อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้
รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zoneอยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้
-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------
"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...
ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."
"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."
Run Kantheephop
20210424.
กว่าจะผ่านช่วงเวลาที่กระแสดราม่าถาโถมเข้ามาหาเฟรนด์อย่างหนักหน่วงได้นั้นก็ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรเหมือนกันทั้งๆ ที่คนตัวเล็กเลือกที่จะไม่ออกมาตอบโต้หรืออธิบายอะไรเลยก็ตาม เพราะเขารู้สึกว่าการออกมาพูดอะไรสักอย่างนั้นยิ่งเป็นการโหมให้กระแสมันถูกพัดตีกลับมาขึ้นมาอีกครั้งไม่ว่าจะในทิศทางที่ดีหรือแย่ก็ตาม เขาเองอยากให้กระแสมันค่อยๆ เงียบและจางหายไปไม่อยากจะไปให้ค่ามันสักเท่าไหร่
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและกระทบจิตใจอย่างสาหัสนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่คนตัวเล็กๆ อย่างเฟรนด์จะก้าวข้ามผ่านไปได้ง่ายๆ ซึ่งก็ต้องขอบคุณที่จัสท์คอยอยู่เคียงข้างคนตัวเล็กมาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เขาคอยพาเฟรนด์ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ไปคาเฟ่ ทะเล ไปต่างจังหวัดเพื่อให้คนตัวเล็กไม่ต้องจมปลักอยู่กับเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้น เพราะมันยิ่งทำให้เฟรนด์ติดหล่มจนทำงานออกมาได้ไม่ดีเท่าที่เคย
เพราะงานศิลปะเป็นงานที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของศิลปิน พออารมณ์ของเฟรนด์ไม่คงที่งานที่มีก็เลยไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่นัก
ใช้เวลาอยู่ตั้งเกือบสามอาทิตย์กว่าเฟรนด์จะเริ่มปล่อยวางได้แบบจริงๆ จังๆ สักที คนตัวเล็กจึงได้โอกาสกลับมาทำงานที่ตัวเองปล่อยค้างทิ้งเอาไว้ให้เสร็จเรียบร้อยรวมถึงคลิปรีวิวโฮสเทลของจัสท์ด้วย
“เอาคลิปมาให้ตรวจ” เฟรนด์บอกแล้วยื่นไอแพดของตัวเองให้จัสท์
“คลิปไร”
“ก็คลิปที่กูมารีวิวโฮสเทลไง ลองตรวจดูก่อนเผื่ออยากแก้ตรงไหน”
“มึงเช็คเลย กูมั่นใจในตัวมึง” จัสท์เอามือดันไอแพดกลับคืนให้คนตัวเล็ก
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” เฟรนด์ถามย้ำ
“เออออ แต่จริงๆ มึงส่งไฟล์มาให้กูเช็คก็ได้นะ ไม่เห็นต้องเดินมาเลย”
“กูขี้เกียจอัพลงไดร์ฟ เปลืองพื้นที่กู”
“ใช่อ่อ ไม่ใช่ว่าอยากเจอกูนะ” จัสท์แซวแล้วอมยิ้ม
“ประสาท!” เฟรนด์ด่าแล้วรีบชักไอแพดกลับมาที่ตัวเอง ท่าทีเลิ่กลั่กของเขาทำเอาคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“แหนะ ทำเขินๆ” คนตัวโตเอ่ยแซวอย่างต่อเนื่องพลางเอามือจับคางอีกฝ่ายแล้วขยับไปมาเบาๆ
