อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว

“อย่าลืมกดไลก์ กดแชร์ กดติดตามให้ช่อง With your Friend ด้วยนะคร้าบบบ ที่สำคัญอย่าลืมกดกระดิ่งเพื่อแจ้งเตือนคลิปใหม่ก่อนใครครับ ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ สวัสดีครับ” เฟรนด์ลุกขึ้นเดินไปกดปุ่มหยุดบันทึกที่กล้องก่อนจะกดปิดกล้องแล้วหยิบเอาฝากล้องขึ้นมาครอบเลนส์ปิดไว้ จากนั้นจึงเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมที่ตั้งอยู่ด้านหน้ากระดานวาดรูปแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอัพสตอรี่พร้อมแคปชั่นที่ว่าเสร็จงานสักที

 

สองมือของเฟรนด์ค่อยๆ ทยอยเก็บอุปกรณ์วาดรูปที่ใช้อยู่เป็นประจำทุกครั้งในการถ่ายคลิปลงในช่องยูทูบ ปากอ้ากว้างหาวหวอดเพราะอีกแค่ไม่นานพระอาทิตย์ก็จะเริ่มขึ้นที่ริมขอบฟ้าแล้ว เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวนั้นหลังเก็บอุปกรณ์วาดรูปเสร็จเรียบร้อย แล้วเดินไปกดปิดสวิทช์ไฟก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานชั้นสองขึ้นไปยังห้องนอนที่ชั้นสี่

 

ทันทีที่เข้าไปในห้องนอนเขาถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดแล้วคว้าผ้าขนหนูก่อนจะพาร่างกายเปลือยเปล่าเดินเข้าไปในห้องน้ำ คนตัวเล็กล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดแล้วเช็ดตัวจนแห้งจากนั้นจึงเดินออกมาแล้วหยิบชุดนอนตัวที่ใส่เมื่อคืนออกมาใส่ซ้ำก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

 

ไม่ทันที่เขาจะหลับตาลงเสียงสั่นครืดคราดจากมือถือของเขาก็ดังขึ้นมาทำเอาเฟรนด์สงสัยว่าใครโทรมาหาในเวลาตีห้าเกือบจะครึ่งนี้ มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนหัวเตียงแสงไฟจากหน้าจอทำให้เฟรนด์ต้องหรี่ตามองว่าสายที่โทรเข้ามาคือใคร

 

จัสท์กดโทรผ่านวิดีโอคอลในอินสตาแกรมซึ่งนั่นเรียกความแปลกใจให้กับเฟรนด์เป็นอย่างมาก คนตัวเล็กกดรับสายด้วยความสงสัย

 

“ว่าไง”

 

(...)

 

ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายนั่นยิ่งทำให้เขาสงสัยมากยิ่งขึ้น

 

“ไอ้จัสท์”

 

(หื้ม?)

 

“โทรมามีไร”

 

(กูอ้วก)

 

“เป็นไรเนี่ย เมาเหรอ”

 

(อือ กินเหล้ากับเพื่อนมาอะ)

 

“แล้วทำไมไม่นอน”

 

(นอนไม่ได้ พอหลับตาแล้วมันเวียนหัวอะ)

 

“เอ้า กินน้ำเยอะๆ”

 

(เห็นในสตอรี่มึงยังไม่นอนเลยลองโทรหาดู ไม่อยากคิดฟุ้งซ่านคนเดียว)

 

“เป็นไรป่ะเนี่ย”

 

(กูว่าแจนเขาแปลกๆ ไปว่ะช่วงนี้)

 

“ทะเลาะกันเหรอ ไม่กี่วันก่อนก็ยังเห็นรักกันดีๆ อยู่นี่หว่า”

 

(มึงจะเอาอะไรกับความรักวะ มันก็เป็นแบบนี้แหละเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่มึงไม่มีแฟนมึงคงไม่เข้าใจ)

 

“สรุปจะโทรมาระบายหรือโทรมาด่ากู”

 

(...)

