นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
รัก,หญิง-หญิง,ครอบครัว,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,ฟินGL,ฟิน,หวาน,คลั่งรักขั้นสุด,รัฐ,ทะเลทราย,คลั่งรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
ผู้แต่ง
Number17
เรื่องย่อ
ดินแดนทะเลทรายอันไกลโพ้น มีรัฐอิสระที่แยกตัวออกมาปกครองตนเองอยู่สี่รัฐ ซารียาส อะมาลี ยาซีส และซัลมา
ซารียาส มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ประเมินค่าไม่ได้ อย่างน้ำมันและทองคำ เป็นรัฐที่มั่งคั่งและร่ำรวย รัฐบาลมีการจัดการที่ดีให้ชาวเมืองได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม ภูเขาสูงย่อมมีเหวลึก เมื่อมีซารียาสที่เป็นดั่งแดนสวรรค์ ซัลมา รัฐเล็กๆที่มีพื้นที่ติดต่อกับซารียาสก็เป็นดั่งเหวลึก รัฐบาลซัลมาภายใต้การปกครองในยุครัฐบาลปัจจุบันชาวเมืองห่างไกลคำว่าสุขสบายไปมาก ผู้คนชั้นแรงงานส่วนใหญ่อดอยาก จึงมีปัญหาแรงงานที่ล้นทะลักเข้าไปทำงานยังซารียาสอย่างผิดกฎหมายมากขึ้นทุกปี
ปัญหาเริ่มบานปลายเมื่อคนลักลอบไปทำงานมากขึ้นและเริ่มส่งผลต่อแรงงานของคนพื้นถิ่น เป็นเหตุให้รัฐบาลซารียาสต้องเร่งผลักดันพวกเขาออกไป แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเมื่อบทกำหนดโทษของผู้กระทำความผิดตามกฎหมายของซารียาสนั้นแตกต่างออกไป นั่นก็คือการเฆี่ยนด้วยแส้ รวมถึงมีข่าวจากวงในว่าจะมีการปราบปราบแรงงานอย่างเข้มงวด
เป็นเหตุให้ ฮันนา หญิงสาวลูกครึ่งชาวซัลมา+อังกฤษที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศของซัลมาจะต้องหาวิธีเข้าไปช่วยแรงงานคนของรัฐให้กลับมาก่อนที่จะมีประกาศกวาดล้างอย่างจริงจัง
เธอตัดสินใจเข้าไปเป็นทูตเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ไม่ดีนักของทั้งสองรัฐ เบื้องหลังเพื่อช่วยเหลือคนงานอย่างลับๆ แต่ทุกอย่างที่เธอทำอยู่ภายใต้การจับตามองของผู้ครองแคว้นสุดเข้มงวดอย่าง รียา ผู้ครองแคว้นลำดับที่สิบสามของซารียาส มีข่าวลือหนาหูออกมาว่าเธอเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งและไม่ชอบชาวซัลมาอย่างมาก เพราะเหตุขัดแย้งเมื่อหลายสิบปีก่อน
สาวนักการทูตจากซัลมาจะทำภารกิจของเธอสำเร็จหรือไม่ การเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งสองรัฐที่มีปัญหากันมายาวนานจะจบลงแบบไหน
หรือจะมีความสัมพันธ์แบบใหม่ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ไม่มีใครรู้ ร่วมเดินทางไปด้วยกันนะคะ
สวัสดีค่ะทุกคนเป็นนิยายเรื่องแรกที่ลองนำมาลงที่ Plotter ฝากติดตามด้วยนะคะ
ครั้งนี้เข้าบุกตะลุยดินแดนทะเลทรายกับบ้างที่รับรองว่าร้อนจริง จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่เขียนขึ้นมาเอง...ห่ะๆ ชื่อสถานที่ เมือง กฎหมายตั้งขึ้นตามใจไรต์นะคะ (เป็นเรื่องแต่งขึ้นตามจินตนาการของไรต์นะคะ) ที่จริงแล้วไรต์เองที่เป็นผู้ครองแคว้นตัวจริง
ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้อีกสักเรื่องนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอด ไรต์จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้อ่านกันเรื่อยๆ เพราะเหงาอยากคุยกับนักอ่าน
คอมเม้นต์มาคุยกันได้ตลอดนะคะ รักทุกคนค่ะ
[Number17]
4