“พอแล้ว!” เฟรนด์ปัดมือของจัสท์ออกก่อนพูดต่อ “งั้นเดี๋ยวกูลงคลิปให้เย็นนี้เลยละกัน ล่าช้ามาหลายวันละ”
“โอเค กูได้หมดเลย ไม่ติดอะไร”
“เดี๋ยวคลิปปล่อยแล้วจะส่งลิ้งก์ให้”
“อ่าห้ะ” จัสท์พยักหน้ารับ
“เค งั้นเดี๋ยวกูกลับบ้านก่อน จะไปอาบน้ำ”
“เออ ก็ว่าได้กลิ่นแปลกๆ”
“เดี๋ยวทุบ!” เฟรนด์ง้างมือทำท่าจะฟาดอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกไปทำเอาจัสท์หัวเราะไม่หยุด
เมื่อถึงเวลาที่กำหนดคลิปที่คนตัวเล็กตั้งเวลาเผยแพร่เอาไว้ในช่องยูทูปของตัวเองก็ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะและด้วยความที่ช่องของเฟรนด์มีคนติดตามเยอะก็ทำให้คลิปนั้นมียอดผู้เข้าชมพุ่งขึ้นรัวๆ อย่างรวดเร็ว และคอมเมนท์ก็เป็นไปในทิศทางที่ดีมีแต่คนสนใจอยากมาพักที่โฮสเทลแห่งนี้
เฟรนด์กดเปิดไอแพดแล้วคัดลอกลิ้งก์ของคลิปส่งไปให้ในไลน์ของจัสท์เพื่อเป็นการส่งงานให้อีกฝ่ายได้เห็นฟีดแบ็คว่ารีวิวที่เขาอุตส่าห์ช่วยทำให้ฟรีนั้นได้รับผลตอบรับอย่างไรบ้าง เผื่อว่าจัสท์จะเห็นใจแล้วให้ค่าขนมตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : https://youtu.be/BBqhGfBDdD4
เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : ลิ้งก์คลิปรีวิวโฮสเทล
จัสท์ครับ : อาเคร
จัสท์ครับ : ขอบใจมากมึง
เฟรนด์ไงจะใครล่ะ : (Sticker)
จัสท์ครับ : (Sticker)
หลังจากส่งงานให้คนตัวสูงเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นเฟรนด์ก็เดินเข้าไปหยิบขนมปังมาทาแยมก่อนจะเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ จากนั้นจึงเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำเตรียมมานั่งดูหนังสักเรื่องในเน็ตฟลิกซ์เป็นการผ่อนคลายหลังเสร็จงาน
คนตัวเล็กใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักใหญ่เพราะเวลาที่น้ำจากฝักบัวไหลไปตามร่างกายนั้นมันทำให้เขาได้รู้สึกผ่อนคลายและเกิดสมาธิอยู่เสมอ ไอเดียในงานหลายๆ ครั้งก็มาจากในช่วงเวลานี้แทบทั้งนั้น
เสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของเฟรนด์ดังขึ้นแต่ก็โดนเสียงน้ำที่ไหลลงไปปะทะกับพื้นดังกลบไปจนหมด ทำให้เฟรนด์ไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนสายเข้าสายนั้น มือถือสั่นแรงอยู่นานจนปลายสายคงยอมแพ้และกดวางไป มือถือของคนตัวเล็กก็เลยกลับมานิ่งเงียบลงอีกครั้ง
คนตัวเล็กรูดผ้าม่านที่กั้นระหว่างส่วนอาบน้ำกับห้องน้ำออกแล้วเดินออกมา ระหว่างที่เขาคว้าผ้ามาเช็ดตัวนั้นมือถือของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหน้าจอโชว์รายชื่อของคนที่คุ้นเคยโทรเข้ามา
จัสท์ <3
“โทรมาทำไมวะ” เฟรนด์บ่นกับตัวเองก่อนจะเช็ดมือกับผ้าขนหนูจนแห้งแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดรับ
“ว่าไงมึง”
(มึงงงง!!!!!)
“อะไร!!!” เฟรนด์เอ่ยตอบด้วยความตกใจ
(มีคนติดต่อเข้ามาเต็มเลย)
“หื้ม?”
