จิตสุดท้ายที่ยังไม่ไปไหนทำให้ 'หัสวีร์' รับรู้อีกหนึ่งตัวตนว่าเขาเป็นลูกของมาเฟีย การย้อนเวลากลับมาครั้งนี้มันคงสนุกไม่น้อยเชียวล่ะ...

พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา - 4 สลัดไดต้นที่สี่ โดย สินปา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ข้ามเวลา,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,แอคชั่น,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา โดย สินปา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จิตสุดท้ายที่ยังไม่ไปไหนทำให้ 'หัสวีร์' รับรู้อีกหนึ่งตัวตนว่าเขาเป็นลูกของมาเฟีย การย้อนเวลากลับมาครั้งนี้มันคงสนุกไม่น้อยเชียวล่ะ...

ผู้แต่ง

สินปา

เรื่องย่อ

 

 ----------  มี  Ebook ----------

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTYyMDQyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjM0MTYzOCI7fQ

 


เพราะรักคำเดียวทำให้ ‘หัสวีร์’ ถึงกับสูญสิ้นทุกอย่าง

พ่อแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุ

ธุรกิจจากความรักของครอบครัวล้มละลาย

น้องสาวที่ปกป้องจนวินาทีสุดท้ายทั้งที่เขาเคยใจร้ายขนาดนั้น

เพราะรักที่มีให้ ‘สรัล’ เป็นได้แค่บันไดดอกไม้ให้เหยียบย่ำพยุงตัวไม่เหลือสักอย่างแม้กระทั่งลมหายใจ'

จิตสุดท้ายที่ยังไม่ไปไหนทำให้ได้รู้ว่าพ่อที่แม่เคยบอกว่าเสียตั้งแต่เขายังไม่เกิดเป็น 'มาเฟีย' แถมช่วยเหลือในฐานะคู่ค้ามาตลอด

เกิดชาติหน้าฉันใด ‘พุดซ้อน’ ดอกนี้ไม่ขอส่งกลิ่นหอมเพื่อใครและจะทำตนเยี่ยงต้นสลัดไดที่คุณมากมายแต่ก็ตายได้ถ้าไม่ระวัง

ด้วยแรงอธิษฐานหรือแรงแค้นก็ไม่ทราบได้ทำให้เขาย้อนเวลากลับมาจัดการเอาคืนให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันเคยทำและการใช้อำนาจในฐานะลูกมาเฟียมันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ

 


 

จิ๋นซี จิตรกร อัศวชุณหะ (อายุ 32 ปี ส่วนสูง 192 cm) /เจ้าของบริษัทนำเข้าและส่งออกอะไหล่ยนต์, เจ้าของสนามแข่งรถ Steed King

วิน หัสวีร์ วัชรอมรเมฆ (อายุ 27 ปี ส่วนสูง 180 cm. / เจ้าของบริษัทลักษิกาเจ็ม (Laksika Gem)

นัท มนัสวี วัชรอมรเมฆ (อายุ 26 ปี ส่วนสูง 175 cm.) / เจ้าของโรงเรียนศิลปะ WAM Gallery 

รัน สรัล บูรณะโชติ (อายุ 30 ปี ส่วนสูง 187 cm.) / ?

เมษ เมธัส นิจอนันต์ (อายุ 29 ปี ส่วนสูง 170 cm.) / เจ้าของบริษัทนิทไดมอนด์ (NIT Diamond)

มาร์ติโน เฉิน (อายุ 55 ปี ส่วนสูง 195 cm.) / ?

