อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone - บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย

รายละเอียด

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------

 

"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...

ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."

 

"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."

Run Kantheephop

20210424.

สารบัญ

จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-INTRO บทนำ,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 1 หงุดหงิดไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 2 เคืองไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 3 แค้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 4 ตกใจไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 5 รื้อฟื้นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 6 ไร้สาระไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 7 ใจสั่นไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 8 เฉลยไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 9 รู้สึกไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 10 จุดเปลี่ยนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 11 ย้อนความหลังไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 12 คลี่คลายไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 13 ดราม่าไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 14 กระอักกระอ่วนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 15 แทบทนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 16 ธาตุแท้ไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 17 ธาตแท้ไม่ไหว Part 2,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 19 เปิดตัวไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-บทที่ 20 รักกันไม่ไหว,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 1 ความลับที่เชียงใหม่,จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zone-ตอนพิเศษ 2 ครบรอบ 10 ปี

เนื้อหา

บทที่ 18 เป็นเพื่อนไม่ไหว

ตั้งแต่เรื่องของแจนในวันนั้นก็ทำจัสท์เศร้าซึมลงเป็นกอง วันๆ ไม่ทำอะไรมีแต่แสงสีเทาล่องลอยอยู่รอบตัว โฮสเทลก็ดูไม่มีชีวิตชีวาเพราะเจ้าของไม่ได้ร่าเริงดังเช่นแต่ก่อน โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นก็เลยทำให้ไม่ค่อยมีแขกเข้ามาพักสักเท่าไหร่

 

วันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมกับในทุกวันที่ผ่านมา จัสท์นั่งซึมอยู่หน้าจอทีวีที่เปิดทิ้งไว้เพียงเพื่อไม่ให้โฮสเทลมันเงียบจนเกินไปแต่เขาไม่ได้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ แขกห้องสุดท้ายเพิ่งจะเช็คเอาท์ออกไปเมื่อตอนเที่ยง ตอนนี้ที่นี่ก็เลยยิ่งเงียบเหงาลงไปยิ่งกว่าเดิม จนกระทั่งมีเสียงเท้าเดินต๊อกแต๊กดังขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เงาร่างกายจากคนที่เพิ่งเข้ามาทอดผ่านบริเวณที่คนตัวโตนั่งอยู่แต่เขาก็ไม่ทันจะได้สังเกตเพราะมัวแต่นั่งเหม่ออยู่

 

“มึง..” เฟรนด์เอ่ยเรียก

 

“...”

 

“ไอ้จัสท์” เฟรนด์เรียกอีกรอบก่อนจะยื่นขนมเบื้องที่ตัวเองเพิ่งซื้อจากตลาดมาเมื่อเช้าให้คนตัวโตตรงหน้า

 

“ขอบใจ”

 

“มึงเป็นเชี่ยไรเนี่ย เมื่อไหร่จะดีขึ้นสักที เดือนกว่าละนะ” คนตัวเล็กเอ่ยพูดต่อเมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างน่าอึดอัดและเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนของเขาต้องเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

 

“ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวกูก็ดีขึ้นเองมั้ง”

 

“...”

 

“แต่ไม่รู้เมื่อไหร่นะ” จัสท์พูดเสียงนิ่ง

 

“งั้นไปเที่ยวกัน”

 

“ห้ะ?”

 

“กูบอกว่า ไป เที่ยว กัน!” เฟรนด์พูดย้ำเน้นเสียงชัดเจน

 

“กู...” จัสท์ลังเล

 

“ไปเหอะ ขึ้นไปเก็บของเลยเดี๋ยวกูไปจองตั๋วแป๊บ” คนตัวเล็กพูดพร้อมคว้าแขนอีกฝ่ายแล้วดึงให้ลุกขึ้นก่อนจะดันหลังให้เดินขึ้นชั้นบนไป

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนจัสท์เองก็ตั้งตัวไม่ทัน ตอนแรกก็ยังนั่งซึมอยู่ดีๆ แต่ไม่นานเฟรนด์ก็ดันเดินเข้ามาหาเขาแล้วก็จัดแจงทุกอย่างจนสามารถลากเขาขึ้นมาจนถึงเชียงใหม่ได้นี่แหละ

 