(ก็พอมึงลงคลิปรีวิวโฮสเทลไปอะ มีคนติดต่อมาเต็มเลยทั้งเบอร์โทร ในเพจ อีเมล มาทุกทางเลยมึง เจ๋งว่ะ)
“เออก็ดีละ ผลตอบรับดีกูก็ดีใจด้วย”
(เดี๋ยวยังไงกูแบ่งเงินมาให้มึงนะ ถือซะว่าตอบแทนสินน้ำใจที่ยอมช่วยกูก่อน)
“เออๆ แล้วแต่มึงเลย ขอบใจมาก”
(กูไปก่อน มีสายเข้า)
สายตัดไปพร้อมกับรอยยิ้มของเฟรนด์ที่รู้สึกยินดีว่าอย่างน้อยช่องของเขาก็ยังพอจะมีศักยภาพในการขายของได้อยู่บ้าง ไม่ทำให้เสียชื่อเสียงของยูทูปเบอร์ชื่อดังเจ้าของช่อง With your Friend ทีแรกก็คิดว่าจะช่วยทำรีวิวให้ฟรีๆ แต่ก็ยังดีที่คนอย่างจัสท์ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้างที่พอได้รายได้จากสิ่งที่คนตัวเล็กช่วยเหลือไว้ก็ยังอุตส่าห์จะแบ่งเงินบางส่วนมาให้เป็นค่าตอบแทน
...
...
...
หลังจากโฮสเทลของจัสท์เปิดกิจการไปได้เพียงเดือนเดียวก็ทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสายแย่งกันจองล่วงหน้าหลายเดือนเพื่อที่จะได้มาพักที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดและต่างประเทศแทบทั้งสิ้น แม้จะเป็นสิ่งใหม่ในอำเภอดำเนินสะดวกเพราะไม่เคยมีโฮสเทลในลักษณะนี้มาก่อนแต่คนท้องที่ส่วนใหญ่ก็คุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้อยู่แล้วเพราะอาศัยอยู่ที่นี่กันมาตั้งแต่เกิด ไอ้ความตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่นี่ก็เลยเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้น
กับเฟรนด์เองก็เช่นกัน...
ตั้งแต่จัสท์เปิดกิจการวิถีชีวิตของเฟรนด์ก็แทบจะเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิงเพราะผู้คนมากมายที่วนเข้าเวียนออกกันตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้จากที่บ้านของเขาเคยสงบก็กลายเป็นว่าไม่สงบกันอีกต่อไป ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อคนตัวเล็กเป็นอย่างมากเพราะมันทำให้เขาทำงานที่เขาเคยทำเป็นประจำไม่ได้อีกต่อไป
ดังเช่นในวันนี้
เขาตั้งใจจะทำคลิปวาดรูปอันใหม่เพื่อที่จะเก็บไว้ในสต๊อกซึ่งไอเดียของเขาในวันนี้ก็แตกต่างจากปกติไปสักเล็กน้อยเพราะเขาอยากจะลองวาดอะไรใหม่ๆ ดูบ้างที่ไม่ใช่วิวนอกหน้าต่างเหมือนเช่นทุกวัน แต่เขาอยากจะลองทำอะไรที่มันนามธรรมขึ้นมาบ้าง เขาจึงตัดสินใจเปิดเพลย์ลิสต์ที่เขาเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วกดเปิดกล้องบันทึกวิดีโอ
คนตัวเล็กหน่อยตัวลงนั่งที่หน้ากระดานวาดรูปแล้วหลับตาลงอยู่พักใหญ่เพื่อตั้งสติและเรียกสมาธิจากเสียงเพลงที่ตัวเองได้ยิน เขาค่อยๆ ลืมตาแล้วคว้าพู่กันจุ่มสีในถาดสีที่เตรียมไว้แล้วค่อยๆ วาดไปเรื่อยๆ อย่างอิสระโดยไม่ได้มีการวางแผนหรือร่างโครงเอาไว้ก่อน
ตึงงง!!!
