ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาบอกผมไม่มีหัวใจความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เปิดเรื่อง 20/09/2024
ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
ติ๊งง!!!
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เสียงจ้อกแจ้กจอแจก็ดังขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ชายหนุ่มหุ่นสูงประมาณ 180 เซนติเมตร รูปร่างสันทัด มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นคนที่เข้ายิมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทรงผมทูบล็อก[1]สไตล์เกาหลีเข้ากันได้ดีกับใบหน้าละมุนนั้น แม้จะยังไม่ปรากฏรอยยิ้มแต่แววตากลมโตก็ฉายประกายความเป็นกันเองออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด
“วีร์!!” เสียงหนึ่งตะโกนเรียกเจ้าของชื่อยามที่เขาก้าวเดินออกมาจากลิฟต์นั้น
“เอ้า! มาด้วยเหรอ” วีร์ทักกลับพร้อมรอยยิ้มในขณะที่เดินเข้าไปใกล้
แม้การทักทายของเขาจะดูคล้ายสนิทสนมกับอีกฝ่ายมานาน แต่เอาเข้าจริงในหัวสมองของเขาก็กำลังวุ่นวายอยู่ไม่น้อยกับการนึกถึงชื่อของบุคคลตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนการจดจำชื่อคู่สนทนาให้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกๆ ก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเสมอ
เขายืนยิ้มอยู่แบบนั้นเพราะไม่กล้าที่จะเอ่ยเรียกชื่อออกไป หากผิดเขาคงรู้สึกอายไม่น้อย คงดีกว่าหากรีบปลีกตัวไปจากตรงนี้ สองขาของวีร์รีบก้าวเดินออกจากตรงนั้นในทันทีด้วยเหตุผลที่ดีว่าต้องการไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย
เห้อ...
วีร์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องที่อยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่เขายืนอยู่มากนัก การต้องออกมาเจอผู้คนจำนวนมากแบบนี้ทำเอาเขารู้สึกหมดพลังไปมากเหมือนกัน
ช่วงที่ผ่านมาเขาหยุดการเดินสายแคสติงอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นละครเวที ละครทีวี หรือแม้กระทั่งซีรีส์ที่ออกอากาศบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เหตุผลหลักๆ ก็คงไม่พ้นเรื่องเหนื่อย ไม่อยากที่จะต้องเสียเวลาเป็นวันเพื่อไปนั่งรอคิวเข้าแคสติงเพียงไม่กี่นาที ส่วนเหตุผลรองลงมาก็คือเขาไม่มีแพสชั่นที่จะทำงานด้านนี้อีกแล้ว เขารู้สึกว่ามันลำบากกว่าจะได้มาแต่ละงาน แถมยังไม่มีอะไรที่จะการันตีความมั่นคงของรายได้ในอาชีพนี้อีกด้วย ไปหาอย่างอื่นที่มันได้เงินอย่างสม่ำเสมออาจจะเข้าทางมากกว่า
เขายืนส่องกระจกเพื่อเช็กความเรียบร้อยของใบหน้าและทรงผมอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับมาแล้วหย่อนสะโพกนั่งพิงบริเวณอ่างล้างมือนั้นพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความหา เหมย เพื่อนสนิทตัวดีที่คะยั้นคะยอให้เขามาแคสติงละครเวทีเรื่องนี้ให้ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นละครเวทีการกุศลสำหรับการหาเงินบริจาคให้กับกองทุนเพื่อผู้ป่วยโรคหัวใจ ถ้ามีเพียงแค่เหตุผลนี้คนอย่างวีร์คงไม่เอาตัวเองมาลำบาก แต่มันเป็นเพราะว่าหากเขาได้มีโอกาสผ่านเข้ารอบเป็นนักแสดงละครเวทีเรื่องนี้ เขาก็จะได้ร่วมงานกับผู้กำกับละครเวทีชื่อดังที่ทั้งเขาและเหมยต่างก็ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
จึงไม่มีเหตุผลใดให้ปฏิเสธทั้งนั้น...
Wie: อยู่ไหนละ
เขากดส่งข้อความหาเพื่อนสนิทที่ป่านนี้ยังมาไม่ถึงสักที ตัวหนังสือเล็กๆ ปรากฏขึ้นข้างๆ ข้อความที่เขาส่งไปเพื่อแจ้งเตือนว่าอีกฝ่ายได้อ่านแล้วทำเอาวีร์รอลุ้นคำตอบอย่างใจจดจ่อ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่กี่วินาทีต่อมาได้เห็นคำตอบจากเพื่อนตัวดี
Meii: กำลังออก
Wie: อีเวร
วีร์ถึงกับหมดอารมณ์ที่จะคุยต่อ ทั้งที่นัดหมายเวลากันเสียดิบดีแต่สุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นเจ้าแม่สายเสมออยู่ดี เขาส่ายหัวเล็กๆ อย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง
แกร็ก!
