หลังสิ้นปฐมาจารย์สัตตะ เวทยสภาที่สูญเสียผู้นำจึงสั่นระฆังเรียกไสยกร-ผู้วิเศษทั้งหลายให้หวนกลับมาเพื่อผลัดสภา ท่ามกลางความวุ่นวาย เราพบศพของโนเวมเบอร์ในสถานที่โปรดของเธอ การไล่ล่าหาตัวฆาตกรจึงเริ่มขึ้น

ซากหนูฟ้าในสภาผู้วิเศษ [A Blue Mouse in the House of Wonders] - บทนำ (1): Yellow in Dripping Red / เมื่อเหลืองโชกด้วยแดง โดย Maliwan T. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,แอคชั่น,ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ดราม่า,เวทมนต์,อาชญากรรม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ซากหนูฟ้าในสภาผู้วิเศษ [A Blue Mouse in the House of Wonders]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,แอคชั่น,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ดราม่า,เวทมนต์,อาชญากรรม

รายละเอียด

ซากหนูฟ้าในสภาผู้วิเศษ [A Blue Mouse in the House of Wonders] โดย Maliwan T. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังสิ้นปฐมาจารย์สัตตะ เวทยสภาที่สูญเสียผู้นำจึงสั่นระฆังเรียกไสยกร-ผู้วิเศษทั้งหลายให้หวนกลับมาเพื่อผลัดสภา ท่ามกลางความวุ่นวาย เราพบศพของโนเวมเบอร์ในสถานที่โปรดของเธอ การไล่ล่าหาตัวฆาตกรจึงเริ่มขึ้น

ผู้แต่ง

Maliwan T.

เรื่องย่อ

หลังจากนอนพะงาบอยู่ในสภาพซากคนมาหลายปี ในที่สุดไพร์มเมกัสคนที่ 14 ‘สัตตะ’ ก็สิ้นใจจากไปด้วยโรคชรา หลังสิ้นปฐมาจารย์เฒ่าได้ไม่นาน ‘เวทยสภาหลวงฯ’ ที่เพิ่งสูญเสียผู้นำ จึงสั่นระฆังเรียกเหล่าไสยกร-ผู้วิเศษมีชื่อทั้งหลายให้หวนกลับมาที่ป้อมดำ เพื่อเปลี่ยนฉัตรและผลัดสภา การแย่งชิงตำแหน่งไพร์มเมกัสจึงเกิดขึ้นอีกครั้งในรอบ 70 ปี และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่คาด 

 

ตลอดเดือนที่ผ่านมานี้มีรายงานการหายตัวไปของผู้วิเศษผุดขึ้นอย่างดาษดื่น บ้างไม่เหลืออะไรให้สืบพบ บ้างก็เหลือเพียงซากในปลักตม คราบและไอดำจากการใช้เวทลอยเกลื่อนคลุ้งไปทั่วที่เกิดเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็จะปล่อยให้พวกมันฆ่ากันเองต่อไป ตราบเท่าที่เรื่องนี้ไม่กระทบผู้บริสุทธิ์ แต่เราคิดผิด...

 

วันที่ 11 พฤษจิกายน 2080 ร่างไร้วิญญาณของโนเวมเบอร์ถูกพบในโรงแรมแห่งหนึ่ง ไสยวัตถุทรงพลังหลายชิ้นถูกขโมยไปจากศพของเธอ การไล่ล่าหาฆาตกรจึงเริ่มขึ้น

 

สารบัญ

ซากหนูฟ้าในสภาผู้วิเศษ [A Blue Mouse in the House of Wonders]-คำนำ (ข้ามไปก็ได้ครับ),ซากหนูฟ้าในสภาผู้วิเศษ [A Blue Mouse in the House of Wonders]-บทนำ (1): Yellow in Dripping Red / เมื่อเหลืองโชกด้วยแดง,ซากหนูฟ้าในสภาผู้วิเศษ [A Blue Mouse in the House of Wonders]-บทนำ (2) Yellow in Dripping Red / เมื่อเหลืองโชกด้วยแดง,ซากหนูฟ้าในสภาผู้วิเศษ [A Blue Mouse in the House of Wonders]-บทนำ (3): Yellow in Dripping Red / เมื่อเหลืองโชกด้วยแดง

