เมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?
แฟนตาซี,พารานอมอล,ดราม่า,ลึกลับ,ดาร์ค,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอลิน มนตรา และปีศาจเมื่อเงาที่มองเห็นไม่ใช่แค่เงา และปีศาจอาจอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด คุณจะยืนหยัดสู้หรือปล่อยให้ความมืดนั้นกลืนกินตัวคุณ?
สุดท้ายเธอก็ลากร่างชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านจนได้…
เอลินทรุดตัวลงนั่งพิงประตูห้องเก็บของทันทีที่ปิดมันลง ร่างกายที่ล้าแทบทรงตัวไม่ไหว ลมหายใจหอบหนักราวกับดึงความร้อนออกจากร่างจนหนาวสะท้าน แม้แต่แสงจากหลอดไฟเก่า ๆ บนเพดานที่กะพริบเบา ๆ ก็ยิ่งเพิ่มความอึดอัดในบรรยากาศ
นี่คือความคิดที่โง่ที่สุดในชีวิตเธอหรือเปล่า?
เด็กสาวมองชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม้ แสงไฟเผยให้เห็นใบหน้าซีดเซียวและบาดแผลที่ฉีกขาดทั่วร่าง เสื้อผ้าที่ชุ่มเลือดส่งกลิ่นคาวจาง ๆ ลอยอบอวล ทว่า…บางสิ่งในตัวเขาทำให้รู้สึกเย็นวาบในอก
ถ้าเขาไม่ใช่มนุษย์… แต่เป็นปีศาจ หรืออะไรที่เลวร้ายกว่านั้นล่ะ?
นี่เธอกำลังเอาตัวเองมาเสี่ยงเกินไปหรือเปล่านี่…
เด็กสาวพยายามกลืนน้ำลาย แต่ความกลัวที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนมีก้อนหินกดข่มอยู่ มือสั่นเล็กน้อยเมื่อขยับเข้าไปใกล้ ใช้ปลายนิ้วแตะจมูกชายหนุ่มเบา ๆ ลมหายใจแผ่วเบาที่สัมผัสได้ทำให้เธอโล่งใจอยู่ชั่วขณะ
“ห้ามตายที่นี่เด็ดขาดนะ…” เธอกระซิบเสียงแผ่ว เหมือนคำพูดนั้นไม่ใช่แค่คำสั่งแต่เป็นคำภาวนา
ทันใดนั้น มือเย็นเฉียบของเขาก็คว้าข้อมือเธอไว้แน่นจนสะดุ้ง ร่างที่ดูเหมือนใกล้ตายเมื่อครู่กลับพลิกตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเงินเย็นเยียบลืมขึ้น เหมือนสัตว์ร้ายที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหล
“เฮ้! ปล่อยนะ!” เอลินดิ้นรนสุดแรง แต่แรงของเธอกลับเทียบไม่ได้กับเขาเลย
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจของเขาหนาวเหน็บเหมือนลมหนาวกลางฤดูเหมันต์ เธอได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นโครมครามเหมือนระฆังเตือนภัย ก่อนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายจะประกบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ความเย็นเหมือนน้ำแข็งพุ่งทะลุเข้าสู่ร่างกายพร้อมกับพลังชีวิตที่ไหลเวียนถูกดึงออกไปช้า ๆ เด็กสาวพยายามดิ้นหนี แต่ความเหนื่อยล้าเพิ่มทวีคูณอย่างรวดเร็วราวกับพลังทั้งหมดในร่างกายถูกดูดออกไปจนหมด
หัวใจที่เต้นรัวช้าลงทีละนิด ความมืดคืบคลานเข้ามาใกล้… จนกระทั่งเขาผละออก
เอลินทรุดลงกับพื้นทันที หายใจหนักพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด ดวงตาพร่ามัวขณะมองชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าที่เคยซีดขาวกลับมาดูมีสีเลือด ร่างที่ดูใกล้ตายเมื่อครู่แม้ไม่หายดีทั้งหมดแต่ก็ดูฟื้นคืนความแข็งแรงขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์
นี่เขากำลังดูดพลังชีวิตจากเธอเพื่อรักษาตัวเองงั้นเหรอ?
“คุณนี่มัน…” เสียงสั่นระริกสบถออกมาอย่างหัวเสีย “…ไอ้เลวเอ๊ย”
เขาไม่ได้ตอบคำพูดเธอ เพียงจ้องมองอย่างไร้ความรู้สึกเหมือนกับมองสิ่งของชิ้นหนึ่ง
“เป็นเจ้าที่ยื่นช่วยข้าเอง…” เสียงเรียบเย็นดังขึ้น “…เพราะฉะนั้นอย่าโทษที่ข้าทำแบบนี้”
คำพูดนั้นแทงใจเหมือนคมมีด เด็กสาวกัดฟันแน่น ความโกรธพลุ่งพล่าน แต่ยังไม่ทันได้โต้ตอบ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เอลิน! หนูอยู่ในนั้นเหรอ?” เสียงป้าเมย์ดังขึ้น น้ำเสียงที่แฝงความกังวลยังคงปะปนด้วยร่องรอยของความไม่พอใจ
“โกรธป้าจนออกไปเดินเล่นข้างนอกตั้งนาน ไม่รีบกลับบ้าน แต่กลับมามุดในห้องเก็บของนี่ทำไม?”
