นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
รัก,หญิง-หญิง,ครอบครัว,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,ฟินGL,ฟิน,หวาน,คลั่งรักขั้นสุด,รัฐ,ทะเลทราย,คลั่งรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นักการทูตสาวจากเมือง'ซัลมา' ต้องเข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรัฐใหญ่อย่าง'ซารียาส' แต่ภายใต้การเดินทางครั้งนี้เธอมีภารกิจอย่างอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ "ฮันนา"จะทำงานนี้สำเร็จหรือไม่เมื่อมี "รียา" ผู้ปกครองสูงสุดของซารียาสเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวาง
ผู้แต่ง
Number17
เรื่องย่อ
ดินแดนทะเลทรายอันไกลโพ้น มีรัฐอิสระที่แยกตัวออกมาปกครองตนเองอยู่สี่รัฐ ซารียาส อะมาลี ยาซีส และซัลมา
ซารียาส มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ประเมินค่าไม่ได้ อย่างน้ำมันและทองคำ เป็นรัฐที่มั่งคั่งและร่ำรวย รัฐบาลมีการจัดการที่ดีให้ชาวเมืองได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม ภูเขาสูงย่อมมีเหวลึก เมื่อมีซารียาสที่เป็นดั่งแดนสวรรค์ ซัลมา รัฐเล็กๆที่มีพื้นที่ติดต่อกับซารียาสก็เป็นดั่งเหวลึก รัฐบาลซัลมาภายใต้การปกครองในยุครัฐบาลปัจจุบันชาวเมืองห่างไกลคำว่าสุขสบายไปมาก ผู้คนชั้นแรงงานส่วนใหญ่อดอยาก จึงมีปัญหาแรงงานที่ล้นทะลักเข้าไปทำงานยังซารียาสอย่างผิดกฎหมายมากขึ้นทุกปี
ปัญหาเริ่มบานปลายเมื่อคนลักลอบไปทำงานมากขึ้นและเริ่มส่งผลต่อแรงงานของคนพื้นถิ่น เป็นเหตุให้รัฐบาลซารียาสต้องเร่งผลักดันพวกเขาออกไป แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเมื่อบทกำหนดโทษของผู้กระทำความผิดตามกฎหมายของซารียาสนั้นแตกต่างออกไป นั่นก็คือการเฆี่ยนด้วยแส้ รวมถึงมีข่าวจากวงในว่าจะมีการปราบปราบแรงงานอย่างเข้มงวด
เป็นเหตุให้ ฮันนา หญิงสาวลูกครึ่งชาวซัลมา+อังกฤษที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศของซัลมาจะต้องหาวิธีเข้าไปช่วยแรงงานคนของรัฐให้กลับมาก่อนที่จะมีประกาศกวาดล้างอย่างจริงจัง
เธอตัดสินใจเข้าไปเป็นทูตเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ไม่ดีนักของทั้งสองรัฐ เบื้องหลังเพื่อช่วยเหลือคนงานอย่างลับๆ แต่ทุกอย่างที่เธอทำอยู่ภายใต้การจับตามองของผู้ครองแคว้นสุดเข้มงวดอย่าง รียา ผู้ครองแคว้นลำดับที่สิบสามของซารียาส มีข่าวลือหนาหูออกมาว่าเธอเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งและไม่ชอบชาวซัลมาอย่างมาก เพราะเหตุขัดแย้งเมื่อหลายสิบปีก่อน
สาวนักการทูตจากซัลมาจะทำภารกิจของเธอสำเร็จหรือไม่ การเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งสองรัฐที่มีปัญหากันมายาวนานจะจบลงแบบไหน
หรือจะมีความสัมพันธ์แบบใหม่ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ไม่มีใครรู้ ร่วมเดินทางไปด้วยกันนะคะ
สวัสดีค่ะทุกคนเป็นนิยายเรื่องแรกที่ลองนำมาลงที่ Plotter ฝากติดตามด้วยนะคะ
