เมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?

เอลิน มนตรา และปีศาจ - 4 Chapter-3 โดย Petri K. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,พารานอมอล,ดราม่า,ลึกลับ,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เอลิน มนตรา และปีศาจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,พารานอมอล,ดราม่า,ลึกลับ,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เอลิน มนตรา และปีศาจ โดย Petri K. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?

ผู้แต่ง

Petri K.

เรื่องย่อ

ในเงามืดของโลกที่ความจริงหลอมรวมกับความลวง “เอลิน” เด็กสาวผู้มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่สายตาพิเศษนี้ไม่ได้มอบอำนาจหรือความปลอดภัยให้เธอ มีเพียงความหวาดกลัวและความโดดเดี่ยวที่ค่อยๆ กลืนกินหัวใจ

จนกระทั่ง “ไคล์” ปรากฏตัว …ปีศาจจากอีกมิติที่หลุดร่วงผ่านประตูแห่งความมืด การมาของเขาไม่ได้ชำระล้างความทุกข์ในชีวิตของเอลิน หากแต่เป็นดั่งเงาดำทมิฬที่ซ้อนทับโลกอันบิดเบี้ยวของเธอให้ลึกลงสู่ห้วงอันมิอาจหยั่งถึง เสียงกระซิบของวิญญาณแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องสะเทือนจิตใจ และพลังลี้ลับบางอย่างที่หลับใหลในตัวเธอก็เริ่มตื่นขึ้น

“ในโลกที่เงาไม่ใช่เพียงเงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดต่อสู้ หรือจะยอมกลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืดนั้น?”


สารบัญ

เอลิน มนตรา และปีศาจ-1 Prologue ,เอลิน มนตรา และปีศาจ-2 Chapter 1 ,เอลิน มนตรา และปีศาจ-3 Chapter-2,เอลิน มนตรา และปีศาจ-4 Chapter-3,เอลิน มนตรา และปีศาจ-5 Chapter-4

เนื้อหา

4 Chapter-3

เอลินหันกลับไปอย่างช้า ๆ ดวงตาเบิกกว้าง…และสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอรู้สึกเหมือนขาของตัวเองถูกตรึงอยู่กับที่

“!”

ช่องว่างมิติที่บิดเบี้ยวฉีกแยกออกกลางอากาศ ปรากฏรอยแยกสีดำล้อมด้วยเส้นแสงเรืองรองส่งเสียงหึ่ง ๆ ราวเสียงกรีดร้องจากความว่างเปล่า เธอจ้องมองมันอย่างตื่นตะลึง รู้ตัวอีกทีร่างหนึ่งก็พุ่งทะลุออกมาจากรอยแยกนั้น…

ชายหนุ่มร่วงลงมากระแทกพื้น เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยร่องรอยบาดเจ็บ แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเย็นวาบคือดวงตาสีเงินเรืองรองที่สะท้อนประกายใต้แสงจันทร์ ราวกับมันสามารถมองทะลุหัวใจของเธอได้

เขาลุกขึ้นทันที แม้สภาพจะดูใกล้ล้มเต็มที แต่ความเร็วและท่าทางที่เขาขยับนั้นบ่งบอกว่าเขาอันตรายเพียงใด

คน หรือตัวอะไรอีกล่ะทีนี้…

เด็กสาวยืนนิ่ง มองเขาด้วยความระมัดระวัง หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมานอกอก ดวงตาสีประหลาดของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องราวกับเป็นเหยื่อ เด็กสาวถอยหลังช้า ๆ พยายามคุมสติ แต่ชายหนุ่มกลับเงื้อมือขึ้น

“เจ้าเป็นใคร…” เสียงแหบต่ำแต่หนักแน่นดังก้องในความมืด ราวกับคำถามนั้นไม่ได้เพียงต้องการคำตอบ แต่ต้องการวัดความกล้าของคนที่เขาพูดด้วย

เงาสีดำเข้มเริ่มก่อตัวรอบฝ่ามือของเขา มันหมุนวนราวกับคลื่นพลังมีชีวิต สายลมรอบตัวเหมือนจะเย็นลงจนสัมผัสได้ เอลินก้าวถอยหลังอีกครั้ง แต่เพียงชั่วพริบตา ชายหนุ่มพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วเหนือธรรมชาติ

ฝ่ามือที่แข็งแกร่งราวมัจจุราชคว้าคอของเธอไว้แน่น ร่างเล็กถูกยกขึ้นจากพื้นด้วยพละกำลังอันน่ากลัว เธอพยายามดิ้นรนแต่ไร้ผล แรงบีบรอบลำคอกำลังทำให้เธอหายใจไม่ออก

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้…” เด็กสาวพยายามตะโกน แต่เสียงของเธอกลับแหบพร่าและอ่อนแรง

ดวงตาสีเงินจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ แววระแวดระวังและเกรี้ยวกราดฉายชัดราวกับเขากำลังตัดสินว่าเธอคือภัยคุกคามที่ต้องกำจัดหรือไม่

เธออาจเป็นศัตรูที่ส่งมาทำลายเขา หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ แต่ว่าเขาไม่กล้าเสี่ยง…

“เจ้าคือใคร… พวกมันส่งเจ้ามาเพื่อสังหารข้าใช่หรือไม่…” ชายหนุ่มคำราม เสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยแรงกดดันและความไม่ไว้ใจ

เอลินพยายามจะพูดตอบ แต่แรงบีบรอบลำคอที่เหมือนจะบดขยี้ลมหายใจของเธอจนแทบสำลัก เธอได้แต่สบตาเขา ดวงตาของเธอสั่นไหวด้วยความกลัว แต่ไม่มีแววของการยอมแพ้

เงาสีดำที่หมุนวนรอบตัวชายหนุ่มยิ่งเข้มขึ้น มันดูดกลืนแสงรอบตัวเหมือนความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับพลังนั้นกำลังจะครอบงำตัวเขา แต่ทันใดนั้นเอง มือที่กำคอเธอไว้เริ่มสั่นไหว บาดแผลลึกบนร่างของเขาเริ่มแสดงผลอีกครั้ง เลือดสีดำไหลซึมออกมาเป็นสาย ความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาเผลอปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจ

เด็กสาวร่วงลงสู่พื้น เธอกุมคอ สูดอากาศเข้าปอดอย่างตื่นตระหนก เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ทรุดตัวลงกับพื้นอีกครั้ง มือของเขากดแน่นตรงบาดแผลบริเวณลำตัว

“คุณบ้าไปแล้วหรือไง!” เธอตะโกนเสียงแหบพร่า ขณะพยายามลุกขึ้น แม้ร่างกายจะยังสั่นอยู่ก็ตาม

“ฉันไม่ได้มาทำร้ายคุณ ฉันแค่พยายามจะช่วย!”

สายตาของชายหนุ่มยังคงจ้องเธออย่างเคลือบแคลง แต่ครั้งนี้ความโกรธเกรี้ยวกลับถูกแทนที่ด้วยความอ่อนล้าจนหมดสิ้น ดวงตาที่เคยเปล่งประกายบัดนี้เริ่มหม่นลงเล็กน้อย

เอลินถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยล้า เธอก้มลงมองเขา ร่างกายยังคงเตรียมพร้อมเผื่อเขาจะจู่โจมอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นเลือดที่ไหลไม่หยุดและอาการทรุดหนักของคนตรงหน้า เธอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“คุณต้องไปโรงพยาบาล”

“โรง…ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร…” คำพูดของเขาทำให้เธอชะงักไป มะ…ไม่รู้จักโรงพยาบาลงั้นเหรอ…

“มันเป็นสถานที่ที่ช่วยรักษาชีวิตคน ฉันจะพาคุณไปที่นั่น” เด็กสาวพูดอย่างอดทน

เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่เบาแต่เย็นชา “ข้าไม่ไว้ใจเจ้า… รวมถึงสถานที่แห่งนั้นด้วย”

คำพูดนั้นเหมือนตบหน้าเธออย่างแรง เอลินพยายามข่มความโกรธในใจอย่างเต็มความสามารถ

“แล้วคุณจะรอให้ตัวเองตายอยู่ตรงนี้สินะ” เธอเอ่ยเสียงเยาะ แต่ทันทีที่พูดจบ ร่างสูงนั่นก็ทรุดลงไปนอนแน่นิ่ง เขาหมดสติไปโดยสมบูรณ์

 

“นี่คุณ!” เอลินรีบเข้าไปประคองร่างที่หนักอึ้งของเขา แม้เธอจะยังรู้สึกโกรธกับสิ่งที่เขาทำ แต่ลึก ๆ ใจเธอก็ไม่ได้แข็งพอที่จะปล่อยให้ใครตายต่อหน้า

“เก่งเหลือเกินนะ เรื่องหาเรื่องใส่ตัวแบบเนี่ย เอลิน…” เธอบ่นกับตัวเองเบา ๆ ขณะลากชายแปลกหน้าผ่านความมืด เสียงลมหนาวพัดผ่าน ราวกับเข็มเย็นเฉียบทิ่มแทงผิวกาย ท่ามกลางผ่านแสงไฟถนนที่ริบหรี่ ความเงียบงันรอบข้างเหมือนจะตอกย้ำว่าเธอกำลังแบกรับบางสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม

แต่เธอก็รู้ดีว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะปล่อยเขาไว้ตรงนั้น…

 


*******************

 