เนื้อหา

บทนำ (1): Yellow in Dripping Red / เมื่อเหลืองโชกด้วยแดง


“…ร่างนั้นคลานสี่ขา พลางชักกระตุกด้วยฤทธิ์มนต์อยู่ข้างประตูเหล็กได้ไม่นาน ในที่สุด เสียงกระซิบร้องขอเริ่มแปรเปลี่ยน ผิวของร่างที่สั่นกลัวก็เริ่มปริแตก แม้นจะมีอักขระเรืองเวทที่เคลือบรั้งกำบังกาย ก็มิอาจต้านแรงปะทุจากภายใน เมื่อยิ่งหวีดร้องหวาดกลัวฤทธิ์มนต์ก็ยิ่งคลาคลั่ง ฉีกเนื้อหนังทึ้งมังสา หลายรอยเล็กกรีดผสานสู่ร่องใหญ่ หัวจดเท้า เลือดที่เคยไหลเอื่อยก็พวยพุ่งชุ่มร่างอาภรเหลือง สาดกระเซ็น เหม็นกลิ่นคาว แม้เจ้าร่างจะแข่งขื่นคงสติ  ตะเกียกกายฝืนบาดแผล แต่แล้วจิตใจที่แกรกกล้าก็จำนนต่อร่างกายที่แหลกเหลว สยบยอมต่อชะตากรรม ล้มเกลือกกลิ้งดิ้นลงพื้น ผิวสีคล้ำแลเนื้อสีแดงล้วนผลิ ปลิ้น สิ้นสภาพ…”


“ทิศตะวันออก-ตะวันตก ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ”

“ทิศใต้ เหลือขั้นตอนสุดท้าย จะพร้อมในอีก 3 นาทีแน่นอนครับ”

“ทราบแล้ว เราจะทำการรบกวนสัญญาณในอีก 1 นาที ขอให้ทุกคนเปลี่ยนไปใช้วิทยุสื่อสาร”

“ผมขอย้ำ ให้เปลี่ยนไปใช้วิทยุสื่อสารในย่านคลื่นที่กำหนดไว้ตามแผน อย่าลืมเปิดวิทยุ”

เอม เน้นย้ำทุกหน่วยเรื่องตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วยน้ำเสียงเข้มเคร่ง นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ดังออกมาจากหูฟังของผมก่อนทุกอย่างจะแผ่วหายไป เหลือเพียงเสียงสวดพึมพำ เสียงค้อนตอกเสาและเสียงภูตสางที่ดังแหวกออกมาจากแมกไม้ ขณะที่พวกเรากำลังปิดล้อมโรงฆ่าสัตว์เก่าใต้ผืนฟ้าเทาอึมครึม

 

หลายครั้งผมก็ไม่เข้าใจตัวเอง ผมนั้นเกลียดชังพวกผู้วิเศษทั้งโดยหน้าที่และสันดาน ผมรอดูความวินาศของพวกมันมาครึ่งชีวิต และแล้ววันนี้ก็มาถึง ที่จริงผมควรจะดื่มด่ำเพลิดเพลินกับความวอดวายตรงหน้า แต่พอหันมาดูสภาพพวกมัน ณ ตอนนี้แล้ว กลับรู้สึกละเหี่ยใจแปลกๆ เหมือนตั้งแต่ไพร์มเมกัสคนก่อนแก่ตายไป การเมืองภายในของ ‘เวทยสภาหลวงฯ’ ก็ตกต่ำ กะปลิกกะเปลี้ยลงทุกวัน ทุกอย่างเริ่มจากว่าที่ไพร์มฯ คนใหม่ไม่ตอบจดหมายเพื่อเข้ารับตำแหน่ง ระฆังสถาปนาถูกสั่น-ปฐมาสาส์นถูกส่งแต่ไร้เสียงขานรับ

ถึงจะรู้กันอยู่ว่าพวกไสยกรทั้งหลายในสภาฯ ทั้งหัวหงอกหัวโล้นนั้นไม่ค่อยชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่ แม้จะผ่านพิธีคัดเลือกมาโดยชอบ วิชาแกร่งกล้า และมีเวทสมบัติของร่างกายยอดเยี่ยม แต่ก็ชัดเจนว่ายังอ่อนพรรษาเกินไปที่จะเท่าทันเหลี่ยมของท่านผู้เรืองเวทที่เจนจัด

ใช้ส้นเท้ามองก็ยังดูออกว่าตัวของ‘แบล็กแฮนส์’นั้นยังเยาว์และพร่องบารมีเกินไปที่จะครองฉัตรหรือรั้งตำแหน่งไพร์มฯ เอาไว้ได้นาน แต่เราก็ไม่นึกว่ายอดไสยกรระดับเขาจะพลาดโดนจัดการไปได้ง่ายๆ พวกเราแน่ใจว่าความตึงเครียดนี้จะนำมาซึ่งปัญหาในอนาคต แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะมาจ่อคอหอยเร็วขนาดนี้