 

“ถ้าไม่พูดกูจะวางละนะ”

 

(ขอไปหามึงที่บ้านได้มั้ย กูไม่อยากอยู่คนเดียว)

 

“มันจะเช้าแล้ว ใครจะดูแลแขกที่โฮสเทล”

 

(แม่บ้านไง)

 

“ไอ้จัสท์ อย่างอแง มึงโตละนะ”

 

(กู... ขอโทษ ฟุ้งซ่านไปหน่อย)

 

“กูขอนอนสักตื่น แล้วเดี๋ยวไปหา ค่อยคุยกันตอนนั้นดีกว่า”

 

(อืม.. ขอบใจมากเว้ย กูจะรอนะ)

 

“เคๆ”

 

เฟรนด์กดวางสายไปพร้อมจิตใจที่แอบพะวงกับความรู้สึกของจัสท์เพราะฟังจากน้ำเสียงแล้วคนตัวโตคงมีความกังวลอยู่มากทีเดียว ปกติเขาไม่เคยเห็นจัสท์ในโหมดนี้เลยตั้งแต่กลับมาเจอกัน ไม่นับรวมกับตอนมัธยมปลายเพราะตอนนั้นที่โดนสาวหักอกมาก็อาการประมาณนี้เลย

 

แต่ก็อย่างที่จัสท์บอกว่าความรักมันเอาแน่เอานอนไม่ได้ เมื่อเฟรนด์ตื่นขึ้นมาในช่วงเที่ยงของวันก่อนจะรีบอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวแล้วรีบคว้าเอาของกินเล่นในตู้เย็นที่ซื้อมาแช่ไว้ติดมือไปด้วย เพราะเขาเองก็กังวลใจที่ปล่อยทิ้งให้คนตัวโตต้องเผชิญกับความรู้สึกแย่ด้วยตัวคนเดียวแล้วหนีไปนอน แต่ในเวลานั้นเขาก็อดรนทนต่อความง่วงไม่ไหวจริงๆ นี่

 

“เป็นไงมั่งมึง” เฟรนด์เดินไปหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาข้างจัสท์

 

แต่ยังไม่ทันที่จัสท์จะได้ตอบอะไรแจนก็เดินถือถาดผลไม้ออกมาจากด้านหลังบ้านแล้วตรงมาหาบริเวณที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ “อ้าวเฟรนด์ หวัดดีจ้า”

 

“หวัดดีๆ” เฟรนด์ตอบรับแล้วหันไปมองหน้าจัสท์แบบงงๆ

 

“ขอบคุณนะคะที่รัก” จัสท์บอกแล้วคว้าเอวให้แจนมานั่งลงบนตักตัวเองหลังจากที่สาวน้อยวางถาดผลไม้ลงบนโต๊ะ

 

“เธอ ปล่อย เฟรนด์ก็นั่งอยู่ ไม่เขินหรือไง” แจนตีมือหนาของจัสท์แปะๆ

 

“ขอหอมแก้มก่อนแล้วจะปล่อยค่ะ” คนตัวสูงต่อรอง

 

“ไม่เอา อายคนอื่นเขา”

 

“คนอื่นอะไร ไอ้เฟรนด์ก็เพื่อนเค้า ขอหอมทีนึง นะๆ”

 

“อะ ก็ได้” แจนยิ้มเขินแล้วยื่นแก้มเนียนไปใกล้จัสท์

 

จุ๊บ~

 

เสียงหอมแก้มดังลั่นออกมาทำเอาเฟรนด์ที่นั่งอยู่ตรงนั้นต้องหลบหน้าเพื่อเบนสายตาหนีเพราะเขาไม่อยากเห็นภาพที่มันบาดใจ เมื่อคืนยังเหมือนจะทะเลาะกันอยู่แต่พอตื่นเช้ามากลับเหมือนหนังคนละม้วนซะงั้น

 

“ปล่อยเลย แจนจะเข้าไปเก็บครัวต่อก่อน”

 

“โอเค้!”

 

แจนลุกออกจากตักของจัสท์ก่อนจะหันมายิ้มให้เฟรนด์แล้วเดินเข้าไปด้านหลังของโฮสเทล จัสท์มองตามหลังแจนไปจนสุดสายตา เฟรนด์เห็นแบบนั้นเลยรีบสะกิดอีกฝ่ายทันที

 

“แล้วที่เมาโทรมาหากูตอนเช้ามืดว่าอกหักคือไรวะ”

 

“อกหักอะไร” จัสท์ถามอย่างสงสัย

 

“ก็มึงบอกกูว่าแจนแปลกๆ ไปช่วงนี้” เฟรนด์พูดเสียงดังทำเอาจัสท์สะดุ้งรีบเอามืออุดปากทันที