สาม สารัช อัศวชุณหะ (อายุ 34 ปี ส่วนสูง 193 cm.) / เจ้าของโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว Sarach Gym

เธียร เธียรวิชญ์ รัตนสาโรชน์  (อายุ 24 ปี ส่วนสูง 183 cm.) / เจ้าของบริษัททีอาร์ออแกไนซ์ 

 


การย้อนเวลากลับมาแก้แค้นได้เริ่มต้นแล้วเพราะหลัวที่ดีคือหลัวใหม่

ปล. การทำธุรกิจในเรื่องอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง 100% แต่พยายามหาข้อมูลให้มากที่สุดบางเหตุการณ์แต่งขึ้นเองเพื่ออรรถรส

- TRIGGER WARNING -

มีเนื้อหาที่บรรยายถึงการใช้ความรุนแรงและการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกิดจากจินตนาการเท่านั้นไม่ควรลอกเลียนแบบ

มีเหตุการณ์ที่ทำให้หดหู่หรือจิตตก 

มีการบรรยายถึงบาดแผลและเลือด

Toxic relationship

 

สารบัญ

พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา-1 สลัดไดต้นที่หนึ่ง,พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา-2 สลัดไดต้นที่สอง,พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา-3 สลัดไดต้นที่สาม,พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา-4 สลัดไดต้นที่สี่,พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา-5 สลัดไดต้นที่ห้า,พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา-6 สลัดไดต้นที่หก ,พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา-7 สลัดไดต้นที่เจ็ด,พุดซ้อนสลัดได #ย้อนเวลา-8 สลัดไดต้นที่แปด

เนื้อหา

4 สลัดไดต้นที่สี่

ความเคยชินตั้งแต่รับช่วงต่อลักษิกาเจ็มหัสวีร์มักตื่นเช้าเสมอไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม

ทั้งที่บ้านไม่ได้หลังใหญ่ขนาดนั้นแต่ทำไมมันรู้สึกเงียบเหงาขนาดนี้กันนะมีแค่เขาคนเดียวที่นั่งทานอาหารเช้า ชีวิตที่แล้วไม่เคยรู้สึกถึงความอ้างว้างสักนิดแค่สรัลไปดีลงานที่ฮ่องกงเดี๋ยวก็กลับมาส่วนงานตัวเองก็ยุ่งมาก ยิ่งกับมนัสวีด้วยแล้วหลังความสัมพันธ์แย่เลยห่างกันต่างคนต่างอยู่

ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่นะที่ไม่เคยฉุกใจเลย แม้แต่ภาพในอดีตแสนอบอุ่นสี่คนในครอบครัวไม่เคยลอยเข้ามาในหัวตอนที่พูดจาทำร้ายความรู้สึกคนน้องแรงขนาดนั้น

“นัทเห็นพี่รันถือแบบเครื่องเพชรออกมาจากห้องทำงานวิน”

“คิดมากน่าใช่ที่ไหนล่ะพี่รันไปเอาเอกสารสัญญา”

“ไม่จริง นัทเห็นกับตาแถมยังรีบออกจากบ้านไปกับใครก็ไม่รู้

“หลายรอบแล้วนะ อิจฉาหรือไงที่แบบของตัวเองไม่ถูกเลือกน่ะ”

“พวกเราเป็นพี่น้องกันนะนัทจะอิจฉาวินไปเพื่ออะไร

“เหอะ ก็แค่น้องนอกไส้ทำไมจะทำไม่ได้ แถมชอบยุ่งทุกเรื่องสร้างปัญหาตลอด รอบก่อนก็ทะเลาะกับรินเรื่องตลาด ต่อไปไม่ต้องเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ

“เออ! จะไม่มาเหยียบอีกไม่ว่าที่นี่หรือลักษิกาเจ็ม”

“จะไปไหนก็ไปเลย!”

