ในค่ำคืนคริสต์มาสอันอบอุ่น เสียงนิทานของแม่และความฝันของเด็กๆ ถูกเติมเต็มด้วยความมหัศจรรย์ แต่ใครจะรู้ว่าตำนานที่เล่าขานนั้น อาจเป็นความจริงที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของปล่องไฟ…

เรื่องเล่าในคืนคริสต์มาส - ตอนเดียวจบ เรื่องเล่า โดย Dean @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เรื่องสั้น,เรื่องเล่า,อบอุ่นหัวใจ,ครอบครัว,คริสมาสต์,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์,รถแห่ชวนเขียน8,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เรื่องเล่าในคืนคริสต์มาส

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เรื่องเล่า,อบอุ่นหัวใจ,ครอบครัว,คริสมาสต์,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์,รถแห่ชวนเขียน8

รายละเอียด

เรื่องเล่าในคืนคริสต์มาส โดย Dean @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในค่ำคืนคริสต์มาสอันอบอุ่น เสียงนิทานของแม่และความฝันของเด็กๆ ถูกเติมเต็มด้วยความมหัศจรรย์ แต่ใครจะรู้ว่าตำนานที่เล่าขานนั้น อาจเป็นความจริงที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของปล่องไฟ…

ผู้แต่ง

Dean

เรื่องย่อ

สารบัญ

เรื่องเล่าในคืนคริสต์มาส-ตอนเดียวจบ เรื่องเล่า

เนื้อหา

ตอนเดียวจบ เรื่องเล่า

ในห้องครัวแสนอบอุ่น กลิ่นนมร้อนคละคลุ้งไปทั่ว ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าเตาไฟ มือหนึ่งจับด้ามหม้อเล็กที่มีนมสดกำลังอุ่นจนไอน้ำลอยกรุ่น เธอเทนมร้อนลงในแก้วเซรามิกสีขาวสองใบลวดลายน่ารักที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เธอจะหันตัวไปด้านหลังเปิดตู้เย็นหยิบวัตถุทรงกลมที่ห่อด้วยฟอยออกมา เธอค่อยบรรจงแกะแผ่นสีเงินจนเผยให้ช็อกโกแลตบอม



หญิงสาวใช้สายตาตรวจดูว่าไม่มีเศษฟอยหลงเหลืออยู่ ก่อนจะนำช็อกโกแลตใส่ไปในแก้ว นมร้อนแทบจะทำให้ช็อกโกแลตละลายในทันที สีขาวนวลของนมกลิ่นวานิลลาหวานหอม เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจากผงโกโก้ที่ซ่อนภายใน ทั้งยังมีมาร์ชเมลโล่สีขาวนุ่มฟูชิ้นเล็กจำนวนหนึ่งลอยอยู่ คล้ายกับปุยนุ่นที่โดนความร้อนจนเริ่มละลาย



เธอรีบใช้ช้อนคนให้ทั้งช็อกโกแลตและผงโกโก้ผสมเข้ากันกับนม ในขณะนั้นจะได้ยินเสียงฟู่ดังมาจากมาร์ชเมลโล่



รอยยิ้มราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ช่างให้ความรู้สึกแตกต่างจากบรรยากาศภายนอกหน้าต่างกำลังมีหิมะตกโปรยปราย ปรากฏบนใบหน้าเธอยิ่งทำให้หญิงสาวดูอ่อนวัยกว่าอายุขึ้นไปอีก



เธอจัดแจงวางแก้วสองใบลงบนถาดไม้สีอบอุ่น แล้วเดินไปหยิบจานใบเล็กที่มีคุกกี้คริสต์มาสรูปดาว ต้นคริสต์มาส และกวางเรนเดียร์เรียงเป็นระเบียบ เปิดโหลแก้วหยิบคุกกี้เพิ่มสองสามชิ้นมาเติมลงในจาน แล้วหันหลังเดินออกจากครัวไปยังห้องนั่งเล่น



ห้องนั่งเล่นดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งเทศกาลคริสต์มาส แสงไฟจากเตาผิงสร้างความนุ่มนวล ควันไฟลอยอ้อยอิ่งเหนือเปลวไฟที่เต้นระริก พรมสีแดงลายเกล็ดหิมะปูพื้นกลางห้อง ช่วยเพิ่มความนุ่มสบายให้ทุกย่างก้าว