แสงจากเปลวเพลิงสีฟ้าสาดลงบนพื้นโลหะสีดำ ลวดลายซับซ้อนที่กรีดลึกบนพื้นผิวเรืองรองด้วยพลังอันน่าพิศวง ผนังโลหะโดยรอบส่องประกายสีฟ้าราวกับเส้นเลือดที่เต้นไหว ทุกอณูของห้องโถงใหญ่แห่งนี้อาบไปด้วยพลังลึกลับ หนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก

ร่างสูงตระหง่านกลางห้องเปี่ยมด้วยอำนาจ แววตาเย็นเฉียบประหนึ่งผลึกน้ำแข็งสะท้อนแสงวูบวาบ เงามืดตามมุมห้องนิ่งเงียบ ทว่าภายในนั้น สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดกำลังจ้องมองเขาด้วยความเคารพปนหวาดกลัว

“มันหนีไปไหน?” เสียงทุ้มลึกของเขาดังก้องทั่วห้อง

ชายในชุดคลุมดำค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจากการคุกเข่า ใบหน้าซีดเผือดเปื้อนเหงื่อ “โลกมนุษย์…นายท่าน มันใช้เวทย์ต้องห้ามเปิดประตูมิติหนีไปได้ เรา…ไม่อาจตามได้ทันเวลา…”

ความเงียบที่ตามมาเต็มไปด้วยแรงกดดัน เสียงฝีเท้าดังก้องเมื่อร่างทรงอำนาจก้าวเข้าใกล้ นัยน์ตาคมกริบราวกับคมมีดจ้องลึกลงในดวงตาของผู้รายงาน ราวกับจะเจาะทะลุเข้าไปในจิตใจ

“โลกมนุษย์…” เขาพึมพำ ก่อนน้ำเสียงจะเฉียบขาดขึ้น “ข้าส่งพวกเจ้าไปจัดการมัน แต่กลับปล่อยให้มันหนีไปได้?”

น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดังขึ้น แต่แฝงความเย็นยะเยือกจนผู้รายงานตัวสั่นสะท้าน “นายท่าน…พลังของไคล์เกินความคาดหมาย พวกเราคิดไม่ถึงว่ามันจะหนีไปได้…”

นัยน์ตาประดุจแสงจากเปลวเพลิงเยือกเย็นสว่างวาบ “เกินคาดหมาย? พวกเจ้ามีหน้าที่คาดการณ์ทุกอย่าง ข้าส่งเจ้าไปสังหารมัน ไม่ใช่กลับมาพร้อมข้อแก้ตัว!”

เสียงของเขาดังก้องจนกำแพงห้องสะเทือน เงามืดรอบตัวดูเหมือนจะไหววูบเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตในมุมห้องนิ่งเงียบ แต่แววตาแฝงความกลัวปรากฏชัด ก่อนความกดดันจะทวีความรุนแรง เสียงอีกเสียงดังแทรกมาจากมุมห้อง หญิงสาวในชุดเกราะดำราวกับถักทอจากเงามืดก้าวออกมา เธอนิ่งสงบ แต่แววตาเปี่ยมด้วยความแน่วแน่

“นายท่าน ไคล์ล่วงรู้ความลับของเรา หากเราตามมันโดยไร้แผนที่รัดกุม เราอาจพลาดซ้ำสอง”

เขาหันมองเธอ แววตาเยียบเย็นดุจขุนเขายามราตรี “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้มันหนีไปได้นานนักหรือ?”

“หามิได้ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือวางแผนใหม่เพื่อปิดโอกาสมันทุกทาง”

เขาจ้องเธอนิ่ง ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “เจ้าเรียกความล้มเหลวของพวกเจ้า เป็นเพียงการเตรียมการไม่พองั้นหรือ?”

“พลังของไคล์เกินกว่าที่เราคาด หากรีบร้อน เราจะเสียเปรียบ… แต่ข้าให้คำมั่น ครั้งหน้าเราจะไม่พลาด”

เขาแค่นเสียงเย็นยะเยือก “ข้าไม่ต้องการคำมั่นที่ไร้ความหมาย หากเจ้าล้มเหลวอีกครั้ง ข้าจะใช้ซากของพวกเจ้าเตือนทุกคนที่คิดจะทำให้ข้าผิดหวัง”

หญิงสาวเงียบ เธอก้มหัวต่ำ ก่อนถอยกลับสู่เงามืด ทิ้งให้เขาหันไปจ้องเปลวเพลิงสีฟ้าบนผนัง

“ไคล์…เจ้าจะไม่มีวันหนีพ้น ข้าจะทำให้เจ้าเป็นอาวุธของข้า หรือทำลายเจ้าด้วยมือข้าเอง”

เปลวไฟลุกวาบ ราวกับสะท้อนโทสะที่คุกรุ่นในดวงตาของเขา…

******************