จิตสุดท้ายที่ยังไม่ไปไหนทำให้ 'หัสวีร์' รับรู้อีกหนึ่งตัวตนว่าเขาเป็นลูกของมาเฟีย การย้อนเวลากลับมาครั้งนี้มันคงสนุกไม่น้อยเชียวล่ะ...
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ข้ามเวลา,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลาจิตสุดท้ายที่ยังไม่ไปไหนทำให้ 'หัสวีร์' รับรู้อีกหนึ่งตัวตนว่าเขาเป็นลูกของมาเฟีย การย้อนเวลากลับมาครั้งนี้มันคงสนุกไม่น้อยเชียวล่ะ...
---------- มี Ebook ----------
เพราะรักคำเดียวทำให้ ‘หัสวีร์’ ถึงกับสูญสิ้นทุกอย่าง
พ่อแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุ
ธุรกิจจากความรักของครอบครัวล้มละลาย
น้องสาวที่ปกป้องจนวินาทีสุดท้ายทั้งที่เขาเคยใจร้ายขนาดนั้น
เพราะรักที่มีให้ ‘สรัล’ เป็นได้แค่บันไดดอกไม้ให้เหยียบย่ำพยุงตัวไม่เหลือสักอย่างแม้กระทั่งลมหายใจ'
จิตสุดท้ายที่ยังไม่ไปไหนทำให้ได้รู้ว่าพ่อที่แม่เคยบอกว่าเสียตั้งแต่เขายังไม่เกิดเป็น 'มาเฟีย' แถมช่วยเหลือในฐานะคู่ค้ามาตลอด
เกิดชาติหน้าฉันใด ‘พุดซ้อน’ ดอกนี้ไม่ขอส่งกลิ่นหอมเพื่อใครและจะทำตนเยี่ยงต้นสลัดไดที่คุณมากมายแต่ก็ตายได้ถ้าไม่ระวัง
ด้วยแรงอธิษฐานหรือแรงแค้นก็ไม่ทราบได้ทำให้เขาย้อนเวลากลับมาจัดการเอาคืนให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันเคยทำและการใช้อำนาจในฐานะลูกมาเฟียมันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ
จิ๋นซี จิตรกร อัศวชุณหะ (อายุ 32 ปี ส่วนสูง 192 cm) /เจ้าของบริษัทนำเข้าและส่งออกอะไหล่ยนต์, เจ้าของสนามแข่งรถ Steed King
วิน หัสวีร์ วัชรอมรเมฆ (อายุ 27 ปี ส่วนสูง 180 cm. / เจ้าของบริษัทลักษิกาเจ็ม (Laksika Gem)
นัท มนัสวี วัชรอมรเมฆ (อายุ 26 ปี ส่วนสูง 175 cm.) / เจ้าของโรงเรียนศิลปะ WAM Gallery
รัน สรัล บูรณะโชติ (อายุ 30 ปี ส่วนสูง 187 cm.) / ?
เมษ เมธัส นิจอนันต์ (อายุ 29 ปี ส่วนสูง 170 cm.) / เจ้าของบริษัทนิทไดมอนด์ (NIT Diamond)
มาร์ติโน เฉิน (อายุ 55 ปี ส่วนสูง 195 cm.) / ?
สาม สารัช อัศวชุณหะ (อายุ 34 ปี ส่วนสูง 193 cm.) / เจ้าของโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว Sarach Gym
เธียร เธียรวิชญ์ รัตนสาโรชน์ (อายุ 24 ปี ส่วนสูง 183 cm.) / เจ้าของบริษัททีอาร์ออแกไนซ์
การย้อนเวลากลับมาแก้แค้นได้เริ่มต้นแล้วเพราะหลัวที่ดีคือหลัวใหม่
ปล. การทำธุรกิจในเรื่องอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง 100% แต่พยายามหาข้อมูลให้มากที่สุดบางเหตุการณ์แต่งขึ้นเองเพื่ออรรถรส
- TRIGGER WARNING -
มีเนื้อหาที่บรรยายถึงการใช้ความรุนแรงและการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกิดจากจินตนาการเท่านั้นไม่ควรลอกเลียนแบบ
มีเหตุการณ์ที่ทำให้หดหู่หรือจิตตก
มีการบรรยายถึงบาดแผลและเลือด
Toxic relationship
ปัง ปัง ปัง!
