องค์รัชทายาทเทโยนั้นต้องไปออกรบ ในขณะที่วันวานนั้นผ่านไป องค์หญิงฮิมาวารจะมิเป็นของผู้ใดอื่น ทรงหนีออกไปตามรักมาคืนใจของพระองค์แล้ว
ย้อนยุค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บุบผาแห่งตะวันองค์รัชทายาทเทโยนั้นต้องไปออกรบ ในขณะที่วันวานนั้นผ่านไป องค์หญิงฮิมาวารจะมิเป็นของผู้ใดอื่น ทรงหนีออกไปตามรักมาคืนใจของพระองค์แล้ว
เพียงพักหนึ่ง แสงของดวงตาสีแดงสามสี่คู่ที่เรืองรองอยู่ในความมืด ก็โผล่มาให้โล่งใจ จึงสั่งองครักษ์ให้เข้าไปตรวจดู
“มีกระต่ายยักษ์ติดอยู่ในกับดักพะยะค่ะองค์ชาย จะให้ทำเช่นใดดีหรือพะยะค่ะ”
“ช่วยออกมา แล้วเอาไปด้วย สตรีมักจะชอบสัตว์เล็กๆเช่นนี้เสมอ”
ดำริไปพลางแย้มสลวลที่มุมปากน้อยๆ เมื่อเห็นกระต่ายตัวโตที่องครักษ์พากันอุ้มมาคนละตัว มันช่างขัดกันนัก จนน่าขันเสียจริง
“เตรียมตัวเดินทางต่อได้ ข้าต้องไปให้ถึงที่เมืองหลวง ก่อนรุ่งเช้าให้ได้”
“พะยะค่ะ”
อยู่ๆพระกระแสรับสั่งก็สั่งลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้บรรดาทหารลุกขึ้นกันให้พรึ่บพรั่บ เตรียมจัดข้าวของกันเป็นแถว แต่ยังมิทันที่พลทหารจะเก็บของได้เสร็จดี วรองค์สูงก็กระโดดขึ้นม้าควบม้า ทะยานนำหน้าไปสู่เมืองหลวงอย่างรวดเร็ว จนองครักษ์ตามกันแทบไม่ทัน
“ฮิมาวาริ...ถ้าเจ้าอัปลักษณ์ ข้าจะเอาคืนเจ้าให้สาสมเลยทีเดียว”
คิดได้ดังนั้น องค์ชายก็สลวลเสียงดังทีเดียว พร้อมกับเร่งควบม้าเข้าไปอีก
“ท่านโทริ...เจ้าว่าองค์ชายของเจ้า จะทรงดำริสิ่งใดอยู่กัน”
ฮาตะคู่หูของท่านองครักษ์ ควบม้ามาใกล้ๆเพื่อชะลอถามพร้อมขมวดคิ้ว จนคิ้วแทบจะชนกันอยู่แล้ว
“เจ้ากับข้าก็อยู่ด้วยกัน เจ้าไม่รู้แล้ว ข้าจะรู้ได้อย่างไรกันเล่า”
ใส่อารมณ์เสร็จแล้ว ท่านองครักษ์เอกก็ควบม้าตามไปติดๆ จนทั้งขบวนต้องเร่งตามไปด้วย เพื่อให้ถึงประตูเมืองให้ทันก่อนรุ่งเช้า มิเช่นนั้นอาจทรงกริ้ว และอาจจะมิมีแม้แต่หัวไว้ขบคิดสิ่งใดได้อีกต่อไปเป็นแน่แท้
“ถ้าทรงกริ้วแม้เพียงนิด ชิวิตก็ต้องหลุดลอย”
