หลังสิ้นปฐมาจารย์สัตตะ เวทยสภาที่สูญเสียผู้นำจึงสั่นระฆังเรียกไสยกร-ผู้วิเศษทั้งหลายให้หวนกลับมาเพื่อผลัดสภา ท่ามกลางความวุ่นวาย เราพบศพของโนเวมเบอร์ในสถานที่โปรดของเธอ การไล่ล่าหาตัวฆาตกรจึงเริ่มขึ้น
แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,แอคชั่น,ไซไฟ,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ดราม่า,เวทมนต์,อาชญากรรม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ซากหนูฟ้าในสภาผู้วิเศษ [A Blue Mouse in the House of Wonders]หลังสิ้นปฐมาจารย์สัตตะ เวทยสภาที่สูญเสียผู้นำจึงสั่นระฆังเรียกไสยกร-ผู้วิเศษทั้งหลายให้หวนกลับมาเพื่อผลัดสภา ท่ามกลางความวุ่นวาย เราพบศพของโนเวมเบอร์ในสถานที่โปรดของเธอ การไล่ล่าหาตัวฆาตกรจึงเริ่มขึ้น
หลังจากนอนพะงาบอยู่ในสภาพซากคนมาหลายปี ในที่สุดไพร์มเมกัสคนที่ 14 ‘สัตตะ’ ก็สิ้นใจจากไปด้วยโรคชรา หลังสิ้นปฐมาจารย์เฒ่าได้ไม่นาน ‘เวทยสภาหลวงฯ’ ที่เพิ่งสูญเสียผู้นำ จึงสั่นระฆังเรียกเหล่าไสยกร-ผู้วิเศษมีชื่อทั้งหลายให้หวนกลับมาที่ป้อมดำ เพื่อเปลี่ยนฉัตรและผลัดสภา การแย่งชิงตำแหน่งไพร์มเมกัสจึงเกิดขึ้นอีกครั้งในรอบ 70 ปี และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่คาด
ตลอดเดือนที่ผ่านมานี้มีรายงานการหายตัวไปของผู้วิเศษผุดขึ้นอย่างดาษดื่น บ้างไม่เหลืออะไรให้สืบพบ บ้างก็เหลือเพียงซากในปลักตม คราบและไอดำจากการใช้เวทลอยเกลื่อนคลุ้งไปทั่วที่เกิดเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็จะปล่อยให้พวกมันฆ่ากันเองต่อไป ตราบเท่าที่เรื่องนี้ไม่กระทบผู้บริสุทธิ์ แต่เราคิดผิด...
วันที่ 11 พฤษจิกายน 2080 ร่างไร้วิญญาณของโนเวมเบอร์ถูกพบในโรงแรมแห่งหนึ่ง ไสยวัตถุทรงพลังหลายชิ้นถูกขโมยไปจากศพของเธอ การไล่ล่าหาฆาตกรจึงเริ่มขึ้น
….
….
20 นาทีต่อมาฝนห่าใหญ่ก็สาดลงมา ผืนฟ้าดําทะมึน ต่ำลงมาก็ขาวโพลนเพราะม่านฝน และถนนก็แปลงเป็นปลักโคลนสีเบจเหมือนชุดของผม ในไม่ช้าสีขาวทึบตันก็ลอยขึ้นจากทุกร่องรูของอาคาร ออกสู่อากาศตัดกับสีขาวใสของหยาดฝน มันฟูหนาจนกลืนอาคารเข้าไปทั้งหลัง จนกล้องของผมมองไม่เห็น แม้ไสยกรจะมีหนังและหน้าที่หนาได้ด้วยมนต์ แต่ก็ต้องพึ่งพาโพรงจมูกเหมือนสัตว์ทั่วไป ที่เหลือก็แค่รอให้ซีรมควันกำซาบปอดพวกมันจนทนไม่ไหว
“ทีมสอดแนมถึงทุกหน่วย แก๊สน้ำตาใช้ได้ผล!! ในอาคารมีการเคลื่อนไหวแล้วครับ แต่ควันหนามาก เราจับคลื่นเสียงได้ว่ามีคนประมาณ 5 คนกำลังวิ่งไปที่ประตูทิศเหนือตามแผน อีก 2 คนวิ่งไปทางประตูทิศใต้แต่เปลี่ยนใจวกกลับมาที่ทิศเหนือตามแผน...เตรียมตัวไว้ให้ดี!!"