เสียงปืนรัวสนั่นก้องไปทั่วเกาะและกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆทำให้คนที่กำลังวิ่งต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นแต่ไม่สามารถเร่งตามใจคิดมากนักเพราะมีคนเจ็บที่ต้องไปด้วย
“วินปล่อยนัท ปล่อยนัทไว้ตรงนี้แล้วรีบหนีไป”
“ไม่ เราต้องไปด้วยกัน ไม่ต้องพูดแล้ววินไม่ฟัง”
น้ำเสียงกระด้างของหัสวีร์เป็นสิ่งที่มนัสวีคุ้นชินยามที่เจ้าตัวเอื้อนเอ่ยกับเธออยู่เป็นนิจกับสายตาเย็นชาเท่านั้น จำไม่ได้แล้วว่าพวกเขาพูดคุยกันดีๆตามประสาพี่น้องล่าสุดเมื่อไหร่กันนะ
แต่ยามนี้เธอมีโอกาสสัมผัสมันอีกครั้งกับความรักและห่วงใยถึงแม้ครั้งนี้อาจเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ไม่นึกเสียใจเพราะเธอได้พี่ชายคนเดิมกลับมาแล้ว
หัสวีร์มองใบหน้าที่ซีดเซียวจากการเสียเลือดของอีกฝ่ายเพราะถูกยิงที่แขนก็ยิ่งร้อนใจ หากไม่ถูกไล่ล่าจนต้องเปลี่ยนเส้นทางเพื่ออ้อมเขาคงถึงท่าเรือและพามนัสวีไปโรงพยาบาลได้เร็วกว่านี้
เกาะแห่งนี้เป็นของเขาไม่สิถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่าเคยเป็นต่างหากเลยจดจำได้เกือบทุกเส้นทางเพราะตอนนี้มันเป็นของสรัลไอ้สามีชั่วที่ทรยศหักหลังและทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีกันแค่สองพี่น้องโดยที่ไม่เคยระแวงสงสัยแม้เพียงสักนิด
เขางอกไม่รู้ตัวแม้น้องสาวเตือนก็ไม่ฟังแถมพูดจาร้ายๆใส่อีกฝ่ายจนไม่น่าให้อภัย
“เป็นแค่น้องนอกไส้อย่ามายุ่ง จะไปไหนก็ไปซะ!”
นึกสมเพชตัวเองจริงๆยามที่สรัลบอกว่าขอไปประชุมงานคู่ค้าที่ฮ่องกงเองทุกครั้งเขาจะได้ไม่เหนื่อยมากแค่ที่นี่บริษัทก็ยุ่งเยอะแล้ว แต่ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายไประเริงชู้กับเมธัสคู่แข่งทางธุรกิจพร้อมวางแผนทำลายและเหยียบย่ำเขาให้จมดิน
เขาโง่งมจนวินาทีสุดท้ายหลังจากที่เขากลายเป็นบุคคลล้มละลายเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะพามาใช้ชีวิตที่นี่จนบั้นปลายอย่างมีความสุขโดยไม่สนใจเงินทองใดๆ หัสวีร์นึกดีใจเหลือเกินที่เลือกคู่ชีวิตไม่ผิดถึงจะไม่เหลืออะไรแต่คนๆนี้ก็ไม่เคยคิดจะทิ้งกัน
โง่จนไม่รู้ว่าถูกหลอกมาขายด้วยแผนการของเมธัสที่อยากเหยียบหัสวีร์ให้จมแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดในนรก กว่าจะรู้ว่ามีภัยก็ตอนเห็นคนชุดดำเฝ้าหน้าบ้านพักเต็มไปหมดกับคนที่ตนเองเคยไล่ให้ออกจากชีวิตอย่างมนัสวีถูกขังเอาไว้
หลังจากที่ตัดขาดกันไปก็ไม่ได้ติดตามข่าวคราวของมนัสวีอีกรู้แค่ว่ากลับไปบริหารโรงเรียนสอนศิลปะของผู้เป็นพ่ออย่างถาวรแล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
พวกเขาไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดทั้งแม่ของหัสวีร์และพ่อของมนัสวีแต่งงานกันและต่างฝ่ายก็มีลูกติดอายุห่างกันเพียงปีเดียว เมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันทั้งคู่ให้ความรักแก่เด็กทั้งสองอย่างเท่าเทียมไม่เคยแบ่งลูกฉันลูกคุณ ทำให้เด็กน้อยที่เติบโตมาด้วยกันรักกันเฉกเช่นพี่น้องร่วมสายเลือด เติบโตอย่างงดงามท่ามกลางความรักและความอบอุ่นระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคน
