อยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้
รัก,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,BoyLove,JustFriend,ดราม่า,yaoi,BL,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! | JustFriend's Zoneอยากเป็นคนสำคัญ.. แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้
-------------------- จัสท์เฟรนด์ เพื่อนไม่ไหว! ------------------
"ถ้าแอบรักแล้วเราบอกออกไป การแอบรักจะดูหมดความหมาย...
ฉันจึงเลือกทางที่สบายใจ เก็บความลับที่แท้จริงมันสวยงามเพียงใด..."
"แค่เพื่อนแล้วกัน.. เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้..."
Run Kantheephop
20210424.
หลังจากเฟรนด์พาจัสท์หนีอาการช้ำรักไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วกลับมาได้เพียงอาทิตย์เดียว จัสท์ก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้นจากเรื่องของหัวใจ เฟรนด์ก็ใช้เวลาระหว่างนั้นตั้งแต่กลับมาตรวจฟุตเทจที่ถ่ายมาแล้วส่งให้ทีมตัดต่อประจำช่องลงมือลัดคิวตัดคลิปแทรกคอนเทนต์อื่นๆ ที่ถ่ายไว้ล่วงหน้า จึงใช้เวลาไม่นานคลิป Vlog ทริปด่วนพิเศษที่เชียงใหม่ระหว่างจัสท์กับเฟรนด์ถูกอัพโหลดและเผยแพร่ลงในช่องยูทูป With your Friend ซึ่งเป็นที่ประหลาดใจสำหรับแฟนคลับของช่องเพราะที่ผ่านมาเฟรนด์ไม่เคยมีแขกรับเชิญมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว คลิปนี้จึงกลายเป็นคลิปแรกที่มีคนอื่นมาร่วมแจมด้วยจึงทำให้เป็นที่สนใจและถูกพูดถึงเป็นพิเศษ
คอมเมนท์ส่วนใหญ่ชื่นชมในความหล่อเหลาของจัสท์และตื่นตาตื่นใจกับส่วนสูงของเขาที่ทำให้เฟรนด์ผู้ซึ่งสูงถึง 178 เซนติเมตรดูกลายเป็นคนตัวเล็กไปในทันที เพราะส่วนสูงที่ห่างกันถึงสิบเซนทำเอาเฟรนด์สูงเพียงแค่คางของเขา นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดคำคอมเมนท์ของคนอีกส่วนที่มองว่าทั้งคู่เคมีเข้ากันดีจนอดที่จะกรี๊ดในความน่ารักเวลาที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันไม่ได้
ทั้งคอมเมนท์ ยอดวิว รวมไปถึงยอดไลก์พุ่งพรวดขึ้นไวกว่าเดิมมากจากที่ช่องได้รับความนิยมอยู่แล้วก็กลายเป็นขยายฐานของคนดูให้กว้างมากขึ้นไปอีก จากที่เจาะกลุ่มคนดูที่ชื่นชอบศิลปะกับกลุ่มที่ชอบเสพคลิป ASMR ก็ทำให้ผู้คนทั่วไปจากกลุ่มอื่นๆ หันมาสนใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะความน่ารักเวลาอยู่ด้วยกันของจัสท์และเฟรนด์
หลายเพจทั้งในเฟสบุ๊คและอินสตาแกรมต่างพากันดูดคลิปไปลงจนทำให้ยอดการเข้าถึงทั้งคลิปและเพจของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จัสท์เองก็เช่นกันเมื่อตื่นมาแล้วพบว่ายอดติดตามในอินสตาแกรมของตนเองเพิ่มขึ้นหลายหมื่นจนอดที่จะตกใจไม่ได้
“มึง กูเริ่มกลัวละนะ” จัสท์เอ่ยบอกด้วยท่าทีระแวง
“กลัวอะไร เขาชอบเลยตามมากดติดตามไง”
“แต่มันเยอะไปมั้ยเนี่ย”
“ก็ดีแล้ว มีคนมาชื่นชอบมันก็ต่อยอดธุรกิจมึงได้ง่าย”
“แต่มาไวเกิน กูรับมือไม่ทัน”
“มึงกลัวไร เคยมีคลิปลับหรือไง” เฟรนด์แซวพลางยิ้มมุมปาก
“ก็แย่ละ”
“เตรียมตัวรับความดังได้เลย”
จัสท์ส่ายหัวแล้วหัวเราะเบาๆ อยู่เล็กน้อยก่อนจะใช้นิ้วไถหน้าจอเลื่อนอ่านข้อความที่ผู้ชมพิมพ์คอมเมนท์ทิ้งไว้ด้านล่างเพื่อจะอ่านความคิดเห็นที่มีต่อตัวเองแล้วสายตาก็ดันเจอกับคำถามหนึ่งจึงอดใจสงสัยไม่ได้เลยยื่นมือถือให้เฟรนด์ดู
“มึงดูคอมเมนท์อันนี้ดิ ตลกดี”
“อะไรวะ” เฟรนด์ชะโงกหน้ามามองจอมือถือของอีกฝ่าย
‘แฟนแหละ เปิดตัวเมื่อไหร่จะแกล้งตกใจละกันนะ’
คนตัวเล็กอ่านข้อความออกเสียงเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ “ตลกตรงไหนอะ”
“เขาดูชอบไง แบบอยากให้เราเป็นแฟนกัน” จัสท์ยิ้มบอก
“...”