คนนอก
คุณโรเจอร์นั่งอยู่ท่ามกลางคณะกรรมาธิการระดับสูงทั้งห้าคนและหัวโต๊ะเป็นท่านนายกรัฐมนตรีบาซิม
"ผมได้อ่านรายงานแล้ว คุณมีความคิดเห็นเรื่องนี้ยังไงคุณโรเจอร์"
"ผมคิดว่าทางรัฐซัลมาควรติดต่อซารียาสให้เร็วที่สุดเพื่อขอความร่วมมือทางนั้นได้เปิดโอกาสให้แรงงานที่เดินทางเข้าไปอย่างผิดกฎหมายได้ลงชื่อกลับมา และทางเราก็ควรมีมาตรการป้องกันไม่ให้พวกเขากลับไปอีก โดยการหาอาชีพที่เหมาะสมให้"
"คุณนี่คิดอะไรสวยงามเหมือนกับที่ที่คุณมาจริงๆเลยนะ" นายกรัฐมนตรีบาซิมพูดขึ้นโดยไม่ได้สนใจว่าคุณโรเจอร์จะรู้สึกยังไง เพราะในห้องนี้มีเพียงคุณโรเจอร์ที่เป็นคนนอก ส่วนคนอื่นๆเป็นชาวซัลมาทั้งหมด
"ผมแค่เสนอแนวทางที่ทั้งสองฝ่ายจะหาทางออกร่วมกันได้อย่างสันติ"
"ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะดังขึ้นคับห้องประชุม ราวกับคำว่า สันติ ที่ได้ยินเป็นคำตลก
"ดินแดนนี้ไม่มีคำว่าสันตินานแล้วคุณโรเจอร์แค่คำว่าอำนาจ ใครที่มีอำนาจต่อรองสูงกว่าก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการ เอาล่ะ! ถึงยังไงผมก็เห็นกับความตั้งใจดีของคุณในการช่วยเหลือชาวเมืองซัลมา ทางเราจะให้คุณกับทางกระทรวงเป็นผู้ออกนโยบายและดำเนินการช่วยเหลือ.."
คุณโรเจอร์แววตามีความหวัง
"แต่...การดำเนินการต่างๆของคุณหากเกิดความผิดพลาดใดๆคุณจะต้องรับผิดชอบเอง ทางรัฐบาลซัลมาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย คุณอย่าเพิ่งคิดว่าพวกเราใจร้ายถ้าหากว่าผลการดำเนินงานสำเร็จด้วยดีคุณกับกระทรวงก็รับประโยชน์ไปเลย คำสรรเสริญเยิญยอต่างๆผมยกให้เป็นความดีความชอบของคุณและทีมงาน แบบนี้..คุณจะว่ายังไง"
คุณโรเจอร์สีหน้าเครียด ไม่คิดว่ารัฐบาลของรัฐนี้จะเป็นแบบนี้ เขาเริ่มเป็นห่วงชาวเมืองและเด็กๆรุ่นหลังหากยังมีผู้ใหญ่ที่ไร้ความรับชอบแบบนี้
"ผมอยากทราบขอบเขตอำนาจของผมด้วยครับ"
"คณะทำงานเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่กระทรวงของคุณ"
"กำลังทหารล่ะครับ"
"เอ้า! ไหนคุณบอกว่าจะไปเจรจาไง จะใช้กำลังทหารไปทำไม เนี่ยคุณพูดอะไรย้อนแย้งนะคุณโรเจอร์ ที่จริงนโยบายที่คุณเสนอใช้คนไม่กี่คนด้วยซ้ำ ที่จริงคุณกับคนขับรถก็พอมั้ง ฮ่าๆๆๆ"
เสียงหัวเราะอย่างน่ารังเกียจดังขึ้นคับห้อง คุณโรเจอร์เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่คิดว่าตนเองจะได้มาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
หลังจากที่คุณโรเจอร์เดินผ่านพ้นประตูออกไป เสียงหัวเราะก็หยุดลง สีหน้าของผู้ที่เป็นผู้นำของรัฐเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"เป็นแค่คนนอกคิดจะมามีปากมีเสียงที่นี่" นายกบาซิมกล่าวออกมากลางวง
"เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้วท่านนายก"
"ผู้ครองแคว้นจะกลับมาอาทิตย์หน้าคาดว่าคงมีข่าวดีมาบอก"
"เราจะไว้ใจฝ่ายนั้นได้จริงๆเหรอ"
"ท่านอย่าลืมว่าความต้องการสูงสุดของคนคืออะไร อำนาจและเงินตราไม่ใช่หรือ สิ่งนี้ทำลายได้ทุกอย่างแม้แต่สายเลือดเดียวกันก็ไม่เว้น"
เหมือนว่ากลุ่มรัฐบาลผู้มีอำนาจสูงสุดของซัลมากำลังเตรียมการทำอะไรบางอย่าง
•••
ฮันนาเห็นรถของผู้เป็นบิดาขับเข้ามาในกระทรวงอีกครั้งเธอรีบวิ่งไปรอรับและหวังว่าข่าวที่ได้ยินจะเป็นสิ่งที่คิดเอาไว้
"คุณพ่อคะ..."