 

“ก็ใช่”

 

“เขาแอบมีคนอื่นเหรอ”

 

“กูคิดว่างั้น”

 

“ห้ะ?” เฟรนด์มีสีหน้าไม่เข้าใจ

 

“ก็ช่วงนี้เขาชอบออกไปข้างนอกบ่อยๆ แถมดึกๆ ก็ยังชอบแอบออกไปคุยมือถือข้างนอกด้วย” จัสท์พูดเสียงเบาจนแทบกระซิบ

 

“มึงอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ไม่มีหลักฐานอะไรไม่ใช่เหรอ”

 

“ก็ใช่ แต่กูรู้สึกแปลกจริงๆ นะเว้ย ปกติแจนเขาไม่เคยเป็นแบบนี้” จัสท์บอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นกังวลก่อนจะหยิบเอาผลไม้ในถาดขึ้นมากิน

 

“กูเข้าใจที่มึงพูดนะเว้ย แต่ถ้ายังไม่มีหลักฐานอะไรก็อย่าเพิ่งไปตัดสินเขาเลย มันจะทำลายความสัมพันธ์ของมึงกับแจนเสียเปล่าๆ” เฟรนด์บอกพลางยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

 

“เออๆ” จัสท์หันไปเห็นของกินที่เฟรนด์ถือติดมือมาด้วย “ละมึงเอาไรมาวะ”

 

“อ่อ ขนมอะ ตอนแรกคิดว่ามึงเศร้าอยู่ กูเลยจะเอาขนมมานั่งกินตอนดูหนังกับมึง แต่ดูท่าจะไม่ต้องแล้วมั้ง”

 

“โห่ น้อยใจอ่อ” คนตัวสูงเอ่ยแซวพลางแกล้งเอานิ้วจิ้มไปที่เอวของเฟรนด์เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายบ้าจี้

 

“โอ๊ย! ไอ้เชี่ยจัสท์ กูจั๊กจี้” คนตัวเล็กดิ้นแรงเมื่อโดนสัมผัสเข้าที่เอว แต่จัสท์ก็ไม่ยอมหยุดหัวเราะสะใจที่ได้แกล้งเพื่อนตัวเอง

 

แต่ใครจะรู้ว่าการแกล้งเล่นกันในครั้งนี้มันจะเผลอทำให้คนทั้งคู่ได้รับรู้ถึงสัมผัสที่ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นไหวอีกครั้งหนึ่ง แม้คนหนึ่งจะมีเจ้าของหัวใจแล้วก็ตาม ใบหน้าของจัสท์และเฟรนด์เผลอมาใกล้กันจนปลายจมูกแตะกัน สายตาของทั้งคู่จ้องมองกันนิ่งจากรอยยิ้มกว้างก็ค่อยๆ หุบลงเมื่อต่างฝ่ายต่างเริ่มรับรู้ถึงความถี่ของหัวใจที่เต้นไวและแรงขึ้น

 

เฟรนด์พยายามควบคุมความรู้สึกและจิตใจของตัวเองเพราะเขารู้ดีว่าตัวเองอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน ยิ่งคนตรงหน้าคือจัสท์ยิ่งทำให้เขาไวต่อความรู้สึกเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น เขาบอกตัวเองว่าให้หยุดทุกอย่างเดี๋ยวนี้แล้วถอยออกมาเพราะอีกฝ่ายก็มีแฟนอยู่แล้ว จะให้ความรู้สึกของตัวเองมาทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ไม่ได้

 

“มะ...มึง” เฟรนด์ยกมือขึ้นดันหน้าอกของจัสท์ให้ขยับออกห่าง

 

“โทษๆ” จัสท์ที่ได้สติกะพริบตาหลายทีก่อนจะถอยตัวออกห่าง

 

“เดี๋ยวแจนเห็นจะรู้สึกไม่ดี” เฟรนด์รีบลุกขึ้นยืน “ขนมนี่มึงเก็บเอาไว้กินเลยก็ได้ กูกลับบ้านก่อนละ” คนตัวเล็กรีบหันหลังเดินออกจากโฮสเทลกลับไปที่บ้านของตัวเองทันที

 