เสียงประตูห้องน้ำที่อยู่ในสุดดังขึ้น วีร์เหลือบตาไปมองเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามีคนอื่นอยู่ในนี้ ในขณะที่สายตาของเขากำลังจะเบนความสนใจไปสู่สิ่งอื่น บานประตูก็เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเท้าเดินออกมา
เชี่ยย… โคตรน่ารัก
เสียงในหัวของวีร์ดังชัดเจนขึ้น สายตาของเขาจดจ้องไปที่อีกฝ่ายจนไม่อาจละสายตาจากใบหน้าขาวไปได้ ดวงตาชั้นเดียวรับกับจมูกโด่งได้รูปและริมฝีปากบางอมชมพู ทำเอาสิ่งที่อยู่ด้านในอกข้างซ้ายของวีร์เต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ แม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้ตรงไทป์มากชนิดที่ขีดถูกทุกข้อ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีผลต่อหัวใจของวีร์ไม่น้อย
อีกฝ่ายลอบมองวีร์กลับพร้อมยกยิ้มบางก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยเป็นการทักทายแล้วเดินไปล้างมือ ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ไม่ได้หลุดลอดสายตาของวีร์ไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ค...ครับ?”
วีร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังล้างมือหันมาถามด้วยสีหน้าสงสัย ในขณะนั้นคนที่โดนถามก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังจดจ้องอีกฝ่ายมากจนเกินพอดี
“ผมเห็นพี่มอง เลยนึกว่ามีอะไรน่ะครับ”
“อ... อ่อ ขอโทษครับ มองเพลินไปหน่อย...”
วีร์รีบหุบปากแทบไม่ทัน เขารู้สึกว่าเขาพลาดมากที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป แม้ว่าจะพยายามหาเหตุผลมาแก้ตัวให้ดูไม่แย่ แต่การเลือกตอบอีกฝ่ายด้วยประโยคนั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นวินาศสันตะโรเสียมากกว่า
“อะไรนะครับ...” ชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำพูดของวีร์ แม้จะฟังดูแปลกแต่มันก็เป็นคำตอบที่ตรงดี
“ปะ...เปล่าครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
วีร์รีบจ้ำอ้าวออกจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกอับอายไม่น้อย เขาไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคมมากนักจึงค่อนข้างอ่อนประสบการณ์ในทักษะการสนทนา หลายครั้งที่เขามักจะเผลอพูดอะไรที่ฟังดูประหลาดสำหรับคนทั่วไปอยู่บ่อยๆ แต่นั่นก็เป็นเฉพาะสถานการณ์ที่ต้องพบเจอคนใหม่ๆ เท่านั้น หากได้สนิทกันจะรู้ได้ทันทีว่าวีร์ค่อนข้างที่จะอัธยาศัยดีและช่างพูดช่างจา
บรรยากาศรอบตัววีร์ดูไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากการแคสติงครั้งอื่นสักเท่าไหร่ แม้กระทั่งผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็ดูคุ้นหน้าคุ้นตากันหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเดิมๆ ที่เดินสายแคสติงงานแสดงมาหลายครั้งจนรู้จักกันแทบทั้งนั้น
เขาเดินทอดน่องมาหาเก้าอี้นั่งหลังจากลงทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย สายตาของเขามองไปรอบบริเวณเพื่อประเมิณคู่แข่งว่าพอจะมีใครที่สมน้ำสมเนื้อกันบ้าง หากเป็นคนที่รู้จักกันก็พอจะเดาออกว่าความสามารถอีกฝ่ายประมาณไหน แต่หากตรงกันข้ามก็คงต้องใช้สัญชาตญาณเป็นตัวตัดสิน ซึ่งสำหรับวีร์มันไม่ใช่เรื่องยาก ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาพอจะคาดเดาคู่แข่งได้บ้าง
ความจริงวีร์ไม่จำเป็นต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ให้ปวดหัวก็ได้ แต่เพราะกลายเป็นสันดานไปเสียแล้วสำหรับคนชอบเอาชนะอย่างเขา เวลาลงมือแข่งขันอะไรสักอย่าง เป้าหมายเดียวของเขาคือต้องชนะเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่น
“ขอนั่งด้วยนะครับพี่” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจให้วีร์หันไปมอง
เชี่ย...
เสียงในหัวของวีร์ทำงานขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ทันได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่ามีใครเดินเข้ามาใกล้ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปมอง ใบหน้าชวนหลงปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้งทำเอาเขาแทบไปไม่เป็น
“ดะ...ได้ครับ”
คนข้างๆ หย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างวีร์ หัวใจของเขาเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ จนเกือบจะผิดจังหวะ ชั่วขณะหนึ่งเขาเหลือบไปมองด้านข้าง สิ่งที่เขาเห็นยิ่งย้ำชัดว่าคนตรงหน้าเป็นอันตรายต่อหัวใจของเขาไม่น้อย
“พี่ชื่ออะไรนะครับ”
อีกฝ่ายหันมาถามในจังหวะเดียวกันกับที่วีร์กำลังเหลือบมอง สายตาของทั้งคู่ประสานกันในระยะประชิดเป็นครั้งแรก
โอ๊ยยย น่ารักจังวะ!