“เป็นไรเปล่า?” คนตัวโตเอะใจเลยเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไม่ตอบอะไร
“หึ! แล้วมึงคิดไงอะ” เฟรนด์ถามต่ออย่างไม่เต็มเสียงนัก
“ก็...”
“เรา...คบกันมั้ย”
“...”
“โอเค กูเข้าใจ มันอาจจะดูเร่งรัดเกินไป กูขอโทษนะ” เฟรนด์ยิ้มบางแล้วยกมือขึ้นตบไหล่เฟรนด์เบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วตัดสินใจเดินกลับบ้าน แต่ก็ไม่ทันความไวของมือหนาที่คว้าข้อมือของเขาเอาไว้แน่น
“เดี๋ยว.. ไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ กูแค่กำลังประมวลอะไรหลายๆ อย่างในหัวอยู่” จัสท์เอ่ยบอกด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“หมายถึงอะไรวะ”
“กูแค่กำลังคิดว่าถ้าเราคบกัน มันจะยังไง เพราะกูคบผู้หญิงมาตลอด แต่มึงเป็นผู้ชายไง” คนตัวโตเอ่ยพูดอย่างกระอักกระอ่วน
“อ๋อ มึงกลัวคนอื่นมองมึงไม่ดีใช่มั้ย”
“ประมาณนั้น”
“กูเข้าใจ”
“แต่กูไม่ได้เกลียดมึงนะเว้ย ตั้งแต่วันนั้นกูก็รู้สึกชอบมึงมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย”
“แต่มึงก็กังวลเรื่องของตัวเองมากกว่าเรื่องกูอยู่ดี” เฟรนด์ถอนหายใจก่อนจะพูด
“กูขอโทษ”
“ไม่เป็นไร กูเข้าใจ เรื่องนี้มันอาจจะยากสำหรับมึง”
“...”
