จากที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้า ทำหน้าตาน่าหมั่นไส้ เห็นแล้วเป็นต้องคอยตามคอยแกล้ง พอไม่เห็นหน้าทำไมหัวใจมันร้อนรนอยู่ไม่ได้ต้องอยากเห็นหน้าตลอด หรือจะเป็นแบบที่โบราณว่าไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาก็ยังดี

วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg - ตอนที่ 7 ค่ายอาสา โดย กุหลาบดิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,ครอบครัว,วัยว้าวุ่น,พระเอกหื่น,พ่อตาดุ,ท้องได้,ตามง้อ,นายเอกหนี,นายเอกท้อง,พระเอกปากหมา ,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-ชาย,ไทย,ครอบครัว,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกหื่น,พ่อตาดุ,ท้องได้,ตามง้อ,นายเอกหนี,นายเอกท้อง,พระเอกปากหมา ,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg โดย กุหลาบดิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้า ทำหน้าตาน่าหมั่นไส้ เห็นแล้วเป็นต้องคอยตามคอยแกล้ง พอไม่เห็นหน้าทำไมหัวใจมันร้อนรนอยู่ไม่ได้ต้องอยากเห็นหน้าตลอด หรือจะเป็นแบบที่โบราณว่าไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาก็ยังดี

ผู้แต่ง

กุหลาบดิน

เรื่องย่อ

บอม กิตติภพ เลิศธนาธีรกานต์

เดือนคณะแพทย์ หน้าตาหล่อละมุน พิมพ์เกาหลีนิยม ลูกชายคนเล็กของที่บ้านพ่อแม่หวงมาก ที่บ้านทำไร่ชาและรีสอร์ต

  ไอ้คนบ้า ไอ้คนมักมาก เราไม่น่าไปรักคนอย่างนายเลย 

พ่อจ๋าแม่จ๋าลูกขอโทษแทนที่ลูกจะหาสะใภ้เขาบ้านแต่กลับได้ลูกเขยแทน


โน้ต วรงกรณ์ โชติกุลวัฒนา

เดือนคณะวิศวะ และเดือนมหาวิทยาลัย หล่อทรงแบด ลูกคนกลางมีแฝดน้องเป็นผู้หญิง ที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

โพเมียอย่างนาย เป็นผัวใครเขาไม่ได้หรอก นอกจากเป็นเมีย และต้องเป็นเมียวรงกรณ์เท่านั้น 

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะทำเหมือนเดิม ขืนใจเอานายมาเป็นเมีย


สารบัญ

วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 1 บอม กิตติภพ,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 2 โน้ต วรงกรณ์,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 3 เดือนคณะ,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 4 เดือนเฉือนเดือน,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 5 ชิงเดือน,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 6 งูเนื้อคู่,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 7 ค่ายอาสา,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 8 ติดฝน,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 9 ก่อกวนหัวใจ,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 10 ม่ายมาว แค่โลกเอียง,วิศวะขอรักคุณหมอ Mpreg-ตอนที่ 11 เดือนกินเดือน NC

เนื้อหา

ตอนที่ 7 ค่ายอาสา

กิจกรรมอย่างหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้ของเด็กมหาลัยคือการออกค่ายอาสา ครั้งนี้ก็เช่นกันสโมสรนักศึกษาเขาจัดไปออกค่ายอาสาที่แถวจังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งเขาขอความร่วมมือให้ดาวเดือนมหาวิทยาลัยและรองดาวเดือนไปทำกิจกรรมด้วยเพื่อโปรโมทสถาบันไปด้วย วรงกรณ์ก็ยินดีที่จะไปร่วมกิจกรรมด้วยและที่หนีไม่พ้นก็เป็นเชอร์รี่ที่ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้แต่ก็ยังขอที่จะติดตามมาด้วย ส่วนรองทั้งดาวและเดือนอย่างกิ่งก้อยและกิตติภพก็ให้ความร่วมมือเช่นกัน 

