นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
รัก,หญิง-หญิง,ครอบครัว,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,ฟินGL,ฟิน,หวาน,คลั่งรักขั้นสุด,รัฐ,ทะเลทราย,คลั่งรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
ผู้แต่ง
Number17
เรื่องย่อ
ดินแดนทะเลทรายอันไกลโพ้น มีรัฐอิสระที่แยกตัวออกมาปกครองตนเองอยู่สี่รัฐ ซารียาส อะมาลี ยาซีส และซัลมา
ซารียาส มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ประเมินค่าไม่ได้ อย่างน้ำมันและทองคำ เป็นรัฐที่มั่งคั่งและร่ำรวย รัฐบาลมีการจัดการที่ดีให้ชาวเมืองได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม ภูเขาสูงย่อมมีเหวลึก เมื่อมีซารียาสที่เป็นดั่งแดนสวรรค์ ซัลมา รัฐเล็กๆที่มีพื้นที่ติดต่อกับซารียาสก็เป็นดั่งเหวลึก รัฐบาลซัลมาภายใต้การปกครองในยุครัฐบาลปัจจุบันชาวเมืองห่างไกลคำว่าสุขสบายไปมาก ผู้คนชั้นแรงงานส่วนใหญ่อดอยาก จึงมีปัญหาแรงงานที่ล้นทะลักเข้าไปทำงานยังซารียาสอย่างผิดกฎหมายมากขึ้นทุกปี
ปัญหาเริ่มบานปลายเมื่อคนลักลอบไปทำงานมากขึ้นและเริ่มส่งผลต่อแรงงานของคนพื้นถิ่น เป็นเหตุให้รัฐบาลซารียาสต้องเร่งผลักดันพวกเขาออกไป แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเมื่อบทกำหนดโทษของผู้กระทำความผิดตามกฎหมายของซารียาสนั้นแตกต่างออกไป นั่นก็คือการเฆี่ยนด้วยแส้ รวมถึงมีข่าวจากวงในว่าจะมีการปราบปราบแรงงานอย่างเข้มงวด
เป็นเหตุให้ ฮันนา หญิงสาวลูกครึ่งชาวซัลมา+อังกฤษที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศของซัลมาจะต้องหาวิธีเข้าไปช่วยแรงงานคนของรัฐให้กลับมาก่อนที่จะมีประกาศกวาดล้างอย่างจริงจัง
เธอตัดสินใจเข้าไปเป็นทูตเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ไม่ดีนักของทั้งสองรัฐ เบื้องหลังเพื่อช่วยเหลือคนงานอย่างลับๆ แต่ทุกอย่างที่เธอทำอยู่ภายใต้การจับตามองของผู้ครองแคว้นสุดเข้มงวดอย่าง รียา ผู้ครองแคว้นลำดับที่สิบสามของซารียาส มีข่าวลือหนาหูออกมาว่าเธอเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งและไม่ชอบชาวซัลมาอย่างมาก เพราะเหตุขัดแย้งเมื่อหลายสิบปีก่อน
สาวนักการทูตจากซัลมาจะทำภารกิจของเธอสำเร็จหรือไม่ การเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งสองรัฐที่มีปัญหากันมายาวนานจะจบลงแบบไหน
หรือจะมีความสัมพันธ์แบบใหม่ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ไม่มีใครรู้ ร่วมเดินทางไปด้วยกันนะคะ
สวัสดีค่ะทุกคนเป็นนิยายเรื่องแรกที่ลองนำมาลงที่ Plotter ฝากติดตามด้วยนะคะ
ครั้งนี้เข้าบุกตะลุยดินแดนทะเลทรายกับบ้างที่รับรองว่าร้อนจริง จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่เขียนขึ้นมาเอง...ห่ะๆ ชื่อสถานที่ เมือง กฎหมายตั้งขึ้นตามใจไรต์นะคะ (เป็นเรื่องแต่งขึ้นตามจินตนาการของไรต์นะคะ) ที่จริงแล้วไรต์เองที่เป็นผู้ครองแคว้นตัวจริง
ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้อีกสักเรื่องนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอด ไรต์จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้อ่านกันเรื่อยๆ เพราะเหงาอยากคุยกับนักอ่าน
คอมเม้นต์มาคุยกันได้ตลอดนะคะ รักทุกคนค่ะ
[Number17]
7
ยินดีต้อนรับ
บนเตียงสีขาวที่มีขนาดใหญ่กว่าเตียงปกติถึงเท่าตัวภายในห้องนอน ที่กว้างที่สุดของคฤหาสน์อัดดัร สถานที่พำนักของผู้ครองแคว้น
โซเฟียค่อยๆเผยเปลือกตาขึ้นช้าๆความเมื่อยขบไหลเข้ามาประทะร่างกาย เนินอกขาวโผล่ออกมาจากผ้าห่มครึ่งหนึ่งบ่งบอกว่าตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเปลือยเปล่า โซเฟียผุดลุกขึ้นมองไปรอบๆห้องตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว
เมื่อคืนเธอตอบรับเชิญของรียาผู้ครองแคว้นมาดื่มกันที่คฤหาสน์ตามปกติ หลังจากนั้นก็คงไม่ต้องเดากับความสัมพันธ์แนบชิดของทั้งคู่ว่าแนบสนิทแค่ไหน
หญิงสาวคว้าชุดคลุมผ้าซาตินราคาแพงมาสวมก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
"ท่านรียาล่ะ"
"ออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้วค่ะ"
"บอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน"
"ไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ" สาวใช้ประจำคฤหาสน์โค้งให้กับโซเฟียก่อนจะเดินไปทำงานของพวกเธอต่อ หญิงสาวกอดอกทำหน้าสงสัย เมื่อคืนรียาไม่ได้บอกเอาไว้ว่ามีงานที่ไหน และวันนี้ก็เป็นวันหยุดของเธอด้วย หากไม่ใช่วันหยุดรียาจะไม่ชวนเธอมานอนค้างที่นี่ และก็มีเพียงโซเฟียที่ได้ค้างห้องนอนของเจ้าผู้ครองแคว้นส่วนหญิงสาวคนอื่นๆ รียาไม่เคยให้ค้าง
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้โซเฟียเข้าใจว่าเธอนั้นพิเศษกว่าคนอื่นๆ หญิงสาวกลับเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวและออกจากคฤหาสน์ไปหลังจากนั้น
•••
เกือบสี่ชั่วโมงในการเดินทาง ในที่สุดคณะของฮันนาก็เดินทางมาถึงจุดข้ามแดน ครั้งแรกที่หญิงสาวมาถึงที่นี่ด้านหน้ามีป้อมปราการใหญ่ที่ก่อขึ้นตึกสีขาวเป็นเหมือนตึกบัญชาการจากนั้นจะเป็นกำแพงหนาสีขาวยาวไปจนสุดลูกหููลูกตา ฮันนาคิดว่ากำแพงนี้คงจะยาวไปจนสุดเขตแดนของทั้งสองรัฐ
หญิงสาวหันกลับมากอดบิดาอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปยังตึกสีขาวตรงหน้าเพื่อตรวจตราหนังสือเดินทาง บริเวณโดยรอบมีทหารของทั้งสองรัฐประจำอยู่ ฮันนาและรอบีสตรวจประทับตราทางฝั่งซัลมาเรียบร้อยแล้ว จากนี้จะเป็นการข้ามไปยังเขตซารียาส คุณโรเจอร์ไม่สามารถตามเข้าไปได้อีก
"คุณพ่อกลับเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะอีกหนึ่งเดือนเจอกัน"
หลังจากร่ำลากันเสร็จทั้งสองคนก็เดินเข้าไปยังตึกด้านใน ฮันนารับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปทันที สายตาของเจ้าหน้าที่ที่มองคนทั้งสองนั้น ไม่ได้เป็นมิตรสักเท่าไหร่ เธอไม่อยากคิดถ้าหากไม่ติดคำว่าพวกเธอเป็นคณะทูตที่ทางรัฐบาลอนุญาตให้เข้ามาจะเป็นยังไง