แต่แล้วความสุขก็ถูกกระชากจนขาดวิ่นด้วยการจากไปของพ่อและแม่ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ท่ามกลางความเสียใจอย่างท่วมท้นแต่ต้องเดินไปข้างหน้า
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างปกติโดยหัสวีร์ไปบริหารงานบริษัทออกแบบอัญมณีของแม่ส่วนมนัสวีสานต่องานศิลปะของพ่อเพราะความสามารถที่แตกต่างกันแต่ยังคงเกื้อกูลเสมอ จนกระทั่งมีมือคู่หนึ่งของสรัลหยิบยื่นเข้ามามอบความรักและเติมพลังใจให้โดยไม่เคยเอะใจเลยว่ามันคือหลุมพรางระดับเริ่มต้นทั้งงานและสายสัมพันธ์ของครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว
ค่อยๆกัดกร่อนจากภายในทีละนิดๆซึ่งหลายครั้งสินค้าที่บริษัทเขาออกแบบดันเหมือนกับบริษัทคู่แข่งอย่างเมธัส ปัญหาการขนส่งล่าช้าจนเสียค่าปรับให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมหาศาล การยักยอกภายในจนนำไปสู่หายนะล้มละลาย
“ที่ผ่านมาไม่รู้สึกรักวินเลยเหรอครับพี่รัน”
หัสวีร์ถามคนตรงหน้าที่เอาแต่เงียบและหลบสายเขาอยู่ข้างๆเมธัสด้วยความเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ
“รู้ตัวว่าโง่นักก็แค่ทำตัวดีๆแล้วนอนอ้าขาเป็นอีตัวบนเตียงให้แขกที่กูหาให้ก็พอทั้งแกและน้องสาวจอมแส่นั่นแหละ”
“ไอ้เมธัส ไอ้ชั่ว”
พลั่ก!
“วิน!”
“เบามือหน่อยพวกแกสินค้าช้ำหมดเดี๋ยวราคามันจะตก”
หัสวีร์ตัวสั่นไปหมดไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เป็นความเคียดแค้นหลังจากได้รับรู้เรื่องราวยิ่งทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้แล้วก็ยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นที่โง่เหมือนที่เมธัสด่าไว้จริงๆจนทำให้น้องสาวอย่างมนัสวีติดร่างแหมาด้วยเพราะรับรู้แผนการโดยบังเอิญเลยมาอยากเตือนพี่ชายแต่ถูกจับได้เสียก่อน
พวกเขาถูกขังเพื่อรอการส่งต่อไปยังผู้ซื้อเหมือนสินค้าชิ้นหนึ่งแต่หัสวีร์ไม่ยอมจำนนง่ายๆให้กับคนที่ฉากหน้าคือนักธุรกิจอัญมณีระดับแนวหน้าของไทยส่วนเบื้องหลังเป็นนายหน้าค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด จึงออกอุบายและหลบหนีออกมาในที่สุดพร้อมปืนคนละกระบอกแต่พลาดท่าถูกจับได้จนทำให้น้องสาวบาดเจ็บ
“นัทอดทนอีกนิดนะเดี๋ยวก็ถึงเรือแล้ว”
แม้เหนื่อยใจแทบขาดแต่พวกเขาก็พักไม่ได้
“เฮ้ย พวกมันอยู่นั่น”
เป็นอีกครั้งที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่เพราะถูกดักข้างหน้า
หน้าผา? เขาต้องพาน้องกลับหลังไปอีกทางก่อนที่พวกมันจะตามมาทัน
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังขึ้นก่อนที่หัสวีร์และมนัสวีจะหันหลังกลับ
“ว้า หนูของเราไปต่อไม่ได้แล้วสิ ทำไงกับพวกมันดีน้า”
“วินจะถ่วงเวลาไว้เองนัทรีบหนีไปตอนได้รับสัญญาณนะ”