“งั้นเอาแบบนี้มั้ย เรามาลองคบกันดูก่อน ค่อยๆ เรียนรู้กันไปยังไม่ต้องบอกใครก็ได้ อยู่บ้านเราก็ใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ พอออกไปข้างนอกก็แค่ทำตัวเหมือนเพื่อนกันปกติ” คนตัวเล็กพยายามจะยื่นข้อเสนอเพราะเขารู้สึกว่านี่คือโอกาสที่ดีที่เขาเองก็รอคอยมานานหลายปีแล้ว จู่ๆ ไอ้คนที่เราแอบชอบก็มาบอกว่ารู้สึกชอบเรากลับ ใครที่ไหนจะยอมปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ไปล่ะ
“แล้วมึงจะโอเคเหรอ” จัสท์ถาม
“มึงไม่ต้องถามกู เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่ากูเป็นเกย์ กูคบผู้ชายมาตลอด ถ้าเทียบกับมึง มึงคงต้องกังวลมากกว่ากูอยู่แล้ว นี่กูก็พยายามจะช่วยหาทางออกให้มึงอยู่ ให้มึงสบายใจที่สุด”
“...” คนตัวโตนิ่งคิด
“ค่อยๆ คิด เรื่องพวกนี้มันต้องใช้เวลาแหละ กูเข้าใจ”
“ลองดูสักตั้งแล้วกัน เป็นไงเป็นกัน” จัสท์เอ่ยพูดออกมาเสียงนิ่ง “บางที...กูอาจจะต้องแคร์ตัวเองมากกว่าแคร์คนอื่น”
“สรุปคือ ตกลงใช่ป้ะ?” เฟรนด์ถามอย่างตั้งตารอคำตอบ
“อือ”
“นี่เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ป้ะ” เฟรนด์เอ่ยถามพลางยิ้มกว้าง
“เออ”
เฟรนด์กระโดดกอดคอจัสท์แน่นความรู้สึกมีความสุขเพราะไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เคยหวังมาตลอดวันนี้จะสมหวังแล้ว แม้มันจะดูง่ายแบบแปลกๆ แต่ก็อย่างว่าความรักบางทีมันก็ไร้เหตุผลแบบนี้แหละ อยู่ดีๆ นึกจะมาก็มา นึกจะไปมันก็ไปแบบไม่ต้องมานั่งหาเหตุผลว่าเพราะอะไร ทำไปก็เสียเวลาเปล่า สู้เอาเวลาที่มีอยู่รับรู้และเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันยังจะคุ้มค่าเสียกว่า
“แล้วไงต่อ” จัสท์เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็ไม่ไงต่อ ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือดูแลกันและกัน”
“งั้นเริ่มจากตอนนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน กูอยากพาไป” จัสท์บอกแล้วคว้ากุญแจรถที่วางไว้ข้างๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากนั้นจึงยื่นมือหนาไปหาอีกฝ่าย
เฟรนด์ยกมือตัวเองมาคว้ามือจัสท์ไว้แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน รอยยิ้มปรากฏขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าก่อนจะเดินตามแรงดึงของคนตัวสูงออกไปขึ้นรถ
และเพราะว่ากระแสความแรงของทั้งคู่ที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียลจากคลิป vlog ที่เชียงใหม่ก็เลยทำให้หลายคนจดจำคนทั้งคู่ได้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็มีเพียงแฟนคลับเฟรนด์เท่านั้นที่จะจำเฟรนด์ได้ แต่ในวันนี้ทันที่พวกเขาทั้งสองคนก้าวขาลงจากรถคนส่วนใหญ่ก็เริ่มหันมามองทันทีเพราะความแมสในโซเชียลก็เลยทำให้คนทั่วไปที่เห็นข่าวตามหน้าฟีดเฟสบุ๊คเลยคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขามากขึ้น