สีหน้าของคุณโรเจอร์เหมือนกับจะตอบทุกอย่างไปแล้ว
"ฮันนาเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ในกระทรวง เรื่องนี้เราต้องทำกันเองแล้ว"
"ได้ค่ะ" แม้จะยังไม่เข้าใจอะไรแน่ชัด แต่เธอก็ทำตามที่ผู้เป็นบิดาสั่งการ การประชุมภายในกระทรวงการต่างประเทศเริ่มขึ้น หัวข้อการประชุม เรื่องเร่งด่วนการติดตามช่วยเหลือและเรียกกลับแรงงานที่เดินทางเข้าไปทำงานแบบผิดกฎหมายในซารียาส ระยะเวลาดำเนินการภายในหนึ่งเดือน เป้าหมายจะต้องเรียกตัวผู้ที่ข้ามแดนไปกลับมาให้ได้มากที่สุด
"คุณอัสรี หาข้อมูลแรงงานที่เดินทางเข้าไปในซารียาสให้ผมด้วย ผมอยากได้จำนวนที่แน่ชัดหรือไม่ก็ใกล้เคียงที่สุด"
"ได้ค่ะท่านรัฐมนตรี"
"คุณราฮิบติดต่อคนของเราทั้งหมดที่อยู่ที่โน้นเตรียมการเอาไว้เกี่ยวกับการเดินทางกลับ"
"ได้ครับ"
"ตอนนี้สิ่งสำคัญที่เรายังไม่รู้คือ นายพลฮารีสจะเสนอรายงานต่อท่านผู้ครองแคว้นเมื่อไหร่ จะมีเวลาทันพอให้เราพาคนออกมาได้ไหม"
"ท่านคะ! เรื่องนี้ให้ดิฉันไปจัดการได้ไหมคะ ฉันขออาสาเข้าไปเป็นทูตเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐค่ะ" อันนากล่าวขึ้นกลางที่ประชุม เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องประชุม หากนับย้อนคืนกลับไปซัลมากับซารียาสเรียกได้ว่าล้มเหลวทางการทูตต่อกันมานานกว่าสี่สิบปี ตั้งแต่ปัญหาการขอผ่านแดนครั้งนั้น
"เรื่องนี้..."
"จะต้องมีคนที่ไว้ใจได้คอยรายการจากที่นั่นไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเราจะต้องทำงานแบบคาดการไปเอง ดิฉันคิดว่ามันอาจเกิดผลเสียที่ไม่คาดคิดขึ้นได้นะคะ"
คุณโรเจอร์พูดไม่ออก เขารู้ว่าจะต้องมีสักคนไปที่ซารียาส แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะส่งใครไปและเรื่องนี้เขาก็บอกกับฮันนาก่อนหน้านี้แล้ว ในฐานะคนเป็นพ่อแน่นอนว่าเขาไม่อยากส่งลูกสาวไป แต่หากคิดในมุมที่ฮันนาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งความรู้ความสามารถไม่มีใครเหมาะสมเท่าเธอ
"เรื่องนี้ผมขอคิดดูก่อน เอาล่ะเลิกประชุมทุกคนแยกกันไปทำงานเถอะครับ"
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆออกไปจากห้องประชุมกันหมดแล้วเหลือเพียงคุณโรเจอร์และลูกสาว
"คุณพ่อคะ.."