หญิงสาวยื่นหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ ในหนังสือเดินทางประทับตราวีซ่าพิเศษเรียบร้อยแล้ว คนตรวจยกหนังสือเดินทางของเธอขึ้นพร้อมกับมองหน้าของฮันนาสลับกับรูปที่ติดอยู่บนวีซ่าไปมาหลายรอบ คงเพื่อให้ชัวร์ว่าไม่ผิดตัว
จากนั้นก็ประทับตราให้ คนถัดไปคือรอบีส เจ้าหน้าที่ก็ทำเช่นเดียวกัน ฮันนาโล่งใจที่เธอมีรอบิสมาด้วย อย่างน้อยก็ไม่ใช่เธอคนเดียวที่โดนปฏิบัติแบบนี้
พอเสร็จสิ้นการตรวจเอกสารฮันนาถอนหายใจยาวราวกับว่าเมื่อครู่เธอกลั้นหายใจเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
"เชิญทางด้านนี้"
มีนายทหารจากซารียาสมาเชิญตัวเธอกับรอบีสให้ออกไปยังประตูอีกทางหนึ่ง หญิงสาวหันมามองเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างขอความคิดเห็น รอบีสพยักหน้าบอกให้เธอทำตาม ไม่มีการพูดคุยใดๆระหว่างทั้งคู่ การสื่อสารเป็นเพียงการมองหน้ากันและพยักหน้าเท่านั้น
ฮันนาคิดในใจขนาดพวกเธอมาอย่างมีศักดิ์ศรีของรัฐบาลยังดูเหมือนกับการลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย แล้วแรงงานที่หลบหนีเข้ามาล่ะจะรู้สึกกลัวแค่ไหน แต่อย่างว่าสิ่งที่คนกลัวมากที่สุดอาจไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการอดตายของทั้งตัวเองและคนที่รออยู่ข้างหลังต่างหาก
รถฮัมวี่ของทหารซารียาสสองคันมาจอดรออยู่
"ขึ้นไป"
"อ่ะ!"
ทหารที่อยู่ตรงนั้นผลักเธอและรอบีสให้ขึ้นไปบนรถฮัมวี่คนละคัน ฮันนามองเจ้าหน้าที่ด้วยสายตาตำหนิกับการกระทำเมื่อครู่ถึงยังไงพวกเธอก็ไม่ใช่นักโทษของซารียาส
"บอกพวกเราดีๆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องผลักก็ได้"
นายทหารคนนั้นยังคงทำเหมือนไม่ได้ยิน และแทบจะไม่สนใจเธอด้วย
"ว้าย" ยังไม่ทันที่ฮันนาจะได้ตั้งตัวหรือคาดเข็มขัดนิรภัยรถก็เคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็วจนศีรษะของเธอกระแทกกับเบาะแข็งๆด้านหลัง
"นี่มันอะไรกันเนี่ย" ฮันนาได้แต่บ่นเสียงเบาไม่อยากจะทำให้เกิดปัญหาแต่การต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของซารียาสแบบนี้ก็เป็นการบอกโดยอ้อมแล้วว่าพวกเขาไม่ได้เต็มใจต้อนรับเท่าใดนัก อาจจะเพราะเหตุผลบางอย่างจึงทำให้ตอบรับแค่เป็นพิธีเท่านั้น ฮันนารีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเอาไว้
รถที่ขับออกไปผ่านเส้นทางทะเลทรายอันไกลโพ้นระหว่างทางมีหุบเขาหินขึ้นสลับกับทะเลทรายภูมิประเทศที่ดูน่ากลัวสมกับที่ได้ยินมา แววตาของฮันนาไหวระริกเธอยื่นหน้าไปมองรถอีกคันที่ขับอยู่ข้างหน้า รอบีสขึ้นรถคันนั้นไป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องใช้รถถึงสองคันทั้งที่พวกเธอมากันแค่สองคน และด้านหลังก็ยังมีที่ว่าง
