เมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?

เอลิน มนตรา และปีศาจ - 2 Chapter 1 โดย Petri K. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,พารานอมอล,ดราม่า,ลึกลับ,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เอลิน มนตรา และปีศาจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,พารานอมอล,ดราม่า,ลึกลับ,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เอลิน มนตรา และปีศาจ โดย Petri K. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?

ผู้แต่ง

Petri K.

เรื่องย่อ

ในเงามืดของโลกที่ความจริงหลอมรวมกับความลวง “เอลิน” เด็กสาวผู้มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่สายตาพิเศษนี้ไม่ได้มอบอำนาจหรือความปลอดภัยให้เธอ มีเพียงความหวาดกลัวและความโดดเดี่ยวที่ค่อยๆ กลืนกินหัวใจ

จนกระทั่ง “ไคล์” ปรากฏตัว …ปีศาจจากอีกมิติที่หลุดร่วงผ่านประตูแห่งความมืด การมาของเขาไม่ได้ชำระล้างความทุกข์ในชีวิตของเอลิน หากแต่เป็นดั่งเงาดำทมิฬที่ซ้อนทับโลกอันบิดเบี้ยวของเธอให้ลึกลงสู่ห้วงอันมิอาจหยั่งถึง เสียงกระซิบของวิญญาณแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องสะเทือนจิตใจ และพลังลี้ลับบางอย่างที่หลับใหลในตัวเธอก็เริ่มตื่นขึ้น

“ในโลกที่เงาไม่ใช่เพียงเงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดต่อสู้ หรือจะยอมกลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืดนั้น?”


สารบัญ

เอลิน มนตรา และปีศาจ-1 Prologue ,เอลิน มนตรา และปีศาจ-2 Chapter 1 ,เอลิน มนตรา และปีศาจ-3 Chapter-2,เอลิน มนตรา และปีศาจ-4 Chapter-3,เอลิน มนตรา และปีศาจ-5 Chapter-4

เนื้อหา

2 Chapter 1

อากาศในช่วงกลางเดือนมกราคมยังคงหนาวจับใจ ท้องฟ้าสีเทาหม่นไร้ซึ่งแสงแดด ขับเน้นให้ทัศนียภาพโดยรอบดูหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ผิดกับบรรยากาศในสถานีรถไฟใต้ดินตอนนี้ที่ยังคงคึกคักและหนาแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา

ประตูรถไฟเปิดออก เด็กสาวในชุดคลุมกันหนาวที่สวมทับชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนแห่งหนึ่งพาตัวเองเข้าไปข้างในพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ เมื่อไม่มีที่นั่งว่างหลงเหลืออยู่จึงหามุมที่คิดว่าตัวเองสามารถยืนรอได้นานๆโดยไม่เมื่อยไปตลอดการเดินทางที่แสนจะน่าเบื่อและจำเจนี้

 

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก วิวเมืองที่ไหลผ่านไม่ได้ดึงความสนใจเธอ สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้กลับอยู่ในรถไฟนี้…

ชายในโค้ทขาดรุ่งริ่ง ร่างโปร่งแสงยืนอยู่ใกล้ประตู ใบหน้าของเขาซีดราวกับถูกดูดสีสันออกไป เอลินรีบเบือนสายตาไปทางอื่น เธอรู้ดีว่าการสบตากับวิญญาณไม่เคยนำมาซึ่งสิ่งดี มันคือบทเรียนแรกที่เธอเรียนรู้มาตลอดหลายปีนี้

 

“รถไฟแน่นอีกแล้ว…” เสียงหญิงชราดังขึ้นเบา ๆ ร่างซีดของเธอนั่งยองอยู่ตรงมุมหนึ่งของตู้โดยสาร มือเหี่ยวย่นจับชายกระโปรงสีซีดไว้แน่น “ไม่มีที่ว่างให้วิญญาณพวกเราเลยไม่ว่าที่นี่หรือที่อื่น…”

 

คำพูดนั้นแทงเข้ามาในใจของเด็กสาว เธอพยายามไม่สนใจ แต่ประโยคนั้นกลับดังก้องอยู่ในหัว ราวกับหญิงชราคนนั้นรู้ถึงความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้รับการยอมรับ ความจริงที่ว่าเธอเองก็รู้สึกเหมือนไม่มีที่ยืนอยู่บนโลกนี้ไม่ต่างกัน…

 

เอลินมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง เธอพยายามหลีกเลี่ยงภาพเหล่านั้น แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน สิ่งที่ไร้ตัวตนเหล่านี้ก็มักจะปรากฎในสายตาเธอ

 

บางที…นี่อาจเป็นคำสาปที่เธอต้องเจอก็ได้… เด็กสาวคิดในใจ

 

