นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
รัก,หญิง-หญิง,ครอบครัว,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,ฟินGL,ฟิน,หวาน,คลั่งรักขั้นสุด,รัฐ,ทะเลทราย,คลั่งรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
ผู้แต่ง
Number17
เรื่องย่อ
ดินแดนทะเลทรายอันไกลโพ้น มีรัฐอิสระที่แยกตัวออกมาปกครองตนเองอยู่สี่รัฐ ซารียาส อะมาลี ยาซีส และซัลมา
ซารียาส มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ประเมินค่าไม่ได้ อย่างน้ำมันและทองคำ เป็นรัฐที่มั่งคั่งและร่ำรวย รัฐบาลมีการจัดการที่ดีให้ชาวเมืองได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม ภูเขาสูงย่อมมีเหวลึก เมื่อมีซารียาสที่เป็นดั่งแดนสวรรค์ ซัลมา รัฐเล็กๆที่มีพื้นที่ติดต่อกับซารียาสก็เป็นดั่งเหวลึก รัฐบาลซัลมาภายใต้การปกครองในยุครัฐบาลปัจจุบันชาวเมืองห่างไกลคำว่าสุขสบายไปมาก ผู้คนชั้นแรงงานส่วนใหญ่อดอยาก จึงมีปัญหาแรงงานที่ล้นทะลักเข้าไปทำงานยังซารียาสอย่างผิดกฎหมายมากขึ้นทุกปี
ปัญหาเริ่มบานปลายเมื่อคนลักลอบไปทำงานมากขึ้นและเริ่มส่งผลต่อแรงงานของคนพื้นถิ่น เป็นเหตุให้รัฐบาลซารียาสต้องเร่งผลักดันพวกเขาออกไป แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเมื่อบทกำหนดโทษของผู้กระทำความผิดตามกฎหมายของซารียาสนั้นแตกต่างออกไป นั่นก็คือการเฆี่ยนด้วยแส้ รวมถึงมีข่าวจากวงในว่าจะมีการปราบปราบแรงงานอย่างเข้มงวด
เป็นเหตุให้ ฮันนา หญิงสาวลูกครึ่งชาวซัลมา+อังกฤษที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศของซัลมาจะต้องหาวิธีเข้าไปช่วยแรงงานคนของรัฐให้กลับมาก่อนที่จะมีประกาศกวาดล้างอย่างจริงจัง
เธอตัดสินใจเข้าไปเป็นทูตเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ไม่ดีนักของทั้งสองรัฐ เบื้องหลังเพื่อช่วยเหลือคนงานอย่างลับๆ แต่ทุกอย่างที่เธอทำอยู่ภายใต้การจับตามองของผู้ครองแคว้นสุดเข้มงวดอย่าง รียา ผู้ครองแคว้นลำดับที่สิบสามของซารียาส มีข่าวลือหนาหูออกมาว่าเธอเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งและไม่ชอบชาวซัลมาอย่างมาก เพราะเหตุขัดแย้งเมื่อหลายสิบปีก่อน
สาวนักการทูตจากซัลมาจะทำภารกิจของเธอสำเร็จหรือไม่ การเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งสองรัฐที่มีปัญหากันมายาวนานจะจบลงแบบไหน
หรือจะมีความสัมพันธ์แบบใหม่ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ไม่มีใครรู้ ร่วมเดินทางไปด้วยกันนะคะ
สวัสดีค่ะทุกคนเป็นนิยายเรื่องแรกที่ลองนำมาลงที่ Plotter ฝากติดตามด้วยนะคะ
ครั้งนี้เข้าบุกตะลุยดินแดนทะเลทรายกับบ้างที่รับรองว่าร้อนจริง จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่เขียนขึ้นมาเอง...ห่ะๆ ชื่อสถานที่ เมือง กฎหมายตั้งขึ้นตามใจไรต์นะคะ (เป็นเรื่องแต่งขึ้นตามจินตนาการของไรต์นะคะ) ที่จริงแล้วไรต์เองที่เป็นผู้ครองแคว้นตัวจริง
ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้อีกสักเรื่องนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอด ไรต์จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้อ่านกันเรื่อยๆ เพราะเหงาอยากคุยกับนักอ่าน