แต่คำถามนั้นก็เกิดขึ้นแค่ในใจเท่านั้นไม่ได้มีการเอ่ยถามออกมาแต่อย่างใด แค่เพียงไม่กี่นาทีที่รถเคลื่อนตัวออกมาความคิดถึงบ้านก็ถาโถมเข้ามาเกาะกินใจของฮันนาเสียแล้ว
•••
รถทหารของซารียาสที่ขับมารับคณะทูตจากซัลมาขับออกจากเขตชายแดนมาได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ใจของผู้มาเยือนนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ พอผ่านแดนเรียกได้ว่าตัดขาดจากภายนอกโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะพาเธอและรอบีสไปที่ไหน รถคันที่ฮันนานั่งเหมือนจะชะลอความเร็วลงก่อนที่เมื่อถึงทางแยกที่หนึ่ง รถคันนั้นก็เลี้ยวลงไปทันที
ฮันนาตาโตอ้าปากค้างเธอมองรถคันหน้า ที่วิ่งห่างออกไปเรื่อยๆด้วยความตกใจ
"คุณคะเราเลี้ยวมาทำไมเหรอคะ คันหน้าตรงไปนะคะ"
"...." ไม่มีเสียงตอบรับจากคนขับด้านหน้า ฮันนาใจเต้นแรงขึ้น เธอคิดเอาไว้ว่าเมื่อมาถึงอาจจะโดนปฎิบัติด้วยไม่ค่อยดีด้วยเท่าไหร่ แต่ฮันนาไม่ได้นึกมาถึงว่าจะต้องโดนอุ้มหายไป ความกลัวเริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจของหญิงสาว
"คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยังไงก็ควรจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศบ้าง" พูดจบแทนที่รถคันนี้จะชะลอความเร็วลงหรือกลับเข้าเส้นทางไปยังตัวเมืองซารียาส แต่คนขับกลับเพิ่มความเร็วมากขึ้นจนฮันนาตกใจ
เธอก้มหน้าลงเอามือปิดหูเอาไว้แล้วเริ่มสวดมนต์ภาวนานึกถึงพ่อและแม่ที่อยู่ซัลมา
"พ่อจ๋าแม่จ๋า ฮันนาขอโทษที่ยังไม่ได้ตอบแทนพ่อกับแม่เลย โยนาชพี่คิดถึงน้องนะ น้ำตาหยดใสร่วงเผาะลงมาดวงตาของหญิงสาว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ฮันนายังไปไม่ถึงเมืองหลวงของซารียาสด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้เธอเจ็บใจ ก่อนตายยังไม่ได้แม้แต่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ
เอี้ยด ครืดดด!
รถฮัมวี่คันนั้นหยุดกึกลง ฮันนาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ มองดูสถานที่ที่เป็นวาระสุดท้ายของชีวิตเธอ รอบข้างเป็นป่าทึบเหมาะกับซ่อนเร้นอำพรางศพ เสียงเปิดประตูรถจากด้านหน้าตามด้วยเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ๆบานประตูด้านหลัง ฮันนามองซ้ายมองหาหาเครื่องป้องกัน
อย่างน้อยหากจะตายเธอก็ขอสู้สุดใจ หญิงสาวนึกได้ว่าในกระเป๋าสะพายของเธอมีสเปรย์น้ำหอมอยู่หากฉีดไปที่ตาได้ตรงๆอาจหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ชั่วคราวและเธออาจมีเวลาวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือได้
ดีที่ว่าคนขับด้านหน้ามีแค่คนเดียว ฮันนาแอบคิดว่าคนของซารียาสดูถูกเธอเกินไป เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวคงคิดว่าจะจัดการได้ง่ายๆ หญิงสาวล้วงเอาน้ำหอมมาเตรียมเอาไว้กะระยะให้อยู่ตรงดวงตาคนที่จะเปิดประตูรถ
แกร่ก!
ฟู่!
