ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ - บทที่ 1 Love at first sight โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก

รายละเอียด

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

เปิดเรื่อง 20/09/2024

 

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

สารบัญ

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-Intro บทนำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 1 Love at first sight,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 2 พรหมลิขิตบันดาลชักพา,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 3 ดลให้มาพบกันทันใด,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 4 ไม่ต้องเครียด ทำได้อยู่แล้ว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 5 ความท้าทายบนเส้นทางฝัน,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 6 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 7 ใกล้วันแสดง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 8 ค่ำคืนแห่งความทรงจำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 9 ย้ำให้ชัดอีกสักครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 10 เห็นแก่ตัว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 11 ปมในใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 12 ทางเลือกที่ท้าทาย,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 13 ลองดูใหม่,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 14 เงาของความรู้สึก,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 15 เส้นทางหัวใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 16 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 17 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม 2,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 18 ใกล้ชิดอีกครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 19 ซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 20 ความหลังที่ฝังใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 21 ความรักที่เปิดเผย

เนื้อหา

บทที่ 1 Love at first sight

บานประตูโรงละครเปิดออกหลังจากที่คนด้านในเดินออกมา วีร์สูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งเพื่อรวบรวมสติก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปด้านในทันที เหมือนเขาจะชินกับความรู้สึกแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่ยักจะชินสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะมีการแคสติงเกิดขึ้นที่ใด เขาก็ไม่วายที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอ แม้จะผ่านมาเป็นร้อยครั้งแล้วก็ตาม

สองเท้าก้าวเข้าไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว สายตาของเขาสาดส่องไปทั่วห้อง มองใบหน้าของกรรมการที่นั่งอยู่ภายในนั้น ไม่มีใครที่เขารู้จักเป็นพิเศษยกเว้นก็แต่ชายหนุ่มที่ดูมีอายุ เส้นผมปรากฏเป็นสีดอกเลาอยู่ประปราย นั่งหน้านิ่งอยู่ที่ปลายสุดของโต๊ะ

เจษนี่หว่า...

วีร์นึกทักอยู่ในใจ จากที่ตื่นเต้นประมาณหนึ่งกลายเป็นว่าหลังจากได้เห็นผู้กำกับคนที่เขาปลาบปลื้มมานั่งเป็นกรรมการด้วยยิ่งทำให้เขารู้สึกประหม่ามากขึ้นกว่าเดิม

“เดี๋ยวแนะนำตัว แล้วถ้าพร้อมก็เริ่มได้เลยนะ” หนึ่งในคณะกรรมการเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตร

วีร์พยักหน้ารับแล้วหลับตาลงครู่หนึ่งพลางสูดหายใจเข้าเพื่อเรียกสติก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาแล้วเริ่มแนะนำตัว “สวัสดีครับ ผมชื่อ วีร์ วีรณรรศ พิพัฒน์หทัยกุล...”

เสียงแนะนำตัวดังอยู่ไม่นานหลังจากนั้นก็ถึงเวลาสำหรับการโชว์ฝีมือของเขาสักที อาจเพราะประสบการณ์ของวีร์ที่สั่งสมมาทำให้ตอนแสดงเขาดูไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด แถมยังทำได้ดีมากอีกต่างหาก กรรมการต่างก็นั่งชมการแสดงของวีร์อย่างไม่กะพริบตา แม้ว่าจะเป็นบทเดียวกันกับหลายคนก่อนหน้า แต่เพราะการตีความของเขาทำให้มันดูแตกต่างและน่าสนใจมากทีเดียว

ฟู่ววว~

วีร์ถึงกับเป่าปากออกมาเบาๆ หลังจากที่ตัวเองทำการแสดงจบ แม้เขาจะดูเหมือนเป็นมืออาชีพที่ไม่มีความตื่นเต้น แต่ใครจะรู้ว่าข้างในของเขานั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกหนักอึ้งปรากฏบนบ่าทั้งสองข้างของเขา แต่พอเดินออกจากโรงละครมาสิ่งที่เขาแบกไว้ก็พลันมลายหายไปพร้อมกับลมถอนหายใจนั้น เหมือนกับได้ยกภูเขาทั้งลูกออกไปจากอกของเขาแล้ว

สายตาของเขาสอดส่องไปทั่วบริเวณเพื่อมองหาเพื่อนตัวดีที่เป็นคนนัดให้เขามาแคสติงในวันนี้ ทีแรกก็แอบหงุดหงิดที่จนป่านนี้เหมยยังมาไม่ถึงสักที แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีก็เห็นเจ้าตัวเดินออกมาจากห้องน้ำหญิงที่อยู่ไม่ไกล

“ไอ้วีร์!” เสียงเหมยตะโกนพร้อมโบกมือเรียก

เจ้าของชื่อถึงกับกรอกตามองบนก่อนจะก้าวสองขาเดินเข้าไปหาคนเรียก “กว่าจะมานะมึง”

“แหม... ก็นิดเดียวเองปะ”

“นิดเดียวแม่มึงสิ กูเสร็จละ!