จริงๆ ไม่ได้อยากจะมาเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่พอมาลองคิดอีกทีก็น่าจะดีกว่านั่งเน่าอยู่ที่โฮสเทลเงียบเหงาที่ไม่มีแขกเข้าพัก

 

“เป็นไง” เฟรนด์เอ่ยถามเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาภายในห้องพักของโรงแรมที่คนตัวเล็กจัดแจงจองให้ แต่เพราะความกะทันหันก็เลยทำให้มีตัวเลือกไม่มากสักเท่าไหร่นัก ก็เลยได้ห้องพักแบบสวีทมีเตียงเดียวขนาดคิงไซส์แถมยังมีเสาอยู่ที่สี่มุมของเตียงพร้อมทั้งผ้าม่านบางๆ แขวนไว้ที่มุมเสาทั้งสี่ด้าน

 

“หลอนชิบหาย” จัสท์บอกพลางขำเบาๆ

 

“เออ กูก็คิดเหมือนมึง แต่ก็ดีที่สุดเท่าที่กูจะหาได้ในชั่วโมงนั้นละ” คนตัวเล็กบอกพลางเข็นกระเป๋าสัมภาระเข้าไปไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาริมหน้าต่าง

 

“มึงจะนอนฝั่งไหน” คนตัวสูงเอ่ยถาม

 

“นอนฝั่งนอกแล้วกัน มันมีปลั๊กไฟอะ”

 

“เค”

 

“ออกไปหาไรกินกันมะ กูหิวว่ะ” เฟรนด์หน้ามุ่ยเมื่อท้องเริ่มร้องจ๊อก เพราะตั้งแต่เช้าก็กินไปแค่น้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋ที่ตลาด พอกลับมายังไม่ทันได้ทำอะไรก็พาเอาจัสท์มาเที่ยวที่นี่เสียก่อน

 

“เก็บกระเป๋าแป๊บ” คนตัวสูงลากกระเป๋าเข้าไปวางไว้ในตู้เสื้อผ้าคู่กับกระเป๋าของเฟรนด์ก่อนจะมองกระจกเช็คหน้าและผมเล็กน้อยแล้วหันมาหาคนตัวเล็กที่นั่งรออยู่ที่โซฟา “ป่ะ! เสร็จละ”

 

“เค” เฟรนด์ยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นเดินตามจัสท์ออกไป

 

ทั้งจัสท์และเฟรนด์ต่างก็พากันเดินออกไปตามถนนเส้นเล็กที่อยู่หน้าโรงแรมลัดเลาะไปตามทางที่พนักงานโรงแรมแนะนำมาเมื่อครู่ เพราะพวกเขาอยากจะไปเดินเล่นที่ตลาดคนเดินซึ่งจะเริ่มเปิดในช่วงเย็นๆ แถมร้านอาหารที่เฟรนด์หาข้อมูลมาก็อยู่แถวบริเวณนั้นอีกด้วย ทำให้คนตัวเล็กตัดสินใจพาจัสท์กินข้าวที่ร้านนั้นก่อนแล้วค่อยพาไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินทีหลัง

 

มือเรียวหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บบรรยากาศตลอดทางด้วยความสดใส เฟรนด์หันกล้องถ่ายทุกมุมที่เดินผ่าน ถ่ายตัวเองแนะนำจุดน่าสนใจตามรายทางรวมถึงแนะนำเพื่อนร่วมทริปสายฟ้าแลบอย่างจัสท์ด้วย

 

ความร่าเริงของเฟรนด์ในระหว่างทางทำให้จัสท์หลงลืมเรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจของเขาไปได้บ้างในชั่วขณะนั้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นบางๆ บนใบหน้าของคนตัวสูงทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าสังเกตเห็นและรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง

 

ไม่มีใครรู้ว่าการมาเที่ยวครั้งนี้จะทำให้อะไรๆ มันเปลี่ยนแปลงไป แม้ความตั้งใจแรกของเฟรนด์นั้นคือการพาจัสท์มาเที่ยวเพียงเพื่อต้องการให้อีกฝ่ายได้ลืมเรื่องราวที่ทำให้เขาเศร้าซึมไปได้บ้างเพราะเขาต้องการให้คนตัวสูงกลับมาดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ดันหลงลืมไปว่าในช่วงเวลาที่อ่อนแอแบบนี้คนเรามักจะหลงใหลไปกับอะไรๆ ได้ง่ายเช่นเดียวกัน