ครั้งนี้เข้าบุกตะลุยดินแดนทะเลทรายกับบ้างที่รับรองว่าร้อนจริง จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่เขียนขึ้นมาเอง...ห่ะๆ ชื่อสถานที่ เมือง กฎหมายตั้งขึ้นตามใจไรต์นะคะ (เป็นเรื่องแต่งขึ้นตามจินตนาการของไรต์นะคะ) ที่จริงแล้วไรต์เองที่เป็นผู้ครองแคว้นตัวจริง
ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้อีกสักเรื่องนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอด ไรต์จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้อ่านกันเรื่อยๆ เพราะเหงาอยากคุยกับนักอ่าน
คอมเม้นต์มาคุยกันได้ตลอดนะคะ รักทุกคนค่ะ
[Number17]
11
จับโจร
รถของรียามาจอดที่หน้าหุบเขาหลังจากที่ขับออกมาจากเมืองกว่าสามชั่วโมง เบื้องหน้าไม่มีถนนสำหรับรถยนต์ที่จะผ่านไปได้แล้ว ไม่นานรถคันอื่นๆก็ตามมาจากหลายเส้นทาง การแยกกันแบบนี้ทำให้คนที่จ้องอยู่สับสนได้และรียาก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอมาทำภารกิจ หญิงสาวในชุดสายพรางสีเขียวเข้มจนเกือบดำเดินลงจากรถ ตั้งแต่ฮันมาถึงที่นี่ยังไม่เคยเห็นรียาใส่ชุดอื่นที่ไม่ใช่ชุดทหารเลย
"ลงมาได้แล้ว"
ฮันนาเปิดประตูลงจากรถตามรียาไป ทหารจากรถคันอื่นๆก็ทยอยลงมาทุกคนเตรียมพร้อมทั้งกระเป๋าและอาวุธราวกับเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ คนขับรถฮัมวี่ทั้งสี่คันขับไปจอดยังแนวซอกเขามีเนินหินเล็กๆพอให้ปิดปังตัวรถเอาไว้ได้ ทหารทั้งหมดนับได้สิบสองนายทุกคนมีอาวุธครบมือ
"เราจะไปที่ไหนเหรอคะ" ฮันนารู้ว่าอีกฝ่ายอาจจะรำคาญกับคำถามเดิมๆของเธอ แต่ฮันนาก็ไม่รู้จะถามอะไรได้มากกว่านี้แล้ว
"ผ่านเขาลูกนี้ไปด้านหลังจะเป็นแนวเขตเส้นแบ่งชายแดน ถือว่ามาดูงานการทูตของซารียาสบ้างก็แล้วกันนะ" รียายิ้มขึ้นน้อยๆก่อนจะเดินนำออกไป ฮันนาเริ่มกังวลแล้วในตอนนี้ เธอเงยหน้ามองหุบเขาหินเบื้องหน้าความสูงของมันสูงจนน่าเวียนหัว แถมไม่รู้ว่าระยะทางที่เธอต้องเดินไปจะไหลแค่ไหน และจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
การที่เธอรอดมาได้ในวันแรก ใช่ว่าจะสามารถรอดจนครบเดือน และฮันนาก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะทำงานนี้สำเร็จด้วย
คร่ำครวญไปก็ไร้ประโยชน์สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือเดินหน้าต่อไป อย่างน้อยที่นี่ก็มีคนสำคัญคนหนึ่งอยู่ แค่เธอเกาะติดรียาเอาไว้ไม่แน่อาจจะปลอดภัย แค่อาจจะ
ฮันนาเดินไปกับกลุ่มของทหาร ไปเรื่อยๆ เหมือนเธอมีเซ้นต์ว่าจะได้มาสถานที่แบบนี้วันนี้เธอจึงใส่กางเกงและรองเท้าผ้าใบมา อาจเป็นเพราะว่าพอมาถึงที่นี่เธอสวดขอพรก่อนเป็นอันดับแรก
รียามองหญิงสาวลูกครึ่งจากซัลมาด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าเธอจะอึดจะขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะบ่นไปแล้ว แต่ก็อย่างว่าซัลมาจะส่งใครมาสักคนก็คงจะคัดเลือกแล้วมาเป็นอย่างดี รียาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวคนนี้จะทนได้สักแค่ไหน นี่แค่เริ่มต้นของจริงอยู่ตรงหน้านั่นต่างหาก