คอมเม้นต์มาคุยกันได้ตลอดนะคะ รักทุกคนค่ะ
[Number17]
9
คฤหาสน์ดวงดาว Adhar
"ฉันชื่อชื่อโซเฟีย อุสกัฟ สตรีอันดับหนึ่ง"
ฮันนายิ้มขึ้นน้อยๆ ในหัวกำลังประมวลผลว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่เห็นได้ชัดก็คงจะเป็นการข่มกันอยู่กลายๆ เธอไม่ได้ติดใจอะไรอาจจะเป็นอุปนิสัยของคนเมืองที่มีอำนาจสูงกว่า
"ดิฉันฮันนา อามาดีน เคนเดิลเป็นทูตจากซัลมาค่ะ" ฮันนาตอบกลับไปตามมารยาท
"ไม่ได้เป็นคนซัลมาเลือดร้อย"
ฮันนางงกับประโยคของหญิงสาวเมื่อครู่ ว่าเป็นคำถามหรือเป็นประโยคอะไรกันแน่ น้ำเสียงดูเหยียดๆอยู่ในที สมัยนี้ยังมีคนที่คิดกันเรื่องเลือดร้อยไม่ร้อยกันอยู่เหรอ เธอนึกว่าชุดความคิดแบบนี้จะหายสาบสูญไปเมื่อพันปีก่อนซ่ะอีก แต่พอมาคิดดูอีกที ฮันนาเคยอ่านเจอว่าพวกชนชั้นสูงของซารียาสยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ซึ่งดูท่าจะเป็นจริง
"คุณพ่อของดิฉันเป็นชาวอังกฤษค่ะ"
"อ่อ! มิน่าล่ะ"
พอได้ชินแบบนั้นสายตาเหยียดก็ออกมาจากเธออย่างเด่นชัดไม่ปกปิด พร้อมกับเดินผละออกไปทันที หญิงสาวคนเมื่อครู่เดินไปทางด้านผู้ครองแคว้น ปล่อยให้ทูตสาวจากต่างแดนยืนงงอยู่คนเดียว
"อะไรของเขา"
ในเมืองนี้มีคนแปลกๆอยู่มากมายกว่าที่เธอคิดจริงๆ หญิงสาวหันไปดูงานที่บอกว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูต แต่พวกเธอกลับได้รับความสนใจน้อยกว่าคนเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยซ้ำ ฮันนามานั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งพร้อมกับรอบีสเพื่อนร่วมชะตากรรม
"นายคิดว่ายังไงเรื่องนี้"
"นี่คงเป็นงานที่แสดงให้เราเห็นว่าพวกเราต่างจากพวกเขาแค่ไหน" ชายหนุ่มออกความคิดเห็นซึ่งฮันนาเองก็เห็นด้วย
"แต่ก็ดีเหมือนกัน ยิ่งไม่เป็นที่สนใจงานของเราก็จะได้ล่วงไปด้วยดี"
"เธอคิดผิดแล้วล่ะ ถึงจะดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สนใจเราแต่เธอเห็นตรงมุมแต่ละจุดของโถงนั้นไหม มีเจ้าหน้าที่ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของเราตลอด เชื่อได้ว่าพวกเขาจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเราโดยที่ไม่ต้องหันมามองด้วยซ้ำ"
ฮันนามองตามที่รอบีสบอกก่อนจะเหลือบไปมองหญิงสาวผู้เป็นอันดับหนึ่งตัวจริงของซารียาส เหมือนว่าฝ่ายนั้นจะหันมองมาที่เธอด้วยครู่หนึ่งจนทั้งคู่สบตากัน ฮันนารีบหลบสายตาไปทางอื่น เหมือนจะไม่ทันรียารู้แล้วว่าฮันนาลอบมองเธออยู่
โซเฟียที่ยืนอยู่ข้างๆรียาเอ่ยขึ้น
"ทูตจากซัลมามีบิดาเป็นชาวอังกฤษด้วยนะคะ" โซเฟียพูดพร้อมกับยกแก้วแชมเปญขึ้นขอชนกับผู้ครองแคว้น ความจริงเธอก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของรียาได้ แต่เธอแค่อยากจะย้ำเท่านั้นเอง ใครๆก็รู้ว่ารียานั้นยึดมั่นและให้ความสำคัญกับสายเลือดบริสุทธิ์ของคนพื้นถิ่น
"อะไรกันโซเฟียเรื่องนั้นท่านรียาต้องทราบรู้แล้ว จริงหรือเปล่าท่านรียา" รัฐมนตรีวาเฟียผู้เป็นพ่อพูดปรามๆลูกสาว