ต้นคริสต์มาสสูงตระหง่าน ตกแต่งด้วยไฟกะพริบสีทองสลับแดง ลูกบอลคริสต์มาสหลากสี และริบบิ้นแวววาว แขวนไว้ด้วยของขวัญเล็ก ๆ และถุงเท้าเนื้อนุ่มที่ประดับบนขอบเตาผิง ด้านล่างต้นไม้ มีกล่องของขวัญผูกโบสีสดวางเรียงกันเป็นชั้น



เหนือเตาผิงแขวนพวงหรีดคริสต์มาสที่ทำจากกิ่งสนประดับโคนสนและเบอร์รี่สีแดง ขณะที่ผนังรอบ ๆ ถูกประดับด้วยไฟสายยาวที่ส่องประกายเหมือนดวงดาว เด็กชายหญิงฝาแฝดวัยหกขวบนั่งอยู่ตรงมุมห้อง มือเล็ก ๆ ของพวกเขากำลังระบายสีในสมุดภาพด้วยความตั้งใจ



“แม่!” เด็กทั้งสองเงยหน้ามองเธอด้วยรอยยิ้มสดใส



เธอยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน วางถาดขนมลงตรงหน้าเด็กทั้งคู่ พร้อมพูดเสียงนุ่มว่า “มาทานของว่างกันจ้ะลูก”



เด็กชายหยิบแก้วช็อกโกแลตร้อนขึ้นจิบ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นของช็อกโกแลตที่ละลายในนมร้อน หอมหวานกำลังดี มาร์ชเมลโล่นุ่มละลายในปากเพิ่มสัมผัสนุ่มนวลที่ชวนให้เพลิดเพลิน เด็กหญิงก็เช่นกัน เธอหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นริมฝีปากเล็กของพี่ชายเปื้อนฟองนมให้เขาดูไม่ต่างจากมีหนวดเลย



“อร่อยจังเลยแม่!” เด็กทั้งสองพูดพร้อมกันด้วยเสียงสดใส เธอหัวเราะเสียงเบาก่อนจะนั่งลงมองลูก ๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความรักที่อบอุ่นเหมือนเปลวไฟในปล่องควันเบื้องหลัง



หลังจากที่เด็กทั้งสองดื่มช็อกโกแลตร้อนและกินคุกกี้จนพอใจ ผู้เป็นแม่ยิ้มหวานพลางเอ่ยถามสองพี่น้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



“คืนนี้อยากฟังนิทานเรื่องอะไรดีจ๊ะ?”



เด็กชายพูดขึ้นก่อนทันที “ผมอยากฟังเรื่องตำนานของซานตาคลอส!”



เด็กหญิงที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยแย้ง “หนูอยากฟังเรื่องปีศาจแคมปัสมากกว่า มันดูน่าสนุกกว่าเยอะเลย!”



แม่ยิ้มอย่างรู้สึกขำเล็กน้อย เมื่อเห็นความคิดอันแตกต่างของลูกทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “งั้นฟังทั้งสองเรื่องเลยดีไหมล่ะ?”



เด็กทั้งคู่พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น พลางหยิบคุกกี้มากินต่อขณะที่แม่เริ่มเล่าเรื่อง



“ตำนานของซานตาคลอสนั้นเริ่มต้นจากนักบุญนิโคลัส ชายผู้ใจดีที่อุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ และคนยากจน เขาเป็นนักบุญที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเคยช่วยเหล่าเด็กน้อย จากความยากลำบาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น” เธอหยุดเล็กน้อย เพื่อให้เด็กทั้งคู่จินตนาการตาม



“และว่ากันว่าในบางตำนาน ซานตาคลอสไม่ได้เป็นเพียงแค่นักบุญธรรมดา เขายังเป็นเทวทูตที่ถูกส่งลงมาจากสวรรค์โดยตรง เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและความสุขให้กับมนุษย์ในวันสำคัญนี้” แม่พูดต่อ พลางมองดูเด็กทั้งคู่ที่ฟังอย่างตั้งใจ



“แม่ แล้วกวางเรนเดียร์ล่ะ มาจากไหนครับ?” เด็กชายถามแทรก



“มีบางเรื่องเล่าถึงกวางเรนเดียร์ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตวิเศษที่พระเจ้าอวยพรให้ซานตาคลอส เพื่อช่วยเขาเดินทางไปรอบโลกในคืนเดียวไง”