“พี่คะ หนูขอถ่ายรูปได้มั้ยคะ” เด็กผู้หญิงวัยมัธยมต้นเดินเข้ามาทักด้วยอาการเขินอาย
“อ่อ ได้ครับ” เฟรนด์ขานรับก่อนที่จัสท์จะถอยห่างออกไป
“ขะ...ขอถ่ายทั้งคู่เลยค่ะ” น้องบอก
“มาเร็ว” เฟรนด์กวักมือเรียกให้คนตัวสูงรีบเดินเข้าไป จัสท์ก็เลยเดินเข้าไปแบบงงๆ
น้องสาวม.ต้นคนนั้นก็เลยยกมือถือขึ้นถ่ายเซลฟีด้วยอาการสั่นเทาเพราะตื่นเต้น เสียงนับเลขสั่นเสียจนคนทั้งคู่อดที่จะเอ็นดูไม่ได้จนต้องบอกให้น้องใจเย็นๆ เพราะกลัวจะช็อกไปเสียก่อน พอถ่ายเสร็จน้องก็กรี๊ดดังออกมาก่อนจะวิ่งหนีออกไปทำทั้งจัสท์และเฟรนด์ต่างพากันหัวเราะออกมา
จัสท์กับเฟรนด์เดินเคียงคู่กันไปมันเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไปจากวันอื่นๆ เพราะถึงแม้คนทั้งคู่จะออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้งแต่ก็เป็นการออกไปด้วยกันในฐานะเพื่อนสนิทเท่านั้น ซึ่งในวันนี้มันความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งคู่มันเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น ทั้งจัสท์และเฟรนด์ยังคงเคอะเขินเพราะไม่รู้จะทำยังไงในใจของคนตัวสูงก็อยากจะคว้ามือมากุมแล้วเดินไปด้วยกันแต่อีกใจก็ยังกังวลสายตาคนภายนอกว่าจะคิดยังไง ส่วนเฟรนด์น่ะเหรอยิ้มแป้นเสียจนกลัวว่ากล้ามเนื้อบนหน้าจะยึดอยู่แบบนั้นจนกลับมาเป็นแบบเดิมไม่ได้
“ทำไมคนมองเรากันเยอะจังวะ” จัสท์หันไปเอ่ยถามเฟรนด์เมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดจากการถูกมอง
“ก็ปกติป้ะ คลิปในยูทูปขึ้นเป็นอันดับ 1 ในมาแรงของยูทูปขนาดนั้น”
“เป็นเน็ตไอดอลงี้อ่อ”
“ต้องขอบคุณกูแล้วนะ ฮ่าๆ” เฟรนด์แกล้งเอามือไปบีบพุงของอีกฝ่ายจนคนตัวโตต้องกระโดดหนีเพราะบ้าจี้
“นี่มึงแกล้งกูเหรอ!” จัสท์วิ่งกลับมากระโดดกอดคอคนตัวเล็กกว่าจนหัวเกือบทิ่มลงไปที่พื้น
เสียงหัวเราะเยาะหยอกล้อดังขึ้นจนคนแถวนั้นต้องหันมามอง คนทั้งคู่ต่างก็ผลัดกันกระเซ้าเย้าแหย่กันไปตลอดเส้นทางที่เดินไปยังร้านอาหารที่จัสท์บอกว่าจะพากินข้าว ทั้งจัสท์และเฟรนด์แซวเล่นกันแหย่กันไปพลางถ่ายรูปของอีกฝ่ายไปพลางก็เลยไม่ทันได้มองทางชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาจากอีกทางที่หัวมุมตลาดพอดี ทั้งคู่รีบหันไปมองด้วยความตกใจ
“ขอโทษครับ เอ้า!” จัสท์รีบพูดโทษเสียงดังทันทีก่อนจะตกใจเมื่อเห็นหน้าคนที่ตัวเองชน
“เอ้า!!” อีกฝ่ายร้องทัก
“เอ้า! ไอ้โต้ง” เฟรนด์รีบร้องทักแล้วหันไปมองหน้าจัสท์ทันทีก่อนจะหันกลับมามองโต้งอีกครั้ง
ฝ่ายโต้งก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงมองสลับไปมาระหว่างจัสท์และเฟรนด์ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่างที่อยากจะพูดอะไรกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เขาเหล่ตามองแล้วแอบอมยิ้มมุมปากพยายามที่จะไม่แซวเพื่อนตัวเองออกมา