กลุ่มของรียาเดินมากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแสงแดดเริ่มแรงขึ้นดีที่ว่าพวกเธอเดินลัดเลาะไปตามหุบเขา พอจะมีโขดหินสูงช่วยบังแสงแดดตรงๆจากดวงอาทิตย์ได้บ้าง แต่สภาพอากาศที่ร้อนระอุก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฮันนาหยิบเอากระบอกน้ำขึ้นมาดื่มดับกระหาย นายทหารที่เดินอยู่หน้าขบวนทำสัญญาณให้ทุกคนเดินช้าลง เริ่มได้ยินเสียงของเครื่องจักรทำงานอยู่ไม่ห่าง
ใจของฮันนาเต้นตุบๆ ด้วยความตื่นเต้นการมาอยู่ในสถานการณ์จริงมันน่ากลัวว่าการดูภาพหรือฟังจากเรื่องเล่ามากนัก รียาสังเกตอาการของคนต่างถิ่นอยู่เรื่อยๆ ถึงเธอจะอยากให้ฮันนาได้เรียนรู้ความจริงแต่เธอก็ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายได้รับอันตราย
"สองคนเดินไปก่อน อีกสองคนอ้อมไปทางนั้น ดูสถานการณ์ให้ดี จับคนคุมที่นี่มาให้ได้"
"ครับ"
รียายื่นมือไปคว้าข้อมือของฮันนาเข้ามาใกล้ๆ สีหน้าของเธอกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"ไม่ต้องกลัวอยู่ใกล้ๆฉันไว้"
ฮันนาพยักหน้างึกๆ แต่คงจะห้ามให้ไม่กลัวก็ไม่ได้ ทุกคนค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆ แอบมองจากจุดที่อยู่ไกลๆเหมือนกับว่ามีกลุ่มคนอยู่ประมาณสามสิบคน แต่ละคนสวมใส่เสื้อผ้าแบบชาวบ้านธรรมดา แต่อุปกรณ์ที่ใช้ขุดเจาะเป็นรถขุดขนาดเล็กที่ระดับบริษัทจำกัดจึงจะเป็นเจ้าของได้ลำพังหากเป็นชาวบ้าน อย่างดีคงมีแค่อีเตอร์สำหรับเจาะหินเท่านั้น แถมหลายคนในกลุ่มนั้นยังพกอาวุธครบมืออีกด้วย
แล้วสายตาของทหารที่ซุ่มอยู่ตามแนวเขาก็ไปสะดุดอยู่ที่ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในเต้นท์สนามท่าทางที่เขาพูดกับคนอื่นดูแล้วน่าจะเป็นคนสั่งการที่นี่ รียามองไปยังทหารสองกลุ่มที่อยู่ห่างออกไปแล้วพยักหน้าให้รอฟังสัญญาณเข้าประทะและจับกุม
เธอหันมาที่หญิงสาวอีกคน เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่พาฮันนามาด้วย
"เดฟพาคุณฮันนากลับลงไปรอที่รถ"
"ครับ"
"ไม่ค่ะ! ฉันขออยู่ด้วยนะคะ"
รียาเลิกคิ้วแปลกใจ
"ไม่มีใครคอยคุ้มกันเธอนะทุกคนจะต้องทำงาน"
"แต่ท่านก็ให้ทหารนายหนึ่งลงพาดิฉันลงไปรอที่รถนี่ค่ะ ไม่เท่ากับต้องเสียกำลังพลอยู่ดีหรอกเหรอ"
รียาถอนหายใจยาว ก่อนจะมองไปที่ทหารนายนั้น นายทหารยื่นปืนสั้นให้ฮันนาหนึ่งกระบอก หญิงสาวรับมาทันทีโดยไม่อิดออด นั่นทำให้รียาคาดไม่ถึงกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง
"ใช้เป็นเหรอ"
"เป็นค่ะ เคยฝึกตอนที่อยู่ซัลมา"
"ที่นี่ไม่สนามฝึกนะ เธอต้องยิงคนจริงๆ"
ฮันนาเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้าเร็วๆ รียาหันไปเตรียมตัวสั่งการทหารให้เข้าประทะ เป้าหมายคือการปลดอาวุธและควบคุมตัวหัวหน้ากลุ่มและยึดเครื่องจักรพวกนั้นมาให้ได้
•••
สัญญาณมือจากรียาถูกส่งออกไปพร้อมกับการบุกเข้าจับกุมผู้บุกรุกเริ่มขึ้น เสียงปืนดังขึ้นถี่ๆหลังจากนั้น
ปังๆๆ
"หนีเร็ว" คนงานเล็กๆที่ถูกจ้างมาและไม่มีอาวุธต่างพากันวิ่งหนีตายเข้าไปตามแนวเขา ส่วนกลุ่มคนที่ติดอาวุธปักหลักสู้ พวกเขาคิดว่าคงเป็นโจรอีกกลุ่มที่คิดจะมาปล้นทองคำ