“จากทีมสอดแนมถึงเอม… เราส่งโดรนเล็กเข้าไปตรวจสอบแล้ว พบร่องรอยการใช้เวทมนตร์ในอาคาร วัดความเข้มข้นของไอดำระดับ 4.2 และเหมือนต้นต่อของไอดำจะมาจากห้องแช่แข็งเนื้อที่ปิดมิดชิดครับ เราส่งโดรนเข้าไปตรวจสอบในห้องไม่ได้ แต่เราจับเสียงคนคุยกันได้ ถึงเสียงจะเบามากแต่ตรวจสอบแล้วน่าจะเป็นเสียงของเป้าหมายครับ”

วิทยุในกระเป๋าเสื้อโค้ตของผมดังขึ้น ประเดิมเสียงแรกด้วยทีมสอดแนมเหมือนทุกครั้ง สิ่งที่ดีที่สุดของวันนี้คือ การได้เห็นเอมและทุกคนทำงานกันได้ดีโดยไม่ต้องมีผม

 

“เอมถึงทีมสอดแนม… พยายามสอดส่องต่อไป ระวังอย่างให้พวกมันรู้ตัว ที่สำคัญคือช่วยส่งแผนผังอาคารเท่าที่เป็นไปได้มาให้ผมที แล้วก็อย่าพาตัวเองไปใกล้อาคารมากเกินไป ไอดำระดับ 4.2 ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้”

 

“รับทราบครับเอม แผนผังจะเสร็จในอีก 3 นาที ทีมสอดแนม เลิกกัน”

 

สรุปคือ หลังจากไพร์มเมกัสคนที่ 14 ‘สัตตะ’ เหี่ยวตายไปศพยังไม่ทันเย็น แบล็กแฮนส์ ก็หายตัวไปพร้อมกับ โนเวมเบอร์ เวทยสภาจึงไร้ผู้ปกครอง นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับ ว่าที่ไพร์มเมกัสและคู่หูของเขา ตอนแรกทางเวทยสภาพยายามปิดข่าวไม่ให้พวกเราในภาคี ได้รับรู้ และพยายามส่งไสยกรในสังกัดออกไปตรวจสอบเอง แต่ขี้ก้อนนี้ก็ใหญ่และแหลกเหลวเกินกว่าจะกวาดไว้ใต้พรม

 

ไม่นานมันก็ไหลซึมโชยหึ่งมาเข้าจมูกพวกเราที่ภาคี ทีมข่าวกรองของเรายังรายงานเพิ่มเติมอีกว่ามีไสยกรหายตัวไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน หลังจากเคสของแบล็กแฮนส์ และหลังจากงกๆ เงิ่นๆ ก้มเช็ดขี้ก้อนเขื่องนี้อยู่นาน เวทยสภาที่หมดสิ้นหนทาง จึงส่งคำร้องขอความช่วยเหลือมาถึงพวกเรา และแน่นอนว่าหวยก็ต้องมาลงที่ผม คนซวยที่ต้องเกลือกกลั้วคลุกขี้ มา ‘งมหา’ คนหายอยู่ตอนนี้

 

"จากทิศใต้ ตอนนี้พร้อมแล้วครับ จะเริ่มจุดไฟเผากำยานใน 3...2...1.."

 

ผมเริ่มจากเคสที่ง่ายที่สุด เป็นงานที่หนักแต่ไม่ยาก การแกะรอยไสยกรทำได้โดยติดตาม 'ไอดำ' ในอากาศที่ร่างกายของพวกมันปล่อยออกมาตอนใช้วิชา เหมือนควันจากกองไฟ-ไอเสียจากเครื่องยนต์

ภูมิภาคนี้นิยมสักยันต์เพื่อตรึงวิชาคงกระพัน-ชาตรีไว้กับตัว ยันต์ที่อยู่บนร่างกายจะทำให้วิชานั้นถูกใช้อย่างอ่อนๆ ตลอดเวลา และเมื่อมีการใช้มนต์อยู่ตลอด ร่างกายก็จะปล่อยไอดำออกมาตลอดเช่นกัน ยิ่งเป็นไสยกรที่มีรูปแบบไอดำเป็นเอกลักษณ์แบบ ‘พระอาจารย์เสก’ ก็ยิ่งหาตัวได้ไม่ยากนัก เป็น 36 ชั่วโมงที่ยาวนาน แต่เราก็เจอเขาแล้วเหลือเพียงไปช่วยออกมา และก็ดูเหมือนว่าตอนนี้ ‘พิธี’ ก็จวนจะเสร็จแล้ว...