เสียงประกาศดังขึ้น เตือนผู้โดยสารให้เตรียมตัวสำหรับสถานีถัดไป เพทายกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้น หวังว่าความหนาวด้านนอกจะช่วยทำให้เธอรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ขึ้นอีกครั้ง

 

ในมุมหนึ่งของตู้รถไฟ เด็กชายในชุดนักเรียนเก่าคร่ำคร่ากำลังมองเธอ ดวงตาเศร้าหมองของเขาเหมือนน้ำหนักที่กดทับจนเธอแทบหายใจไม่ออก เอลินสบตากับเขาเพียงครู่เดียวก่อนจะเบือนหน้าหนี

ตั้งแต่เด็กเธอมองเห็นพวกเขาและเคยพยายามช่วยเหลือวิญญาณเหล่านี้ โดยที่เธอหวังว่าทุกครั้งที่เธอช่วยเหลือ พวกเขาจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระและได้ความสงบสุขกลับคืนมา แต่สิ่งที่เธอได้ตอบแทนกลับเป็นการถูบรบกวนไม่มีสิ้นสุดและการถูกกีดกันจากคนรอบตัว ไม่ต่างอะไรกับตัวประหลาดที่ผู้คนหวาดกลัว

 เพราะฉะนั้น… ไม่อีกแล้ว

 

“อย่ามายุ่งกับฉัน…” เธอพึมพำเสียงเบา พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองเมื่อนึกถึงอดีตที่เจ็บปวด

 

ทันทีที่รถไฟชะลอตัวและหยุดลงที่สถานี เด็กสาวรีบก้าวเดินออกไป ความหนาวเย็นด้านนอกไม่ได้ช่วยปลอบประโลมอะไร ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกชัดเจนถึงสายตาหลายคู่นั้นที่ยังคงจ้องมองมา…จ้องราวกับจะบอกอะไรบางอย่างแก่เธอ

เอลินเร่งฝีเท้า ท่ามกลางฝูงชนที่ดูเหมือนจะกลืนเธอลงไปแต่เสียงพูดคุยและความคึกคักรอบตัวกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวจนแทบหายใจไม่ออก ไม่ว่าเธอจะเดินไปไกลแค่ไหน วิญญาณเหล่านั้นก็มักปรากฏตัวให้เห็นอยู่เสมอ และลึก ๆ เธอเริ่มสงสัยว่า…สิ่งที่พวกเขาต้องการอาจจะไม่ใช่การช่วยเหลือจากเธอ แต่กลับเป็นตัวเธอเสียเองมากกว่าที่เป็นฝ่ายต้องการความช่วยเหลือ

*****************

เสียงจอแจในโรงอาหารช่วงพักเที่ยงยังคงดังระงม เอลินถือถาดอาหารพลางกวาดตามองหาที่นั่งว่าง แม้จะรู้ดีว่าในโรงเรียนนี้แทบไม่มีที่ไหนที่มีเธอเป็นส่วนหนึ่งเลยก็ตาม แต่ทว่าเธอชินเสียแล้ว…

“ดูสิ…นังตัวประหลาดกำลังจะนั่งโต๊ะของเรา”

คำพูดลับหลังและสายตาเยาะเย้ยกลายเป็นเพียงเสียงรบกวนที่เธอปัดทิ้ง…เธอเดินไปยังโต๊ะว่างโดยไม่ใส่ใจ เมื่อวางถาดลง โซอี้ หัวโจกกระจำกลุ่มนักเรียนหญิงที่ขึ้นชื่อเรื่องชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่วก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ได้เป็นมิตร

“เธอจะนั่งโต๊ะนี้จริง ๆ เหรอ โต๊ะนี้มันไม่ใช่สำหรับคนแปลก ๆ อย่างเธอหรอกนะ”

เอลินเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องไปยังเด็กสาวคู่กรณีด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก ราวกับกำลังมองผ่านเธอไปยังอะไรบางอย่างที่ไกลกว่า

“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า การนั่งตรงนี้ต้องผ่านการคัดกรองอะไรเป็นพิเศษ…” เสียงของเธอดังขึ้นอย่างเรียบเฉย ราวกับกำลังตั้งคำถามถึงความไร้สาระของสถานการณ์ตรงหน้า

โซอี้ยิ้มมุมปากอย่างมีชัย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความเย่อหยิ่งจนแทบฟังไม่ได้

“แปลว่าเธอไม่รู้สินะว่าตัวเองคือตัวประหลาดน่ะ?”