"หยุดอย่าต่อสู้เราคือทหารของรัฐซารียาส" นายทหารคนหนึ่งตะโกนออกไปหวังว่าพวกนั้นจะหยุดมอบตัว แต่พอได้ยินว่าเป็นทหารของซารียาสพวกมันก็ยิงถล่มกลับมามากกว่าเดิม เพราะพวกมันรู้ดีว่า หากถูกรัฐบาลซารียาสจับไปไม่ตายวันนี้ก็ตายพรุ่งนี้
เสียงปืนที่ประทะกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฮันนาถูกสั่งให้หลบอยู่ในแนวเขาห้ามโผล่ออกมาเด็ดขาด ส่วนปืนที่ให้ไว้เอาไว้ป้องกันตัวหากมีโจรหลุดรอดมาทางที่เธออยู่ หญิงสาวเอามือปิดหูเอาไว้ ผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีเสียงปืนก็สงบลงฮันนาลืมตาขึ้นมองลอดออกไปตามแนวเขา กลุ่มคนพวกนั้นถูกปลดอาวุธและควบคุมตัวเอาไว้ได้
มีสองสามรายที่นอนฟุบอยู่ และที่บาดเจ็บก็มีเช่นกัน ฝั่งทหารของซารียาสมีบาดเจ็บเล็กน้อย พวกเขาควบคุมตัวหัวหน้าผู้สั่งการมาด้วยเพื่อสืบขยายความว่าเรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาลยาซีสมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่
รียาเดินนำหน้ากลุ่มขึ้นมายังแนวเขาที่ฮันนาหลบอยู่หญิงสาวโผล่ออกไปรวมกับกลุ่ม พร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
"เป็นยังไงบ้างคะ"
ฟึบ! กระเป๋าเป้หนักๆถูกโยนมาให้หญิงสาว ฮันนารับไว้จนตัวโยน
"นี่เป็นเอกสารที่เรายึดมาได้ เธอลองตรวจดูว่ามีอะไรที่มีประโยชน์บ้าง"
"ค่ะ"
ทั้งหมดเดินทางลงจากเขากลับไปยังฝั่งซารียาสที่รถฮัมวี่จอดอยู่อีกครั้ง ฮันนาเริ่มเหนื่อยขึ้นมาแล้วภายในรองเท้าผ้าใบของเธอตอนนี้ร้อนเหมือนกับไฟเผา หญิงสาวคิดว่าเท้าของเธอคงจะพองไปหมดแล้ว ถึงปากจะไม่ได้บ่นออกมาแต่ร่างกายของฮันนาก็ประท้วงว่าไม่ไหว
สาวนักการทูตสะพายเป้หนักเกือบเจ็ดกิโลที่ผู้ครองแคว้นโยนมาให้เดินลงเขาด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดก็มาถึงด้านล่าง พอเห็นรถแล้วฮันนาเหมือนจะยิ้มออกเธออยากถอดรองเท้านี้ออกเต็มที
"รายงานครับท่านรียา"
"อืม"
"เส้นทางที่จะกลับซารียาสมีรายงานพายุทะเลทรายพวกเราจำเป็นต้องพักที่นี่ก่อนหนึ่งคืนพรุ่งนี้ถึงจะออกเดินทางได้ครับ"
"เตรียมที่พัก"
"ครับผม"
"อะไรนะคะ" ฮันนารีบเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้หญิงตัวสูงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองคนที่สูงกว่าเธอถึงสิบเซ็นต์ด้วยสายตาตั้งคำถาม
"ฉันว่าเธอได้ยินแล้ว ทำไมคนถึงต้องทำเป็นหูดับเวลาได้ยินอะไรที่ไม่ถูกใจแล้วถามขึ้นอีกครั้งด้วย ทั้งที่จริงก็ได้ยินแล้ว" รียาพูดขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญ ทั้งอากาศร้อนและความเหนื่อยล้าเริ่มทำให้บรรยากาศร้อนไปด้วย
ฮันนาเม้มปากแน่น เตือนสติตัวเองว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ซัลมา หญิงสาวสะบัดหน้ากลับแล้วไปนั่งลงที่ใต้ต้นปาล์มใกล้รถฮัมวี่ เหล่าทหารต่างพากันเตรียมที่พัก คนที่บาดเจ็บก็หยุดพักทำแผล มีทหารอีกหลายนายที่ยังไม่ลงมาจากเขาเพราะต้องทำการเก็บและรื้อถอนเครื่องจักรด้านบนเตรียมขนย้ายกลับตอนที่กำลังเสริมมาถึง