“ทราบแล้วทีมสอดแนม ทิโมธีถึงทิศเหนือและใต้ ถ้ามีใครวิ่งออกมาทางประตูทิศเหนือแล้ว อย่างเพิ่งยิง ให้รอคำสั่งจากผมก่อน และเมื่อผมสั่งให้ยิงแล้ว ให้ทีมหลอกที่ประจำอยู่ประตูทิศใต้ วิ่งอ้อมอาคารมาล้อมพวกมันจากด้านหลัง”
“ครับอาจารย์ !! ”
“ทีมสอดแนมถึงทุกหน่วย จะมีคนมาถึงประตูใน 3…. 2….”
ตึง !! ประตูเหล็กหนาทิศเหนือสั่นขึ้นหนึ่งครั้งผงสนิมลอยเกลื่อนคลุ้ง
ตึง !! ครั้งที่สองเหล็กเริ่มบิดงอเป็นรูปคล้ายบางสิ่งกำลังพุ่งออกจากประตู
ตึง !! ครั้งสุดท้าย ประตูเหล็ก ควันขาว และบางสิ่งก็ทะลักออกมาสู่ปลักโคลน เมื่อแก๊สจางลงก็มองเห็นร่างลีบบางในจีวรสีเหลืองส้มที่ติดออกมากับประตู สิ่งนั้นพยายามหยัดยืนด้วยสองขาแต่ก็ไร้ผล มันคลานว่ายเปรอะปนในบ่อโคลน ตัวกระตุกหดเกร็ง ปากตะเบ็งโหยหวน เสียงคลั่งครวญพร้อมสองขาตีสะบัด สองมือกลัดประนมแน่น อักขระผุดแล่นขึ้นตามผิว เปลวดำปลิวไหลตามลม หัวปูดกลมไร้ปราณี
“ทิโมธีถึงเอม เช็กให้ผมทีว่าไอ้เหลือง ๆ นั่นมันใช่เสกไหม ?”
“จากกราฟไอดำที่โดรนวัดได้ และรูปแบบไอดำที่อัดแน่นเป็นเปลวจากการใช้สังฆเวท[1] ใช่ครับนั่นคือเสก”
“รับทราบ ทิโมธีถึงซี เห็นเขาผ่านกล้องไหม? บอกผมหน่อยว่าเขาเป็นอะไร”
“ถ้าแค่ดูด้วยสายตา... นั่นไม่ใช่ผลของแก๊สน้ำตาครับ มันดูผิดธรรมชาติ... กล้ามเนื้อลำตัวชักเกร็งแต่ขายังสะบัดไปมาแบบนั้น ระบบประสาทน่าจะได้รับผลของเวทมนต์หรือพิธีกรรมบางอย่าง เป้าหมายยังร้องได้อยู่แสดงว่ากล้ามเนื้อในกล่องเสียง ท่อลม และขากรรไกรไม่ได้เกร็งไปด้วย และดูจากการเคลื่อนไหวของหน้าอกตอนยืนขึ้นครั้งแรก กล้ามเนื้อที่ยึดซี่โครงกับกะบังลมก็น่าจะทำงานได้อยู่จึงยังหายใจได้ แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะรุนแรงขึ้นอีกจนระบบหายใจของเขามีปัญหารึเปล่า ถ้าหัวหน้าอยากจะช่วยเขาก็คงต้องทำตอนนี้แล้วละครับ.... ถ้าอยากนะ”
“ไม่ได้ พวกในอาคารยังไม่ออกมาเลย ถ้าเข้าไปช่วยตอนนี้—"
ผมโชคดีที่ครั้งนี้ไม่ต้องตัดสินใจ... อยู่ๆ เสียงครางโหยหวนก็เริ่มเบาลงเป็นเสียงกระซิบร้องขออะไรบางอย่างพร้อมฝนที่ซาลง ร่างสีเหลืองนั้นลุกขึ้นคลานสี่ขา พลางชักกระตุกด้วยฤทธิ์มนต์อยู่ข้างประตูเหล็กได้ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ในที่สุดเสียงกระซิบร้องก็ขอเริ่มแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ผิวของร่างที่สั่นกลัวก็เริ่มปริแตก แม้นจะมีอักขระเรืองเวทที่เคลือบรั่งกำบังกาย ก็มิอาจต้านแรงปะทุจากภายใน