ก่อนที่จะมากิตติภพได้โทรคุยกับที่บ้านแล้วเพราะเห็นว่าอยู่เขตภาคเหนือใกล้บ้านตัวเอง ซึ่งพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงก็ดีใจมากจึงวางแพลนไว้ว่าจะไปเยี่ยมลูกชายที่มาออกค่ายอาสา แต่โดนลูกชายเบรคเสียก่อน

ในวันที่จะต้องเดินทางทุกคนเอาสัมภาระของตัวเองมาไว้ที่รถส่วนของต่างๆ ที่นำไปออกค่ายครั้งนี้ทางคณะเลือกที่จะสร้างห้องน้ำและโรงอาหารให้กับโรงเรียนบนดอย โดยหัวหน้าคณะนักศึกษาได้ติดต่อซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างในเขตพื้นที่ไว้และให้เขาเอาไปส่งไว้ที่โรงเรียนแล้วเลยไม่จำเป็นตัองขนอะไรมาก นอกจากของใช้ส่วนตัวและของที่รับบริจาคเพิ่มเช่น เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม หนังสือ

เมื่อทำการเช็คชื่อกับรุ่นพี่แล้วกิตติภพก็ขึ้นรถมานั่งตามที่นั่งที่ว่างอยู่ด้านหลัง เพราะเขาต้องการที่จะพักผ่อนเมื่อคืนอ่านหนังสือเสร็จแทนที่จะนอนดันไปท่องติ๊กต๊อกเลยไม่ได้หลับไม่ได้นอน 

ครั้งนี้พนัชกรเพื่อนซี้ไม่ได้มาด้วยมีแต่กิ่งก้อยและพี่ๆ ที่เคยเป็นพี่เลี้ยงสมัยประกวด แต่อยู่รถคนละคันกิตติภพเลยขึ้นมาคนเดียวเดี๋ยวหาเพื่อนเอาข้างหน้า พอเขานั่งลงก็เตรียมเอาผ้าคลุมออกมาไว้เผื่ออากาศเย็นจะได้เอาไว้ห่ม เพราะต้องเดินทางไกลเป็นวันกิตติภพจึงหลับตาเพื่อพักเอาแรงก่อน เพียงไม่นานเขาก็รู้สึกถึงการยวบตัวลงของที่นั่งข้างตัว จึงลืมตาขึ้นมองเพื่อนร่วมทางที่ต้องนั่งกันไปยาวๆ ว่าเป็นใคร ก็สบสายตากับสายตาคมของวรงกรณ์ อย่าบอกนะว่าเขาต้องนั่งกับหมอนี่จนถึงแม่ฮ่องสอน น้ำลายบูดแน่เพราะคงไม่ได้คุยกัน

ร่างสูงเดินหาที่นั่งที่ว่างที่จริงก็มีเยอะเพราะคนยังมาไม่ครบ เขาตั้งใจจะเดินมาหลบนอนด้านเบาะหลังแต่ดันมาเจอคนตี๋หล่อเกาหลีนั่งเอนเก้าอี้เอามือกอดอกและหลับตาอยู่จึงเลือกที่จะมานั่งด้วยกันข้างๆ เพราะอยากจะแกล้งอีกคน เขารู้โดยสัญชาตญาณว่าอีกฝ่ายก็ไม่ค่อยชอบตัวเองเหมือนกัน คงเป็นเพราะเขารู้ทันเรื่องที่เจ้าตัวชอบพู่กันมากกว่าเพื่อนแน่เลย ดีล่ะเดี๋ยวเขาจะแกล้งให้เข็ดไม่ชอบเขาใช่ไหม เขาก็ไม่ได้ชอบอีกฝ่ายเช่นกัน

