เมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?
แฟนตาซี,พารานอมอล,ดราม่า,ลึกลับ,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอลิน มนตรา และปีศาจเมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?
“ได้ยินเรื่องเมื่อวานหรือยัง?”
เสียงกระซิบดังแว่วทันทีที่เอลินก้าวเข้าสู่โรงเรียน แม้ไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่คำพูดเหล่านั้นก็ยังลอยมาตามอากาศราวกับจงใจ…
“ใช่… เรื่องที่โรงอาหารนั่น… น่ากลัวชะมัด”
เด็กสาวเดินตรงไปตามทางเดิน ไม่เหลียวมองใคร แต่เสียงซุบซิบกลับตามติดเหมือนเงา สายตาที่เคยจับจ้องเธออย่างอยากรู้อยากเห็น บัดนี้หลบเลี่ยงอย่างเห็นได้ชัด บางคนเดินหลีกทางให้เธอเงียบ ๆ บางกลุ่มกระซิบกันด้วยท่าทางระวังราวกลัวว่าเธอจะได้ยิน
กะจะไม่ให้ได้อยู่อย่างสงบสุขเลยสินะ…
เอลินคิด พยายามเมินเฉยต่อความอึดอัดที่แผ่กระจายรอบตัว
เหตุการณ์ในโรงอาหารเมื่อวานกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัด ความลึกลับที่แวดล้อมเธอเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นจุดสนใจ… แต่ไม่ใช่ในทางที่เธอต้องการ
“ฉันได้ยินว่าเธอพูดอะไรบางอย่างกับ… อากาศ…”
เสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านหลัง เด็กสาวยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แม้จะรับรู้ถึงสายตาที่จับจ้องเธอเหมือนกับหนามที่กำลังทิ่มแทงผิวหนัง
เอลินเม้มปากแน่น ความกดดันรอบตัวหนักขึ้นทุกที แต่เธอก็ยังไม่แสดงอาการใด ๆ
เธอเดินผ่านโถงทางเดินจนถึงห้องเรียน แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าห้อง เสียงเรียกชื่อของเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“เอลิน คาร์เตอร์!”
เด็กสาวหยุดกึก หันไปมองตามเสียง อาจารย์ประจำชั้นยืนอยู่ที่ปลายทางเดิน สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง แต่สายตาเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพิพากษา
“ตามฉันมาที่ห้องพักอาจารย์ เดี๋ยวนี้”
เอลินถอนหายใจยาว ก่อนจะก้าวตามไปโดยไม่เอ่ยคำใด เธอไม่รู้ว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไร แต่ในใจลึก ๆ เธอรู้ดีว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน…
ในห้องพักอาจารย์ อากาศดูแน่นขนัดแม้จะมีเพียงเอลินกับอาจารย์ประจำชั้นที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ใบหน้าของคนตรงหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตาเต็มไปด้วยการตำหนิ เขาเลื่อนแฟ้มเอกสารบนโต๊ะไปข้างหน้า เสียงดังเบา ๆ คล้ายจะตอกย้ำบรรยากาศที่หนักอึ้ง
“เอลิน เธอคงรู้นะว่าทำไมฉันถึงเรียกมาที่นี่”
เด็กสาวนั่งนิ่ง มองตรงไปข้างหน้า “เรื่องเมื่อวานใช่ไหมคะ?”
อาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเลื่อนสายตากลับมาที่เอกสารตรงหน้า “พวกเขาบอกว่าเธอ…ใช้ความรุนแรง จนทำให้เพื่อนร่วมโรงเรียนได้รับบาดเจ็บ” เขาเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงอ่อนลงเหมือนพยายามเกลี้ยกล่อม “ เธอรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร? คนบางคน…มีผลกระทบกับโรงเรียนมากกว่าที่เธอคิด”
เอลินแค่นหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้ยิน “แล้วสิ่งที่เธอทำกับคนอื่นล่ะคะ? มีใครสนใจความจริงตรงนี้บ้างไหม?”