เสียงตึงตังและโหวกเหวกโวยวายดังมาจากโฮสเทลข้างๆ ทำเอาเฟรนด์ต้องสูดหายใจลึก ลำพังหากเขาได้ยินเพียงคนเดียวก็คงจะไม่ได้อะไรสักเท่าไหร่เพราะเขาเข้าใจดีว่ามันเป็นปัจจัยภายนอกที่เขาควบคุมไม่ได้ เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ให้หงุดหงิดและจดจ่อกับงานที่ต้องทำ แต่เสียงเหล่านั้นมันเล็ดลอดเข้ามาในคลิปที่เขากำลังถ่ายอยู่จึงเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะสามารถอดทนได้
เขาลุกพรวดแล้วรีบเร่งฝีเท้าเดินลงไปจากห้องทำงานแล้วเดินหน้าตึงไปยังโฮสเทลข้างบ้านทันที ยังดีที่เขายังมีสติพอที่จะไม่โวยวายเสียงดังเพราะมันจะทำให้จัสท์ต้องเสียหน้า คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาจัสท์ที่นั่งเล่นเกมมือถืออยู่ที่เคาท์เตอร์แล้ววางมือลงบนโต๊ะด้านหน้าเสียงดัง
ปัง!
จัสท์สะดุ้งตกใจเงยหน้าขึ้นมามอง “เชี่ย! ตกใจหมด เบาๆ หน่อยมันรบกวนลูกค้า เดี๋ยวเขาคอมเพลนขึ้นมาก็แย่ดิ”
“ใช่มั้ยล่ะ”
“ห้ะ?”
“ก็ลูกค้ามึงอะทำเสียงดังจนกูถ่ายงานไม่ได้เลยเนี่ย กูก็บอกมึงเป็นล้านรอบแล้วนะ ไม่เห็นจะแก้เลย” เฟรนด์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จัสท์เล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงเบาจนแทบกระซิบ เพราะเขาก็กลัวว่าลูกค้าในโฮสเทลจะได้ยินเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปอีก
จัสท์มองหน้าเฟรนด์นิ่งเพราะไอ้การที่จู่ๆ ใบหน้าของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้แบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นก็ทำให้ใจของเขาแอบหวั่นไหวได้เล็กๆ อยู่เหมือนกัน ก็น่ารักซะขนาดนี้จะไม่ให้ใจสั่นตอนอยู่ใกล้ได้ยังไง
“...”
“มึงได้ยินที่กูพูดมั้ยเนี่ย” เฟรนด์ถามย้ำ
“ดะ...ได้ยินดิ”
“เออ จัดการให้กูด้วย”
“ได้ดิ เดี๋ยวกูช่วยหาทางแก้ให้”
“พูดงี้ทุกที” เฟรนด์มุ่ยหน้าแล้วหันหนี
จัสท์รีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมาจากด้านในของเคาท์เตอร์แล้วรีบวิ่งมายืนข้างหน้าคนตัวเล็กแล้วยิ้มกว้างพลางจับเข้าที่ข้อมือของอีกฝ่าย “โอ๋เอ๋น้า อย่างอนดิว้า”
“ก็มึงอะ เรื่องผ่านมาเป็นเดือนๆ ก็เจอแต่เรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ มาเตือนครั้งหนึ่งก็ดีขึ้นได้ไม่กี่วันแล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก งานกูก็ไม่คืบสักที ดีนะที่กูอัดคลิปเก็บไว้ในสต๊อกเยอะเลยมีลงได้เรื่อยๆ”
“พอๆ กูเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจัดการให้ ขอเวลาคิดวิธีแก้ก่อน”
“เออ ปล่อยได้ละ กูจะกลับบ้าน” เฟรนด์พยายามดึงมือของตัวเองออกจากมือของจัสท์
“อยู่ด้วยกันก่อนดิ”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ก็กูเหงาอะ นั่งคนเดียวทุกคืน” จัสท์เอ่ยพูดพร้อมทำหน้าอ้อน
แล้วแบบนี้เฟรนด์จะปฏิเสธได้ยังไง...