เอลินสะดุ้ง รีบเหลือบมองชายหนุ่มที่เอนพิงลังไม้ในมุมห้อง แม้เขาจะนิ่งเหมือนรูปปั้น แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่เธอ เด็กสาวคว้าผ้าห่มเก่ามาคลุมร่างเขาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวไปเปิดประตู
“หนูแค่มาหาของนิดหน่อยค่ะป้า นี่ก็กะว่ากำลังจะกลับขึ้นไปข้างบนพอดี” เธอพยายามส่งเสียงให้ปกติที่สุดคนตรงหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ภายนอกจะดูสงบลง แต่ความไม่พอใจยังชัดเจนในน้ำเสียง “ดึกป่านนี้ยังจะหาอะไรในนี้อีก เอลิน? หนูไม่เคยฟังป้าบ้างเลยใช่ไหม! รีบออกมาได้แล้ว!”
“ได้ค่ะป้า” เด็กสาวตอบรับ รีบคว้ากล่องเครื่องมือที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาถือเป็นข้ออ้าง
ป้าเมย์จ้องเธอด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย “แล้วนี่อะไร ทำไมถึงต้องทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ตลอดเลย” น้ำเสียงเธอยังแข็ง แต่ไม่ได้กดดันจนเกินไป
เอลินฝืนยิ้ม “แค่หากล่องเครื่องมือค่ะป้า ป้าจะใช้ซ่อมประตูพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ?”
ป้าเมย์ถอนหายใจหนัก ยอมรับกล่องเครื่องมือโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติม “คราวหน้าจะทำอะไรก็บอกป้าด้วย เข้าใจไหม? ป้าไม่อยากให้หนูเอาแต่ทำอะไรคนเดียวเหมือนเดิมอีก”
เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายไปอีก เด็กสาวเพียงพยักหน้ารับคำโดยไม่พูดอะไรมาก
แต่ทันทีที่เสียงฝีเท้าของป้าเมย์จางหาย ขาทั้งสองของเอลินก็แทบจะทรุดลงพื้น เธอหอบหายใจเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดประตูห้องเก็บของอย่างระมัดระวัง ราวกับต้องการกักเก็บความวุ่นวายทั้งหมด รวมถึงเขาไว้ข้างในนั้น
มันไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังเดินหลงเข้าไปในเขาวงกตที่เต็มไปด้วยกับดัก…และนี่อาจจะเป็นเพียงแค่กับดักแรกเท่านั้น
**********************
ไคล์รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดแผ่กระจายราวกับเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ เสียงลมหายใจหอบหนักดังสะท้อนในโสตประสาท สติของเขาเลือนรางราวกับม่านหมอกที่ปกคลุมจิตใจ เขารู้สึกถึงความเปราะบางของตัวเอง…ความรู้สึกที่เขาเกลียดที่สุด
ที่นี่…คือที่ไหน
คำถามลอยเข้ามาในหัว ขณะที่เขาแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้น ร่างกายเขาอ่อนล้าจนไม่ตอบสนอง การบาดเจ็บจากการถูกตามล่าและการผ่านมิติทำให้พลังในร่างสูญสลายไปแทบหมดสิ้น
แต่แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง…บางสิ่งที่แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง มันคือพลังชีวิตที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ของมนุษย์ หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังประคองร่างเขาอยู่ในมุมหนึ่งของสถานที่ที่ดูเหมือนจะเป็นที่ของนางเอง เด็กสาวตรงหน้าดูอ่อนแอ เปราะบางเกินกว่าจะรับมือกับปีศาจอย่างเขา แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังคงพยายามช่วยเขา
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเกือบจะพลั้งมือฆ่า…เหตุใดจึงยังเลือกช่วยเขาอยู่?
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน ท่ามกลางห้วงความมืดที่โอบล้อมร่างกายเขา ความหนาวเหน็บเริ่มกัดกินเข้าไปในกระดูก เขารู้ดีว่าความตายอยู่ไม่ไกลแล้ว…
“ห้ามตายที่นี่เด็ดขาดนะ…” เสียงของนางดังขึ้นในความพร่าเลือน มันแฝงไปด้วยความดื้อดึงและคำสั่งที่เขาไม่คุ้นเคย
กลิ่นอายพลังชีวิตของอีกฝ่ายยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ มันปลุกสัญชาตญาณปีศาจในตัวเขาให้คำรามขึ้นอย่างรุนแรง ผลักดันให้เขาทำสิ่งที่จำเป็นที่สุดเพื่อความอยู่รอด
เขาต้องการพลังชีวิตของนาง ที่นี่ ตอนนี้ และเดี๋ยวนี้!