แต่เมื่อยิ่งหวีดร้องหวาดกลัวฤทธิ์มนต์ก็ยิ่งคลาคลั่ง ฉีกเนื้อหนังทึ้งมังสา หลายรอยเล็กกรีดผสานสู่ร่องใหญ่ หัวจดเท้า มองเห็นเนื้อใต้หนังปริแดงดั่งผลทับทิมสุก เลือดที่เคยไหลเอื่อยก็พวยพุ่งชุ่มร่างอาภรเหลือง สาดกระเซ็น เหม็นกลิ่นคาว ไอแดงคลุ้งฟุุ้งฟ่ามในอากาศ แม้เจ้าร่างจะแข่งขื่นคงสติ ตะเกียกกายฝืนบาดแผล แต่จิตใจที่แกรกกล้าก็จำนนต่อร่างกายที่แหลกเหลว สยบยอมต่อชะตากรรม ล้มเกลือกกลิ้งดิ้นจมโคลน ผิวสีคล้ำแลเนื้อสีแดงล้วนผลิ ปลิ้น สิ้นสภาพ
“ทิโมธีถึงทุกหน่วย ให้อยู่ประจำที่อย่าเพิ่ง-”
ตี้ด.....ตี้ด…ตี้ด!...ตี้ด!!!!!... เครื่องวัดไอดำของผมดังแหลมขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงเริ่มระงมไปทั่วป่าจากเครื่องของทีมซุ่มที่กระจายอยู่ทั่วไป บางอย่างสีเขียวซีดพุ่งออกมาจากประตูที่ถูกเปิดสู่ทิศเหนือ พุ่งทะลวงแหวกอากาศเสียงแหลมสะท้านหู ทะลุผ่านตัวผม ต้นไม้ และทุกสิ่งที่ขวางหน้าราวกับเข็มพุ่งผ่านผิวน้ำ ไร้สัมผัส ไร้การเสียดทาน ทิ้งไว้แค่ไอดำคลุ้งในทางที่มันแล่นผ่านมา เห็นเป็นเส้นวิถีก่อนจะกลืนหายไปกับอากาศ ไม่ทิ้งรอยแผลหรือความเจ็บปวดใดๆ ผมไม่มีเวลาแม้จะตกใจ เพราะในไม่ช้าเสียงหวีดร้องก็ดังไปทั่วป่า ซึ่งนั่นเป็นเสียงของโหงภูต
“เอมแจ้งเหตุฉุกเฉิน!! พิธีดักผีถูกคลายออกแล้วจากทิศเหนือ พวกภูตที่เราต้อนไว้กำลังไหลไปที่อาคาร มันจะมาจากข้างหลังของพวกคุณ อย่าให้มันสัมผัสโดนตัวไม่งั้นไสยกรจ้าวภูตจะรู้ตำแหน่งของพวกคุณ อย่า-”
เอมพูดยังไม่สิ้นเสียง ควันแก๊สขาวทึบทั้งหมดก็ถูกผลักออกมาจากอาคารในคราวเดียว ด้วยลมที่แผ่วเบาเหมือนลมที่เป่าออกจากปาก ท่ามกลางควันหนา ชายผิวดำขลับร่างผอมสูงวิ่งออกมาจากอาคารพร้อมประกบเครื่องดนตรีแบบเป่าไว้ที่ปาก และเริ่มบรรเลงสร้างทำนองแสลงหู เหล่าภูตที่หลุดออกมาก็ตอบสนองด้วยเสียงร้องขับขานพร้อมเริ่มเคลื่อนไหวไหลกลับมาที่อาคาร ก่อตัวเรียงเป็นสายธารซีดเขียว วิ่งไหลผ่านตัวพวกเราไปทีละตน แต่การบรรเลงจำต้องสะดุดเพราะไสยกรจ้าวภูติเสียการทรงตัวในบ่อโคลน
“ทิโมธีถึงแม่นเหนือ 1 และแม่นเหนือ 2 ยังได้ยินผมไหม ?”