“เออๆ แต่กูขอกลับเอางานมาทำด้วยได้ป้ะ ยังคาอยู่เลย”
“เอาดิ” จัสท์เอ่ยบอกแล้วพยักหน้ารับเล็กน้อย
เฟรนด์ก็เลยตัดสินใจเดินกลับไปที่บ้านของตัวเองขึ้นไปยังชั้นสองแล้วคว้าเอากระดานวาดรูปพร้อมกับกล่องสีและอุปกรณ์วาดรูปอีกนิดหน่อยออกมาแล้วตรงเข้าไปที่โซนนั่งเล่นของโฮสเทลทันที
บรรยากาศเริ่มเงียบลงแล้วมีเพียงเสียงจากมือถือของจัสท์ที่เล็ดลอดออกมาเพราะกำลังเล่นเกมอยู่อย่างเมามัน เขากางอุปกรณ์ที่เตรียมมาทั้งหมดบนโต๊ะที่ขอหนังสือพิมพ์เก่าๆ จากจัสท์มารองเอาไว้เพื่อไม่ให้เปื้อน
“ขอเปิดเพลงคลอเบาๆ ได้มั้ย” เฟรนด์หันไปเอ่ยถามจัสท์
“อื้อ เอาดิ”
“มีเพลงอะไรที่อยากฟังเปล่า”
“มึงเลือกเลยเพราะมึงต้องทำงานหนิ”
“โอเค” เฟรนด์หันไปหยิบรีโมทเพื่อเปิดทีวีแล้วกดเลือกเพลย์ลิสต์เพลงในยูทูปก่อนจะหันไปเริ่มจดจ่อกับงานของตัวเองที่ทำค้างเอาไว้ต่อ
กระดาษสีขาวถูกแต่งแต้มไปเรื่อยๆ จนสีสันเริ่มเต็มพื้นที่ ภาพวาดในสไตล์นามธรรมแบบที่เฟรนด์ตั้งใจเริ่มเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นชัดเจนมากขึ้น แต่หากจะให้ดูตอนนี้ก็ใช่ว่าจะมีคนตอบถูกได้ว่าภาพที่คนตัวเล็กกำลังวาดนั้นหมายถึงอะไร เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันสื่อถึงอะไรนอกไปจากอารมณ์ภายในใจที่วุ่นวายอยู่ในตอนนี้
เพราะไอ้คนหน้าหล่อตัวสูงที่นอนเล่นมือถืออยู่ข้างๆ มันค่อนข้างรบกวนสมาธิเขาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
คนตัวเล็กนั่งจดจ่ออยู่กับงานศิลปะของตัวเองอยู่นานจนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเวลามันผ่านไปนานสักเท่าไหร่แล้ว เพราะสมาธิทั้งหมดที่มีเขาใช้มันไปกับงานตรงหน้าแล้ว แม้จะอ้าปากหาวไปหลายรอบแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เขาลดละจากงานดังกล่าวได้เพราะเขาอยากจะวาดให้เสร็จในทีเดียวไม่อยากเก็บไว้ทำวันอื่น
จัสท์เองก็ได้แต่แอบเดินวนไปมาดูคนตัวเล็กทำงาน เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวยืนชะเง้อมองบ้างเล่นมือถือบ้างเพราะไม่กล้าทำเสียงดังกลัวจะรบกวนคนตรงหน้า แม้จะมีแขกเดินลงมาหาของกินในครัวบ้างแต่จัสท์ก็คอยบอกให้คนเหล่านั้นงดใช้เสียงจนทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น
คนตัวสูงเหลือบตามองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายวาดภาพจนเกือบจะเสร็จเต็มที เขาจึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นแบบเงียบๆ แล้วเดินหายเข้าไปในครัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกมา
“อะ ดื่มหน่อยมั้ย” จัสท์ยื่นแก้วนมที่ตั้งใจเทออกมาให้เฟรนด์
“อ้อ ขอบคุณมากมึง” เฟรนด์ตอบรับแล้วยื่นมือไปรับนมมายกดื่มรวดเดียวจนหมด
“เหมือนหิว” จัสท์เอ่ยแซวแล้วนั่งลงข้างๆ เฟรนด์
“อือ นั่งเพลินไปหน่อย พอเสร็จถึงได้รู้สึกว่าหิว” คนตัวเล็กยื่นแก้วเปล่าคืนให้จัสท์
คนตัวสูงรับแก้วเปล่าไปวางไว้ที่โต๊ะข้างโซฟาก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง เฟรนด์มองกลับไปอย่างสงสัยกับท่าทีคนตรงหน้าแต่แววตาที่จ้องมาอย่างมั่นคงก็ทำเอาคนอย่างเฟรนด์ไม่กล้าจะหลบตาไปมองทางอื่น สายตาของจัสท์หลุบต่ำลงมองที่บริเวณริมฝีปากของเฟรนด์ก่อนจะเงยมาสบตาคนตัวเล็กอีกครั้งแล้วค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้ทีละนิด ทีละนิด
เฟรนด์หายใจเข้าออกแรงขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเห็นแบบนั้น เขาแอบเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังนิดหน่อยแต่ก็ถูกอีกฝ่ายคว้าคอแล้วล็อกเอาไว้ จัสท์ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนลมหายใจของทั้งสองคนต่างก็สัมผัสใบหน้าของกันและกัน เฟรนด์ค่อยๆ หลับตาลงเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะจูบ
“ปากเลอะนมหมดแล้ว” เสียงกระซิบแผ่วเบาเอ่ยพูดขึ้นพลางยกนิ้วโป้งของตัวเองขึ้นมาเช็ดปากให้เฟรนด์
“อะ... อ่อ ขอบใจมาก” เฟรนด์ใบหน้าร้อนผ่าวพร้อมหัวใจที่เต้นถี่และแรง
“ทำไม? นึกว่าจะจูบเหรอ” จัสท์เอ่ยแซวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“เปล่า”
กริ๊งงง~!
เสียงโทรศัพท์มือถือของจัสท์ดังแหวกความเงียบขึ้นมาเขาหยิบมือถือมาดูหน้าจอก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปรับสายที่บริเวณหลังบ้านทันที
“เห้อ” เฟรนด์ถอนหายใจออกมาเล็กๆ เพราะรู้สึกเสียดายโมเมนท์เมื่อครู่ แต่เขาก็เข้าใจว่ามันก็อาจจะเป็นไปได้ยากนิดหนึ่งสำหรับเขาสองคน
ซึ่งก็ดูเหมือนจะจริงอย่างที่เขาว่า...