พอเห็นว่าเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างเป็นใครกิตติภพก็ทำเป็นไม่สนใจจึงนอนหลับตาต่อโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากทักทายเลย คิ้วร่างสูงถึงกับกระตุกที่อีกคนทำเหมือนไม่รู้จักกัน วรงกรณ์จึงหยิบเอาเสื้อคลุมกันหนาวของตัวเองออกมาไว้พร้อมกับปรับเก้าอี้ให้ราบเท่ากับของอีกคนและทำเป็นหลับไปด้วย 

พอคณะนักศึกษาเริ่มเดินทางคนที่แกล้งหลับก็หลับจริงๆ ด้วยความที่เมื่อคืนนอนดึกจึงหลับอย่างง่ายดาย วรงกรณ์มองศีรษะมนของอีกคนโยกไปด้านหน้าเวลารถเบรคหรือเคลื่อนตัว ทำเอาเขาเกรงว่าคอจะหักเอา เดือดร้อนพี่ๆ ที่พามาอีก มือหนาเลยเอื้อมมาผลักเอาศีรษะของคนหลับให้เอนมาซบไหล่ตัวเอง แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปโดยตอนถ่ายเขาหลับตาจัดฉากให้เหมือนโดนถ่าย พอเอารูปมาดู ดูๆ ไปเหมือนเป็นคู่รักหลับซบไหล่กัน เป็นข่าวกับเขาบ้างเป็นไง

พอรถจอดแวะพักคนคุมรถก็ประกาศให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำยืดเส้นยืดสายได้ กิตติภพที่หลับมานานก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี เปลือกตากลมค่อยๆลืมขึ้นเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง พอกรอกตามามองด้านข้างที่เขานึกได้ว่าอีกคนมานั่งอยู่เบาะคู่กันก็เห็นอีกคนยังนั่งอยู่พอมองขึ้นมาเรื่อยถึงรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายไปซบพิงไหล่เขาเองจึงรีบเอาตัวออกห่างและกะจะลงไปเข้าห้องน้ำแต่อีกคนยังหลับขวางทางอยู่จะข้ามไปก็กระไรอยู่เลยจำเป็นต้องลองปลุกคนตัวสูงกว่าเผื่ออีกคนอยากไปห้องน้ำบ้าง

“นี่ นี่ นายตื่นก่อนเร็ว” กิตติภพเอามือเรียวเขย่าต้นขาแกร่งของเพื่อทำการปลุก วรงกรณ์ที่ตื่นตั้งแต่รถจอดแต่ทีแรกแล้วทำเป็นหลับตาต่อตอนที่ได้ยินเสียงคราง ฮือ ของร่างบางก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่น พอโดนเขย่าที่ต้นขาเขาเลยแกล้งทำเป็นพลิกตัว แล้วหันไปกอดเอวคนปลุกก่อนที่จะซบลงบนซอกคอหอม เล่นเอาคนโดนซบหวาดเสียวจนขนลุก แล้วใช้มือดันวรงกรณ์ออกจากตัวเอง

“นี่นาย ตื่นทำอะไรเนี่ยมีสติหน่อยซิ ตื่นจะลงไปเข้าห้องน้ำไหมถ้าไม่ไปก็หลบให้ด้วยผมจะออกไป” กิตติภพบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายลืมตาแล้ว

“ไปซิ ไปด้วยปวดฉี่จะแย่” วรงกรณ์เลยลุกขึ้นก่อนแล้วหลบไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อให้กิตติภพเดินนำออกไปก่อน ก่อนที่ตัวเองจะเดินตามหลังไป 

เมื่อทำธุระเสร็จกิตติภพก็เดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อที่จะซื้อขนมและลูกอมหมากฝรั่งเอาไว้อมดับกลิ่นปากหลังจากดตื่นนอนตอนอยู่บนรถ เสร็จแล้วก็เดินขึ้นมาบนรถที่จอดรออยู่ พบว่าวรงกรณ์ยังไม่มา ร่างบางเลยเข้าไปนั่งเบาะตัวเองอย่างสะดวก 