จัสท์เอามือแตะที่ปลายจมูกของตัวเอง เสียงลมหายใจเข้าออกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง สายตาของเขามองตามหลังเพื่อนออกไปพลางอมยิ้มเล็กๆ มือหนาคว้าเอาถุงขนมที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ขึ้นมาเปิดดูก่อนจะหยิบออกมาแกะกิน

 

“เธอยิ้มอะไรอะ” แจนเอ่ยถามหลังจากเดินออกมาจากในครัว

 

“หื้ม? เปล่าๆ”

 

“เพ้อเจ้อใหญ่ละนะ นั่งยิ้มคนเดียว”

 

“พอดีคิดอะไรเพลินๆ อะ”

 

“แหนะ! คิดถึงสาวคนอื่นอยู่เหรอ” แจนแซวพลางคว้ากระเป๋าใบเล็กมาสะพายข้าง

 

“จะไปไหนอะ” จัสท์เอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“พอดีจะออกไปซื้อของนิดหน่อยอะ ไว้ทำขนมพรุ่งนี้”

 

“อ๋อ งั้นเดี๋ยวนี่พาไป” จัสท์ยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน

 

“เอ้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวแจนขับรถไปเองก็ได้”

 

“เอางั้นเหรอ”

 

“ช่าย เธอจะได้พักด้วย เมื่อคืนดื่มหนักไม่ใช่เหรอ”

 

“โอเค งั้นก็ขับรถดีๆ นะ กุญแจอยู่หลังทีวีอะ” จัสท์พยักเพยิดหน้าไปทางทีวี

 

จุ๊บ~

 

แจนก้มหน้าไปหอมแก้มจัสท์ฟอดใหญ่แล้วยิ้มกว้าง “ขอบคุณค่ะ แฟนเค้าน่ารักที่สุด!” หญิงสาวเดินไปคว้ากุญแจรถแล้วเดินออกไปกดรีโมทเปิดรถแล้วก้าวขาขึ้นก่อนจะขับรถออกไป

 

ฝ่ายเฟรนด์เองพอกลับมาถึงบ้านก็ได้แต่ว้าวุ่นกับจิตใจตัวเองไม่หยุด ความรักนี่มันเดาทางยากอยู่เหมือนกันเขาก็เพิ่งจะรู้แน่ชัดในวันนี้ แม้ที่ผ่านมาเหมือนจะเข้าใจแต่สุดท้ายมันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

 

ความรักนี่มันเข้าใจยากจริงๆ ...

 

พยายามตัดใจครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามจะมูฟออนไปข้างหน้าแต่ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายทุกอย่างก็เหมือนจะวนลูปกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

 

ยิ่งช่วงนี้ได้กลับมามีโมเมนท์ที่ใกล้ชิดกันบ่อยขึ้นมากกว่าที่เคย ก็ยิ่งย้ำชัดว่าเขาไม่เคยหยุดรักจัสท์ได้เลยแม้แต่น้อย ที่ผ่านมาก็คงเป็นเพียงการพร่ำบอกที่หลอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรก็เท่านั้นแหละ

 

เฟรนด์ใช้สองมือขยี้หัวรัวๆ เพราะสมองยังนึกถึงแต่ภาพระหว่างเขากับจัสท์ที่ใบหน้าใกล้กันเมื่อครู่ เอาจริงๆ ก็หลายครั้งหลายหนแล้วที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทุกครั้งเขาก็มักจะปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุหรือผิดจังหวะกันเพียงแค่นั้น แต่ความคิดเหล่านี้มันก็ไม่อาจจะโต้แย้งสายตาที่ประสานกันในทุกครั้งได้ เหมือนกับที่น้องอิ๊งบอกว่าสายตามันหลอกกันไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละเขาไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไหร่ จึงได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไรทั้งนั้น ให้เลิกคิดเรื่องจัสท์ไปได้แล้ว เพราะไม่มีทางที่จัสท์จะมาชอบเขาได้อย่างแน่นอนแล้วตอนนี้จัสท์ก็มีแฟนไปแล้วด้วย

 

คนตัวเล็กคว้ามือถือขึ้นมาเปิดไลน์เพื่อกดส่งข้อความหาโต้งให้ออกมาเจอกันที่คาเฟ่ร้านประจำที่มักจะนัดเจอกันบ่อยๆ จากนั้นเขาก็ยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าออกไปหน้าบ้านแล้วโบกวินมอไซค์ที่ขับผ่านมาพอดีให้ไปส่งที่ตลาด