 

อาหารถูกนำมาวางเรียงกันจนเต็มโต๊ะเพราะเฟรนด์แทบจะสั่งเมนูดังที่ทางร้านแนะนำมาจนเกือบหมดเนื่องจากเขาต้องการจะถ่ายลงในช่องยูทูปของเขาด้วย จัสท์ที่อยู่ตรงข้ามถึงกับตาโตเมื่อเห็นอาหารทั้งหมด

 

“มึงจะแดกเข้าไปยังไงหมดเนี่ย”

 

“กูเอาภาพ แดกไม่หมดก็ช่างมัน” เฟรนด์เอ่ยบอกขณะที่กำลังถ่ายภาพอาหารบนโต๊ะ

 

“ห้ะ?” จัสท์ไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย

 

“ก็ในคลิปมันจะได้ดูสวยๆ ไง จะได้ดูน่ากิน คนตามมากินเยอะ ร้านได้ประโยชน์ กูก็ได้ประโยชน์ด้วย วินวินทั้งสองฝ่าย”

 

“แต่มึงกำลังทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรนะ รู้จักมั้ย food waste อะ”

 

“เออ กูเข้าใจ แต่มันจำเป็นนี่หว่า” คนตัวเล็กวางกล้องลงแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายสตอรี่

 

“งั้นมึงยัดเข้าไปให้หมดเลยนะ อย่าให้เหลือทิ้งกว้าง”

 

“แล้วถ้าไม่หมดอะ”

 

“กูก็จะด่ามึงไง” จัสท์ยักคิ้วกวน

 

“ชิ!”

 

โต๊ะอาหารไม่สิ้นเสียงเถียงกันตลอดเวลามื้อนั้นคละเคล้าไปกับเสียงหัวเราะบ้างในบางครา ในเวลานี้รอยยิ้มของจัสท์ขยายกว้างมากกว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมาซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เฟรนด์เองก็อยากเห็นมากที่สุดเช่นกัน ก็ถือว่าคุ้มแล้วที่ตัดสินใจพากันมาถึงที่นี่

 

อาหารเหนือหลากเมนูที่สั่งมาจนเต็มโต๊ะเพื่อถ่ายคลิปและดูราวกับว่าจะกินไม่หมดแต่สุดท้ายเพราะความอร่อยของทุกสิ่งบนโต๊ะก็ทำเอาคนทั้งคู่กินเพลินจนหมดทุกจาน

 

อิ่มแปล้เสียจนกินของหวานต่อไม่ได้...

 

“พี่ครับ คิดเงินด้วยครับ” เฟรนด์ยกมือเรียกพนักงานในร้านให้เดินมาเก็บเงิน

 

“เดี๋ยวกูจ่ายเอง” จัสท์หยิบบัตรเครดิตออกมายื่นให้พนักงานที่ยืนรออยู่ด้านข้างเมื่อเห็นใบเสร็จเก็บเงิน

 

“เห้ย ไม่ต้อง แชร์กันก็ได้”

 

“ไม่เป็นไร ถือซะว่าตอบแทนที่มึงพากูมาเที่ยวให้หายเศร้าละกัน” จัสท์ยิ้มแล้วยักคิ้วให้ทำเอาเฟรนด์อดที่จะเขินไม่ได้เลยเผลออมยิ้มตามก่อนจะคว้าทิชชู่ปาใส่อีกฝ่าย

 

“ไปถนนคนเดินมะ” เฟรนด์เอ่ยถามจัสท์

 

“เอาดิ ก็ตั้งใจไปที่นั่นไม่ใช่เหรอ”

 

“ก็เห็นเมื่อกี๊บ่นอิ่มเลยไม่รู้ว่ายังอยากไปอยู่มั้ยไง”

 

“ไปเดินย่อยก็ได้หนิ มึงจะได้ถ่ายคลิปด้วย”

 

“ช่าย”

 

“งั้นก็ลุกดิ รอไรล่ะ” จัสท์พูดจบก็ลุกขึ้นยืนพรวดพราดทันทีก่อนจะพากันเดินออกไป

 

พอแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ลับหายไปบรรยากาศของเชียงใหม่ที่อยู่รอบกายของทั้งจัสท์และเฟรนด์ก็ดูเปลี่ยนไปจากตอนกลางวันมากทีเดียว เพราะตอนที่ดวงอาทิตย์ส่องอยู่เหนือหัวนั้นระดับอุณหภูมิของอากาศในเชียงใหม่มันร้อนจนแทบจะแผดเผาให้ผิวของคนทั้งคู่ไหม้เกรียม

 

อาจจะฟังดูเวอร์แต่ถ้าใครได้มาสัมผัสก็อาจจะพูดแบบเดียวกัน...