“อ่ะ ชาเขียวจะได้สดชื่น” แก้วชาเขียวถูกยื่นมาตรงหน้าของกิตติภพ ร่างบางเลยหันไปมองคนให้ก็เลยทำหน้างงเพราะไม่คิดว่าคนตัวสูงจะเอามาฝากตัวเอง

“รับไปซิ ก็ของนายนั่นแหละซื้อมาฝากไหนๆ ก็ไปยืนต่อแถวแล้ว” 

“ขอบคุณก็แล้วกันนะ” กิตติภพกล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มให้ครั้งแรกทำเอาวรงกรณ์ถึงกับตาพร่ากับรอยยิ้มเมื่อสักครู่ นี่แหละที่เขาบอกว่ายิ้มหยุดโลก มันเป็นแบบนี้นี่เอง พอตั้งสติได้ร่างสูงจึงนั่งลงที่เบาะนั่งของตัวเอง ทำไมมันใจสั่นอย่างนี้วะ โน้ตมึงจะสั่นทำไมนั่นผู้ชายที่จะมาแย่งพู่กันไปจากพี่มึงนะ ร่างสูงทะเลาะกับใจตัวเอง

“อ่ะลูกอมกะหมากฝรั่งไว้เคี้ยวตอนขึ้นเขาเดี๋ยวจะหูอื้อ” วรงกรณ์มองลูกอมในอุ้งมือสะอาดตาที่มีลูกอมกับหมากฝรั่งวางอยู่บนนั้นอย่างละสี่ห้าเม็ดรวมๆ เกือบสิบ ก่อนจะยิ้มขอบคุณและแบมือลงเพื่อที่มือเรียวจะได้วางลูกอมให้ พอเห็นอีกฝ่ายแบมือออกแทนที่จะกำเอาลูกอมในมือของเขากิตติภพเลยจำต้องเปลี่ยนจากหงายเป็นคว่ำมือให้ลูกอมวางบนมือหนาแทน วรงกรณ์เลยถือโอกาสกุมเอามือเรียวที่วางบนมือตัวเองเฉยก่อนที่จะคลายออก

“ขอบคุณมาก รีบกินล่ะเดี๋ยวชาเขียวละลายหมดไม่อร่อยนะ” 


นั่งรถมาจนถึงจุดหมายปลายทางที่มาออกค่าย ทุกคนทยอยลงจากรถด้วยความเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวกันทุกคน

“อ้าวสองคนข้างหลังถึงแล้วครับ มัวแต่นอนกอดกัน ลุกได้แล้วลูกก่อนที่อย่างอื่นจะลุกแทน” พี่ๆ ที่อยู่ใกล้ปลุกสองเดือนที่นอนหลับซบกันอยู่ด้านหลังรถ 

“เฮ้ย” เสียงร้องตกใจของสองคนดังออกมาพร้อมกันเพราะตื่นมาพร้อมกันต่างคนต่างอยู่ในอ้อมกอดกัน วรงกรณ์รีบผละมือออกแล้วลุกขึ้นเก็บข้าวของออกจากรถ 

“เชี่ยแล้วไอ้โน้ต ไปนอนกอดกับผู้ชาย” 

วรงกรณ์ด่าตัวเองเบาๆ แล้วเดินจากไป ทิ้งให้อีกคนที่กำลังนั่งอยู่บนเบาะรถได้แต่หน้าชาเพราะเหมือนอีกคนจะรังเกียจไม่ชอบตัวเองเข้าไปอีก 

พอทุกคนลงจากรถบัสก็ต้องขึ้นรถกระบะหรือที่เรียกว่ารถขนหมูที่ชาวบ้านเอามารับ ทยอยกันขึ้นไปบนดอยหลายต่อหลายเที่ยวจนครบทุกคนซึ่งก็เป็นเวลามืดพอดี เลยไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากเก็บข้าวของตัวเองและหาที่หลับที่นอนซึ่งเขาให้ผู้หญิงกับผู้ชายนอนแยกกันคนและหลังของอาคารเรียนเล็กๆ กิตติภพก็เดินรวมกลุ่มไปกับเพื่อนๆ ผู้ชาย