“อะไร!” คนตัวเล็กหันไปแหวใส่เพื่อนตัวเองก่อนจะหูแดงออกมา
“เปล๊า!! กูยังไม่ได้พูดอะไรเล้ย” โต้งตอบกลับ
“ก็หน้ามึงมันบอกว่ามีอะ”
“มึงอะคิดมาก แล้วนี่จะไปไหนกัน” โต้งถามเฟรนด์กลับ
“แดกข้าวไง พอดีจัสท์ชวนอะ”
“อ๋อออ”
“ไปด้วยกันมั้ยล่ะ” เฟรนด์เอ่ยพูดก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วหันไปมองคนตัวสูงข้างๆ “ให้โต้งไปด้วยได้มั้ย”
“อื้อ เอาดิ” คนตัวโตพยักหน้า
“โอ๊ย ไม่เป็นไรๆ ไปกันสองคนเหอะ กูไม่อยากเป็น กขค” โต้งรีบยกมือขึ้นโบกปฏิเสธแต่เฟรนด์ก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน
“ไปเหอะมึง กูมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“อะไรวะ”
“ไปด้วยกันเหอะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
“อะ ไปก็ไป”
จัสท์ เฟรนด์ และโต้งพากันเดินไปที่ร้านอาหารที่อยู่หัวมุมตึกใหญ่ที่อยู่หลังตลาด เป็นร้านข้าวมันไก่เจ้าดังที่เป็นตำนานแห่งตลาดดำเนินสะดวกที่เปิดขายมานานกว่า 20 ปี น้ำจิ้มสูตรเด็ดที่เฟรนด์เองก็ยังหาที่ร้านไหนไม่ได้เหมือนกันแม้จะไปตระเวนกินมาหลายร้านหลายที่แล้วก็ตาม
ทั้งสามคนเดินเข้าไปนั่งโต๊ะประจำแล้วสั่งเมนูข้าวมันไก่ต้มมา 2 จานเพราะเป็นเมนูที่คนตัวเล็กมักจะสั่งเสมอจัสท์ก็เลยอยากจะลองกินดูบ้างเพราะปกติอยู่แต่ในเมืองก็เลยไม่ค่อยรู้ว่าที่ตลาดประจำอำเภอนี้มีอะไรที่อร่อยบ้างการมีเจ้าบ้านพามากินแบบนี้ก็ดีไม่น้อย ส่วนโต้งเองแม้จะไม่ได้กินเมนูแบบเดียวกับอีกสองคนแต่ก็เลือกที่จะสั่งเมนูข้าวมันไก่ทอดแทน
“อะ จะคุยไร” โต้งเอ่ยถามขึ้นมาเมื่ออากงเจ้าของร้านข้าวมันไก่เดินเอาจานข้าวมาเสิร์ฟจนครบ
“ก็...” เฟรนด์อึกอักเหมือนไม่รู้จะพูดยังไง
“พวกมึงคบกัน” โต้งพูดโพล่งออกมา
“เชี่ย! มึงรู้ได้ไง” เฟรนด์บอกออกมาอย่างประหลาดใจ
“แหม กูเรียนกับพวกมึงมาตั้งแต่ม.ปลาย แค่เห็นก็รู้ละ มันแปลกๆ”
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“กูเอะใจตั้งแต่เห็นคลิปละ แววตาของพวกมึงเปลี่ยนไปขนาดนั้น ใครมันจะดูไม่ออก” โต้งบอกแล้วตักเอาข้าวมันไก่ทอดเข้าปากไปเคี้ยวตุ้ยๆ
“มึงว่าจะโอเคใช่ป่ะวะ” จัสท์เอ่ยถามโต้งหลังกลืนข้าวที่เคี้ยวลงคอไป สีหน้าแฝงไปด้วยความกังวล
“โอเคหรือไม่โอเคมันก็เป็นเรื่องของพวกมึง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูเลย มันเป็นเรื่องของพวกมึงสองคนจะให้คนนอกมาตัดสินทำไม”
“กูไม่รู้ว่าต้องทำไงอะ เพิ่งเคยมีแฟนเป็นผู้ชายนี่หว่า”