"ลูกรู้ค่ะท่านพ่อ มีเรื่องไหนบ้างที่จะเล็ดรอดสายตาของท่านรียาได้"
สองพ่อลูกยิ้มและหัวเราะส่งเสริมกันเป็นอย่างดี รียามองไปที่นักการทูตสาวอีกครั้งที่ตอนนี้กำลังนั่งคุยกับชายที่มาด้วยอย่างออกรสออกชาติโดยที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าของพวกเขาจะเป็นยังไง
"ดูท่าทางหน่วยก้านไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะท่านรียา เห็นท่าว่าคงจะทำให้กลัวไม่ได้ง่ายๆ" นายพลฮารีสพูดขึ้นกลางวง รียามองไปที่นายทหารผู้ใหญ่แล้วเบ้ปากสบายใจ
"ก็ไม่เท่าไหร่"
"ห่ะๆๆ ผมขอตัวก่อนก็แล้วกันเมื่อครู่คุยกับท่านทูตทั้งสองค้างไว้พอดี" นายพลฮารีสขอตัวเดินหลบออกไปหาฮันนา พอท่านนายพลเดินห่างออกไปแล้วรัฐมนตรีวาเฟียก็เริ่มพูด
"ท่านนายพลดูสนิทชิดเชื้อกับชาวซัลมาเป็นอย่างดี แบบนี้จะไม่น่าห่วงหรือครับ"
"มีอะไรต้องห่วงอย่างนั้นเหรอ" รียาตอบขึ้นเสียงเรียบเธอรู้ดีว่าซ้ายขวาของเธอไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่หากมีโอกาสก็จะจิกกัดกันอยู่ตลอด
"ผมเกรงว่าท่านนายพลจะเข้าข้างฝ่ายนั้นจนเอื้อประโยชน์ให้เกินกว่าจำเป็น อย่างเรื่องแรงงานเถื่อนจนป่านนี้ยังไม่รายงานเข้ารัฐสภา"
"เรื่องนั้นเราได้รับรายงานตั้งแต่เดือนที่แล้ว เราเป็นคนบอกให้ชะลอการนำเข้ารัฐสภาเอง มีเรื่องใหญ่กว่านั้นให้ต้องจัดการท่านรีบตามความคืบหน้าของเหมืองไรอาดีกว่า เราไปตรวจสอบเมื่อสองวันก่อนยังไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ"
"ครับท่านรียา" รัฐมนตรีวาเฟียหน้าเสียว่าจะหาเรื่องเขากลับเป็นตัวเองที่งานเข้า
รียาเดินกลับเข้าไปด้านในที่ทำงานของเธอในประตูลับ หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานใหญ่ภายในห้องมองดูเอกสารที่ได้รับมาด้วยสีหน้านิ่ง แววตาฉายถึงความกังวล มีหลายเรื่องให้เธอต้องตัดสินใจ และการตัดสินใจพวกนี้เธอต้องพิจารณาด้วยตัวเองคนเดียว มีหลายครั้งที่รียาเองก็ต้องการคู่คิด อย่างน้อยก็พอให้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนอะไรได้บ้าง
ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นโซเฟีย แต่โซเฟียเป็นประเภทผู้หญิงหัวสูง ขาดความอ่อนน้อมและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สวยแต่ขาดเสน่ห์ที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ใครได้ เรื่องที่เธอทำได้ดีก็มีอยู่ นั่นก็คือเรื่องบนเตียง
ส่วนราณาก็หัวอ่อนเกินไปเป็นผู้ตามจนน่าเบื่อ อ่อนแอและขี้กลัวเก็บความลับอะไรแทบจะไม่ได้ เป็นได้แค่ของเล่นไร้ราคา
ภาพของหญิงสาวอีกคนผุดขึ้นมาในหัว ผู้หญิงที่มาใหม่วันนี้ ไม่รู้ว่าทำไมรียาถึงนึกถึงเธอ แต่วันนี้สายตาของนักสู้ของผู้หญิงคนนี้ถือว่าใช้ได้ ดื้อและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆถึงจะรู้ตัวว่าหมดหนทางแต่ก็ไม่คิดที่จะนอนรอความตาย ถึงแม้กลวิธีอาจจะดูโง่ไปหน่อย
