกูกลับละ ถึงบ้านแล้วบอกกันด้วยนะเว้ย”

 

“เออๆ” จัสท์บอกแล้วประคองเฟรนด์พาไปขึ้นรถ

 

...

 

...

 

...

 

ครืดๆๆๆๆๆๆๆ

 

เสียงมือถือของเฟรนด์สั่นรัวไม่หยุดจนเฟรนด์ต้องสะดุ้งตื่น สีหน้าหงุดหงิดปรากฏชัดเพราะหัวของเขายังคงหนักจากอาการมึนเมาเมื่อคืน ทำให้เช้านี้ของเขามันช่างยากลำบากนักในการที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาได้อย่างสดใสเหมือนในทุกๆ วัน

 

“อะไรกันแต่เช้าวะ” คนตัวเล็กเอื้อมมือไปควานหามือถือที่วางไว้ตรงหัวเตียงโดยที่เปลือกตายังไม่เปิดเต็มที่ด้วยซ้ำ

 

เฟรนด์ขยี้ตาเล็กน้อยเพื่อให้ตื่นจากอาการสะลึมสะลือก่อนจะจ้องมองหน้าจอมือถือที่มีแจ้งเตือนไลน์เด้งมาเต็มไปหมดรวมถึงโซเชียลในแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย

 

“เชี่ยไรวะเนี่ย” เขาตกใจเพิ่มขึ้นอีกหลังเห็นแจ้งเตือนคอมเมนท์ถล่มด่าในรูปล่าสุดที่โพสท์ลงในไอจีเป็นจำนวนมาก

 

ครืดๆ

 

เสียงสั่นของมือถือดังขึ้นพร้อมรายชื่อโทรเข้าปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

 

ไอ้โต้ง (ฟาร์มไก่)

 

“ว่าไงมึง” เฟรนด์รีบกดรับสายทันที

 

(เป็นไงมั่งมึง)

 

“อะไรวะ”

 

(ยังไม่เห็นข่าวเหรอ)

 

“ข่าวไร”

 

(คลิปหลุดมึงสูบบุหรี่กับแดกเหล้าไง เดี๋ยวกูส่งลิ้งก์ให้ดู)

 

เฟรนด์กดที่ลิ้งก์เพื่อเปิดดูคลิปหลุดตามที่เพื่อนของเขากล่าวอ้าง หน้าจอเว็บไซต์ของสำนักข่าวแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมพาดหัวข่าวที่กล่าวอ้างถึงยูทูปเบอร์สายวาดภาพชื่อย่อตัว ฟ. พร้อมแนบคลิปที่เขาดื่มสังสรรค์กับสูบบุหรี่กับจัสท์และกลุ่มเพื่อนเมื่อคืนนี้

 

“แล้วมันมีดราม่าไรวะ ก็เรื่องปกติป้ะ” เฟรนด์ตอบกลับเสียงนิ่ง

 

(ก็เขาตกใจกันไงว่าคนที่ลุคใสๆ แบบมึงทำไมถึงทำงี้)

 

“ตลก เกี่ยวอะไรกับลุคใสๆ กูก็อายุขนาดนี้ละ เลย 20 มาตั้งนานแล้วด้วย”

 

(ก็เขาบอกกันว่ามันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เยาวชน เพราะคนส่วนใหญ่ที่ตามมึงเขาก็มองมึงเป็นแรงบันดาลใจเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิตไรงี้)

 

“ก็เลยคาดหวังให้กูทำแต่เรื่องดีๆ สินะ” เฟรนด์พูดจบก็ถอนหายใจยาวพร้อมส่ายหัวเพราะไม่เข้าใจว่าการคาดหวังในตัวตนคนอื่นพอไม่เป็นแบบที่ตัวเองหวังแล้วทำไมความผิดถึงมาตกยังคนที่ถูกคาดหวังแทนทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ความผิดของเขาด้วยซ้ำ

 

(แต่คนที่เขาเข้าใจมึงก็มีนะเว้ย ลองดูในทวิตดิ แท็กชื่อมึงติดอันดับหนึ่งด้วยตอนนี้)

 

“ขี้เกียจดูอะ ไม่อยากเก็บมาใส่ใจ”

 

(เออๆ มันก็มีทั้งเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยนั่นแหละ บางคนก็บอกเป็นเรื่องส่วนตัวของมึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงไม่เกี่ยวกัน)

 

“ก็ใช่ไง”