“ไม่ วินนั่นแหละหนีไปนัทจะถ่วงเวลาไว้เอง”
“กระซิบกระซาบอะไรกัน! หนียังไงก็ไม่รอดหรอกนอกจากพวกแกจะหายตัวไปจากตรงนี้ได้เองน่ะนะ”
พวกมันยิ่งรุกคืบเข้าพวกเขาก็ยิ่งถอยหลังออกใกล้หน้าผามากขึ้น
“ฉันไปทำอะไรให้นอกจากคู่แข่งทางธุรกิจก็ไม่เคยบาดหมางจนแกต้องจองเวรกันขนาดนี้”
หัสวีร์ถามเมธัสไม่ใช่แค่อยากถ่วงเวลาเท่านั้นแต่ต้องการรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายเหยียบเขาให้จมขนาดนี้
“ความจริงแค่ต้องการล้มคู่แข่งอย่างแกเท่านั้นแต่บังเอิญว่าคนของฉันดันหวั่นไหวกับแกนี่สิ ออกปากแก้ตัวให้แกทั้งที่แต่ก่อนเป็นเด็กดีเชื่อฟังขนาดนั้น ก็แค่อยากจัดการตัวปัญหาให้มันสิ้นซาก”
เจ็บแทบกระอักเลือดเพิ่มขึ้นอีกคือการได้รับรู้ว่าสรัลไม่ได้นอกใจไปหาเมธัสแต่เป็นเขาต่างหากที่เป็นหมากสถานะชู้แม้ได้แต่งงานอยู่กินอย่างออกหน้าออกตาแล้วก็ตาม
“เลิกถ่วงเวลาได้แล้ว เฮ้ยไปเอาตัวพวกมันมา”
เมธัสออกคำสั่งให้ลูกน้องไปลากคนทั้งสองกลับมา
“ถ้าพวกแกเข้าพาพวกฉันจะกระโดดลงไปตอนนี้เลย”
หัสวีร์พูดแทรกก่อนที่พวกนั้นจะเข้ามาใกล้พร้อมเดินถอยหลังไปสู่หน้าผามากยิ่งขึ้น
“นี่แกขู่ฉันเหรอ”
“หึ กับคนที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วมันเหมือนการขู่มากนักเหรอเมธัส”
พอได้คิดตามก็พาให้ร้อนใจมากขึ้นเมธัสไม่อยากมีปัญหากับคนที่จ่ายเงินซื้อพี่น้องคู่นี้เพราะอิทธิพลของอีกฝ่ายครอบคลุมธุรกิจสีเทามากกว่าธุรกิจถูกกฎหมายที่เป็นฉากบังหน้า บอสมาเฟียลูกครึ่งอเมริกันสัญชาติจีนขึ้นชื่อเรื่องความเลือดเย็นแม้อายุล่วงเลยเลขห้าแต่ยังคงดูดีและหล่อเหลา
“แกต้องการต่อรองอะไรว่ามา”
ยิ่งเห็นสายตาร้อนรนทำให้หัสวีร์แน่ใจว่าบุคคลที่ต้องการซื้อพวกเขานั้นยิ่งใหญ่จนเมธัสไม่กล้าต่อกรด้วยแน่นอน
“ให้พี่รันเป็นคนมารับฉันจะยอมไปด้วยดีๆ”
“เฮอะ แกยังหวังลมๆแล้งๆอยู่อีกเหรอวะ ไม่ต้องฟังไปเอาพวกมันมา”
“เดี๋ยวก่อน ให้รันเป็นคนพาเขามาดีกว่านะครับเมษอีกอย่างคุณมาร์ติโน่ก็กำลังจะถึงแล้วรันไม่อยากให้คุณมีปัญหากับเขา”
จะอ้วก รักกันดีเหลือเกินนะ
นี่คือสิ่งที่หัสวีร์และมนัสวีคิดตรงกัน
“เอาเถอะถือซะว่าทำบุญเพื่อความสุขของแกเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน”
คนที่เคยขึ้นชื่อว่าสามีสาวเท้าเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบกับสายตาที่มองมาเหมือนกับว่ารู้สึกผิด? ให้ตายเถอะเขาอยากจะควักลูกตาคู่นั้นมาเหยียบให้เละเสียจริง ระยะทางสั้นลงทีละนิดๆระหว่างนั้นเขาได้อธิบายถึงแผนการให้กับคนด้านหลังฟัง
“เส้นทางซ้ายมือจะมีสปีดโบ๊ทจอดอยู่ไม่ไกลพอเสียงปืนดังปุ๊บให้รีบวิ่งทันทีอย่าหันกลับมาเด็ดขาด”
“ไม่เอา ถ้าจะตายเราก็ต้องตายด้วยกัน”
“วินขอร้องได้ไหม มีชีวิตอยู่เพื่อคนโง่คนนี้เถอะนะ”
พูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอนกับน้องสาวต่างสายเลือดโดยไม่ละสายตาจากการเคลื่อนไหวของคนทรยศ
หนึ่ง
สอง
สาม
ปัง!