รุ่งเช้า แสงตะวันนั้นยังมิทันได้พาดผ่านขอบฟ้า ขบวนเสด็จขององค์รัชทายาทเทโย ก็มาถึงประตูเมืองหลวง พร้อมกับอาการอิดโรยของคนทั้งขบวน มีเพียงองค์ชายเท่านั้นที่ยังทรงดูกระปรี้กระเปร่าผิดมนุษย์ และเมื่อแสงตะวันมาแตะขอบฟ้า ขบวนของเจ้าชายต่างแคว้น ก็มาเข้าเฝ้าท่านจ้าวผู้ครองแคว้นอันโดะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อันโดะ ขอต้อนรับท่าน องค์รัชทายาทเทโย” เสียงกล่าวต้อนรับขบวนเสด็จ ดังกึกก้องขึ้นมา
“เรายินดีนัก องค์รัชทายาท ที่เราได้พบท่านในวันนี้”
ท่านจ้าวผู้ครองแคว้นอันโดะกล่าวขึ้นมา พร้อมเสด็จดำเนินมาสัมผัสพระหัตถ์ของพระองค์เอง กับองค์รัชทายาทเทโย
“กระหม่อมเองก็เช่นกัน”
รัชทายาทหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้ม แต่ใจร้อนรุ่มนัก อยากทอดพระเนตรพระคู่หมั้นจนพระทัยแทบขาด ทรงเบื่อไอ้พิธีรีตองนี่จะแย่แล้ว
“คนแก่นี่ ชอบทำสิ่งใดชักช้า ช่างขัดหูขัดตา ไปเสียหมดทุกเรื่อง”
ในใจทรงคิดหาคำมาด่าว่าที่พ่อตาของพระองค์สารพัด แต่ด้วยมารยาท และตำแหน่งขององค์รัชทายาทที่ค้ำคอพระองค์อยู่ ทำให้องค์รัชทายาทต้องหลับหูหลับตา นั่งฟังบรรดาขุนนางต่างแคว้น และท่านเจ้าครองแคว้นอันโดะ อย่างสงวนท่าที ไปตามหน้าที่ของพระองค์นั้น
“เราจะจัดเรือนรับรองให้ท่าน ใกล้ๆกับตำหนักของฮิมาวาริ และเพื่อตอบแทนที่ท่าน ที่ช่วยทางเราปราบกบฎ และพวกโจรป่าที่ชายแดน เราขอมอบหยกและไข่มุกจากทางใต้ พร้อมทั้งม้าศึกสีขาวให้ท่านเป็นของกำนัล ถ้าหากท่านต้องการสิ่งใด ก็ขอให้ทรงบอกมาเถิด มิต้องเกรงใจ เราจะให้คนไปจัดหามาให้ท่าน ถ้าสิ่งนั้นมิเหนือกว่าอำนาจของเราและขอเชิญพวกท่าน พักที่นี่ให้สบายเถิด ตราบเท่าที่ท่านต้องการ”
“ขอบพระทัยท่านเจ้าแคว้นอันโดะ กระหม่อมขอน้อมรับด้วยความยินดียิ่ง สิ่งที่กระหม่อมทำหวังเพียงให้เป็นของกำนัล แด่องค์หญิงฮิมาวาริเพียงเท่านั้นเองพะยะค่ะ”
เสียงทุ่มนุ่มกล่าวแบบไว้ตัว คล้ายจะเตือนถึงสาเหตุแห่งการมาเยือนของพระองค์
“ไปตามองค์หญิงฮิมาวาริมา”
เมื่อทรงนึกขึ้นได้สุรเสียงทรงอำนาจจึงตรัสสั่งขึ้นมา
“พะยะค่ะ”
ทหารที่อยู่ด้านนอกรับคำสั่ง แล้วจึงรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
