นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
รัก,หญิง-หญิง,ครอบครัว,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,ฟินGL,ฟิน,หวาน,คลั่งรักขั้นสุด,รัฐ,ทะเลทราย,คลั่งรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
ผู้แต่ง
Number17
เรื่องย่อ
ดินแดนทะเลทรายอันไกลโพ้น มีรัฐอิสระที่แยกตัวออกมาปกครองตนเองอยู่สี่รัฐ ซารียาส อะมาลี ยาซีส และซัลมา
ซารียาส มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ประเมินค่าไม่ได้ อย่างน้ำมันและทองคำ เป็นรัฐที่มั่งคั่งและร่ำรวย รัฐบาลมีการจัดการที่ดีให้ชาวเมืองได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม ภูเขาสูงย่อมมีเหวลึก เมื่อมีซารียาสที่เป็นดั่งแดนสวรรค์ ซัลมา รัฐเล็กๆที่มีพื้นที่ติดต่อกับซารียาสก็เป็นดั่งเหวลึก รัฐบาลซัลมาภายใต้การปกครองในยุครัฐบาลปัจจุบันชาวเมืองห่างไกลคำว่าสุขสบายไปมาก ผู้คนชั้นแรงงานส่วนใหญ่อดอยาก จึงมีปัญหาแรงงานที่ล้นทะลักเข้าไปทำงานยังซารียาสอย่างผิดกฎหมายมากขึ้นทุกปี
ปัญหาเริ่มบานปลายเมื่อคนลักลอบไปทำงานมากขึ้นและเริ่มส่งผลต่อแรงงานของคนพื้นถิ่น เป็นเหตุให้รัฐบาลซารียาสต้องเร่งผลักดันพวกเขาออกไป แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเมื่อบทกำหนดโทษของผู้กระทำความผิดตามกฎหมายของซารียาสนั้นแตกต่างออกไป นั่นก็คือการเฆี่ยนด้วยแส้ รวมถึงมีข่าวจากวงในว่าจะมีการปราบปราบแรงงานอย่างเข้มงวด
เป็นเหตุให้ ฮันนา หญิงสาวลูกครึ่งชาวซัลมา+อังกฤษที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศของซัลมาจะต้องหาวิธีเข้าไปช่วยแรงงานคนของรัฐให้กลับมาก่อนที่จะมีประกาศกวาดล้างอย่างจริงจัง
เธอตัดสินใจเข้าไปเป็นทูตเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ไม่ดีนักของทั้งสองรัฐ เบื้องหลังเพื่อช่วยเหลือคนงานอย่างลับๆ แต่ทุกอย่างที่เธอทำอยู่ภายใต้การจับตามองของผู้ครองแคว้นสุดเข้มงวดอย่าง รียา ผู้ครองแคว้นลำดับที่สิบสามของซารียาส มีข่าวลือหนาหูออกมาว่าเธอเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งและไม่ชอบชาวซัลมาอย่างมาก เพราะเหตุขัดแย้งเมื่อหลายสิบปีก่อน
สาวนักการทูตจากซัลมาจะทำภารกิจของเธอสำเร็จหรือไม่ การเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งสองรัฐที่มีปัญหากันมายาวนานจะจบลงแบบไหน
หรือจะมีความสัมพันธ์แบบใหม่ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ไม่มีใครรู้ ร่วมเดินทางไปด้วยกันนะคะ
สวัสดีค่ะทุกคนเป็นนิยายเรื่องแรกที่ลองนำมาลงที่ Plotter ฝากติดตามด้วยนะคะ
ครั้งนี้เข้าบุกตะลุยดินแดนทะเลทรายกับบ้างที่รับรองว่าร้อนจริง จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่เขียนขึ้นมาเอง...ห่ะๆ ชื่อสถานที่ เมือง กฎหมายตั้งขึ้นตามใจไรต์นะคะ (เป็นเรื่องแต่งขึ้นตามจินตนาการของไรต์นะคะ) ที่จริงแล้วไรต์เองที่เป็นผู้ครองแคว้นตัวจริง
ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้อีกสักเรื่องนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอด ไรต์จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้อ่านกันเรื่อยๆ เพราะเหงาอยากคุยกับนักอ่าน
คอมเม้นต์มาคุยกันได้ตลอดนะคะ รักทุกคนค่ะ
[Number17]
6
หวาดกลัว
"เผ่าฮีลาเหรอดีจังเราสองคนมีบรรพบุรุษมาจากที่เดียวกันด้วย ตระกูลของฉันก็สืบเชื้อสายมาจากเผ่าฮีลา เธอไม่ธรรมดาเลยนะเป็นญาติกับผู้ครองแคว้นซ่ะด้วย" รียายื่นมือไปบีบที่คางของหญิงสาวผู้นั้น
ตอนนี้เธอกลัวจนตัวสั่นเมื่อรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร น้ำตาของเธอไหลพรากออกมาอย่างไม่รู้ตัว โอบกอดหญิงสาวอีกคนที่หมดสติอยู่เอาไว้แน่น
"ฮึก ฮือ ชะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยน้องสาวของฉันด้วย เรามาจากซัลมาค่ะ เรามากับนายหน้า บ้านเราจนมากฉันกับน้องโดนหลอกมาทำงานที่นี่"
รียาหุบยิ้มใบหน้าเครียดขึ้นทันทีพร้อมกับสะบัดมือที่บีบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่แรงๆจนคอของเธอแทบเคล็ด รียารู้ดีอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้โกหก ลักษณะทางพันธุกรรมชนเผ่าของซารียาสเธอจำได้ทั้งหมด ถ้าไม่รู้จักคนของตัวเองจะขึ้นมาเป็นผู้นำได้ยังไง
"ถ้าไม่อยากโดนฝังทั้งเป็นที่เหมืองนี่ก็บอกมาให้หมดว่าพวกที่ลอบเข้ามามีกี่คน" ผู้ครองแคว้นผุดลุกขึ้นสั่งการไปยังนายทหารที่ติดตามมาด้วย
"ตรวจสอบให้หมดแล้วพาตัวกลับไปขังไว้ที่รียาส กลับ!"
"ครับ!"
สีหน้าของรียาบึ้งตึงมาตลอดทางจนไม่มีผู้ติดตามคนไหนกล้าพูดอะไรขึ้นมาตอนนี้ เธอคิดสมเพชในใจไปถึงรัฐบาลซัลมา ประชาชนยากจนข้นแค้นแต่กลับไม่ทำอะไรเลย รียารู้มาว่าญาดีรูล ผู้ครองแคว้นซัลมายังไปเที่ยวเล่นพักผ่อนที่ต่างประเทศเกือบเดือนแล้ว แทนที่จะกลับมาแก้ปัญหาของรัฐตนเอง และเลือกที่จะใช้วิธีการของคนขี้แพ้อย่างส่งทูตมาตบตาเธออีก รียาจะสอนให้คนพวกนี้รู้ว่า การกระทำที่ไร้แบบแผนของพวกเขาจะส่งผลยังไง
"ขับเร็วกว่านี้ไปที่ทำเนียบรัฐบาล"
"ครับ"
รียากลับมาพร้อมกับแรงงานที่หลบหนีเข้าเมืองจำนวนหกคนที่รวบคัวมาได้จากเหมือนเปิดใหม่ที่ไรอา ทั้งหกคนถูกคุมขังไว้ที่ห้องขังภายในรัฐสภาเพื่อรอทำการใต่สวนและรับโทษ
ผู้ครองแคว้นเรียกหน่วยงานที่รับผิดชอบมารับตัวพวกเขาออกไป แล้วเธอก็ตรงไปยังห้องทำงานของตัวเองพร้อมกับต่อสายหาท่านนายพลฮารีส
"ท่านนายพลแจ้งไปที่ซัลมาอีกสองวันให้คณะทูตมารอที่จุดผ่านแดน" หลังจากสั่งการเรียบร้อยรียาก็ถอดเสื้อคลุมสีดำตัวนอกออก พร้อมกับคลายกระดุมเม็ดบนของเสื้อตัวในให้ความร้อนที่ได้รับมาจากเหมืองได้ระบายออกจากชุดทหารตัวหนา