ดวงตาสีเงินเบิกโพลง ร่างของเขาเคลื่อนไหวก่อนที่มนุษย์ตรงหน้าจะทันได้ตั้งตัว ไคล์คว้าข้อมือบางไว้แน่น พลังเงามืดหมุนวนรอบตัวเขา มันเป็นความมืดที่ดูดกลืนทุกแสงสว่างในห้อง
“เฮ้! ปล่อยนะ!” เด็กสาวร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ พยายามดึงตัวออกห่าง แต่เขากลับเร็วกว่า ริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากของนาง การเชื่อมต่อระหว่างปีศาจและมนุษย์เริ่มต้นขึ้นในทันใด
กระแสพลังชีวิตที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ไหลเข้าสู่ร่างเขาอย่างรุนแรง มันเหมือนเปลวไฟที่เผาผลาญความหนาวเย็นในตัวเขา บาดแผลเริ่มสมานตัวอย่างช้า ๆ ร่างกายของเขาค่อย ๆ ฟื้นคืนพลัง แต่ในขณะเดียวกัน ร่างของอีกฝ่ายกลับอ่อนแรงลงทุกขณะ พร้อมกับเสียงหายใจหอบหนักเมื่อเขาถอนรีมฝีปากออก
นางทรุดลงกับพื้น ร่างเล็กสั่นไหวด้วยความเหนื่อยล้า แต่สายตาที่จ้องมองกลับมาไม่ได้มีแค่ความกลัว หากยังแฝงไปด้วยความโกรธที่รอปะทุ
“คุณนี่มัน…” นางพยายามพูด เสียงแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน “…ไอ้เลวเอ๊ย”
ไคล์จ้องมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาสีเงินที่เฉยเมย ไม่มีความรู้สึกผิดในแววตา พลังชีวิตที่เขาดูดซับจากนางทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่ แต่ในขณะเดียวกัน…ความหนักอึ้งที่ซ่อนลึกในจิตใจกลับเพิ่มมากขึ้น
“เป็นเจ้าที่ช่วยข้าเอง” เขาพูดเสียงราบเรียบ ห่างเหิน ราวกับคำพูดนั้นปล่อยออกมาเพื่อปัดความรับผิดชอบไปให้อีกฝ่าย “…เพราะฉะนั้นอย่าโทษข้าที่ทำแบบนี้”
เขาเห็นนางกัดฟันแน่น จ้องมองเขาด้วยสายตาราวกับจะฆ่าเขาให้ตาย แต่ก่อนที่จะทันได้ตอบโต้อะไร เสียงบางอย่างดังขึ้นจากอีกฟากของประตู
เด็กสาวสะดุ้ง พยายามทรงตัวและรีบออกไปหาคนที่อยู่อีกฟากประตูแม้จะยังไม่มีแรง เสียงพูดคุยดังแว่วขึ้น แต่ไคล์ไม่สนใจ เขาเพียงเอนพิงผนัง มองเงาในห้องอย่างไร้อารมณ์จนกระทั่งของพวกเขาค่อย ๆ จากไป
ประตูปิดลง ทุกสิ่งกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ชายหนุ่มยังคงเอนตัวอยู่ที่เดิม ความหนาวเหน็บของกำแพงสัมผัสกับแผ่นหลังที่มีเพียงผ้าบาง ๆ กั้นอยู่ แม้พลังชีวิตที่เขาขโมยมาจะช่วยฟื้นคืนเขาได้ แต่ความเหนื่อยล้ายังคงเกาะติดอยู่ในร่าง หัวใจกลับมาเต้นอย่างมั่นคงอีกครั้ง แต่ในใจกลับรู้สึกว่างเปล่าราวกับห้วงเหว…
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาในความทรงจำของเด็กสาวคนนั้นจะหายไปในยามเช้า… รวมถึงตัวเขาเองที่จะไปจากที่นี่ด้วย
เขาคิดกับตัวเอง ความคิดนั้นเย็นชาเหมือนกับใบหน้าของเขา แต่ก็แฝงไปด้วยความคุ้นเคยที่เขายอมรับมันมานาน การลบตัวตนออกจากความทรงจำมนุษย์ที่เขาแตะต้องเป็นกลไกของธรรมชาติที่เขาคุ้นชิน และมันไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ครั้งนี้กลับทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ ความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่อาจอธิบายได้…
*********************