“ครับอาจารย์”
“เห็นพี่สำลีตัวขาวๆ ที่เป่าฟลูตอยู่ตรงนั้นไหม จัดให้พี่แกสักนัดซิ เอาที่ขาอย่าให้ตาย แต่ถ้าแกไม่หยุดอีกก็จัดการได้เลย ส่วนคนที่เหลือถ้าโดนภูตผ่านตัวแล้วให้เปลี่ยนตำแหน่งตัวเอง”
“รับทราบ”
ชายผิวดำโดนยิงที่ขาจนล้มลงไปในปลักโคลน เมื่อฟลูตหลุดมือเหล่าโหงพลายที่เคยไหลไปทางเดียวกันก็เริ่มแตกกระจายหลงทิศหลงทาง ทั้งคนทั้งแก๊สและผีทุกอย่างโกลาหลเคลื่อนไหวไปมา ระบบวิทยุเริ่มใช้การไม่ได้เนื่องจากผลของเหล่าภูตผี ระหว่างที่ผมหาทางย้ายตำแหน่งของตัวเอง เสียงฟลูตก็กลับมาอีกครั้ง ไสยกรผิวดำไม่ยอมแพ้นอนตะเกียกกายบรรเลงอยู่ในบ่อโคลนที่เริ่มกลายเป็นสีแดงด้วยเลือดของเขา ทีมซุ่มจึงยิงเข้าไปอีก 1 นัด แต่ครั้งนี้มีอะไรบางอย่างกระโดดมาขวางกำบังร่างของเขาไว้ มันชะงักบิดงอด้วยแรงกระแทกของกระสุนในขณะที่พยายามทรงตัวในบ่อโคลน และนั่นคือ ร่างสีเหลืองที่โชกด้วยแดงของเสกที่กลับมายืนได้อีกครั้ง ศพของเสกกระโดดไปมาคอยกำบังกระสุนนัดแล้วนัดเล่าอย่างผิดธรรมชาติ แม้วิญญาณจะหลุดลอยไปแล้วแต่ ซากเหลือนั้นยังคงมีอักขระเรืองเวทฝังไว้ที่ผิวอยู่เช่นเดิม อักขระที่ทำให้ร่างไม่บุบสลายด้วยคมกระสุน
“ทิโมธีถึงแม่นเหนือ 1 และแม่นเหนือ 2 ผลัดกันยิงต่อไปถึงมันจะรู้ตำแหน่งของพวกคุณแล้ว แต่ถ้ายิงกดหัวมันไว้มันก็ลุกหนีไปไหนไม่ได้ ส่วนคนที่เหลือถ้าเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองแล้ว จับตาดูที่ประตูไว้ถ้ามีใครวิ่งออกมาอีกยิงได้เลยไม่ต้องรอผมสั่ง ในอาคารต้องมีคนอีกแน่จับตาพวกมันไว้ให้ดี”
“ทิโมธีถึงทิศใต้ ถ้าทางนั้นไม่มีอะไรแล้ว ก็ค่อย ๆ อ้อมอาคารมาล้อมพวกมันตามแผนได้เลย อย่าพยายาเข้าประชิดตัว ให้ใช้อาวุธยาวสู้กับมันแทนถ้าจำเป็นต้องสู้”
“ทิโมธีถึงเอม ผมต้องเปลี่ยนตำแหน่ง สั่งการแทน—"
ระหว่างที่ผมกำลังสั่งการพร้อมออกวิ่งเปลี่ยนตำแหน่งตัวเอง ผมช้าเกินไปจนมีชากคนอีกร่างเลื้อยออกจากอาคารเข้ามาที่เนินของผม โชคดีที่บ่อโคลนชะลอมันไว้จนผมตั้งตัวได้ทัน มันเหมือนร่างคนตัวสูงสีขาวซีดที่ถูกมัดไว้มองไม่เห็นรยางค์แขนขาใดๆ พร้อมเคลื่อนไถลไปบนโคลน เสียงปืนเริ่มดังขึ้นเพราะเด็กๆ ยิงคุ้มกันให้ผม ก่อนผมจะยกมือสั่งให้พวกเขาเลิกห่วงผมและไปสนใจที่อาคารแทน เพราะสิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนต้องเข้าโรมรันกับมัน คือมีคนอีก 4 ถึง 5 คนวิ่งออกมาจากประตูทิศเหนือ บ้างแบกหีบ บ้างกวัดแกว่งคทา บ้างพนมมือบริกรรมคาถา ทั้งหมดพยายามวิ่งฝ่าบ่อโคลนเข้าไปที่ชายป่าตรงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นเสียงปืนดังสนั่นเป็นช่วงๆ วิทยุสื่อสารรวนระงมจนฟังไม่ได้ศัพท์เพราะผลของภูติ แต่ก็หมดห่วงที่เอมจะรับช่วงต่อสั่งการแทน ทุกคนแม้แต่ผมต่างต้องต่อสู้ในส่วนของตัวเองท่ามกลางกลุ่มแก๊สขาว บ่อโคลน และหยาดฝนที่ตกลงมาอีกครั้ง
…..