เอลินพยายามสูดลมหายใจเข้า เธอไม่ตอบโต้อะไรในทันที แต่ในหูของเธอกลับได้ยินเสียงกระซิบจากรอบด้าน เสียงของวิญญาณที่อยู่ล้อมรอบตัวเธอในทุกวัน

“พวกหล่อนกำลังว่าเธอว่าเป็นตัวประหลาดน่ะ อย่ายอมพวกมันง่าย ๆ นะ… จัดการมันซะ…”

หยุดยุ่งเรื่องของฉันซะที…

เด็กสาวหลับตาลง พยายามกดความรำคาญที่เกิดขึ้นทั้งจากสิ่งที่เห็นและมองไม่เห็นโดยรอบ แต่เสียงเหล่านั้นยังคงดังอยู่ในหัวของเธอไม่หยุด ราวกับพวกมันจงใจจะกวนประสาท

เธอเลือกหันกลับมาเผชิญกับกลุ่มคนตรงหน้า ความเหนื่อยล้าจากการแบกรับสิ่งที่เธอไม่เคยร้องขอทำให้ไม่อยากเสียพลังงานไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมจบง่าย ๆ…

คนตรงหน้ายังคงไม่ละความพยายามในการก่อกวน เธอเดินเข้ามาใกล้พร้อมถาดอาหารในมือ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความจงใจขณะที่พลิกถาดอาหารบนมือจนซอสพาสต้าไหลหกลงบนจานอาหารที่วางอยู่ด้านล่างจนมันดูเละเทะไปหมด

“อุ๊ย…ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงไร้เดียงสาฟังดูเกินจริงจนต้องบิดหน้าหนีเพราะความแสเสร้งที่ชัดเจนจนเกินไป

เสียงหัวเราะอย่างสะใจของคนพวกนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อเอลินลุกขึ้น ดวงตาเยือกเย็นราวน้ำแข็งของเธอกลับทำให้ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งโต๊ะจนอีกฝ่ายชะงัก ไม่ไกลนักเธอเห็นวิญญาณของชายแก่ที่คุ้นตาปรากฏอยู่ด้านหลังคนพวกนั้น เขากำลังมองตรงมาที่เธอด้วยรอยยิ้มเยาะ เหมือนกำลังเพลิดเพลินกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรอย่างงั้น เอลินเลิกคิ้ว

ไม่ว่าคนหรือผี บางครั้งก็สามารถทำตัวไร้ประโยชน์ได้ไม่ต่างกัน…

“ฉันจะเตือนแค่ครั้งเดียว…หยุดซะ ก่อนที่อะไรมันจะแย่ลง” น้ำเสียงของเธอยังคงราบเรียบ แต่แฝงแรงกดดันจนอีกฝ่ายสัมผัสได้

คนตรงข้ามหัวเราะ แววตาไม่ลดความท้าทาย “จะแย่ลงเหรอ? เธอจะทำอะไรฉัน!” เธอพูดพร้อมยกแก้วน้ำหวานในมือขึ้นเทลงบนจานของเอลินอย่างจงใจ โรงอาหารที่เคยเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเงียบลงราวกับถูกหยุดเวลา เด็กสาวมองจานตัวเองที่เปียกโชกอยู่นาน ดวงตาฉายแววเฉียบคม ริมฝีปากเม้มแน่น

ถ้าอย่างงั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ…

ไม่ทันให้ใครตั้งตัว มือของเธอคว้าถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว พลางเหวี่ยงขึ้นจนซอสพาสต้าและเศษอาหารกระจายเปรอะเปื้อนบนเสื้อของอีกฝ่าย เสียงกรี๊ดดังลั่นราวกับพวกเธอเหล่านั้นกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน

“บ้ารึไง! เธอทำอะไรของเธอ!” โซอี้ตะโกนลั่น ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปด้วยความโกรธ แต่ไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เอลินก็ก้าวเข้าไปใกล้จนใบหน้าของเธอแทบชิดกับอีกฝ่าย ส้อมโลหะที่เคยใช้ทานอาหารตอนนี้อยู่ในมือราวกับเป็นอาวุธอีกชนิดหนึ่ง ดวงตาเย็นเยือกของเธอทำให้คนตรงหน้าตัวสั่น มันเป็นสายตาที่สามารถปลิดชีวิตคนได้เลยก็ว่าได้

“เธออยากเห็นว่าฉันทำได้มากกว่านี้ไหม…” เด็กสาวถามเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยแรงกดดันมหาศาล จนทุกคนรอบตัวรู้สึกอึดอัด

เธอตรงหน้าที่เคยยิ้มเยาะรีบถอยหลังโดยอัตโนมัติจนเพื่อน ๆ ในกลุ่มต้องรีบเข้ามาประคอง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกหลังจากนั้น

เด็กสาวหยิบกระเป๋าและซากถาดอาหารเดินออกมาท่ามกลางเสียงซุบซิบ เธอจงใจเดินผ่านวิญญาณชายแก่ที่ตอนนี้หยุดยิ้มเยาะแต่กำลังจ้องเธอด้วยสายตาที่คาดหวังอะไรบางอย่าง เอลินชูนิ้วให้เป็นคำตอบราวกับจะบอกแก่ทุกคนในนี้ว่า เธอไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น!

******************