"ฮันนา"
"พ่อเชื่อใจหนูนะคะ"
คุณโรเจอร์ดึงลูกสาวเข้ามากอด น้ำตาของเขาซึมออกมา คิดโทษตัวเองในใจว่าตลอดระยะเวลาสามสิบปีที่อยู่ที่นี่ เขาที่ทระนงตนกลับไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรที่นี่ได้เลย ความหวังในตอนแรกอุดมการณ์อันแรงกล้าระหว่างเขาและพ่อภรรยา คิดเอาไว้ว่าจะร่วมกันพัฒนาซัลมาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สิบปีแล้วที่ตาของฮันนาเสียชีวิต หลังจากนั้นทุกอย่างในซัลมาก็เหมือนตกอยู่ในโลกมืด ความคิดเรื่องการพาครอบครัวของเขาออกไปจากที่นี่เริ่มผุดขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่เขากลับมาจากทำเนียบรัฐบาลวันนี้
"ผมจะไปกับเธอเองครับ"
รอบีสเดินเข้ามาในห้องประชุมที่สองพ่อลูกกอดกันอยู่ ทั้งคู่หันไปมองผู้มาใหม่ เจ้าหน้าที่หนุ่มเดินมาหาสองพ่อลูกพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่ในมือ คุณโรเจอร์แปลกใจ เหมือนว่าสองคนได้เตรียมมาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว
"ผมแค่อยากขอความอนุเคราะห์จากท่าน ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับนายพลฮาบีสของซารียาสอำนวยความสะดวกในการเดินทางของพวกเราและช่วยคุ้มกันระหว่างที่เราอยู่ที่นั่น"
"คุณรู้อะไรมาบ้างเนี่ยคุณเจ้าหน้าที่"
รอบีสยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ เมื่อถูกตั้งคำถามเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปรู้เรื่องราวของท่านรัฐมนตรีเพียงแค่ชอบอ่านประวัติบุคคลเท่านั้น จึงไปสะดุดกับทำเนียบนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่อังกฤษของคุณโรเจอร์และไปพบภาพระหว่างทั้งคู่ที่ดูมีความสนิทสนมกันดี จากนั้นก็ค้นประวัติต่อนิดหน่อยจนพอจะรู้
"เอาล่ะๆ เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นความลับเสียเมื่อไหร่ เฮ้อ! คนหนุ่มสาวสินะ ถ้าตัดสินใจกันแล้วก็เอาตามนั้นก็แล้วกัน ผมจะส่งหนังสือไปหาท่านนายพลเรื่องส่งทูตเข้าไป แล้วจะแจ้งอีกทีว่าจะได้เดินทางเมื่อไหร่ ระหว่างนี้ก็ให้พวกคุณเตรียมตัวให้ดี อ่านทุกอย่างที่อ่านได้ ฝึกทุกอย่างที่ควรฝึก หากต้องการอะไรเพิ่มเติมให้บอกผม"
"ค่ะ/ครับ ท่านรัฐมนตรี"
การดำเนินงานเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้น จะว่าไปกระทรวงของท่านรัฐมนตรีโรเจอร์ก็แทบจะเป็นองค์กรอิสระไปแล้ว ทางรัฐบาลของรัฐซัลมาแทบจะไม่ได้ให้ความสนใจ ถึงอย่างไรก็ตามตระกูลอามาดีนก็เป็นเสี้ยนหนามเล็กๆที่คอยทิ่มตำอยู่ในใจของท่านนายกบาซิม เพราะฐานอำนาจของนายกคนเก่าอย่างคุณตาของฮันนาก็ยังคงมีอยู่
คุณโรเจอร์ส่งอีเมล์ฉบับเร่งด่วนเกี่ยวกับการส่งทูตเจริญสันถวไมตรีไปยังซารียาส อ้างถึงสนธิสัญญา วาฟาอ์ (WAFA1/0001) ที่ลงนามกันไว้ตั้งแต่ครั้งที่รัฐทั้งสี่แยกตัวออกเป็นรัฐอิสระ กล่าวถึงการส่งทูตเพื่อเจริญสันถวไมตรี รัฐจะต้องดูแลความปลอดภัยของคณะทูตที่เดินทางเข้าไปในดินแดนอย่างเข้มงวด และคณะทูตจะต้องไม่ปฏิบัติตนอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของรัฐนั้นด้วยเช่นกัน
•••
ทำเนียบรัฐบาลซารียาส
นายพลฮารีสนำหนังสือที่ได้จากรับจากรัฐมนตรีโรเจอร์เข้ามายังทำเนียบ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมาธิการพิจารณา
"ท่านว่ายังไงนะ ซัลมาขอส่งทูตเข้ามาเจริญไมตรี หากไม่ได้ยินกับหูคงไม่มีวันเชื่อ อย่าเสี่ยงยื่นเข้าไปเลยท่านนายพล ผมเป็นห่วงว่าชื่อเสียงของท่านที่สั่งสมมานานจะเสื่อมเสียเพราะไปออกหน้าแทนพวกรัฐเจ้าเล่ห์นั่น" รัฐมนตรีวาเฟีย ผู้ดูแลทางด้านเศรษฐกิจของซารียาสออกความคิดเห็นเมื่อรู้ว่าท่านนายพลฮารีสเข้ามาที่ทำเนียบเพราะอะไร