“บอม สวัสดีเราเชนนะอยู่เภสัช วันที่ประกวดเดือนเราเจอบอมแต่ไม่มีเวลาคุยด้วย ดีใจจังที่ได้เจอบอมที่นี่อีก” หนุ่มหล่อหน้าตาดี นามว่าศิริโรจน์หรือเชน เดือนคณะเภสัช เข้ามาทักทายกิตติภพอย่างยิ้มแย้มอัธยาศัยดี 

“หวัดดีเชน ยินดีที่ได้รู้จักนะ ถึงว่าหน้าคุ้นๆ เรามาก็ไม่ได้รู้จักใครเลย นอกจากคนในคณะสองสามคน ดีจังมีเพื่อนใหม่เพิ่มมาคนหนึ่ง” กิตติภพพูดไปยิ้มไปด้วยความรู้สึกดีใจจริงๆ ส่วนอีกคนที่นั่งเบาะข้างกันมาไม่นับว่ารู้จักกันเพราะไม่ได้คุยอะไรกันเลย

“ไปหาที่นอนกันเถอะบอม ป่ะ งั้นบอมนอนใกล้ๆ เราไหม จะได้คุยกันต่อ” เชนหนุ่มหล่อเสนอ

“เอาดิ เพราะเราก็ไม่รู้จะนอนกับใครเหมือนกันพวกที่มาก็มีแต่ผู้หญิงกับพวกพี่เคที่” 

เมื่อตกลงกันแล้วทั้งคู่ก็เดินไปเลือกมุมที่จะนอน ทุกสิ่งทุกอย่างอยูในสายตาของวรงกรณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรแค่คิดว่าอีกคนใจง่ายไปกับคนนั้นทีคนโน้นทีดูแล้วคงจะเป็นคนเจ้าชู้อยู่พอควร ยิ่งอย่างนี้ยิ่งไม่ควรอยู่ใกล้พู่กันของเฮียเนม


   การออกค่ายวันแรกหมดไปกับการเดินทาง พอเช้าอีกวันหัวหน้านักศึกษาก็พาทุกคนออกมาพบผู้นำชุมชนและได้ชี้แจงรายละเอียดวัตถุประสงค์ของการออกค่าย จากนั้นก็แบ่งหน้าที่กันตามที่ถนัดและได้รับมอบหมาย ซึ่งของกิตติภพออกไปหน่วยแพทย์กับรุ่นพี่และคณะเภสัชฯและทันตะฯถึงแม้จะยังตรวจโรคไม่เป็นแต่ก็ยังพอรู้จักยาอยู่บ้างและเผื่อหยิบจับอะไรช่วยเขาได้ถ้ามาอีกครั้งคงได้ช่วยเหลือคนอื่นได้มากกว่านี้

ส่วนวรงกรณ์อยู่ในส่วนก่อสร้างที่ผู้ชายส่วนใหญ่ต้องอยู่เพื่อใช้แรงงานในการทำห้องน้ำและโรงอาหารให้กับโรงเรียนเพื่อเป็นประโยชน์กับเด็กนักเรียนต่อไป ส่วนพวกผู้หญิงก็จะช่วยกันหุงหาอาหารและหยิบจับของที่ไม่หนักส่งให้พวกผู้ชาย ตอนช่วงกลางวันที่นี่จะร้อนมากพอทำกันไปได้สักพักก็ต้องพักกันเพราะแดดร้อนเปรี้ยง วรงกรณ์ลงมาพักข้างล่างเพื่อให้คลายร้อน

“โน้ตคะ น้ำเย็นค่ะ”