ไม่เคยจับปืนแต่พอรู้วิธีใช้มาบ้าง รู้ว่าโอกาสที่เป็นไปได้มีน้อยกว่า 0.1% แต่ก็ดีกว่ายืนรออีกฝ่ายหยิบยื่นความอัปยศอย่างไม่สิ้นสุดมาให้
แม้จะแค้นมากแค่ไหนแต่ยังวู่วามไม่ได้ รอให้คนที่หมายหัวอยู่ในระยะไม่น่าพลาดจะด้วยความแค้นที่สุมอกจนล้นเป็นแรงขับเคลื่อนหรืออย่างไรทำให้กระสุนที่ออกจากรังเพลิงเจาะกลางหน้าผากสรัลอย่างพอดิบพอดี
ไม่ทันได้ระวังตัวเพราะคิดว่าคนตรงหน้าไร้พิษสง เสียงปืนดังพร้อมกับเหมือนมีอะไรแตกโพล๊ะในหัว ก่อนที่จะล้มตึงและเสียชีวิตคาที่ไปพร้อมคำถามคาใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
ปัง ปัง ปัง ปัง
“วินอย่าร้องนะ นัทเจ็บนิดเดียวไม่เป็นไร อึก!”
“ฮึก เด็กโง่ พี่ขอโทษ”
คนเป็นพี่รู้สึกจุกอยู่ในอกไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำพูดได้มากกว่านั้นก่อนจะพลิกตัวเป็นเกราะกำบังแทนน้องสาวที่กำลังปกป้องเขาอยู่จนลมหายใจสุดท้ายสิ้นสุดลงเสียดายที่มันเหลือแค่นัดเดียว เสียดายที่เขายิงปืนไม่เป็นเป็นไรเขาจะไม่ยอมไปผุดไปเกิดแต่ตามจองเวรคนพวกนั้นตลอดไป
แค้นแม้กระทั่งวิญญาณที่ออกจากร่างยังเฝ้ามองเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ได้ไปไหน ภาพการต่อสู้เบื้องหน้าระหว่างพวกเมธัสที่กำลังเสียเปรียบกับกลุ่มผู้มาใหม่แสนคุ้นตาเมื่อรับรู้ว่าทั้งเขาและน้องสาวไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
อยากได้สินค้าอย่างพวกเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?