 

“หน้าบูดเป็นตูดเลยนะมึง” โต้งเอ่ยทักเมื่อเฟรนด์เดินเข้ามาในร้านก่อนจะมานั่งลงที่โต๊ะตรงเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

 

“อือ”

 

“สั่งน้ำก่อนแล้วค่อยเมาท์กัน” โต้งคว้าปากกาแล้วหยิบกระดาษที่โต๊ะมาจดเมนูของตัวเองลงไปก่อนจะหันไปถามเฟรนด์ “มึงกินไร”

 

“มึงสั่งไรวะ” คนตัวเล็กถามแล้วชะโงกหน้าไปมองในกระดาษว่าโต้งจดอะไรลงไป

 

“กูกินนมชมพูปั่น”

 

“แหวะ หวานมากมั้ง” เฟรนด์แกล้งเบะปากแซวโต้ง

 

“เรื่องของกูจ้า สรุปจะกินไร”

 

“ชาพีชเย็น”

 

“ตอแหล!” โต้งแกล้งด่ากลับ

 

“ขอบคุณ” เฟรนด์ยิ้มแล้วยกมือไห้วทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะออกมา

 

“ฮ่าๆ กูไม่แปลกใจละว่าทำไมเราสนิทกันได้” โต้งพูดจบก็ลุกเอากระดาษใบนั้นไปยื่นให้ที่หน้าเคาท์เตอร์ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม “อะ สรุปมีไร”

 

“กูจะมูฟออนจากไอ้จัสท์จริงๆ ละนะ”

 

“ถุ้ย! พูดมาเป็นพันรอบ”

 

“รอบนี้จริงๆ กูรู้สึกว่ากูไม่ไหวแล้ว ขืนอยู่แบบนี้ต่อไปก็มีแต่กูนี่แหละที่จะเสียใจ”

 

“เก่ง! ก็รู้ตัวเองแต่ดั๊นนนนนทำไม่ได้” โต้งเหลือบตามองบน

 

“รอบนี้กูเอาจริงละ”

 

“กูขอไม่ออกความเห็นไรนะ ไม่อยากเป็นหมาอีก”

 

“เมื่อกี๊กูกับมันเกือบจูบกันอีกแล้ว” เฟรนด์พูดโพล่งออกมา

 

“เชี่ยยย”

 

“แต่ไม่ได้ทำนะ กูไม่อยากเป็นคนเหี้ย”

 

“เก่งมากเพื่อน ท่องไว้เขามีแฟนอยู่แล้ว” โต้งตบไหล่เฟรนด์ดังปุๆ

 

“แต่กูแม่งโคตรไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมมันถึงชอบเป็นแบบนี้กับกูตลอดเลยช่วงหลังๆ มานี้”

 

“มึงมโน”

 

“ไม่เว้ย คือแววตามันอะแปลกไป มันดูมีซัมติง แล้วกูก็ค่อนข้างมั่นใจในเซนส์ตัวเองด้วย”

 

“เอาเถอะ ถึงยังไงมันก็มีแฟนแล้ว อีกอย่างก็ต้องรอจนกว่ามันจะพูดออกมาจากปากเองนั่นแหละว่ารู้สึกอะไร มึงถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง” โต้งบอกอย่างใจเย็นในขณะที่น้ำที่ทั้งคู่สั่งไว้มาเสิร์ฟพอดี

 

“กูแม่ง เพ้อเจ้อเนอะ จนป่านนี้ยังไม่ยอมลืมแม่งสักที” เฟรนด์พูดจบก็คว้าแก้วชาพีชเย็นมาดูดรวดเดียวจนเกือบครึ่งแก้ว

 

“ช่างเหอะ! แดกน้ำให้ใจเย็นก่อน”

 

ทั้งโต้งและเฟรนด์ต่างก็พากันเมาท์มอยต่อกันอีกพักใหญ่จากที่ลูกค้าในคาเฟ่มีเยอะจนโต๊ะเต็มทุกที่นั่งแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเหลือแค่เพียงเขาสองคนที่ยังคงนั่งคุยกันไม่หยุด จากที่มีแค่น้ำสองแก้วก็กลายเป็นว่ามีจานขนมอื่นๆ มาวางอยู่เพิ่มจนเกือบเต็มโต๊ะและก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกจากร้านกันไปง่ายๆ ด้วย แต่แล้วสายตาอันเฉียบคมของโต้งก็ดันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ใบหน้าคุ้นเคยจึงรีบสะกิดเรียกให้เฟรนด์หันไปดู