 

ดวงตาสีสวยกระพริบถี่ไล่ไม่ให้น้ำตาไหลออกมาพอหวนระลึกถึงตอนที่ทั้งสองกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรงก่อนหยิบสมาร์ทโฟนโทรหาเลขาคู่ใจ

“วันนี้ผมเข้าบริษัทช่วงบ่ายถ้ามีคนที่ชื่อชัชชัยมาติดต่อฝากคุณมิตรานัดหมายที่เลอฌาพรุ่งนี้บ่ายโมงทีนะครับ”

“ได้ค่ะบอส”

“ขอบคุณครับ”

 

 

WAM Gallery 

โรงเรียนสอนศิลปะขนาดกลางที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงภายใต้การดูแลของมนัสวี วัชรอมรเมฆ ในวัย 26 ปี ที่นี่มีการสอนหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นดินเผา วาดรูป งานปั้น แกะสลัก เครื่องประดับมุก และลายรดน้ำ โดยจะสอนตั้งแต่ปูพื้นฐานทำไม่เป็นก็เรียนได้ขอแค่สนใจโดยครูสอนจะชำนาญการแขนงนั้นโดยตรง

แกร่ก

จากตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้ามานั่งวางแผนงานเสียหน่อยแต่ต้องเปลี่ยนใจกระทันหันแค่เดินมาที่โต๊ะทำงานเพื่อหยิบของและมองผ่านแขกที่กำลังยืนดูรูปครอบครัวในมือราวอากาศธาตุ

“นัด วินขอโทษ”

“...”

หัสวีร์กำลังเจ็บกับความโง่เขลาของตัวเองไม่เคยแม้สักครั้งที่น้องสาวเมินกันแบบนี้

ส่วนคนที่กำลังหยิบของนั้นยิ่งรีบยิ่งลนอยากออกไปไวๆ เพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนถ้าหันไปมองคนที่กำลังทำหน้าเศร้ากับแววตาสำนึกผิด

หญิงสาวไม่เคยโกรธพี่ชายต่างสายเลือดแต่มนัสวีเสียใจจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ทั้งที่เติบโตมาด้วยกันแต่ทำไมถึงมองว่าเธอขี้อิจฉาในเมื่อรู้จักนิสัยใจคอกันดี 

เพราะความหวังดีเหตุการณ์นี้เลยไม่ใช่ครั้งแรกที่ทะเลาะกัน เธอหนื่อยแล้วไม่อยากไปถกเถียงกับใครอีก ขอถอยออกมาเฝ้ามองอยู่ห่างๆ แล้วกันในเมื่อครอบครัวเพียงคนเดียวที่เคยเป็นเซฟโซนนั้นเปลี่ยนไป

หมับ

ร่างสูงคว้าข้อมือผู้เป็นน้องสาวจากด้านหลังที่กำลังรีบเดินไปที่ประตูด้วย

ไม่มีคำพูดระหว่างกันแต่มนัสวีรู้สึกว่ามือที่จับเธอไว้นั้นกำลังสั่นเทาและเย็นเยียบ

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะฉายย้อนกลับมาในหัวของหัสวีร์ทันที มันหนักอึ้งเกินที่จะรับไหว ฝืนทำตัวเข้มแข็งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว 

น้องสาวที่ปกป้องเขาด้วยชีวิตอยู่ตรงนี้ความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามามันกัดกินใจจนให้อภัยตัวเองไม่ได้เลย ไม่มีสักครั้งที่จะนอนหลับสนิทโดยที่ไม่ฝันร้าย

“ฮึก”

จากที่พยายามกระชากให้หลุดการเกาะกุมหันหลังขวับทันที คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอกำลังสะอื้นไห้เงียบๆ ราวเด็กชายตัวน้อยที่แตกสลาย

“นัทไม่ได้โกรธวินอย่าร้องนะ”

คนที่เสียน้ำตายากเวลาร้องไห้มักดูเปราะบางคำนี้ไม่เกินจริง หัสวีร์ที่เธอคุ้นเคยเป็นคนเข้มเเข็งมากไม่ชอบแสดงมุมอ่อนแอให้ใครเห็น หลังการจากไปของพ่อกับแม่ก็ไม่เคยเห็นน้ำตาอีกเลย