 

แสงสีส้มจากดวงไฟส่องสว่างทอดยาวไปทั่วทั้งตลาดผสมปนเปไปกับแสงสีขาวจากไฟนีออน มือบางยังคงถือกล้องถ่ายอยู่ตลอดเวลาตามนิสัยของยูทูปเบอร์ชื่อดัง คนในละแวกนั้นต่างกันพาหันมามองเมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนที่หน้าตาดีเดินถือกล้องผ่านหน้าของตัวเองไป

 

“ทุกคนนน ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ตลาดถนนคนเดินเชียงใหม่แล้วนะครับ เดี๋ยวเราจะไปเดินดูกันนะฮะว่าที่นี่จะมีอะไรเด็ดๆ ให้ชิมกันบ้าง คุณมีอะไรอยากกินมั้ย” เฟรนด์หันไปถามจัสท์ขณะที่กำลังถ่ายอยู่

 

“ก็.... ต้องขอไปเดินดูก่อนครับ” คนตัวสูงเอ่ยบอกพร้อมหัวเราะเบาๆ “ยังอิ่มจากร้านเมื่อก็อยู่เลยครับ”

 

“จริงครับ งั้นเดี๋ยวเราสองคนขอเดินเที่ยวดูก่อน ถ้ามีอะไรน่าสนใจจะถ่ายมาให้ทุกคนได้ดูกันนะค้าบบ” คนตัวเล็กเอ่ยพูดพร้อมยิ้มกว้างก่อนจะกดปิดปุ่มถ่ายวิดีโอ

 

“กูแดกไรไม่ลงแล้วนะ” จัสท์เอ่ยบอกพลางทำหน้ายู่เอามือลูบพุงป้อยๆ

 

“หืออ พุงป่องเชียว” เฟรนด์เอื้อมมือไปลูบหน้าท้องอีกฝ่ายหลังจากที่คนตัวสูงพูดจบ

 

“โอ๊ย! มึงหยิกพุงกูทำไมเนี่ย” จัสท์สะดุ้งโหยงร้องเสียงดังลั่น

 

“มันเขี้ยว!”

 

“กวนตีน” จัสท์อ้าปากด่าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวเฟรนด์เบาๆ

 

จากหัวตลาดจนท้ายตลาดแม้ระยะทางจะดูค่อนข้างยาวแต่คนทั้งคู่ก็ไม่ได้มีอาการเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายแต่อย่างใด ดูจะเพลิดเพลินไปกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเสียมากกว่า บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งคู่ก็ดูจะเปลี่ยนไปเหมือนกัน เพราะทั้งคู่ดูสนิทกันมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นแววตา รอยยิ้ม รวมไปถึงสัมผัสต่างๆ ที่ดูจะสบายใจและเป็นธรรมชาติกว่าแต่ก่อนมากจนหลายครั้งที่พวกเขาทั้งคู่แวะซื้อของร้านไหนก็ทำเอาพ่อค้าแม่ค้าต่างก็อดแซวไม่ได้ว่าเป็นคู่รักที่น่ารักมาก

 

แต่ทั้งคู่ก็แย่งกันปฏิเสธเป็นพัลวันว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทกันเฉยๆ ...

 

...

 

...

 

...

