เมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?

เอลิน มนตรา และปีศาจ - 3 Chapter-2 โดย Petri K. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,พารานอมอล,ดราม่า,ลึกลับ,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เอลิน มนตรา และปีศาจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,พารานอมอล,ดราม่า,ลึกลับ,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เอลิน มนตรา และปีศาจ โดย Petri K. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?

ผู้แต่ง

Petri K.

เรื่องย่อ

ในเงามืดของโลกที่ความจริงหลอมรวมกับความลวง “เอลิน” เด็กสาวผู้มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่สายตาพิเศษนี้ไม่ได้มอบอำนาจหรือความปลอดภัยให้เธอ มีเพียงความหวาดกลัวและความโดดเดี่ยวที่ค่อยๆ กลืนกินหัวใจ

จนกระทั่ง “ไคล์” ปรากฏตัว …ปีศาจจากอีกมิติที่หลุดร่วงผ่านประตูแห่งความมืด การมาของเขาไม่ได้ชำระล้างความทุกข์ในชีวิตของเอลิน หากแต่เป็นดั่งเงาดำทมิฬที่ซ้อนทับโลกอันบิดเบี้ยวของเธอให้ลึกลงสู่ห้วงอันมิอาจหยั่งถึง เสียงกระซิบของวิญญาณแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องสะเทือนจิตใจ และพลังลี้ลับบางอย่างที่หลับใหลในตัวเธอก็เริ่มตื่นขึ้น

“ในโลกที่เงาไม่ใช่เพียงเงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดต่อสู้ หรือจะยอมกลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืดนั้น?”


สารบัญ

เอลิน มนตรา และปีศาจ-1 Prologue ,เอลิน มนตรา และปีศาจ-2 Chapter 1 ,เอลิน มนตรา และปีศาจ-3 Chapter-2,เอลิน มนตรา และปีศาจ-4 Chapter-3,เอลิน มนตรา และปีศาจ-5 Chapter-4

เนื้อหา

3 Chapter-2

“ได้ยินเรื่องเมื่อวานหรือยัง?”

เสียงกระซิบดังแว่วทันทีที่เอลินก้าวเข้าสู่โรงเรียน แม้ไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่คำพูดเหล่านั้นก็ยังลอยมาตามอากาศราวกับจงใจ…

“ใช่… เรื่องที่โรงอาหารนั่น… น่ากลัวชะมัด”

เด็กสาวเดินตรงไปตามทางเดิน ไม่เหลียวมองใคร แต่เสียงซุบซิบกลับตามติดเหมือนเงา สายตาที่เคยจับจ้องเธออย่างอยากรู้อยากเห็น บัดนี้หลบเลี่ยงอย่างเห็นได้ชัด บางคนเดินหลีกทางให้เธอเงียบ ๆ บางกลุ่มกระซิบกันด้วยท่าทางระวังราวกลัวว่าเธอจะได้ยิน

กะจะไม่ให้ได้อยู่อย่างสงบสุขเลยสินะ…

เอลินคิด พยายามเมินเฉยต่อความอึดอัดที่แผ่กระจายรอบตัว

เหตุการณ์ในโรงอาหารเมื่อวานกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัด ความลึกลับที่แวดล้อมเธอเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นจุดสนใจ… แต่ไม่ใช่ในทางที่เธอต้องการ

“ฉันได้ยินว่าเธอพูดอะไรบางอย่างกับ… อากาศ…”

เสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านหลัง เด็กสาวยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แม้จะรับรู้ถึงสายตาที่จับจ้องเธอเหมือนกับหนามที่กำลังทิ่มแทงผิวหนัง

เอลินเม้มปากแน่น ความกดดันรอบตัวหนักขึ้นทุกที แต่เธอก็ยังไม่แสดงอาการใด ๆ

เธอเดินผ่านโถงทางเดินจนถึงห้องเรียน แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าห้อง เสียงเรียกชื่อของเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เอลิน คาร์เตอร์!”

เด็กสาวหยุดกึก หันไปมองตามเสียง อาจารย์ประจำชั้นยืนอยู่ที่ปลายทางเดิน สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง แต่สายตาเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพิพากษา

“ตามฉันมาที่ห้องพักอาจารย์ เดี๋ยวนี้”

เอลินถอนหายใจยาว ก่อนจะก้าวตามไปโดยไม่เอ่ยคำใด เธอไม่รู้ว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไร แต่ในใจลึก ๆ เธอรู้ดีว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน…

ในห้องพักอาจารย์ อากาศดูแน่นขนัดแม้จะมีเพียงเอลินกับอาจารย์ประจำชั้นที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ใบหน้าของคนตรงหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตาเต็มไปด้วยการตำหนิ เขาเลื่อนแฟ้มเอกสารบนโต๊ะไปข้างหน้า เสียงดังเบา ๆ คล้ายจะตอกย้ำบรรยากาศที่หนักอึ้ง

“เอลิน เธอคงรู้นะว่าทำไมฉันถึงเรียกมาที่นี่”

เด็กสาวนั่งนิ่ง มองตรงไปข้างหน้า “เรื่องเมื่อวานใช่ไหมคะ?”

อาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเลื่อนสายตากลับมาที่เอกสารตรงหน้า “พวกเขาบอกว่าเธอ…ใช้ความรุนแรง จนทำให้เพื่อนร่วมโรงเรียนได้รับบาดเจ็บ” เขาเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงอ่อนลงเหมือนพยายามเกลี้ยกล่อม “ เธอรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร? คนบางคน…มีผลกระทบกับโรงเรียนมากกว่าที่เธอคิด”

เอลินแค่นหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้ยิน “แล้วสิ่งที่เธอทำกับคนอื่นล่ะคะ? มีใครสนใจความจริงตรงนี้บ้างไหม?”

“ฉันรู้ว่าอีกฝ่ายพูดจาไม่ดี…” อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบ “แต่เธอไม่ควรโต้ตอบแบบนั้น มันเกินกว่าเหตุ…”

“ถ้าการปกป้องตัวเองเป็นสิ่งที่ผิด งั้นฉันก็คงผิดจริง ๆ แหละค่ะ” น้ำเสียงของเด็กสาวต่ำและเยือกเย็น

อาจารย์สบตาเธอ สีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจมากขึ้น “เอลิน อีกฝ่ายเป็นลูกสาวของผู้สนับสนุนรายใหญ่ของโรงเรียน เธอควรระมัดระวังว่าการกระทำของเธอจะยิ่งทำให้เรื่องมันดูแย่ลงไปมากกว่านี้”

คำพูดนั้นเหมือนค้อนที่กระแทกลงบนจิตใจ เอลินกัดฟันแน่น ความโกรธและความขมขื่นปะทุขึ้นในใจ แต่ใบหน้ายังคงนิ่งสนิท

“เข้าใจแล้วค่ะ…” เธอตอบเสียงเรียบ “คนที่มีครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดอะไรหรือทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ส่วนคนธรรมดาอย่างฉันควรยอมรับทุกอย่าง แล้วก้มหน้าขอโทษเพื่อ ‘รักษาสันติ’ อย่างงั้นสินะคะ?”

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น…” คนตรงหน้ายังคงไม่ละความพยายามในการเกลี้ยกล่อม “แต่บางครั้ง… คนเราก็ต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำเพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงด้วยดีนะเอลิน”

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นหากทำให้บรรยากาศในห้องยิ่งหนักอึ้งมากกว่า “ให้ตายสิ… ฉันไม่เคยรู้เลยว่าความยุติธรรมในโรงเรียนนี้คือการเลือกปฏิบัติตามฐานะทางสังคม”

“เอลิน จะพูดจาอะไรก็ให้ระวังด้วย…” คนฝั่งตรงข้ามเธอเริ่มขมวดคิ้ว

“ไม่ต้องห่วงค่ะอาจารย์… เอาเป็นว่าหนูจะขอโทษตามที่อาจารย์ขอก็แล้วกัน” เด็กสาวตัดบท ดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองคนสูงวัยกว่าเหมือนต้องการท้าทาย “หนูจะพูดคำขอโทษที่พวกคุณอยากได้… แม้จะรู้ดีว่ามันไร้ความหมายก็ตาม”

เอลินลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หันหลังเดินออกไปโดยไม่รอฟังคำพูดใด ๆ เพิ่มเติม เสียงฝีเท้าของเธอสะท้อนในโถงทางเดินที่เงียบงัน ราวกับต้องการประกาศความไม่ยอมจำนนต่อโลกที่บิดเบี้ยวใบนี้

แต่ในหัวใจของเธอ เธอรู้ดีว่าความโกรธและความเจ็บปวดนี้จะยังคงสุมอยู่ และเธอสาบานกับตัวเองว่า…วันหนึ่ง เธอจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครอีกเด็ดขาด…

************

“แล้วเรื่องที่โรงเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง มีอะไรจะบอกป้าไหม?”

เสียงของป้าเมย์ดังขึ้นอย่างมีความคาดหวังแฝงอยู่

“ก็เหมือนเดิมค่ะ” เด็กสาวตอบสั้น ๆ ก่อนใช้ส้อมเขี่ยเนื้ออบในจานเล็กน้อย เธอไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้

ป้าเมย์ขมวดคิ้ว มองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าคำตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้ยิน

“เหมือนเดิมยังไง! ทางโรงเรียนแจ้งมาว่าหนูมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียนอีกแล้ว!”