"เรื่องนั้นคนตัดสินคงไม่ใช่ผมกับท่านวาเฟีย ให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจพูดเถอะ" นายพลฮารีสเดินผ่านชายร่างอ้วนที่สวมชุดสูทสีดำไปไม่สนใจอะไรอีก
"อวดดีจริงๆเงินเดือนก็มาจากการการทำธุรกิจของฉันทั้งนั้นยังจะมาเชิดหน้า ชิ"
นายพลฮารีสเดินมายังสุดโถงทางเดินภายในทำเนียบ ประตูบานใหญ่สูงกว่ายี่สิบเมตรประดับประดาด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษ์ สีที่ใช้ตกแต่งเป็น สีทองสลับแดงและขาวตามสีประจำรัฐซารียาส เขาเดินตรงไปยังเค้าเตอร์สูงด้านหน้าประตูบานใหญ่ติดต่อเจ้าหน้าที่สามคนที่นั่งอยู่
"ท่านรียามาหรือยัง"
"มาแล้วค่ะท่านนายพล"
"แจ้งว่าฉันขอเข้าพบ"
เจ้าหน้าที่ต่อสายเข้าไปด้านในคาดว่าคนที่ท่านนายพลต้องการพบคงจะอยู่ด้านหลังประตูบานยักษ์นั้น
"ตอนนี้ท่านรียาคุยธุระอยู่กับคุณ ราณา ค่ะ"
"แจ้งไปว่าฉันขอพบไม่เกิดสิบห้านาที"
เจ้าหน้าที่ติดต่อเข้าไปอีกครั้ง ท่าทางของคนกลางเหมือนจะรู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้นเพราะโดนกดดันจากทั้งสองฝั่ง ทั้งนอกห้องและในห้อง
"ท่านรียาแจ้งว่า...."
"แจ้งไปว่า Wafa1/0001"
เจ้าหน้าที่ติดต่อไปอีกครั้งตามที่นายพลบอก เพียงไม่นานประตูบานใหญ่ก็เปิดออกโดยระบบอัตโนมัติที่มีคนควบคุมอยู่ภายใน หญิงสาวสวยเฉี่ยวคนหนึ่งเดินออกมาด้วยความรีบร้อน เธอจัดชุดเดรสผ้าซาตินพริ้วไหวของตนเองไปด้วย ก่อนจะเดินผ่านไปก็หันมาทำตาเขียวใส่เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าแล้วกระแทกรองเท้าส้นเข็มสูงสี่นิ้วเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ
ทุกคนที่นี่รู้จักราณาดี เธอเป็นลูกสาวของคณบดีใหญ่เจ้าของบ่อน้ำมันทางเหนือของซารียาส เพื่อนประจำของผู้ที่อยู่ด้านในห้อง
พอประตูเปิดออกนายพลฮารีสก็เดินเข้าไปด้านในประตูบานใหญ่ปิดลงโดยอัตโนมัติ
"กล้ามากนะตาแก่ สนธิสัญญาปรัมปราโบราณห้าร้อยปีมาแล้วยังกล้าพูดถึง" เสียงของหญิงสาวผู้ทรงอำนาจสูงสุดแห่งซารียาสเอ่ยขึ้นเรียบนิ่ง แต่หากสังเกตดีๆจะรับรู้ได้ถึงความขัดใจเล็กน้อย ราวกับว่าคนกำลังจะกินของหวานแต่มีคนมาเรียกให้หยุดแบบนั้น แต่คนที่เป็นถึงระดับผู้ครองแคว้นอย่างรียาย่อมที่จะมีจัดการอารมณ์ของตนเองได้ดี
"โบราณปรัมปราหากแต่ว่าก็มีอยู่จริง" นายพลฮารีสวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานยาวเกือบห้าเมตรที่อยู่ในห้องลง
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งเธอสูงถึงร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเป็นคนพื้นเมืองเลือดบริสุทธิ์และสูงส่งที่สุดเพียงผู้เดียวในซารียาส หรือจะเรียกว่าในดินแดนนี้ก็ไม่ผิด รียา ฮะซีฟ อัลฮาซอ
หญิงสาวสวมชุดทหารสีดำทั้งตัว เพราะเตรียมไว้ว่าหลังจากมาเคลียร์เอกสารที่ทำเนียบเสร็จจะเดินทางไปยังเหมืองทองแห่งใหม่ที่ขุดพบเพื่อดูความคืบหน้า
"จากที่ไหน"
"ซัลมา"
"ซัลมา?"
น้ำเสียงของท่านรียาดูแปลกใจพร้อม เธอเลิกคิ้วขึ้นสูงไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้ที่ยื่นขอส่งทูตมาเจริญไมตรีตามสันธิสัญญาวาฟาอ์ รียาเดินไปนั่งที่เก้าอี้หยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดดูเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
..............................