 

เสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบกับพื้นกระเบื้องในห้องน้ำโรงแรมดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อจัสท์เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมถุงใส่เบียร์กระป๋องมาจำนวนหนึ่งโหล เขาเดินเข้ามาวางถุงนั้นลงบนโต๊ะแล้วหย่อนตัวทิ้งลงนั่งบนโซฟาก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะตั้งแต่เช้าจนมาถึงเวลานี้เขารู้สึกว่าได้ใช้พลังงานที่มีทั้งหมดในชีวิตไปจนหมดแล้ว นานๆ ทีจะได้มาเที่ยวแบบนี้ก็เลยรู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ

 

มือหนาคว้ากระป๋องเบียร์มาเปิดพร้อมสายตาที่มองจ้องไปยังทีวีที่เปิดช่องหนังต่างประเทศทิ้งไว้ เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดลงพร้อมกับคนตัวเล็กที่เดินออกมาในชุดนอนสีม่วงอ่อน เส้นผมที่เปียกหมาดๆ กับกางเกงนอนขาสั้นยิ่งขับให้เฟรนด์ดูอ่อนโยนและน่าสนใจเป็นพิเศษ สายตาคมของจัสท์จับจ้องแบบไม่ขยับไปไหน

 

“มองไร” เฟรนด์เอ่ยพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปด้วย

 

“ก็มองมึงดิ ถามแปลก”

 

“กูรู้ กูหมายถึงมองทำไม” คนตัวเล็กขยับขาเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่ปลายเตียง

 

“เพิ่งเคยเห็นมึงลุคนี้” จัสท์ตอบพร้อมยิ้มบาง

 

“ก็ปกติป้ะ?”

 

“ไม่นะ ปกติชุดนอนมึงคือเสื้อยืดกับกางเกงขายาวลายสก๊อต”

 

“อ่อ อันนี้เพิ่งเอฟมาจากร้านเพื่อนอะ มันเปิดร้านใหม่เลยช่วยอุดหนุน”

 

“เออ น่ารักดี” จัสท์เอ่ยบอกก่อนจะยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม

 

ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างจัสท์กับเฟรนด์เมื่อสิ้นสุดคำพูดนั้นเพราะเฟรนด์ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ออกจากปากของคนตัวสูงมันก็เลยแอบใจสั่นอยู่หน่อยๆ

 

“แดกเบียร์ป้ะ” จัสท์โยนกระป๋องเบียร์ให้คนตัวเล็ก

 

“ไอ้ห่า เดี๋ยวมันระเบิด” เฟรนด์ด่าออกมาเพราะเกือบรับไม่ทัน

 

“มานั่งนี่มา”

 

คนตัวเล็กเหวี่ยงผ้าขนหนูของโรงแรมขึ้นเกี่ยวกับตะขอข้างกำแพงห้องแล้วลุกเดินเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาข้างๆ จัสท์แล้วชนกระป๋องเบียร์ไปหนึ่งทีจากนั้นจึงยกขึ้นดื่ม

 

“ดูเรื่องอะไรอยู่วะ” เฟรนด์ถาม

 

“A lot like love”

 

“คิดไงดูเรื่องนี้”

 

“ไม่ได้คิดไง เปิดทีวีมาก็เจอเลยดู”

 

“หนังมันเกี่ยวกับอะไรวะ” คนตัวเล็กถามอย่างสงสัยแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง

 

“ก็นางเอกอกหักมาเจอพระเอกตอนกำลังจะไปเที่ยวแล้วก็ปิ๊งกัน แล้วก็คลาดกันไปมาไม่ได้คบกันสักที ต่างคนต่างมีกำแพงในใจด้วยแหละ แต่สุดท้ายก็วนกลับมาเจอกัน มาคบกันได้อะไรประมาณนี้” จัสท์อธิบายให้ฟังแบบสั้นๆ

 

“อ้าว สปอยป่ะเนี่ย” คนตัวเล็กเอ่ยทัก

 

“เออว่ะ ฮ่าๆๆ” จัสท์หลุดหัวเราะ

 

“คล้ายเรื่องของเราเหมือนกันเนอะ” จู่ๆ เฟรนด์ก็เอ่ยพูดขึ้นขณะที่ยกเบียร์ขึ้นดื่ม

 

“หื้ม? ยังไงวะ”

 

“ก็ที่มึงอกหักไง” เฟรนด์แซว

 

“กวนตีนอีกละนะ”

 

“ก็จริงป่ะล่ะ แล้วก็เรื่องที่เราได้วนมาเจอกันอีกไง”

 

“อ่อ ก็นึกว่าเรื่องอะไร” จัสท์ยิ้มมุมปากแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม

 

“อะไร มึงคิดไรอยู่”

 

จัสท์นิ่งเมื่อได้ยินคำถามจากคนข้างๆ ก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายนิ่ง “มึงยังชอบกูอยู่ป่ะวะ”

 

“ห้ะ!?”