คำพูดนั้นเหมือนระเบิดกลางโต๊ะ เอลินหยุดมือชะงัก ส้อมในมือสั่นเล็กน้อยก่อนจะวางมันลงข้างจาน เธอหลบสายตา มองต่ำเหมือนไม่อยากเผชิญหน้ากับคำถาม

“พวกเธอเริ่มก่อนค่ะ” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ

“เริ่มก่อนแล้วจำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ป้าอุตส่าห์ส่งเสียให้เรียนในที่ดี ๆ แล้วนี่หรือคือสิ่งที่ป้าได้ตอบแทน หนูไม่คิดบ้างเหรอว่าการทำแบบนี้มันจะทำให้คนอื่นมองหนูยังไง!”

คำพูดนั่นเหมือนหินที่กดทับความอึดอัดในใจเอลินจนแทบระเบิด เธอเงยหน้าขึ้น สบตาคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่ฉายแววเหนื่อยล้าและเย็นชา

“แล้วพวกเขามองหนูยังไงคะ? ก็เป็นตัวประหลาดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วหนูจะต้องแคร์อะไรอีก”

“เอลิน!” น้ำเสียงของป้าเมย์เข้มขึ้น

“พอเถอะค่ะป้า…” เอลินสูดลมหายใจอย่างข่มความรู้สึก เธอหยิบมีดส้อมวางลงข้างจาน แล้วลุกขึ้นยืน

“หนูอิ่มแล้ว ขอตัวออกไปเดินเล่นสักพัก จะได้ไม่ต้องทำให้ป้าหงุดหงิดไปมากกว่านี้…”

เธอเดินออกไปโดยไม่รอให้ป้าพูดอะไรเพิ่มเติม เสียงประตูปิดลงตามหลัง ป้าเมย์นั่งมองจานที่ยังเหลืออาหารอยู่เต็มด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง

“ป้าเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับหนูแล้วเหมือนกัน…” เธอพึมพำเบา ๆ น้ำเสียงแฝงความเหนื่อยล้าจากการพยายามเข้าถึงหลานสาว ที่ยิ่งพยายามยิ่งดูเหมือนจะห่างเหินออกไปทุกที

เอลินเดินออกมาสู่ลานสาธารณะใกล้บ้าน อากาศหนาวเย็นพัดวูบผ่านใบหน้า แต่ไม่ได้ช่วยปลอบประโลมความอึดอัดที่ก่อตัวในใจ เด็กสาวกอดตัวเองขณะเดินผ่านถนนร้างผู้คน แสงไฟจากเสาไฟถนนริบหรี่สร้างเงาวูบไหวรอบตัว

เธอคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของป้าเมย์และการทะเลาะที่เหมือนจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งตั้งแต่เธอเริ่มโตขึ้น

เด็กสาวสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ และป้าเมย์ ผู้เป็นพี่สาวของแม่ ก็เป็นคนเดียวที่เลี้ยงดูเธอมาจนถึงตอนนี้ เธอซาบซึ้งในความรักและการเสียสละของป้าเสมอ แต่ความเป็นห่วงที่มากเกินพอดีกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกักขัง

เสียงกระซิบที่แว่วมาในอากาศดึงเธอออกจากความคิด ร่างโปร่งแสงของผู้หญิงในชุดกระโปรงซีด ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเสาไฟถนน เธอยืนนิ่ง จ้องมองเอลินด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

“อีกแล้วเหรอ…” เด็กสาวถอนหายใจพลางยกมือขึ้นนวดขมับ “ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้วันนี่แย่กว่าเดิม ก็คงเป็นการมองเห็นพวกเธอนี้แหละนะ”

เธอเลือกที่จะไม่สนใจ ก่อนเดินออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เสื้อโค้ตที่สวมใส่อยู่ถูกขยับให้กระชับขึ้นขณะเดินลึกเข้าไปในย่านที่เงียบสงัดผิดปกติ

จู่ ๆ บรรยากาศรอบตัวเหมือนจะหนักอึ้งขึ้น เอลินหยุดเดิน หายใจติดขัดอย่างไม่รู้ตัว ลมหนาวพัดแรงจนเสื้อโค้ตของเธอแนบลู่ไปกับร่าง แสงไฟถนนริบหรี่ สั่นไหวเหมือนมันจะดับได้ทุกเมื่อ

เสียงนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง มันไม่ได้ฟังเหมือนเสียงคน แต่เป็นเสียงเหมือนกระจกที่กำลังแตกออกทีละน้อย ราวกับผืนโลกกำลังแยกตัวออกจากกัน

เอลินหันกลับไปอย่างช้า ๆ ดวงตาเบิกกว้าง…และสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอรู้สึกเหมือนขาของตัวเองถูกตรึงอยู่กับที่…

“!”

*****************