“ไร้สาระ แฟนก็คือแฟน จะมาบอกว่าเป็นชายเป็นหญิงทำไม ก็ถ้ามึงรักกันจะคบกันเป็นแฟนก็เรื่องปกติป้ะ ไม่ต้องไปแคร์คนอื่นนักหรอก ชาวบ้านเขาไม่ได้สนใจเรื่องคนอื่นมากสักเท่าไหร่หรอกพอเวลาผ่านไปคนก็หันไปสนใจแต่เรื่องตัวเองทั้งนั้นแหละ อยากทำอะไรก็ทำเลย You only live once อะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง” โต้งบอกแล้วตักข้าวเข้าปากจนแก้มพอง
“ขอบใจมากนะมึง” จัสท์เอ่ยบอกกับโต้งก่อนจะหันไปยิ้มแล้วคว้ามือของเฟรนด์มากุมไว้แน่น
“แดกข้าวมั้ย หื้ม? หรือจะกลับไปแดกกันเองที่บ้าน” โต้งอดแซวไม่ไหวเมื่อเห็นภาพสวีทหวานของเพื่อนตรงหน้า
“โทษๆๆๆ”
ทั้งเฟรนด์และจัสท์ก็ดูจะผ่อนคลายขึ้นหลังจากได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็มีความกังวลอยู่ว่าการที่เขาทั้งสองคนพัฒนาความสัมพันธ์ให้เพิ่มขึ้นจากเดิมมันจะโอเคมั้ย แต่ก็ได้รับคำตอบจากโต้งเรียบร้อยว่าให้ปล่อยไปไม่ต้องสนใจอะไรและทำตามที่หัวใจบอกก็พอ
พอกินข้าวกันเสร็จทั้งสามคนก็เลยพากันแยกย้ายออกจากร้าน โดยมื้อนี้จัสท์อาสาออกค่าอาหารเลี้ยงทุกคนทั้งหมดก่อนจะพากันเดินออกจากร้านไป โต้งขอตัวกลับไปส่วนที่บ้านทำงานต่อ ส่วนจัสท์ก็ต้องกลับไปดูแลโฮสเทลต่อเหมือนกันหลังจากฝากให้ป้าแม่บ้านช่วยดูแลแขกที่เข้ามาพักให้แป๊บหนึ่งในช่วงที่เขาออกมาข้างนอก
“เดี๋ยวกูขอแวะซื้อเครปหน่อยได้มั้ย อยากกินง่ะ” เฟรนด์เอ่ยบอกขณะที่กำลังเดินกลับไปที่รถของจัสท์แล้วหันไปเห็นรถขายเครปพอดี
“อื้อ กูเอาด้วยงั้น”
เฟรนด์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้มจากนั้นจึงคว้ามือของจัสท์แล้วพาเดินข้ามถนนเล็กๆ ไปพร้อมกัน
“ซื้อเครปหน่อยครับ”
“เอาไส้อะไรดีจ๊ะ” คุณป้าแม่ค้าเอ่ยถามขณะที่กำลังใช้ที่คีบหยิบไส้ฝอยทองวางลงบนหน้าเครปให้ลูกค้าคนก่อนหน้า
“ผมเอานูเทลล่า บราวนี่ กล้วยราดช็อกโกแลตครับ” เฟรนด์เอ่ยสั่งไส้โปรดที่ตัวเองกินประจำก่อนจะหันไปถามคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ “มึงจะกินไร”
“เอาไส้กรอก ปูอัด”
“อีกอันหนึ่งเอาไส้กรอกปูอัดครับ ใส่มายองเนสกับซอสมะเขือเทศ”
“รอแป๊บนะลูก” คุณป้าแม่ค้าแซะเครปบนเตาที่เสร็จพอดีใส่ภาชนะบรรจุแล้วส่งให้ลูกค้าสาวที่ยืนรออยู่ไม่ห่างก่อนจะหันมาถามเฟรนด์เพิ่ม “เอาแป้งอะไรดีลูก”
“ของผมของแป้งมันม่วงครับ” คนตัวเล็กยิ้มตอบแล้วหันไปหาจัสท์ “มึงเอาไร”
จัสท์หันไปหาแม่ค้าแล้วเอ่ยบอก “ของผมเอาแป้งชาโคล์ครับ”
พอได้ยินคำตอบคุณป้าแม่ค้าร้านเครปญี่ปุ่นก็เริ่มละเลงแป้งเครปตามคำสั่งของคนทั้งคู่ทันทีก่อนจะค่อยๆ หยิบไส้ใส่ลงไปจนครบตามที่เฟรนด์ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้
ไส้แน่นเสียจนไม่คิดว่าจะกินได้หมดโดยเฉพาะของเฟรนด์
“เพื่อนน้องเฟรนด์หรอ ป้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” คุณป้าขายเครปเอ่ยทักขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง
“แฟนครับ ไม่ใช่เพื่อน” คนตัวเล็กเอ่ยตอบด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนทำเอาคนข้างๆ อดที่จะออกอาการเขินไม่ได้