เป็นอีกครั้งที่เสียงในหัวของวีร์ดังขึ้น แม้ว่าท่าทีภายนอกของเขาจะดูนิ่งอยู่ก็ตาม
“ชื่อวีร์ครับ แล้วน้องอะ”
“ผมชื่อโบ๊ทครับ”
“ครับ น้องโบ๊ท...” วีร์รับคำก่อนจะส่งยิ้มเล็กๆ กลับไปก่อนจะหันกลับมานั่งเล่นมือถือของตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายสนทนาอะไรต่อไปดี
“พี่มีปากกาให้ยืมไหมครับ”
“มีๆ” วีร์เอ่ยตอบพลางหยิบปากกาในกระเป๋าสะพายใบเล็กยื่นให้อีกฝ่าย
คนตรงหน้ารับปากกาจากวีร์ไปกรอกข้อมูลลงในใบสมัครที่ตนเองเพิ่งเดินไปหยิบมาจากจุดลงทะเบียน สายตาของวีร์จดจ้องอยู่ที่อีกฝ่ายครู่ใหญ่ ใบหน้าที่ดูตั้งใจยามที่กำลังเขียนตัวหนังสือยุกยิกๆ บนกระดาษนั้นดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด วีร์หลบสายตาออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังมองอีกฝ่ายนานเกินจำเป็น เขาหันมาสนใจมือถือของตัวเองแทน
“ขอบคุณมากพี่” โบ๊ทยื่นปากกาคืนให้เจ้าของพร้อมส่งยิ้มกว้างก่อนจะลุกเดินเอาใบสมัครไปส่งยังโต๊ะลงทะเบียน
วีร์มองตามไปอย่างไม่อยากจะให้คลาดสายตา แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้ อาจเพราะเพิ่งได้เจอกันครั้งแรก แถมนิสัยส่วนตัวออกจะขี้อายอยู่เล็กน้อย การจะให้เป็นคนเริ่มต้นพูดคุยก่อนก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทางสักเท่าไหร่
ทีมงานเดินหน้าประกาศเรียกผู้เข้าคัดเลือกตามลำดับเลขไปเรื่อยๆ จนอีกเพียงไม่กี่คิวก็จะถึงเวลาเข้าห้องดำของวีร์ เขานั่งดูบทที่ได้รับพร้อมกับฟังเพลงที่เตรียมมาร้องให้กรรมการฟัง จากที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น อยู่ๆ ก็มีอาการขึ้นมาเสียอย่างนั้น อาจเพราะคาดหวังเอาไว้สูง เขาหลับตาพร้อมสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติ พยายามที่จะข่มความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ให้มันแสดงออกมามากเกินไปจนรบกวนในขณะที่เขาทำการแสดง
ฮู้ววว~
วีร์ถอนลมหายใจพรูยาวออกมาก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ภาพตรงหน้าเบลอไปชั่วขณะหนึ่งด้วยสายตาที่ยังไม่ปรับโฟกัสดี แต่หลังจากนั้นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเขาก็เริ่มปรากฏชัดขึ้นจนทำเขานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
ตึกๆ ตึกๆ
หัวใจของวีร์เริ่มเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง แต่หาใช่เพราะความตื่นเต้นไม่ มันถูกกระตุ้นจากชายหนุ่มหน้าคุ้นที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าเขาต่างหาก
“ตื่นเต้นเหรอพี่”
“ห้ะ? อ...อ่อ นิดนึง”
“สู้ๆ นะครับ”
โบ๊ทเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มจนตาหยีพลางชูสองนิ้วส่งกำลังใจให้วีร์ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้คนที่นั่งรอคิวอยู่ตรงนั้นนิ่งอึ้งราวกับตกอยู่ในภวังค์ ความตื่นเต้นทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยอาการเขินอายในทันที
ไอ้ที่เคยคิดเอาไว้ว่าจะยอมแพ้ไปเสียง่ายๆ พอเห็นแบบนี้คงจะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้แล้วล่ะ...
[1] ทูบล็อก (Two Block Haircut) เป็นคำที่ใช้เรียกทรงผมชายที่มีวิธีการตัดเฉพาะตัว โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน บล็อกแรกคือผมด้านข้างศีรษะ ผมส่วนนี้จะถูกตัดออกให้สั้นหรือเกรียนคล้ายทรงอันเดอร์คัต บล็อกต่อมาคือผมด้านหลัง ที่จะตัดคล้ายกับรองทรง หรือปล่อยให้มีความยาวมากกว่าผมด้านข้างเสมอ ซึ่งผมด้านบนและหลังกระหม่อม จะไว้ให้ยาว เซต หรือปล่อยสบายๆ ก็ได้