“ฉันรู้ว่าอีกฝ่ายพูดจาไม่ดี…” อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบ “แต่เธอไม่ควรโต้ตอบแบบนั้น มันเกินกว่าเหตุ…”
“ถ้าการปกป้องตัวเองเป็นสิ่งที่ผิด งั้นฉันก็คงผิดจริง ๆ แหละค่ะ” น้ำเสียงของเด็กสาวต่ำและเยือกเย็น
อาจารย์สบตาเธอ สีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจมากขึ้น “เอลิน อีกฝ่ายเป็นลูกสาวของผู้สนับสนุนรายใหญ่ของโรงเรียน เธอควรระมัดระวังว่าการกระทำของเธอจะยิ่งทำให้เรื่องมันดูแย่ลงไปมากกว่านี้”
คำพูดนั้นเหมือนค้อนที่กระแทกลงบนจิตใจ เอลินกัดฟันแน่น ความโกรธและความขมขื่นปะทุขึ้นในใจ แต่ใบหน้ายังคงนิ่งสนิท
“เข้าใจแล้วค่ะ…” เธอตอบเสียงเรียบ “คนที่มีครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดอะไรหรือทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ส่วนคนธรรมดาอย่างฉันควรยอมรับทุกอย่าง แล้วก้มหน้าขอโทษเพื่อ ‘รักษาสันติ’ อย่างงั้นสินะคะ?”
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น…” คนตรงหน้ายังคงไม่ละความพยายามในการเกลี้ยกล่อม “แต่บางครั้ง… คนเราก็ต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำเพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงด้วยดีนะเอลิน”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นหากทำให้บรรยากาศในห้องยิ่งหนักอึ้งมากกว่า “ให้ตายสิ… ฉันไม่เคยรู้เลยว่าความยุติธรรมในโรงเรียนนี้คือการเลือกปฏิบัติตามฐานะทางสังคม”
“เอลิน จะพูดจาอะไรก็ให้ระวังด้วย…” คนฝั่งตรงข้ามเธอเริ่มขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องห่วงค่ะอาจารย์… เอาเป็นว่าหนูจะขอโทษตามที่อาจารย์ขอก็แล้วกัน” เด็กสาวตัดบท ดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองคนสูงวัยกว่าเหมือนต้องการท้าทาย “หนูจะพูดคำขอโทษที่พวกคุณอยากได้… แม้จะรู้ดีว่ามันไร้ความหมายก็ตาม”
เอลินลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หันหลังเดินออกไปโดยไม่รอฟังคำพูดใด ๆ เพิ่มเติม เสียงฝีเท้าของเธอสะท้อนในโถงทางเดินที่เงียบงัน ราวกับต้องการประกาศความไม่ยอมจำนนต่อโลกที่บิดเบี้ยวใบนี้
แต่ในหัวใจของเธอ เธอรู้ดีว่าความโกรธและความเจ็บปวดนี้จะยังคงสุมอยู่ และเธอสาบานกับตัวเองว่า…วันหนึ่ง เธอจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครอีกเด็ดขาด…
************
“แล้วเรื่องที่โรงเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง มีอะไรจะบอกป้าไหม?”
เสียงของป้าเมย์ดังขึ้นอย่างมีความคาดหวังแฝงอยู่
“ก็เหมือนเดิมค่ะ” เด็กสาวตอบสั้น ๆ ก่อนใช้ส้อมเขี่ยเนื้ออบในจานเล็กน้อย เธอไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้
ป้าเมย์ขมวดคิ้ว มองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าคำตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้ยิน
“เหมือนเดิมยังไง! ทางโรงเรียนแจ้งมาว่าหนูมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียนอีกแล้ว!”
คำพูดนั้นเหมือนระเบิดกลางโต๊ะ เอลินหยุดมือชะงัก ส้อมในมือสั่นเล็กน้อยก่อนจะวางมันลงข้างจาน เธอหลบสายตา มองต่ำเหมือนไม่อยากเผชิญหน้ากับคำถาม
“พวกเธอเริ่มก่อนค่ะ” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ
“เริ่มก่อนแล้วจำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ป้าอุตส่าห์ส่งเสียให้เรียนในที่ดี ๆ แล้วนี่หรือคือสิ่งที่ป้าได้ตอบแทน หนูไม่คิดบ้างเหรอว่าการทำแบบนี้มันจะทำให้คนอื่นมองหนูยังไง!”