จัสท์เดินยิ้มกลับมานั่งที่ข้างโซฟาจนเฟรนด์ที่หันไปเห็นก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนตัวสูงถึงได้อารมณ์ดีมากกว่าปกติ
“มีไรวะ”
“หื้ม?” จัสท์หันมาส่งเสียงในลำคออย่างสงสัยเพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่คนตัวเล็กถาม
“เปล่าๆ เห็นมึงออกไปรับโทรศัพท์แล้วอารมณ์ดีผิดปกติ”
“อ๋อ ไม่มีไรหรอก พอดีเดี๋ยวจะมีคนมาหาอะ”
“ดึกป่านนี้เนี่ยนะ” เฟรนด์ถามย้ำด้วยความประหลาดใจ
ก๊อกๆๆ
“สงสัยมาถึงละ” จัสท์รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปประตูบานหลักของโฮสเทลที่ปิดเอาไว้เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน
เมื่อบานประตูเปิดออกก็ปรากฏหญิงสาวพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบโตข้างกาย ใบหน้าเปื้อนยิ้มมองหน้าจัสท์ก่อนจะค่อยๆ เข็นกระเป๋าเข้ามาภายในบ้านแล้วหันมาเห็นเฟรนด์จึงส่งยิ้มกว้างให้
“หวัดดี!” หญิงสาวใบหน้าหวานเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มแล้วโบกมือให้
“สวัสดีครับ” คนตัวเล็กเอ่ยตอบ
“นี่เฟรนด์นะ เพื่อนสมัยม.ปลาย อยู่บ้านข้างๆ นี่เอง” จัสท์เอ่ยแนะนำกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันไปหาเฟรนด์แล้วแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จัก “ส่วนนี่แจนนะ แฟนกูเอง”
“ฟะ...แฟนหรอ” เฟรนด์ถามย้ำอย่างตกใจ
“อื้อ แฟนกูเอง เพิ่งบินมาจากเชียงใหม่”
“ทำไมกูไม่เคยรู้เลย ไม่เห็นมึงบอก” เฟรนด์เอ่ยพูดต่อก่อนจะเริ่มทยอยเก็บอุปกรณ์วาดเขียนใส่กล่อง
“ก็มึงไม่เคยถาม”
“ก็จริง แล้วคบกันมานานหรือยัง” คนตัวเล็กเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ
“เกือบสองปีแล้วมั้ง”
“อ่อ งั้นเดี๋ยวกูกลับเลยแล้วกันจะได้ไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของพวกมึง” เฟรนด์รวบอุปกรณ์วาดเขียนและกระดานวาดรูปมาถือไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ส่วนรูปนั่นกูทิ้งไว้ให้มึงแล้วนะ เผื่ออยากได้ไว้ประดับโฮสเทล”
“ไม่อยู่คุยกันก่อนวะ จะได้สนิทๆ กันไว้ แจนเขาเพิ่งมาจากเชียงใหม่ จะได้มีเพื่อนเพิ่มบ้าง” จัสท์เอ่ยถามแล้วคว้าแขนของคนตัวเล็กเอาไว้
“ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน ดึกแล้ว กลับก่อนนะแจน” เฟรนด์ตอบจัสท์ก่อนจะหันไปหาแจนเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินกระเตงข้าวของที่ใช้วาดรูปออกจากโฮสเทลไป
เรี่ยวแรงที่มีอยู่เมื่อตอนหัวค่ำหรือแม้กระทั่งหัวใจที่พองโตจากความใกล้ชิดระหว่างเขากับจัสท์กลับอันตรทานหายไปจนหมดเมื่อเห็นภาพแจนเดินเข้ามาแล้วถูกแนะนำว่าเป็นแฟน มันจุกอยู่ในอกของเขาแต่ก็แสดงออกอะไรมากไม่ได้เพราะเขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์นั้น เขาวางข้าวของทั้งหมดไว้ที่ด้านล่างโดยที่ไม่ได้ขนขึ้นไปเก็บในห้องทำงานที่ชั้นสองด้วยซ้ำ
คนตัวเล็กมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าที่ผ่านมาคงเป็นเพียงเขาคนเดียวที่มความสุขกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจัสท์ที่มันกลับมาดียิ่งกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ยิ่งพอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งเป็นเครื่องการันตีว่าระหว่างเขากับจัสท์มันคงไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลมากกว่านี้อีกแล้ว
แม้ในตอนนี้เฟรนด์จะรู้สึกในใจอย่างท่วมท้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็คงจะไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนกันกับเขาได้...
หลังจากนี้ก็คงต้องจัดการความรู้สึกของตัวเองสินะ...
---------------------------------------------
#จฟเพื่อนไม่ไหว
ใกล้จบแล้ว ฝากด้วยค้าบบบบ