“มึง..” จัสท์เขย่าแขนเฟรนด์เล็กน้อยเพราะยังรู้สึกประดักประเดิดวางตัวไม่ถูก
“ว้ายยย จริงมั้ยเนี่ย ยินดีด้วยนะจ๊ะ” ป้าขายเครปร้องเสียงดังลั่นทำเอาคนที่อยู่แถวนั้นหันมามอง
“ขอบคุณครับ” คนตัวเล็กเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างในขณะที่คนข้างๆ ยังคงทำหน้าตาเด๋อด๋าเพราะเขินจนทำตัวไม่ถูก
ไม่นานเครปที่ทั้งสองคนสั่งเอาไว้ก็ถูกแซะออกจากเตาแล้วยื่นมาให้เฟรนด์รับเครปทั้งสองเอาไว้ส่วนจัสท์ก็หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิดแล้วหยิบเงินจ่ายให้คุณป้าเจ้าของร้านไปก่อนจะหันมารับเครปไส้กรอกปูอัดที่ตัวเองสั่งไว้จากมือของคนตัวเล็กตรงหน้าจากนั้นจึงพากันข้ามถนนเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดเอาไว้ฝั่งตรงข้าม
พอมาถึงที่บ้านเฟรนด์ก็ประคับประคองถือเครปทั้งสองชิ้นเดินเข้ามานั่งในโซฟาของบริเวณห้องนั่งเล่นในโฮสเทลของจัสท์อย่างระมัดระวังเพราะไม่อยากให้เครปแตกก่อนจะได้กินเสียก่อน จากนั้นไม่นานเสียงสัญญาณล็อกรถก็ดังขึ้นแล้วจัสท์ก็เดินตามเข้ามา
“อะ ของมึง” คนตัวเล็กยื่นเครปให้จัสท์
“แต๊งกิ้ว”
“อันนี้เป็นเครปร้านประจำของกู”
“อร่อยดีนะ” คนตัวสูงพูดขึ้นหลังกัดเครปชิมเข้าไปหนึ่งคำ
“ใช่มะ กูกินประจำตั้งแต่สมัยเรียน” เฟรนด์พูดจบก็หันไปสนใจกับเครปในมือของตัวเองในขณะที่จัสท์ก็หันไปหยิบรีโมททีวีมากดเปิดเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศมันเริ่มเงียบเกินไป
“เออ มึง” จัสท์ขยับตัวเล็กน้อยแล้วหันไปมองหน้าคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตากินเครปในมืออย่างเอร็ดอร่อย
“หื้ม ว่า?”
“เสาร์อาทิตย์นี้ไปเที่ยวบ้านกูกันมั้ย” คนตัวสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้
“ไปทำไปอะ”
“อยากพาไปกินข้าวกับพ่อแม่กูหน่อยอะ”
“จริงจังป่ะเนี่ย”
“อือ” คนตัวสูงพยักหน้ารับ
“แล้วที่บ้านมึงจะโอเคเหรอ”
“ไม่แน่ใจ แต่เราคบกันแล้วกูก็อยากจะบอกให้พ่อแม่ได้รู้เอาไว้หน่อย”
“กูว่าพ่อกับแม่มึงได้ช็อกแน่ๆ ที่อยู่ๆ ลูกชายก็เอาเพื่อนสนิทตอนม.ปลายมาเป็นแฟนอะ” เฟรนด์บอกพลางยิ้มขำ
“เอาน่ะ ยังไงวันหนึ่งก็ต้องรู้อยู่ดี บอกตอนไหนก็เหมือนกันแหละ”
“กูแล้วแต่มึงเลย ไม่ติดอะไร”
“โอเค กูจะได้บอกพวกเขาไว้ก่อน ว่าจะพาลูกสะใภ้ไปหา”
“กวนตีน”
เฟรนด์เอ่ยปากด่าเบาๆ ส่วนจัสท์ก็เผยอยิ้มออกมาเพราะเอ็นดูที่อีกฝ่ายแม้จะด่าเขาแต่ก็เก็บอาการเขินเอาไว้ไม่ได้ คนตัวสูงจึงขยับเข้าไปนั่งใกล้ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวอีกฝ่ายอย่างเบามือทำเอาป้าแม่บ้านที่กำลังเดินออกมาจากด้านหลังโฮสเทลเห็นเข้าก็ต้องรีบเดินกลับเข้าไปทันทีเพราะไม่อยากที่จะรบกวนเวลาดีๆ ที่คนทั้งคู่กำลังมีให้กัน