"คิดจะฉีดน้ำหอมหยุดคนที่จะมาทำร้ายอย่างนั้นเหรอ หึ!" รียายิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวสายตาของเธอเหลือบไปมองเสื้อแจ็คเก็ตที่สวมไปรับหญิงสาววันนี้ มือของเธอคว้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะยกขึ้นสูดดมกลิ่นน้ำหอมนั้นอีกครั้ง พอรู้สึกตัวรียาก็ขว้างเสื้อตัวนั้นออกไปจนปลิวไปตกที่โซฟาด้านหน้า เธอส่ายศีรษะไวๆสะบัดความคิดเรียกสติ อยู่ดีๆก็อยากได้กลิ่นน้ำหอมนั่นอีกทำไมกัน
•••
นายพลฮารีสเดินเข้ามาหาบุตรสาวของสหายอีกครั้ง เมื่อครู่ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะต้องไปต้อนรับท่านผู้ครองแคว้นเสียก่อน ฮันนาดีใจมากที่ได้เจอผู้พันฮารีส นายทหารชั้นผู้ใหญ่เองก็ต้องการที่จะบอกข้อปฎิบัติเล็กน้อยให้กับพวกเขา จะว่ากันตามจริงแล้วซารียาสก็เหมือนกับรัฐอื่นๆทั่วไปที่มีกฎระเบียบของตนเอง แต่คนที่มาใหม่ก็ย่อมจะมีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ
"เป็นยังไงบ้าง" น้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น มีความเมตตาอยู่ในนั้นเอ่ยถามคนทั้งสอง
"ท่านนายพลคะ คุณพ่อกับคุณแม่ฝากความระลึกถึงมาถึงท่านค่ะ"
"ยินดีๆ" ผู้สูงวัยยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน หลายคนที่เห็นรอยยิ้มนี้คงนึกภาพไม่ออกว่านายพลฮารีสเคยผ่านสมรภูมิรบมาหลายครั้ง และถูกขนานนามว่าเป็นนายพลที่เด็ดขาดไร้ความปรานีที่สุดในประวัติศาสตร์ของซารียาส แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าอยู่คนละเหตุการณ์
"ผมขอถามท่านนายพล.."
"ว่ามาสิ"
"พวกเราควรปฏิบัติตัวยังไงเมื่ออยู่ที่นี่"
"อื้ม! เป็นคำถามที่ดี ตอนที่พวกท่านส่งหนังสือมาเพื่อต้องการเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองรัฐไม่ใช่เหรอ แนวทางการปฏิบัติของพวกท่านเป็นยังไงบ้างล่ะ ก็ทำตามนั้นนั่นแหละเราคงชี้นำอะไรไม่ได้ ห่ะๆ"
"....."
"ซารียาสมีความเป็นเอกเทศสูง พวกเรามีแนวทางปฏิบัติเป็นของตนเองมายาวนาน เพราะแบบนั้นรัฐของเราจึงมั่นคงและแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้ พวกเราให้ความเคารพผู้นำอย่างสูงสุด" ฮันนามองนายพลฮารีสกล่าวอย่างตั้งใจ
"อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ"
"อะไรเหรอคะ"
"พวกเราไม่ชอบคนโกหก และไม่จริงใจ มันหมายถึงการไม่ให้เกียรติกัน"
ฮันนาหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยแล้วเหลือบตาไปมองรอบีสที่อยู่ข้างๆ นึกถึงภารกิจของตนเองที่มาในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการโกหกหรือเปล่า แต่ใจความสำคัญเธอเองก็ต้องการที่จะให้ทั้งสองรัฐได้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นจริงๆ แม้มันจะดูยากแค่ไหน
"เอาล่ะๆไม่พูดถึงเรื่องงานแล้ว เอาไว้เริ่มกันพรุ่งนี้ วันนี้เป็นงานต้อนรับคณะทูตสบายๆกันดีกว่า ไหนเล่าเรื่องพ่อกับแม่เธอให้ฉันฟัง" ท่านนายพลฮารีสชวนฮันนาพูดถึงเรื่องอื่น หากเขาพูดมากจนเกินหน้าที่ไปก็อาจจะไม่เป็นเรื่องดี ถึงหญิงสาวจะเป็นลูกสาวของเพื่อนรัก แต่ถ้าให้เลือกระหว่างประเทศชาติท่านนายพลย่อมเลือกประเทศของตนมาก่อน
เวลาผ่านไปพอสมควรแขกเริ่มทยอยกลับไปแล้ว ฮันนาหันมาถามรอบีสเรื่องที่เขามาที่นี่ได้ยังไงและพักอยู่ที่ไหน อีกอย่างหากเสร็จงานนี้เธอจะต้องเดินทางไปที่ไหนต่อ