 

เฟรนด์หันขวับมามองทันทีเพราะไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้ออกจากปากของคนข้างๆ หัวใจของคนตัวเล็กเต้นแรงขึ้นทันทีความรู้สึกตื่นเต้นเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เขาสูดหายใจแรงโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว ความรู้สึกและความคิดปั่นป่วนอยู่ภายในตัวของเขาจนทำให้สายตาเลิ่กลั่กถูกแสดงออกมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

 

“ว่าไง ได้ยินที่กูถามป่ะเนี่ย” จัสท์ถามย้ำพลางขยับหน้าเข้ามาใกล้

 

“เอ่อ..”

 

จุ๊บ!

 

จัสท์อาศัยจังหวะที่เฟรนด์กำลังเผลอรีบขยับใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วช่วงชิงโอกาสนั้นเอาริมฝีปากของตัวเองสัมผัสไปที่ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วทำเอาคนตัวเล็กที่ไม่ทันได้ตั้งตัวสะดุ้งโหยงแล้วถอยหนีด้วยอาการตกใจ

 

“มึงทำเชี่ยไรเนี่ย” เฟรนด์เอ่ยถาม

 

“ก็มึงไม่ตอบคำถามกูอะ”

 

“มะ..มึงถามว่าไรนะ” เฟรนด์พยายามบ่ายเบี่ยง “กูว่ากูเมาละ ไปนอนดีกว่า” คนตัวเล็กวางกระป๋องเบียร์ลงที่โต๊ะแล้วรีบลุกขึ้นยืนทันทีแต่ก็โดนจัสท์คว้าข้อมือเอาไว้ก่อน

 

“เมาก็เชี่ยละ เบียร์กระป๋องเดียวยังไม่ทันหมดเลย”

 

เฟรนด์มุ่ยหน้าแล้วถอนหายใจแรงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอีกครั้ง “เออๆๆๆๆ”

 

“...”

 

“ก็.. เหมือนเดิมอะ” เฟรนด์บอก

 

“อะไรเหมือนเดิม”

 

“ก็... กูยังชอบมึงอยู่ แต่ช่างมันเหอะ มึงไม่ได้ชอบกูนี่หว่า”

 

“แต่ก็ว่าจะลองดู” จัสท์เอ่ยพูดเสียงนุ่มแววตาดูประหลาดไปจากที่เคย

 

“ห้ะ?”

 

“วันนี้ตอนอยู่กับมึงกูรู้สึกดีว่ะ” คนตัวโตพูดต่อ

 

“แค่วันเดียวเนี่ยนะ”

 

“อือ ทำไมวะ คนเราจะตกหลุมรักใครแค่วิเดียวมันก็เกิดขึ้นได้ป่ะวะ ไม่เคยดูเรื่องรักฉุดใจเหรอ”

 

“มึงอาจจะกำลังเหงาเพราะอกหักก็ได้ พอมีกูอยู่เป็นเพื่อนเลยรู้สึกดี” เฟรนด์พยายามอธิบาย

 

“...”

 

“มึงอาจจะแค่สบายใจที่มีกูอยู่ข้างๆ มึงตอนที่มึงรู้สึกไม่เหลือใคร”

 

“มั้ง...”

 

“อือ”

 

“แต่กูว่าจะลองดูสักครั้ง ลองเปิดใจให้มึงบ้าง” จัสท์จ้องตาเฟรนด์นิ่ง

 

“มึงเป็นไรของมึงเนี่ย” เฟรนด์เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าภายในใจจะกำลังตื่นเต้นอยู่มากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจัสท์เกิดขึ้นเพียงเพราะความเผลอเรอในตอนเมาหรือตอนที่หัวใจของอีกฝ่ายกำลังอ่อนไหวเกินกว่าจะเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้

 

แล้วก็ไม่อยากให้ความเมาเป็นต้นเหตุที่ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นรัวด้วย...

 

“กูพูดตามที่กูรู้สึก”

 

“มึงเมาแล้ว...” เฟรนด์เอ่ยบอกพลางมองไปที่กระป๋องเบียร์ที่คนตัวโตกินหมดไปแล้วสามกระป๋อง

 

“เอาไรมาเมาเพิ่งกินไปสามกระป๋อง”

 

“...”