“วิน ฮึก วินผิดเอง”

ยิ่งเช็ดน้ำตายิ่งไหลดวงตาสีเฮเซลที่เคยมีประกายสดใสยามนี้กลับหม่นแสดงเจ็บปวดร้าวราน โหยหา รู้สึกผิด และอ่อนแอ ราวคนสูญสิ้นทุกอย่างจนมนัสวีใจหาย 

“เกิดอะไรขึ้นวิน”

“ขอโทษนะ”

มีเพียงการพร่ำขอโทษซ้ำเป็นคำตอบกลับมา สองมือโอบกอดลูบหลังคนที่สูงกว่าตนไม่มากนักอย่างร้อนใจจูงมือไปนั่งที่โซฟาแม้หัสวีร์จะสูงถึง 180 เซนติเมตร แต่เธอก็สูงน้อยกว่าอีกฝ่ายเพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้น ทำให้หน้าของชายหนุ่มซบบนลาดไหล่พอดิบพอดี ไม่มีแม้ไม่ได้ยินเสียงสะอื้นแต่ความชื้นด้านหลังยืนยังคำตอบว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้อยู่

พอเป็นแบบนี้มนัสวีเลยคิดว่าเธอใจร้ายกับอีกฝ่ายเกินไปไหมนะหรือเกิดอะไรขึ้น น้ำตาก็พาลไหลออกมาอาบแก้มนวลตามชายหนุ่มทันที 

หัสวีร์รู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเสียใจแต่เขาแค่ฝืนไม่ไหวแล้วจริงๆ การสูญเสียแสนสาหัสที่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน พอได้เห็นคนตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่ความรู้สึกผิดที่แบกไว้มันทำให้เส้นความเข้มแข็งพังครืนลงทันที 

แต่เขาสัญญานะว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่อ่อนแอ เพราะจะจัดการทวงคืนและปกป้องสิ่งที่รักด้วยชีวิตให้มันทุกคนต้องชดใช้

 

“นัทไม่โกรธวินจริงๆ นะ”

ทั้งสองพูดคุยกันหลังจากชายหนุ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว

“อื้อ ไม่เคยโกรธเลยแค่เสียใจแต่วินอย่าทำแบบนั้นอีก”

“จริงนะ วินสัญญาจะไม่ทำตัวไม่น่ารักอีกแล้ว”

“ร้องอีกทำไมเนี่ย”

มือเล็กเช็ดน้ำตาที่เริ่มปริ่มลงมาจากดวงตาคู่สวยช้ำอีกรอบทั้งที่ตัวเองก็จะร้องตามเหมือนกัน

“ก็วินทำนัทเสียใจ”

“พอๆ สภาพดูไม่ได้ทั้งคู่ไปล้างหน้าล้างตาลุกเลย หัวเราะอะไรคะคุณหัสวีร์”

“นัทเหมือนแม่เลย”

ว่าแล้วก็เอาหัวถูไถไหล่หญิงสาวหัวเราะคิกคัก 

เจ้าแมวขี้อ้อนของบ้านตัวนั้นกลับมาแล้วสินะ

นี่คือความคิดแรกที่แวบมาในหัวมนัสวี หลังพากันไปล้างหน้าในห้องน้ำซึ่งต่างฝ่ายต่างมองกระจกพากันขำกันทันทีเพราะตาที่บวมช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

เฉพาะคนในครอบครัวหัสวีร์และที่สนิทใจเท่านั้นถึงจะรู้ว่าชายหนุ่มขี้อ้อนติดสกินชิพแค่ไหนนิสัยถอดแบบแมวดำมาเป๊ะ ฉลาด มั่นใจ เป็นมิตร แต่ไว้ตัว มีไม่กี่คนจะได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอที่มีศักดิ์เป็นน้องแต่นิสัยตรงข้ามสุดขั้วมักมองว่าอีกฝ่ายน่ารักน่าบีบมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ตอนนี้คนโตกว่าจะอายุปาไป 27 ปีแล้วก็เถอะ