…..
…..
ผมเดินออกมาจากชายป่า หลังจากจัดการเจ้าศพนั่นได้ ผมไม่แน่ใจว่านานแค่ไหน แต่วิทยุกลับมาใช้งานได้แล้ว เอมรายงานว่าพวกมันโดนยิงบาดเจ็บไป 2 คน และที่ดีที่สุดคือพวกเราไม่มีใครบาดเจ็บ ถือว่าทำได้ดีเมื่อต้องสู้กับไสยกรจำนวนมากแม้ว่าพวกมันจะหนีไปได้ทุกคนก็ตาม ทีมจากประตูทิศใต้เข้ามาล้อมและใช้หอกหยุดร่างของเสกไว้ได้โดยต้องใช้คน 4 คนในการหยุดเขา จึงกลายเป็นว่าเราได้ตัวเขากลับมาแม้จะเหลือแต่ร่างก็ตาม สำหรับผมถือว่าเป็นชัยชนะ ถึงจะกำได้ขี้แต่ยังไงก็ดีกว่าตด และไม่มีใครต้องสละชีพเพื่อขี้ ผมเดินออกมาพร้อมยิ้มหวานให้กับทีมของซีที่กำลังตรวจสอบร่างของเสกในบ่อโคลนอย่างแข็งขัน พร้อมเก็บตัวอย่างเลือดและไอดำที่ยังหลงเหลือจุดที่ปะทะ
เอมรายงานว่าพวกมันหนีเข้าไปในชายป่าและเขาก็ไม่สั่งให้คนของเราตามไปซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะการสู้กับไสยกรในขณะที่เรามองไม่เห็นตัวมันก่อนนั้นเป็นเรื่องอันตราย และฝนก็หยุดตกจนเห็นฟ้าหลังฝนที่สดใส ผมกลับแปะมือไฮไฟฟ์กับพวกเด็ก ๆ ที่รถบัญชาการ ระหว่างรอที่ทีมมาตรวจสอบภายในอาคาร ช่างเป็นเวลาที่น่ายินดี จนกระทั่ง….
“อาจารย์ครับ มีสายเข้ามาครับจากคอมมิชชันเนอร์ ฟาราเดย์ แนบมากับรายงานเฉพาะกิจ เป็นสายความสำคัญสูงสุดครับ ต้องรับตอนนี้” เอมยื่นมือถือให้ผมด้วยสีหน้าระส่ำปราศจากความยินดีบนใบหน้าต่างจากทุกคน อาจเป็นเพราะชื่อของฟาราเดย์เป็นชื่อที่ไม่มีใครอยากได้ยินในช่วงเวลาแบบนี้
…
“สวัสดีครับคอมมิชชันเนอร์ ทิโมธี เออ… ผมอยากแจ้งคุณว่า ทีมของผมเจอเธอแล้ว… ผมหมายถึงโนเวมเบอร์… เราพบเธอในห้องในโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ในการดูแลของสภาฯ แต่ไม่พบร่องรอยของแบล็คแฮนส์…. เออ ผม.... ผมขอโทษ ทีมของผมเจอเธอช้าไป…. ผมเสียใจ”
[1]สังฆเวท (สัง-คะ-เวด):เวทของพระสงฆ์ (Clergy Magic) เป็นเวทมนตร์ประเภทหนึ่งในจักรวาลของนิยายเรื่องนี้ โดดเด่นเรื่องการรักษา ขับไล่สิ่งชั่วร้ายและล้างผลของเวทมนตร์อื่น ไอดำที่ปล่อยออกมาจากการใช้สังฆเวทมักจะอัดแน่นคล้ายเปลวไฟที่ลุกโชน