 

“นั่นแจนหนิ”

 

“ไหนวะ” เฟรนด์พยายามมองตามไปทางที่โต้งชี้นิ้ว

 

“นู่นไง ที่เดินมากับผู้ชายเสื้อขาวนู่นอะ”

 

“อ่อ มากับใครวะ” เฟรนด์เอ่ยถามแล้วหันขวับไปมองหน้าโต้งตาโตก่อนที่ทั้งคู่จะยกยิ้มมุมปากพร้อมกัน

 

“คิดเหมือนกูใช่มั้ย” โต้งบอกพร้อมหยิบมือถือขึ้นมา

 

“ถ่ายไว้เลยมึง” เฟรนด์รีบบอกก่อนจะพากันเดินไปนั่งโต๊ะริมชิดหน้าต่างเพื่อให้ถ่ายได้ชัดเจนขึ้น

 

แจนเดินถือถุงร้านกาแฟในป่าเจ้าดังออกมาพร้อมกับผู้ชายที่ใส่เสื้อยืดสีขาว ระหว่างนั้นแจนก็คล้องแขนชายหนุ่มที่เดินข้างๆ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะหอมแก้มแจนแล้วพากันขึ้นรถไป ภาพเหล่านี้คนตัวเล็กเคยคิดว่ามันจะมีแค่ในละครแต่กลับได้มาเจอในชีวิตจริงซะงั้นโดยที่พวกเขากำลังรับบทเพื่อนฝูงของตัวเอกที่มาคอยตามจับผิดตัวร้าย

 

แต่แบบนี้จะเป็นการตัดสินแจนไปก่อนหรือเปล่านะ

 

เพราะว่าความจริงเป็นยังไงทั้งโต้งและเฟรนด์ก็ยังไม่อาจรู้ได้เพียงแต่คาดเดาจากสิ่งที่เห็นอยู่เท่านั้น แต่ก็อย่างว่าโต้งเคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแจนมาแล้วพอตัวเองได้มาเห็นเรื่องแบบนี้ด้วยตาตัวเองอีกมันก็พาลจะให้คิดเป็นเรื่องไม่ดีโดยทันที

 

“กิ๊กมันแน่ๆ” โต้งบอกด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ

 

“อาจจะเพื่อนก็ได้มึง” เฟรนด์แย้ง

 

“สาบานมั้ยว่าคิดงั้น เพื่อนกันเขาหอมแก้มกันมั้ง”

 

“หึ!”

 

“เห็นมั้ยล่ะ”

 

“แต่ก็ไม่อยากรีบไปตัดสินเขาไง เรื่องจริงมันอาจจะต่างจากที่เราคิดก็ได้” เฟรนด์บอกก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหาเบอร์ของจัสท์ ใจหนึ่งก็อยากจะโทรไปบอกเสียตอนนี้แต่อีกใจก็คิดว่าจะเป็นการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมันเกินไปหรือเปล่า หลักฐานแบบชัดเจนก็ยังไม่มีด้วยเพราะลำพังคลิปที่โต้งถ่ายก็ไม่ได้การันตีว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ถ้าเกิดว่าเป็นแค่เพื่อนกันขึ้นมาจริงๆ ทั้งเฟรนด์และโต้งก็จะหน้าแตกเอาได้ เผลอๆ อาจจะผิดใจกับจัสท์ไปอีก

 

“เรื่องของมึง แต่กูมั่นใจ แล้วนี่มึงจะบอกไอ้จัสท์มันมั้ย”

 

“ไว้มีหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้แล้วกัน ไม่อยากหน้าแหก” เฟรนด์เอ่ยบอกแบบนั้นโต้งก็เลยพยักหน้ารับก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะของตัวเองแล้วพากันเช็คบิลแล้วออกจากร้านไป

 

เห็นแบบนี้เขาก็ชักจะอดเป็นห่วงเพื่อนตัวโตของเขาไม่ได้ซะแล้ว...

 

#จฟเพื่อนไม่ไหว