 

"เอมถึงทุกหน่วย ตอนนี้พิธีได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว....อย่าให้พวกผี-ภูติสัมผัสโดนตัว"

 

ณ ชายป่ารอบอาคารเป้าหมาย ระหว่างที่พราหมณ์แก่เลือดบริสุทธิ์จากตระกูลรดิส กำลังช่วยกันบริกรรมคาถาบทสุดท้ายให้เสียงคล้องผสาน พราหมณ์หนุ่มก็หวดค้อนทุบไม้หอมปักลงดิน ขึงสายสิญจน์ เผากำยาน เมื่อเข้าขั้นตอนนี้ แม้ตาเนื้อจะมองไม่เห็น แต่ถ้าตั้งใจฟังมากพอผู้เดินเท้าที่ผ่านการฝึกมาก็จะเริ่มได้ยินเสียงโหงภูตเริ่มครั่นคร้ามส่งเสียงโอดครวญหวีดแหลม แม้จะเบาเหมือนเอานิ้วมาถูกันที่ข้างหู แต่ก็ยังพอได้ยินเพราะเสียงภูตนั้นดังโดดออกมาจากเสียงสวดบาลีและสันสกฤตโทนต่ำ และเมื่อสิ้นอาคมวรรคสุดท้าย พระเถราจารย์จ้าวพิธีทั้ง 4 มุม ก็กระทืบเท้าลงพื้นดังลั่นป่าพร้อมกัน 3 ครั้ง

 

 *ทึบ ทึบ ทึบ*

 

ทันใดนั้น เหล่าผีสางภูติพรายก็แตกฮือวิ่งพล่านออกมาชิดเขตสายสิญจน์ที่ล้อมเอาไว้ บ้างก็พรั่งพรูแห่ออกมาจากเชิงผาและต้นไม้ใหญ่ ทั้งเจ้าที่และเร่ร่อน เดรัจฉานและทรงภูมิ มากฤทธิ์และไร้เดช ก็แหกกระเชอหวีดร้องเสียดรูหู วิ่งไหลมารวมเป็นก้อนสีเขียวซีด พราหมณ์หนุ่มเห็นได้ทีก็ช่วยกันต้อนให้ออกจากเขตสายสิญจน์ทางด่านประตูที่เตรียมไว้ด้วยน้ำมนต์และข้าวตอก และเมื่อไล่พวกมันออกมาจากเขตสายสิญจน์จนหมดแล้ว เท่านี้ก็เหลือแค่เอาอาหารคาวหวานมาเซ่นผีเลี้ยงเจ้า ให้พวกมันกินจนอิ่ม เพียงเท่านี้พิธีกางสายดักผีก็จะถือว่าเสร็จสิ้น....สักที

 

รูปแบบพิธีของพราหมณ์ทำโดยพระสงฆ์บนคติของศาสนาผี ใช้คนและเครื่องเคราเยอะหน่อย แต่ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพในการยับยั้งไสยเวทระดับล่างที่ต้องพึ่งพาฤกษ์ยามในการแสดงผล และที่สำคัญที่สุดคือตัวพิธียังสกัดเหล่าพรายกระซิบที่ถูกปล่อยออกมาหาข่าวไม่ให้พวกมันสื่อสารกับเจ้าผู้ครองวิญญาณของพวกมันได้ แค่นี้เหล่าจอมเวท-ไสยกรที่อยู่ในพื้นที่ก็เหมือน หูหนวกตาบอด ไม่สามารถรู้ได้ว่าพวกเราที่อยู่ข้างนอกกำลังจะทำอะไรต่อไป และเมื่อใช้ร่วมกับการรบกวนช่องทางสื่อสารอื่นๆ แล้วก็ถือเป็นการตัดช่องทางการสื่อสารโดยสมบูรณ์ทั้งเชิงกายภาพและไสยเวท

“เสียงพวกภูตกับเสียงกระทืบเท้าตอนสุดท้าย คงทำให้พวกนั้นรู้ตัวแล้วละครับหัวหน้า อุตส่าห์แกะรอยกับทำพิธีเงียบๆ มาทั้งคืน แหวกหญ้าให้งูตื่นตอนสุดท้ายจะคุ้มไหมครับเนี่ย?”