 

“...”

 

ต่างฝ่ายต่างก็พากันเงียบสายตาของคนทั้งคู่จ้องผสานกัน แววตาหนึ่งฉายแววสับสนส่วนอีกแววตาหนึ่งเต็มไปด้วยประกายแห่งความคาดหวังและตั้งตารอว่าสิ่งที่ตัวเองร้องขอจะได้รับคำตอบแบบใด

 

จัสท์ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้งแล้วโน้มตัวเข้าไปกดจูบลงบนริมฝีปากของเฟรนด์อย่างแผ่วเบา เขาแน่นิ่งอยู่แบบนั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนหรือรุกล้ำมากจนเกินไป เฟรนด์เองก็ยังคงนิ่งอยู่แบบนั้น คนตัวโตเมื่อเห็นว่าไม่มีทีท่าตอบรับใดก็เลยถอยตัวออกมาแต่มือบางของเฟรนด์ก็คว้ามือของเขาไว้แล้วกดสายตาลงต่ำมองที่ริมฝีปากหนาของจัสท์ก่อนจะตัดสินใจกดจูบกลับไปอีกครั้งที่ริมฝีปากของคนตัวโตตรงหน้า

 

ทั้งคู่ค่อยๆ เผยอปากตอบรับลิ้นอุ่นของแต่ละฝ่ายให้รุกล้ำเข้าไปใช้สิทธิ์กอบโกยความหวานในตัวตนของอีกฝ่าย เป็นจูบที่ไม่ได้เร่าร้อนหรือดุดันอะไรเพราะมันมีแต่ความนุ่มนวลและอบอุ่นแบบที่พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้พยายามอะไรแค่ปล่อยไปตามความรู้สึกเท่านั้น

 

หัวใจที่เต้นแรงของเฟรนด์แทบจะระเบิดออกมาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มรุกล้ำด้วยการใช้ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามเรียวขาลึกเข้ามาภายใต้กางเกงขาสั้นของเขาเรื่อยๆ แม้จะมีความต้องการแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวแต่เขาก็ยังต้องตั้งสติเอาไว้ก่อนเพราะยังไม่อยากให้มันเกินเลยไปมากกว่านี้ในขณะที่อะไรๆ มันยังไม่ชัดเจน

 

เขาไม่อยากปล่อยให้ความใคร่มาอยู่เหนือความรู้จักผิดชอบชั่วดี...

 

“พอแล้ว กูหายใจไม่ทัน” เฟรนด์เอ่ยบอกปัดเพื่อปฏิเสธ

 

“โทษที” จัสท์บอกก่อนจะผละตัวเองออกมา

 

“ไม่เป็นไร”

 

“กูว่ากูคงเมาจริงๆ นั่นแหละ”

 

“...”

 

“กูไปนอนก่อนดีกว่า” จัสท์ลุกขึ้นแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

 

เฟรนด์หันไปมองตามใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถาม “หรือจะลองดูสักตั้ง”

 

คนตัวสูงลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของจัสท์ก่อนที่เขาจะตัดสินใจลุกขึ้นกระโจนเข้าหาคนตัวเล็กด้วยความคึกคะนองในอารมณ์ความต้องการที่กำลังปะทุอยู่ภายใน

 

เมื่อกองไฟเริ่มลุกโชติช่วงมันก็ยากเกินกว่าจะดับได้...

 

ไม่รู้ว่าอนาคตระหว่างจัสท์กับเฟรนด์จะเป็นยังไงต่อไปเหมือนกันเพราะในตอนนี้คนทั้งคู่ต่างก็กำลังมีความสุขอยู่กับค่ำคืนอันเร่าร้อนเกินกว่าที่จะมานั่งตกตะกอนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งคู่ได้ ก็คงต้องรอให้พายุของไฟราคะในคืนนี้ได้มอดลงเสียก่อนแล้วค่อยปล่อยให้มันเป็นเรื่องระหว่างคนทั้งคู่จะตัดสินใจกันต่อไป

 

---------------------------------------------------

#จฟเพื่อนไม่ไหว

อีกสองตอนจบแล้ว ฝากด้วยนะค้าบบบบ