 

(แต่บางคนก็บอกว่ามึงเป็นเน็ตไอดอลควรทำตัวให้ดีกว่านี้ ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้เยาวชน)

 

“ถุย! กูเป็นยูทูปเบอร์จ้ะ ไม่ใช่เน็ตไอดอล และไม่เคยปวารณาตัวเองให้เป็นไอดอลใครด้วย”

 

(แรงมาก)

 

“อาจจะฟังดูแรงนะเว้ย แต่ที่กูทำอยู่ทุกวันนี้มันคือสิ่งที่กูรักและชอบก็เลยอยากแชร์ให้คนอื่นๆ ได้เห็น ซึ่งทีนี้พอคนอื่นเขาเห็นในผลงานของกูแล้วเขาชื่นชอบกูก็คิดว่าเขาก็คงชื่นชมในผลงานของกูไม่ใช่เหรอ กูไม่ได้มาป่าวประกาศว่ากูต้องการเป็นไอดอลของใครต่อใครนี่หว่า”

 

(เออ กูเข้าใจ มีอะไรก็โทรมาได้ตลอดนะเว้ย เป็นห่วงความรู้สึกมึง)

 

“กูไม่เป็นไรหรอก ยังงงๆ อยู่แต่เดี๋ยวก็ผ่านไปได้แหละ”

 

(เคมึง กูไปทำงานก่อน)

 

“เออๆ ขอบใจมากเว้ย”

 

สายตัดไปพร้อมกับที่เฟรนด์ตัดสินใจกดเข้าทวิตเตอร์แล้วส่องแฮชแท็กชื่อของตัวเองทันที แววตาจดจ่ออยู่ที่ทุกข้อความที่ปรากฏในนั้น บางคนก็ด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคายราวกับว่าเขาไปฆ่าใครตายทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้กันเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังโชคดีที่มีคนคอยออกมาปกป้องอยู่บ้าง

 

แต่คนที่ไม่เคยถูกด่าในโซเชียลมาก่อนแบบเขาพอมาเจอแบบนี้ก็ค่อนข้างเป็นอะไรที่ช็อคโลกสำหรับเขาอยู่เหมือนกัน

 

“เดี๋ยวนะ...”

 

เฟรนด์สะดุดเข้ากับแอคเคาท์หนึ่งในทวิตเตอร์ที่มีรูปและชื่อคลับคล้ายคลับคลากับคนที่เขารู้จักปรากฏอยู่ในแฮชแท็กชื่อของเขา

 

@J_ustMe : หยุดทำร้ายเพื่อนผม ใครที่ด่าแบบไม่ดูอะไรเตรียมเงินในกระเป๋าไว้ด้วยนะครับ

 

“ไอ้จัสท์หรอ?” เฟรนด์อุทานออกมาด้วยความสงสัยก่อนจะกดโทรออกหาคนตัวโตที่อยู่ข้างบ้าน

 

จัสท์ <3

 

(ฮัลโหล)

 

“แอคจัสท์มีนี่คือมึงเหรอในทวิตอะ”

 

(เออ เห็นแล้วเหรอ)

 

“เห็นละ มึงทำงี้ทำไม เดี๋ยวคนก็ตามไปแหกมึงหรอก”

 

(ช่างแม่ง กูพร้อมรับรถทัวร์ละ)

 

“ปากดี”

 

(ก็ทำไมล่ะ มาด่าเพื่อนกู กูก็ต้องปกป้องดิวะ)

 

“อะ..อ่อ ขอบใจนะเว้ย”

 

(ไม่เป็นไรหรอก ทีเมื่อก่อนมึงยังช่วยกูไว้ตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้สบายมาก แค่นี้ก่อนมึงกูมีประชุมตอนสายๆ ขอไปเตรียมตัวก่อน)

 

“เคๆ” เฟรนด์กดวางสายก่อนจะพบว่าไอ้ก้อนเนื้อหัวใจที่อยู่ข้างในมันเริ่มพองโตอีกครั้งจากสิ่งที่จัสท์ทำให้ มันค่อยๆ เต้นถี่ขึ้นและแรงขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่เขาเองก็บอกไม่ถูก มันอบอุ่นและเติมเต็มในสิ่งที่เขาโหยหามาตลอด

 

ความรู้สึกของการที่มีคนคอยอยู่เคียงข้างและปกป้องมันดีแบบนี้นี่เอง...

 

#จฟเพื่อนไม่ไหว