"นายพักอยู่ที่ไหนรอบีส"
"ไม่รู้หรอก เจ้าหน้าที่บอกว่าแค่ให้ทำตามพวกเขาก็พอ"
"อะไรกันเราไม่ใช่นักโทษนะ อย่างน้อยก็ควรรู้ว่าเราพักอยู่ที่ไหน แล้วจะพาเราไปไหน" หญิงสาวสีหน้าเครียดเมื่อนึกถึงเรื่องวันนี้ที่ผู้ครองแคว้นพาเธอออกนอกเส้นทางโดยไม่บอกก่อนจนเธอตกใจแทบแย่
"เราจะต้องคุยเรื่องนี้"
"จะคุยกับใครล่ะ"
"ก็ต้องคนที่มีอำนาจสั่งการสิ"
"เธอจะเข้าหาเขาได้ยังไง ดูแค่วันนี้ยังได้คุยด้วยแค่ไม่กี่คำขนาดว่าเราเป็นตัวแทนของรัฐ พวกเขาแทบไม่เห็นเราอยู่ในสายตา"
"เพราะแบบนี้พวกเราจึงต้องมาไง ถ้ามันง่ายเราคงไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่แน่ถ้าเราทำได้ดีเขาอาจจะใจดีไม่ลงโทษแรงงานที่ลักลอบเข้ามาและยอมปล่อยให้พวกเขากลับไป"
"หวังว่านะ"
"พรุ่งนี้ มาร่วมมือกันดีกว่า ทุกอย่างต้องดูสถานการณ์ก่อน"
"อืม" รอบีสพยักหน้ารับรู้
ฮันนาติดใจคำพูดของนายพลฮารีส เพราะคำพูดของเขาถึงทำให้พ่อฮันนากังวลใจจนต้องทำอะไรสักอย่าง เธอเชื่อว่าทุกคนที่ท่านนายพลพูดเป็นความจริง เธอจะพยายามไม่ทำให้ผู้ครองแคว้นคนนั้นไม่พอใจ คิดว่านะ
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาทั้งคู่แจ้งถึงรายละเอียดที่พวกเขาอยากรู้พอดิบพอดี
"คุณรอบีสจะแยกออกไปพักที่โรงแรมรับรองใกล้ตึกรัฐสภาค่ะ ตอนเช้าจะมีเจ้าหน้าที่ไปรับที่โรงแรมมาส่งที่ตึกทุกวัน ส่วนคุณฮันนาจะพักอยู่ที่นี่ค่ะ"
"เอ๊ะ! เดี๋ยวนะคะทำไมต้องแยกกันล่ะคะ"
"พวกคุณจะพักด้วยกันเหรอคะ"
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉันหมายถึงทำไมไม่พักที่โรงแรมเดียวกัน"
"เรื่องนั้นดิฉันไม่ใช่คนตัดสินใจค่ะ ห้องพักของคุณฮันนาจำได้ใช่ไหมคะ" พูดจบเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นก็เดินออกไปทันที
"อะไรกันเนี่ย"
"เอาเถอะน่า พรุ่งนี้เจอกันคงเป็นอีกกฎหนึ่งของที่นี่อีกเหมือนกัน" รอบีสบอกกับฮันนาให้ใจเย็นๆ หญิงสาวพยักหน้ารับ
"พรุ่งนี้เจอกัน"
คนของซารียาสดักเอาไว้ทุกทางคงกลัวว่าพวกเขาจะหารือกันได้ง่ายๆ ซึ่งก็จริงการแยกกันอยู่แบบนี้ทำให้สื่อสารกันลำบาก พวกเขาคงจะคุยกันได้แค่ตอนที่อยู่ทำเนียบ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะคุยกันได้สักเท่าไหร่
ตอนนี้เวลาสี่ทุ่ม งานเลี้ยงเลิกแล้วภายในคฤหาสน์หลังนี้ที่ดูกว้างใหญ่อยู่แล้วยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อบรรดาแขกกลับไป เหล่าสาวใช้ที่เดินสวนกันเป็นมดเมื่อครู่ก็หายวับไปราวกับมดลงรู ฮันนาเดินกลับมายังห้องเดิมที่เธอออกมาเมื่อตอนหัวค่ำ ถึงที่นี่จะมีหลายห้องแต่เพราะความช่างสังเกตของเธอทำให้ฮันนากลับมาห้องเดิมได้ถูก
ตอนนี้บนเตียงนอนกว้างมีกระเป๋าสัมภาระของเธอวางอยู่
"เอ๊ะ! กระเป๋าฉันนี่" หญิงสาวยิ้มขึ้นอย่างน้อยวันนี้ก็มีเสื้อผ้าของตัวเองใส่ หากต้องใส่ชุดรุ่มร่ามของที่นี่ทั้งวันทั้งคืนเธอคงเหนื่อยตาย
หญิงสาวจัดการเป๋าของตัวเองให้เรียบร้อยพอเก็บเสื้อผ้าเสร็จเธอก็หันมองซ้ายมองขวาก่อนจะรูดซิบช่องลับในกระเป๋าเดินทาง ล้วงเอาบางอย่างในนั้นออกมากำไว้แน่น
.................................