น้ำเย็นใส่ในแก้วถูกยื่นให้ตรงหน้าเดือนมหาวิทยาลัยคนหล่อ จากดาวคณะเดียวกันอย่างเชอร์รี่ เธอพยายามที่จะเข้ามาอยู่สองต่อสองกับวรกรณ์แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสเพราะรุ่นพี่สาวสองเรียกเธอไปช่วยทำโน่นนั่นนี่ตลอด

“ขอบคุณมากนะเชอร์รี่” วรงกรณ์ยื่นมือไปรับแก้วน้ำจากหญิงสาวเอามาดื่มเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียกำลังใจ ส่วนคนเอาน้ำมาเสิร์ฟก็เอาพัดมาพัดไล่ความร้อนให้อย่างเอาใจยิ้มแก้มปริที่เห็นหนุ่มหล่อที่ตัวเองเล็งไว้รับไมตรีจากตัวเอง

“เดี๋ยว ทุกคนพักทานข้าวก่อนนะคะ เจ๊แนนนี่แม่ครัวคนเก่งของเราทำกับข้าวเสร็จพอดี มาเร็วหนุ่มๆสาวๆล้างไม้ล้างมือมาทานข้าวกันครับ” เสียงภูเบศ หัวหน้าคณะที่มาออกค่ายเรียกทุกคนพักจากกิจกรรมที่ทำอยู่ให้มากินข้าว ทุกคนเลยต้องหยุดกิจกรรมแล้วเดินไปตักข้าวและกับใส่จานตัวเองไปนั่งกินตามอัธยาศัย

“แล้วนี่หน่วยแพทย์ยังไม่กลับมากันอีกเหรอ เดี๋ยวแม่ครัวเตรียมกับข้าวไว้เผื่อหน่วยแพทย์ด้วยนะเผื่อกลับมาหิวจะได้พากันกิน” เสียงพี่ภูเบศหันไปสั่งพี่อเนกหรือเจ๊แนนนี่ต่อ

จริงซิตั้งแต่เช้ามาเขาก็ยังไม่เห็นหน้าใสๆของกิตติภพเลย นึกออกแล้วว่าวันนี้เหมือนขาดอะไรไป ที่แท้ก็ยังไม่ได้กวนอารมณ์อีกคนนี่เอง วรงกรณ์เดินถือจานข้าวเข้ามานั่งกับเป้เพื่อนชายในคณะและกลุ่มพี่ๆ ผู้ชายคณะอื่นที่นั่งคุยกันอยู่ 

“โน้ตคะ ขอเชอร์รี่นั่งทานด้วยคนนะคะ เชอร์รี่ไม่รู้จักใครเลยค่ะ” เชอร์รี่เดินมาหากลุ่มของชายหนุ่ม แล้วนั่งลงพื้นที่ที่เหลือเพียงนิดเดียวข้างๆวรงกรณ์จนร่างสูงต้องขยับออกเพื่อให้อีกฝ่ายได้นั่งดีๆ 

“น้องเชอร์รี่มานั่งข้างๆพี่เมฆก็ได้นะครับ ตรงที่โน้ตนั่งมันมีที่นิดเดียวจะได้ไม่เบียดกัน”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เมฆ เชอร์รี่อยากอยู่ใกล้ๆโน้ต”

“โห้ น้องเชอร์รี่ออกตัวแรงอ่ะระวังอกหักหน้าแตกนะคะ” เจ๊จีจี้สาวสองที่เคยเป็นพี่เลี้ยงตอนประกวดแซว เพราะนางไม่ชอบเชอร์รี่เป็นทุนเดิมและรู้สึกว่าฝ่ายชายก็ไม่ได้คิดอะไรกับฝ่ายหญิงมากเกินคำว่าเพื่อน

“อุ้ยต๊าย ตาย หน่วยแพทย์กลับมาแล้ว น้องบอมลูกชายเจ๊หิวหรือยังเนี่ยแดดก็ร้อน น่าสงสารจังเลยดูซิผิวขาวๆแดงหมดเลย”