เช้านี้ องค์หญิงฮิมาวาริ ทรงตื่นบรรทมแต่เช้า ด้วยกำหนดการส่งขบวนเจ้าสาวขององค์หญิงใหญ่นั้น คือเช้าวันนี้แต่ก็น่าแปลกนัก ที่สายขนาดนี้แล้ว กลับยังไม่มีคำสั่งให้จัดขบวนหรือตระเตรียมการอันใด แต่เนื่องด้วยไม่มีสิทธิ์อันใดในเรื่องนี้ จึงได้แต่ทนรอเงียบๆเพียงเท่านั้น แต่เมื่อเวลานั้นล่วงเลยนานเข้า เจ้าร่างน้อยที่เฝ้ารออยู่ ก็อดรนทนไม่ไหว ต้องมาเดินเล่นเพียงผู้เดียว อยู่ในอุทยานหลวง
ทรงเดินชมดอกไม้ไปพร้อมกับเก็บดอกไม้ใส่ผ้าคลุมผืนน้อยอย่างเย็นใจ แล้วอยู่ๆพระเนตรก็กระตุกอย่างไม่มีสาเหตุ คิดสงสัยเพียงนิด แต่ก็รีบปัดความคิดนั้นทิ้งลงไปอย่างรวดเร็ว
“อยู่ในเขตพระราชฐาน จะมีเหตุร้ายอันใดกันเล่า”
เดินใจลอยจนเก็บดอกไม้ได้เต็มตระกร้า ร่างกายก็อบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งไปหมด โดยที่ทรงมิรู้องค์ แล้วก็ได้ยินเสียงร้องเรียก ของเหล่าพระพี่เลี้ยง ที่ดังขึ้นพร้อมๆกัน
“องค์หญิงอยู่ที่ใดเพคะ องค์หญิงฮิมาวาริ องค์หญิง”
เสียงของเหล่านางกำนัล เรียกหาด้วยความร้อนรน
“ข้าอยู่นี่ มีเรื่องอันใดกัน ถึงต้องเรียกข้าด้วยเสียงดังเช่นนี้”
ดวงหน้าใสย่นพระนาสิกขึ้น แสดงให้เห็นว่าขัดใจพระองค์แล้วนะ
“ท่านจ้าวแคว้นรับสั่งให้เข้าเฝ้าเพคะ”
นางกำนัลที่หมอบอยู่ใกล้ๆ รีบเร่งกราบทูลโดยพลัน
“เจ้าเอาดอกไม้นี่ไปเก็บนะซาจิ ดอกใดหอมก็เก็บไว้เยอะๆ ข้าจะไปหาท่านพ่อเดี๋ยวนี้”
สั่งเสร็จก็รีบวิ่งไป โดยไม่ได้สนใจหันมามองนางกำนัล ที่ทรุดลงกับพื้นหญ้า แล้วส่ายหัวบ่นพึมพัมขึ้นมาเลย
“ซาจิเอ๋ยซาจิ องค์หญิงกลับมาทรงต้องเล่นงานเจ้าแน่ๆ”
“ก็จะให้ทำอย่างไรได้ ยังไม่ทันเสด็จไปที่ใด แผนการที่องค์หญิงวางไว้เสียดิบดีก็ล่มไม่เป็นท่าเอาเสียแล้ว”
“เพราะเจ้าชายรัชทายาท ที่พระองค์ทรงหวาดกลัวนักกลัวหนา จนถึงกับเตรียมการหลีกหนีนั้น ทรงไปประทับจิบพระสุธารสชา รอองค์หญิงของนางอยู่ในพระราชฐานชั้นนอกเสียแล้ว”
คิดแล้วก็จนใจ กลับจากเข้าเฝ้าตัวนางคงเละไม่มีชิ้นดี แต่จะให้ทูลบอกองค์หญิงนางก็เกรงองค์หญิงจะไม่ไปเฝ้า แล้วดำริอะไรแผลงๆ ให้โดนพระราชอาญาหนักกว่าเก่าขึ้นมาอีก
“เพราะอย่างไรนั้น ทั้งสองพระองค์ก็ยังไม่เคยพบพักตร์กันเลยแม้เพียงสักครั้ง สู้เงียบปากไว้ก่อน รอองค์หญิงกลับมาจากเจ้าเฝ้าท่านจ้าวแล้วค่อยว่ากันอีกครา ดีกว่าต้องอาญาหนัก ฐานสมรู้ร่วมคิด พาองค์หญิงหลีกหนีมิไปเข้าเฝ้าตั้งแต่แรก”
“แต่องค์หญิงของนางนั้น ต้องกริ้วนางหนักแน่ๆเลย ฮือๆ”