เด็กชายยิ้มกว้าง ตื่นเต้นกับภาพจินตนาการของซานตาคลอสที่นั่งอยู่บนเลื่อนลากโดยกวางเรนเดียร์



เมื่อเล่าถึงตรงนี้ เด็กหญิงที่นั่งฟังอยู่อย่างสงบนิ่งก็พูดขึ้น “แล้วแคมปัสล่ะแม่? ปีศาจที่ลงโทษเด็กดื้อเด็กไม่ดีมีจริงไหมคะ?”



“มีจริงในตำนานจ้ะ” แม่ตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องปีศาจแคมปัสบ้าง



“แคมปัสเป็นปีศาจรูปร่างสูงใหญ่ มีเขายาวเหมือนแพะ และขนสีดำดุจความมืดว่ากันว่ามันเป็นผู้ลงโทษเด็กที่ดื้อรั้นในคืนคริสต์มาส หากเด็กคนไหนประพฤติตัวไม่ดี มันจะพกกระสอบใหญ่ติดตัวเพื่อจับเด็กดื้อไปลงโทษ”



เด็กหญิงเบิกตากว้างด้วยความสนใจ “แล้วปีศาจเขามีที่มาจากไหนหรอคะ?”



แม่มองลูกสาวแล้วเริ่มเล่าอย่างจริงจังขึ้น “ว่ากันว่าแคมปัสไม่ได้เป็นปีศาจมาตั้งแต่ต้น ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเทวทูตที่รับใช้พระเจ้า แต่ด้วยความผิดพลาดครั้งใหญ่ มันถูกเนรเทศออกจากสวรรค์ และคำสาปทำให้รูปลักษณ์ของมันเปลี่ยนไปจนกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวแบบนี้”



“โห…” เสียงอุทานเบา ๆ จากเด็กทั้งคู่ พวกเขาเหมือนกำลังจินตนาการถึงแคมปัสในหัว พร้อมกับคิดถึงความต่างระหว่างแคมปัสและซานตาคลอส



แม่ยิ้มเมื่อเห็นลูกทั้งสองหลงใหลในนิทานที่เล่า “แต่จำไว้นะ ไม่ว่าจะเป็นซานตาคลอสหรือแคมปัส ทั้งสองตำนานต่างก็สอนเราให้เป็นคนดีในแบบของตัวเอง”



เมื่อจบเรื่องราว เด็กชายหญิงยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดพร้อมกันว่า “ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะครับ/คะ แม่”



“ได้เวลานอนแล้วนะเด็ก ๆ” แม่พูดพร้อมจูงมือพวกเขาขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องนอนของเด็กน้อยทั้งสอง สองพี่น้องขึ้นไปบนเตียงนอนก่อนที่ผู้เป็นแม่จะห่มผ้าให้อย่างทะนุถนอม แล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากลูก ๆ ด้วยความรัก



“ฝันดีนะ สุขสันต์วันคริสต์มาส”



“ฝันดีครับ/ค่ะ สุขสันต์วันคริสต์มาสแม่”



เธอหันหลังออกจากห้อง ทิ้งไว้เพียงแสงไฟอ่อนโยนที่เปล่งประกายจากโคมไฟหัวเตียง



เวลาผ่านไปสักพัก ท่ามกลางความมืดที่เงียบสงัด มือลึกลับหนึ่งลูบหัวเด็กทั้งสองเบา ๆ พร้อมเสียงกระซิบอบอุ่นว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะเด็ก ๆ”



ในเงามืดปรากฏชายชราที่มีร่างสูงใหญ่ เขาสวมเสื้อคลุมสีแดงสดและมีเคราขาวหนา ซานตาคลอสยิ้มด้วยความรักใคร่ เขาวางของขวัญไว้ข้างเตียงของเด็กทั้งสอง ก่อนจะยืนมองพวกเขาอีกครั้งด้วยแววตาอ่อนโยน



เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ร่างของเขาก็หายไปในความมืด ราวกับละลายไปพร้อมกับเวทมนตร์ที่แผ่กระจายทั่วห้อง ทิ้งไว้เพียงความสุขที่อบอวลในอากาศแห่งคืนคริสต์มาส