ไม่ใช่ ความรู้สึกแรกบอกแบบนั้นหัสวีร์รับรู้ถึงความผิดปกติของชายวัยกลางคนตรงหน้าที่มีดวงตาสีเฮเซลเดียวกันกับเขา และพวกเราเจอกันในฐานะคู่ค้าคนสำคัญทางธุรกิจแม้ไม่เคยคาดเดาความคิดหรือจับอารมณ์ได้แต่ไม่เคยรู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างที่สรัลเคยเตือนถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นบอสมาเฟียในคราบนักธุรกิจก็ตาม
'มาร์ติโน เฉิน'
เดินมายังร่างไร้ลมหายที่ปกป้องกันและกันไว้จนวินาทีสุดท้ายหลังจากออกคำสั่งให้กำจัดเมธัสและพวก แม้สีหน้ายังเฉยชาแต่แววตาสีเฮเซลกำลังสั่นไหวเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด
มาช้าเกินไปถ้ารีบจัดการพวกหนอนบ่อนไส้ให้เร็วกว่านี้ลูกชายของเขาคงไม่เป็นแบบนี้ แรกพบเจอก็กลัวว่าเด็กคนนี้จะมีอันตรายจนไม่อยากใกล้ชิดเกินกว่าคู่ค้ารายใหญ่ให้ศัตรูที่มีแทบทุกที่เอะใจ ถ้าคอยจับตาดูคนรอบตัวหัสวีร์ว่าใครคิดร้ายก็กำจัดทิ้งทันที แล้วอย่างไรสุดท้ายก็ปกป้องไว้ไม่ได้ทั้งคนรักและลูกในสายเลือด
“จับโยนลงไปก้นทะเลทำลายหลักฐานซะ”
ไคล์มือขวาคนสนิทออกคำสั่งหลังจากเห็นว่าเก็บงานเรียบร้อย
“บอสครับแล้วนายน้อยกับน้องสาวจะกลับคฤหาสถ์หรือว่าให้อยู่ข้างนายหญิงดีครับ”
“หัสวีร์รักแม่และครอบครัวของเขามากให้พวกเขาพักผ่อนอยู่ข้างกันเถอะ”
“ครับบอส”
“แล้วไปจัดการพวกนิจอนันต์ให้สิ้นซากทำให้มันเป็นหมาจนตรอกอยู่อย่างทรมานแล้วค่อยส่งไปขาย”
ความจริงตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มสับสนไปชั่วขณะ แม่เคยบอกว่าพ่อของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตั้งแต่เขายังไม่เกิด แล้วตอนนี้ไม่ใช่แค่พ่อยังไม่ตายแถมเป็นมาเฟียทรงอิทธิพลจากจีนแผ่นดินใหญ่อีกต่างหากเพราะแบบหรือเปล่าทุกครั้งที่เขาได้พบอีกฝ่ายในฐานะคู่ค้าถึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันหรือไม่ปลอดภัยใดๆแม้เจอสายตาที่อ่านไม่ออก ทั้งที่คนอื่นเคยเตือนว่าคนๆนี้ไว้ใจไม่ได้แถมขึ้นชื่อเรื่องความเลือดเย็นไม่ไว้หน้าใคร
หัสวีร์ยืนมองส่งร่างเขาและน้องสาวจนลับสายตาป่านนี้นัทคงได้ไปหาพ่อกับแม่แล้วสินะ เราคงไม่ได้เจอกันอีกเพราะคนอย่างพี่มันบาปเหลือเกิน
จากนั้นเดินไปยังกลุ่มคนที่กำลังทิ้งร่างสรัล เมธัส และบรรดาลูกสมุนพร้อมหินถ่วงลงสู่ก้นทะเล ทำไมพวกมันตายง่ายกันจังนะยังไม่สาสมกับสิ่งที่ทำไว้กับพวกเขาเลยความแค้นนี้มันสุมอกมากเหลือเกิน สุมเหมือนไฟผลาญจากนรกไม่มีผิด
หากได้เจอกันอีกครั้งเขาสาบานไว้เลยว่าจะเป็นคนลงมือเองให้พวกมันทรมานเหมือนตายทั้งเป็นยิ่งกว่าเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่าพาไปจุดสูงสุดแล้วค่อยกระชากลงมา ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันภูมิใจหนักหนา
เรียนรู้การใช้อาวุธที่เล็งยังไงไม่ให้โดนจุดสำคัญค่อยๆเชือดอย่างช้าๆไปทีละนิด รวมไปถึงศิลปะป้องกันตัวเพื่อปกป้องคนที่รักเขาอย่างแท้จริง และใช้อิทธิพลของพ่อเหยียบพวกมันซ้ำๆไม่ให้มีที่ยืนจนต้องกราบเท้าอ้อนวอนเพื่อให้เขามอบความตายให้เสียที
TBC.