ทาสแมวก็ยังคงเป็นทาสแมวอยู่วันยังค่ำแม้เจ้านายจะเปรตไปบ้างแต่พอเข้ามาออดอ้อนใครจะไม่น้วยจริงไหมล่ะ

 

 

สองพี่น้องพูดคุยกันในห้องกันสักพักก่อนจะพากันออกไปหาอะไรรองท้อง กว่าสองเดือนที่ชายหนุ่มไม่ได้แวะมาที่นี่ 

ภาพนี้สร้างความปลื้มปริ่มดีใจให้กับเพื่อนร่วมงานและผู้เรียนทั้งชายหญิงเป็นอย่างมากเพราะความโดดเด่นของทั้งคู่นั้นเป็นอาหารตาชั้นดี

“ใครน่ะแก”

“พี่นัทเจ้าของที่นี่กับพี่ชายเขา”

“โห ทำไมเพิ่งชวนฉันมาเรียนเนี่ย”

“กรุณาเช็ดน้ำหมากด้วยค่ะเพื่อนอีกอย่างพี่วินแต่งงานแล้วจ้ะ”

“ใครบอกว่าฉันมองพี่วินเล่า!”

“ว้า แต่งงานไปแล้วเหรอเนี่ย”

หญิงสาวทั้งสองที่กำลังถกเถียงกันหันไปมองชายหนุ่มที่เป็นครูสอนงานปั้นเจ้าของเรือนผมสีควันบุหรี่

“พี่เธียรว่าไงนะคะ”

“บอกว่าตรงนี้ปรับอีกหน่อยก็สวยแล้วครับ”

“ได้เลยค่ะ”

ใบหน้าหล่อตี๋แบบพิมพ์นิยมยิ้มอย่างใจดีหลังตอบคำถามนักเรียนเสร็จก่อนท้าวคางมองตามคนนอกห้องจนลับสายตา

หนึ่งหนุ่มหล่อผู้มีเรือนผมสีดำทรงทูบล็อคดวงตาสีเฮเซลยามต้องแสงเป็นประกายสีทองไม่เหมือนใคร สวมเชิ้ตดำปลดกระดุมเม็ดบนกับกางสแล็คสีดำตัดกับสูทสีน้ำเงิน ใบหูซ้ายประดับเพทายเม็ดจิ๋วคู่ตรงตำแหน่งเฮลิกซ์ (Helix) 

หนึ่งสาวสวยผู้มีดวงตาและเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนลอนเล็กยาวถึงกลางหลังสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนทรงบอยพอดีตัวคลุมทับด้วยเบลเซอร์สีครีม ใบหูทั้งซ้ายขวาใส่จิวเล็กสีนิลข้างละสามอันเรียงกันในตำแหน่งโลบ (Lobe) 

ทั้งคู่เลือกร้านประจำที่มาบ่อยเป็นอาหารง่ายๆ แต่อร่อยมากก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ใจจริงหัสวีร์อยากชวนมนัสวีมาอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมแต่เจ้าตัวอยากสะสางเรื่องหย่ากับสรัลให้เสร็จก่อนถึงจะสบายใจได้

ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้บอกเล่าให้หญิงสาวฟังเพราะอีกฝ่ายก็ยุ่งกับการเตรียมงานแสดงแกลอรี่เหมือนกันเลยนอนที่คอนโดเป็นหลักแต่ขอแบบเครื่องเพชรของมนัสวีที่ไม่ได้รับเลือกมาแทน

เมื่อกลับไปถึงบริษัทมินตรามาแจ้งว่าได้ทำการนัดหมายกับนายชัชชัยที่เข้ามาขอพบเรียบร้อยแล้ว

“หึ พี่จิ๋นซีนี่คาดการณ์เก่งนะเนี่ย”

 


 

TBC.