มีรายงานว่าจะมีพายุทะเลยทรายเกิดขึ้นทางที่จะกลับซารียาส ฮันนาได้ยินทหารรายงานแต่ก็จริงตามวิสัยของผู้หญิงชอบถามซ้ำ แต่ก็เพื่ออยากให้มั่นใจเท่านั้นเองแค่ตอบอีกครั้งจะเป็นอะไรไป ฮันนาบ่นอยู่ในใจ แต่ก็นั่นแหละรียา ฮะซีฟ จะทำอะไรก็ได้ทำไมจะต้องมานั่งตอบคำถามเธอ
ทหารสองนายนำหัวหน้ากลุ่มเมื่อครู่ไปมัดไว้ที่ต้นปาล์มอีกฝั่งหนึ่งโดยมีทหารหนึ่งคนเฝ้า เหมือนว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยแล้วฮันนาก็ค่อยๆถอดรองเท้าของเธอออก มันไม่ใช่รองเท้าบูทของทหารที่ใช้ในการเดินป่าปีนเขา ความร้อนจากภายนอกเข้าไปสะสมอยู่จนทำให้นิ้วเท้าของฮันนาพองไปหมด
"อู้ย! เจ็บจัง" หญิงสาวนั่งมองเท้าตัวเองแล้วบ่นเบาๆเท่านั้น รียาแอบเหลือบมองอยู่ตลอดแต่ไม่ได้พูดอะไร ตอนที่เธอเป็นเด็กฝึกหนักกว่านี้มากเธอต้องเดินกลางทะเลทรายร้อนๆทั้งวัน ความเจ็บปวดทรมานเจอมาทุกรูปแบบจนแข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้
"ท่านรียากางเต้นท์เรียบร้อยแล้วครับ"
"อืม! แยกกันไปพักเถอะ ดูคนเจ็บด้วย แล้วก็สลับกันเฝ้าคนร้ายให้ดี"
"ครับ"
รียาหยิบขวดน้ำออกมายกดื่มพร้อมกับราดลงไปที่ใบหน้าล้างเขม่าปืนจากการยิงต่อสู้กับกลุ่มพวกลักลอบขุดทองเมื่อครู่ ฮันนาหันไปมองก็แอบชื่นชมอยู่ลึกๆท่าทางของรียาองอาจเข้มแข็งเหมาะกับเป็นผู้นำ แต่ก็เย็นชาและใจร้ายปนอยู่ด้วยเป็นคนที่เดาอารมณ์ยากที่สุด แต่ที่แน่ๆสำหรับรียาบ้านเมืองของเธอมาเป็นที่หนึ่ง ใครที่จะมาเอาเปรียบและหวังทำลายซารียาสเธอก็ไม่ลังเลที่จะกำจัด
เรื่องนี้ทำให้ฮันนาคิดไม่ตก ไม่รู้ว่าหากรียารู้เหตุผลที่แท้จริงในการมาเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้เธอจะโกรธหรือเปล่า แต่ฮันนาก็ไม่ได้จะมาทำให้ซารียาสเสียหายอะไร แค่จะมาช่วยคนของเธอเท่านั้นเอง
"จะเหม่ออีกนานไหม ได้อะไรบ้างหรือยัง" รียาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวชาวซัลมาสักพักใหญ่แล้ว แต่เหมือนสาวเจ้าจะใจลอยอะไรจึงไม่รู้ตัว รียาถึงได้ทักขึ้น
"อ่ะ! อ่อ! ค่ะๆ" ฮันนากุลีกุจอเปิดกระเป๋าเป้ออก เพื่อดูว่าข้างในมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนพวกนี้ไหม ของภายในเป็นการรวมมาแบบเร็วๆของทหารซารียาส น่าจะเป็นของที่อยู่บนโต๊ะของหัวหน้าคนนั้นมีทั้งแก้วกาแฟ บุหรี่ ขวดน้ำปนกัน ฮันนาแอบถอนหายใจกับการเก็บหลักฐานของคนที่นี่
"เล่นหอบรวมกันมาแบบนี้หลักฐานที่เป็นกระดาษอย่างอื่นก็เสียหายหมดสิคะ"
"ลูกปืนลอยปลิวว่อนเหนือหัวขนาดนั้นเธอจะนั่งหยิบทีละชิ้นหรือไง" รียาโน้มตัวลงพูดกับหญิงสาวที่นั่งใบหน้าของผู้ครองแคว้นใกล้กับฮันนาจนเธอมองดวงตาสีดำสนิทนั่นได้ชัดเจน ลักษณะของรียาโดดเด่นมากๆ สิ่งที่ควรจะเป็นสีดำก็ดำสนิท โดยเฉพาะสีผมและดวงตากร้าวคู่นั้น ฮันนารู้สึกว่าหากจ้องมองนานไปเธอจะหายใจไม่ออกได้ หญิงสาวจึงผลุบใบหน้าลงดูหลักฐานในกระเป๋าเป้ใบนั้นต่อ
มาคิดตามรียาก็พูดถูกสถานการณ์แบบนั้นไม่มีเวลามานั่งเลือกว่าจะเก็บอะไรไม่เก็บอะไร คว้าอันไหนได้ก็ต้องเอามาก่อน
................................