"นี่แนะๆ อ้ายๆ ว้ายๆ" ฮันนาฉีดน้ำหอมไปยังคนที่เปิดประตูเข้ามาทันทีพร้อมกับเสียงกรี๊ดแสบแก้วหู หญิงสาวดีดตัวออกจากรถทันที คนที่โดนโจมตีเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสะพายของฮันนาเอาไว้ได้ก่อนจะดึงจนร่างของเธอเด้งกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของคนเมื่อครู่
"เป็นบ้าอะไรของเธอ" เสียงเรียบนิ่งของคนพูดดังขึ้นพร้อมกับล็อคแขนฮันนาเอาไว้จนขยับตัวไปไหนไม่ได้
"ผู้หญิงเหรอ"
"ทำไมผู้หญิงแล้วเธอคิดว่าฉันจะฆ่าเธอไม่ได้งั้นเหรอ" คนพูดก้มลงกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวต่างเมืองน้ำเสียงของเธอดูน่ากลัวจนขนลุกซู่ ฮันนาคิดว่าเธอคงทำได้อย่างที่พูด เพราะตอนนี้แขนของเธอก็แทบจะหักอยู่แล้ว
"ปล่อยฉันนะ ฉันเป็นทูตจากซัลมาถ้าเกิดว่าฉันเป็นอะไรไปผู้ครองแคว้นของเธอเดือดร้อนแน่"
คนฟังยิ้มกว้างขึ้นเธอแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว
"น่าสนใจดีฉันอยากรู้อยู่เหมือนกันว่าจะเดือดร้อนแบบไหน" รียาจับแขนของฮันนาไขว้หลังเอาไว้แล้วมัดด้วยเชือก
"ปล่อยนะปล่อย" หญิงสาวทั้งกรีดร้องและดิ้นรนจนสุดกำลัง
"หุบปาก" รียาตวาดอีกฝ่ายเสียงดังจนเธอต้องหุบปากเอาไว้จริงๆ ทำเสียงของผู้หญิงคนนี้ทำให้ฮันนาถึงกับตัวสั่น ไม่มีใครพูดอะไรต่อหลังจากนั้นหญิงสาวในชุดทหารของซารียาสพาตัวของฮันนาเข้าไปในเขตแนวป่า เป็นป่าในเขตทะเลทรายที่เต็มไปด้วยพืชตระกูลปาล์มขึ้นอยู่หนาแน่น บนพื้นเป็นต้นเฟิร์นหลายชนิดขึ้นรกจนมองไม่เห็นพื้นดินทราย ทั้งคู่เดินไปตามเส้นทางเล็กๆที่พอให้เดินไปได้แค่สองคน
ฮันนายังไม่หมดหวังแต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยเพราะการดิ้นรนเมื่อครู่ ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีทั้งคู่ก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นี่คล้ายกับเป็นชุมชนเล็กๆ ที่อาศัยของพวกเขาสร้างเป็นกระโจมง่ายๆ ด้วยวัสดุที่หาได้ตามป่าแถบนี้
ทหารหญิงตัวสูงพาฮันนาเข้าไปยังกระโจมหลังหนึ่งเธอรู้สึกกลัวแต่ก็เหมือนกับจะสู้แรงของคนตัวสูงไม่ได้ ภายในมืดมากมีเพียงแสงที่ลอดเข้ามาตามช่องว่างเล็กๆไม่กี่จุดเท่านั้น ทันทีที่พวกเธอเข้ามาแสงเทียนเล็กๆก็สว่างวาบขึ้น ปรากฎเป็นภาพของหญิงชราที่ยั่งอยู่ก่อนแล้ว ฮันนาถึงกับตกใจจนดีดตัวไปด้านหลัง
เสียงของหญิงชราที่อยู่ภายในกระโจมพูดเป็นภาษาชนเผ่าของตนเองที่ฮันนาฟังไม่รู้เรื่อง แต่ทหารหญิงคนนั้นพูดจาโต้ตอบกลับไปอย่างคล่องแคล่ว กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนจะทำให้ฮันนาเคลิ้มไป ร่างของหญิงสาวโงนเงนก่อนจะฟุบลงไป ยังไม่ถึงพื้นมือยาวของหญิงสาวอีกคนที่พาเธอมาก็รับตัวเอาไว้ได้ทันแล้วค่อยๆวางเธอลงบนฟูกนุ่มที่ปูอยู่ก่อนแล้ว
"นางเป็นใครหรือรียารอนีย์"
"ทูตจากซัลมา"
"ซัลมา? ท่านต้อนรับชาวซัลมาด้วยหรือ"
"เรื่องนั้นช่างเถอะ บอกเรื่องที่ท่านรู้มาก่อนดีกว่า"
จากนั้นรียาก็พูดคุยกับแม่เฒ่าอยู่พักใหญ่
..........................