"ท่ารียาคุณโซเฟียมาขอพบค่ะ"
"ให้เข้ามา" พูดจบเธอก็กดปุ่มเปิดประตูบานใหญ่ให้หญิงสาวที่ชื่อโซเฟียได้เดินเข้ามา
โซเฟีย อุสกัฟ บุตรสาวคนเล็กของท่านรัฐมนตรีวาเฟีย ปีนี้เธออายุเข้าสามสิบปี เป็นสาวสวยในสังคมชั้นสูงของซารียาสเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั่วทั้งเมือง แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเธอจะอยู่สูงกว่านั้น
"ท่านรียาดูเครียดๆนะคะ"
"ไม่ต้องมากพิธีหรอกโซเฟียในนี้ไม่มีใคร"
"แหม่! ใครจะไปรู้ละคะว่าตอนนี้อารมณ์ของท่านเป็นแบบไหน เห็นว่าช่วงนี้งานเครียดจนต้องเรียกราณาเข้ามาหา" คำพูดที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงประชดประชันที่รียาเข้าใจความหมายได้ดี แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อหญิงสาวพวกนี้ต่างก็มีความมั่นใจอยู่ในตัว
"หึงเหรอ"
"พูดได้เหรอคะ"
"ได้สิ"
"ใช่ค่ะ! หึง" โซเฟียเดินเข้าไปสวมกอดผู้หญิงตัวสูงทางด้านหลังแล้วก้มลงจูมพิตที่ท้ายทอยของเธอเบาๆ
"พี่ก็รู้ว่าโซเฟียคิดยังไง"
"และเธอก็รู้ว่าเราคุยกันไว้ว่ายังไง"
"เพคะ! น้อมรับบัญชาองค์รอนีย์แห่งซารียาสเพคะ"
"อย่าล้อเล่นน่า" รียาดึงหญิงสาวผู้มาใหม่ให้ลงมานั่งที่ตักก่อนจะกดศีรษะของเธอลงมารับจูบอย่างดูดดื่ม โดยที่อีกฝ่ายเองก็เต็มใจตอบรับเป็นอย่างดี กลิ่นน้ำหอมราคาแพงบวกกับกลิ่นเหงื่อจากกายของรียามอมเมาหญิงสาวให้ลุ่มหลงหนักขึ้น
จ๊วบ! อ่าา รียา"
แต่ก่อนที่สาวสวยจะเคลิบเคลิ้มจนทนไม่ไหวรียาก็ผละออกมาก่อน
"เย็นนี้ไปที่คฤหาสน์อัดดัร (Adhar)สิ"
"ได้ค่ะ" โซเฟียไม่เร้าหรือต่อเพราะรู้นิสัยใจคอของรียาเป็นอย่างดีเธอไม่ชอบคนดื้อที่พูดไม่รู้เรื่อง ตามแบบของผู้นำอีกอย่างการที่จะมาพลอดรักกันที่ทำเนียบมันก็ไม่เหมาะไม่ควรสักเท่าไหร่เธอเองก็ไม่อยากลดคุณค่าของตัวเองให้เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ในเมื่อรียาชวนเธอไปที่บ้าน นั่นก็พอจะเข้าใจอะไรได้แล้ว
"เห็นว่าวันนี้ไปที่เหมืองมาเหรอคะ"
"ใช่"
โซเฟียลุกมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับรียาปล่อยให้ท่านผู้นำทำงานของเธอไปก่อน
"ท่านพ่อบอกว่าข่าวเรื่องการค้นพบเหมืองทองคำของซารียาสกระจายออกไปทั่วโลกแล้ว หนังสือแสดงความยินดีหลั่งไหลมาแทบจะอ่านไม่ทัน"
รียาย่นจมูกน้อยๆ คำแสดงความยินดีที่หมายถึงความอิจฉาริษยา พวกคนภายนอกเหยียดหยันว่าดินแดนแห่งนี้ห่างไกลแทบจะเป็นโลกมืด แต่พอสองร้อยปีให้หลังที่มีการขุดพบทรัพยาการมากมายกลับอยากจะมาผูกสัมพันธไมตรีด้วย จอมปลอมสิ้นดี
"บอกท่านรัฐมนตรีวาเฟียว่าไม่ต้องรวบรวมมาให้เราอ่าน ให้ท่านจัดการเอง"
"โซเฟียจะบอกท่านพ่อตามนั้นค่ะ"
"เอ่อ! เรื่องทูตจากซัลมา.."
รียาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวสีหน้าเรียบนิ่ง จนโซเฟียต้องหยุดพูด
"ขอโทษค่ะ" เธอรู้ตัวว่าเริ่มจะพูดมากเกินไปแล้ว
"ทำไม" รียาถามกลับห้วนๆอารมณ์เสียทุกครั้งเมื่อพูดถึงรัฐซัลมา
"โซเฟียแค่แปลกใจเพราะปกติพี่ไม่ชอบคนจากที่นั่นแต่เห็นว่า ตอบรับที่จะให้ซัลมาส่งทูตเข้ามา"
รียาลุกขึ้นแล้วโน้มตัวข้ามโต๊ะทำงานไปยังหญิงสาว เธอเชยคางเรียวนั้นขึ้นมาให้สบตาเหยี่ยวสีดำขลับที่ทรงอำนาจ ก่อนจะออกแรงบีบคางเล็ก
"อ่ะ!" โซเฟียส่งเสียงออกมาเพราะรู้สึกเจ็บ
"พี่แค่อยากจะสอนให้พวกเขารู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ระดับไหน" รียาคลายมือออกก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยไปที่ริมฝีปากแดงนั้นเบาๆอย่างปลอบโยน
•••
หนังสือตอบรับการส่งทูตเพื่อเข้าไปเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองรัฐส่งกลับมายังกระทรวงการต่างประเทศของซัลมา ท่านรัฐมนตรีโรเจอร์ได้รับแล้วแจ้งกับฮันนาและรอบีสให้เตรียมตัวออกเดินทางในอีกสองวันข้างหน้า พวกเขาเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับซารียาสให้มากที่สุด ฮันนาเน้นหนักไปที่กฎหมายเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น
"ไม่ต้องอ่านมากหรอก เธอไม่ต้องกลัวว่าจะไปทำอะไรผิดที่นั่น"
"ทำไมเหรอ"
"เพราะกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดของซารียาสมีแค่หนึ่งเดียวคือความพึงพอใจของผู้ครองแคว้นต่างหาก"
"อะไรกัน"
รอบีสหยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ
"ทำไมนายดูรู้จักที่นั่นดีจังเลยรอบีส อยากกับว่าเคยอยู่ที่นั่นอย่างนั้นแหละ"
"จะเป็นไปได้ยังไงฉันเป็นคนซัลมาเกิดที่นี่โตที่นี่ เรียนจบที่นี่ แทบจะไม่เคยออกจากเขตพื้นที่ของซัลมาด้วยซ้ำฉันแค่ชอบอ่านหนังสือ"
"อ่อ!" ฮันนาพยักหน้าเข้าใจที่รอบีสพูดมาก็จริงเขาชอบอ่านหนังสือและศึกษาเรื่องต่างๆรอบตัวไม่แปลกที่จะรู้เรื่องอะไรเยอะแยะ
"อีกสองวันแล้วสินะที่เราจะต้องเดินทาง ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าตอนไปเรียนต่อที่อังกฤษซ่ะอีก" หญิงสาวแชร์ความรู้สึกกับเพื่อนร่วมงาน และไม่นานอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนร่วมทางคนเดียวของเธอในต่างแดนด้วย
"ก็สมควรตื่นเต้น เพราะดินแดนที่เราจะก้าวเข้าไปมีประวัติไม่ค่อยสู้ดีกับเมืองเราเท่าไหร่ ไปเป็นทูตเหรอ เหอะ! เรียกว่าไปเป็นตัวประกันคงจะเหมาะกว่า"
"พูดอะไรแบบนั้น ไปกันเถอะกลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะรอบีส"
ฮันนาหยิบกระเป๋าแล้วยกมือลารอบีสก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป ชายหนุ่มยกมือตอบกลับแต่ยังไม่ได้ลุกออกจากเก้าอี้เขาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบล็อคเก็ตเล็กๆที่อยู่ในนั้นขึ้นมาเปิดออก ภายในเป็นรูปของหญิงสาวคนหนึ่ง รูปภาพเป็นภาพขาวดำที่ดูมีอายุมากแล้ว ชายหนุ่มใช้มือสัมผัสไปที่รูปของผู้หญิงคนนั้นเบาๆ
ก่อนจะปิดลงแล้วหย่อนล็อคเก็ตนั้นลงในกระเป๋าเสื้อ
•••
สองวันต่อมา