คำพูดนั่นเหมือนหินที่กดทับความอึดอัดในใจเอลินจนแทบระเบิด เธอเงยหน้าขึ้น สบตาคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่ฉายแววเหนื่อยล้าและเย็นชา
“แล้วพวกเขามองหนูยังไงคะ? ก็เป็นตัวประหลาดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วหนูจะต้องแคร์อะไรอีก”
“เอลิน!” น้ำเสียงของป้าเมย์เข้มขึ้น
“พอเถอะค่ะป้า…” เอลินสูดลมหายใจอย่างข่มความรู้สึก เธอหยิบมีดส้อมวางลงข้างจาน แล้วลุกขึ้นยืน
“หนูอิ่มแล้ว ขอตัวออกไปเดินเล่นสักพัก จะได้ไม่ต้องทำให้ป้าหงุดหงิดไปมากกว่านี้…”
เธอเดินออกไปโดยไม่รอให้ป้าพูดอะไรเพิ่มเติม เสียงประตูปิดลงตามหลัง ป้าเมย์นั่งมองจานที่ยังเหลืออาหารอยู่เต็มด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง
“ป้าเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับหนูแล้วเหมือนกัน…” เธอพึมพำเบา ๆ น้ำเสียงแฝงความเหนื่อยล้าจากการพยายามเข้าถึงหลานสาว ที่ยิ่งพยายามยิ่งดูเหมือนจะห่างเหินออกไปทุกที
เอลินเดินออกมาสู่ลานสาธารณะใกล้บ้าน อากาศหนาวเย็นพัดวูบผ่านใบหน้า แต่ไม่ได้ช่วยปลอบประโลมความอึดอัดที่ก่อตัวในใจ เด็กสาวกอดตัวเองขณะเดินผ่านถนนร้างผู้คน แสงไฟจากเสาไฟถนนริบหรี่สร้างเงาวูบไหวรอบตัว
เธอคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของป้าเมย์และการทะเลาะที่เหมือนจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งตั้งแต่เธอเริ่มโตขึ้น
เด็กสาวสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ และป้าเมย์ ผู้เป็นพี่สาวของแม่ ก็เป็นคนเดียวที่เลี้ยงดูเธอมาจนถึงตอนนี้ เธอซาบซึ้งในความรักและการเสียสละของป้าเสมอ แต่ความเป็นห่วงที่มากเกินพอดีกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกักขัง
เสียงกระซิบที่แว่วมาในอากาศดึงเธอออกจากความคิด ร่างโปร่งแสงของผู้หญิงในชุดกระโปรงซีด ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเสาไฟถนน เธอยืนนิ่ง จ้องมองเอลินด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“อีกแล้วเหรอ…” เด็กสาวถอนหายใจพลางยกมือขึ้นนวดขมับ “ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้วันนี่แย่กว่าเดิม ก็คงเป็นการมองเห็นพวกเธอนี้แหละนะ”
เธอเลือกที่จะไม่สนใจ ก่อนเดินออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เสื้อโค้ตที่สวมใส่อยู่ถูกขยับให้กระชับขึ้นขณะเดินลึกเข้าไปในย่านที่เงียบสงัดผิดปกติ
จู่ ๆ บรรยากาศรอบตัวเหมือนจะหนักอึ้งขึ้น เอลินหยุดเดิน หายใจติดขัดอย่างไม่รู้ตัว ลมหนาวพัดแรงจนเสื้อโค้ตของเธอแนบลู่ไปกับร่าง แสงไฟถนนริบหรี่ สั่นไหวเหมือนมันจะดับได้ทุกเมื่อ
เสียงนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง มันไม่ได้ฟังเหมือนเสียงคน แต่เป็นเสียงเหมือนกระจกที่กำลังแตกออกทีละน้อย ราวกับผืนโลกกำลังแยกตัวออกจากกัน
เอลินหันกลับไปอย่างช้า ๆ ดวงตาเบิกกว้าง…และสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอรู้สึกเหมือนขาของตัวเองถูกตรึงอยู่กับที่…
“!”
*****************