วันนี้จะเป็นวันที่ฮันนาและรอบีสต้องเดินทางไปยังซารียาส หญิงสาวโอบกอดคุณหญิงราสจีหลังจากนี้หนึ่งเดือนเธอต้องห่างจากอกบ้านเกิด ทั้งที่ซารียาสเองอยู่ห่างจากซัลมาเพียงแค่เขตแดนกั้น แต่ทุกคนรู้ดีถึงปัญหาที่คุกรุ่นอยู่ภายใน ความหนักใจที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะทาง แต่มันคือสวัสดิภาพของผู้เดินทางไปต่างหาก
"ดูแลตัวเองดีๆนะลูก คนที่ลูกจะพึ่งพาได้คือนายพลฮารีส แต่ถึงยังไงก็ตามเชื่อมั่นในตัวเองจะดีที่สุด แม่ภูมิใจในตัวลูก"
"หนูรักแม่ค่ะ"
"แม่รักลูกยิ่งกว่าชีวิต ยอดรัก"
คุณหญิงราสจีจูบลงบนหน้าผากของลูกสาวพร้อมกับกล่าวคำสวดอวยพรในใจ เธอขอมอบจิตวิญญาณทุกอย่างที่เธอมีเพื่อส่งมอบให้กับลูกสาว ฮันนาสะพายกระเป๋าแล้วลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่
คุณโรเจอร์จะไปส่งลูกสาวและรอบีสที่ชายแดนด้วยตนเอง เขากอดภรรยาอีกครั้งก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถนั่งข้างๆกับลูกสาว ฮันนาโบกมือบ้ายบายแม่จนสุดสายตาความคิดถึงเอ่อล้นขึ้นมาจนจุกในลำคอ แต่เธอไม่อยากร้องไห้ เรื่องนี้เป็นเธอที่ตัดสินใจเอง
ฮันนากลืนก้อนน้ำตากลับไปแล้วเอนซบที่ไหล่ของผู้ชายชาวยุโรปร่างสูงที่นั่งข้างๆ คุณโรเจอร์จูบลงที่กลุ่มผมยาวสลวยของลูกสาวหนักๆ เขาไม่อาจพูดอะไรได้อีก ทำได้เพียงเชื่อมั่นในความดีและความสามารถของบุตรสาวคนเดียวของตน
ทุกอย่างที่อยากจะพูดเขาเองก็ได้พูดไปหมดแล้ว เขาอาจจะหยิบเรื่องการย้ายไปอยู่ที่อังกฤษขึ้นมาพูดอีกครั้งหลังจากเรื่องนี้ผ่านพ้นไป ไม่แน่ว่าผู้เป็นภรรยาอาจจะรับฟัง
รถยนต์ประจำตำแหน่งของท่านรัฐมนตรีแวะรับเจ้าหน้าที่รอบีสที่อพาร์ทเม้นของเขาก่อน รอบีสเดินออกมาจากห้องพักเล็กๆของตัวเอง เขาอยู่คนเดียวหลังจากที่พ่อของเขาเสียไปเมื่อสองปีก่อน ส่วนแม่ของรอบีสไม่มีใครเคยเห็นตั้งแต่เด็กเขาก็อยู่กับพ่อเพียงสองคน
ชายหนุ่มเก็บกระเป๋าเดินทางไว้ที่ด้านหลังจากนั้นก็เดินมาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วนั่งลงเขาโค้งให้กับท่านรัฐมนตรีโรเจอร์น้อยๆ แล้วรถยนต์คันดังกล่าวก็มุ่งหน้าไปยังจุดผ่านแดน
จากในเมืองซัลมาไปยังจุดผ่านแดนที่หนึ่งอักร็อม ระยะทางเกือบสี่ร้อยกิโลเมตรพวกเขาจึงออกเดินทางแต่เช้าเพื่อที่จะไปถึงตามเวลานัดคือก่อนเที่ยงตรง เห็นว่าฝั่งนั้นจะส่งคนมารับคณะทูตเพื่อเดินทางไปยังเมืองรียาสอีกต่อหนึ่ง
การเดินทางระหว่างรัฐทั้งสองมีเพียงทางเดียวคือทางรถยนต์เท่านั้น ไม่มีสายการบินระหว่างประเทศให้บริการระหว่างรัฐทั้งสองเหตุผลก็ไม่ควรถามถึง เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว
"กินอะไรกันมาหรือยัง อย่าลืมหาอะไรรองท้องกันก่อนหลังจากผ่านแดนเข้าเขตซารียาสต้องเดินทางอีกไกล พ่อไม่รู้ว่าเขาจะจัดให้พักหรือเปล่า"
"ค่ะคุณพ่อ แม่ทำแซนวิชมาให้ลูกกินระหว่างทาง" ฮันนาหยิบขนมออกมาแล้วยื่นให้กับรอบีสด้วย ทั้งสองหยิบของกินเข้าปากเคี้ยวและกลืนสีหน้าราวกับไม่รู้รสชาติ แต่ก็ต้องกิน ตอนนี้พวกเธอไม่ได้แบกเพียงชีวิตของตนเอง แต่ยังแบกความหวังของคนงานหลายชีวิตเอาไว้ด้วย
...............................