“อ้าว กูก็นึกว่าจะต้องรอนานเหมือนทุกทีนี่หว่า ละเป็นไงบ้าง”

“ไม่รู้ดิ แต่กรรมการก็ดูสนใจอยู่”

“เออ ก็ดีละ น่าจะมีลุ้น”

“ก็ให้ผ่านเถอะ กูอยากทำงานกับเจษมากกกก” 

วีร์ลากเสียงยาวบ่งบอกความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจนให้เหมยได้รู้ เพื่อนสาวคนสนิทก็แอบตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเธอชื่นชอบเจษมากขนาดไหน ตั้งแต่สมัยเรียนตอนที่อาจารย์เชิญให้เจษมาเป็นวิทยากรในคลาสละครเวที วีร์ก็ดูเหมือนจะหลงใหลในผลงานของเจษตลอดมา

โครกกก~

เสียงท้องร้องของชายหนุ่มทำเอาเหมยถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ วีร์ได้แต่มุ่ยปากไม่พอใจเล็กน้อย เพราะอันที่จริงหากเพื่อนสาวของเขามาถึงเร็วกว่านี้ก็คงจะมีคนคอยวิ่งไปซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้เขากินรองท้องได้บ้างระหว่างที่รอคิวเข้าไปในห้องแคสติง แต่พอเหมยไม่มาตามเวลาที่นัด วีร์จึงต้องหิ้วท้องหิวรอจนไส้กิ่ว

“ไป หาไรแดกกัน” เหมยบอกก่อนจะเดินนำออกไป

แต่ยังไม่ทันที่วีร์กับเหมยจะได้เดินออกไปจากบริเวณนั้นก็พบเด็กหนุ่มหน้าคุ้นโผล่หน้ามาให้เจออีกครั้ง เขายังคงยิ้มแป้นจนออร่าความน่ารักกระจายออกมา

“มึง...” เหมยรีบยกศอกสะกิดแขนวีร์ทันที เพราะคนตรงหน้าที่เพิ่งได้เจอกันนั้น มันตรงกับสเป๊กของเพื่อนรักเธอทุกอย่าง

“เออ... กูรู้แล้ว” วีร์หันไปกระซิบบอกคนข้างๆ อย่างระวังตัวเพราะกลัวว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้ยิน

“พี่วีร์เสร็จแล้วเหรอครับ”

“อื้อ ละโบ๊ทอะ ได้เข้าไปยัง”

โบ๊ทส่ายหัวก่อนจะเอ่ยปากตอบ “ยังเลยพี่ คงอีกพักนึงเลย”

“อ่อ...”

“เป็นไงบ้างพี่ ข้างในเขาให้ทำไรบ้างอะ”

“ก็เล่นตามบทที่เขาให้มานั่นแหละ ถ้าจำบทได้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง” 

“อ๋อครับ” โบ๊ทพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหน้าเหมยที่ยืนอมยิ้มบางๆ อยู่ด้านข้างวีร์ เขายกมือขึ้นไหว้ทักทาย “สวัสดีครับ”

“นี่พี่เหมย เพื่อนพี่เอง” 

“ครับพี่เหมย ผมโบ๊ทนะครับ”

“จ้า ยินดีที่ได้รู้จักน้าน้องโบ๊ท” เสียงตอบรับสดใสจากปากเหมยทำเอาวีร์แอบหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กๆ ต่อหน้าผู้ชายเพื่อนสนิทของเขามักจะแสดงออกด้วยท่าทีลักษณะนี้อยู่เสมอ

“แล้วนี่พี่จะกลับกันแล้วเหรอครับ”

“อื้อ ว่าจะไปหาอะไรกินอะ หิวมาก”

“โอเคครับ งั้นไว้เจอกันรอบหน้านะครับ ถ้าผมผ่านนะ ฮ่าๆ” โบ๊ทบอกพลางยิ้มกว้าง หัวเราะเล็กน้อย 

เชี่ยย... 

รอยยิ้มตาขีดเดียวของเขาเปรียบราวกับหมัดฮุกตรงเข้ากลางใจวีร์อีกแล้ว เขายืนอึ้งกับภาพตรงหน้า จุดอ่อนเดียวของอีกฝ่ายที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นก็คือสิ่งนี้ที่ไม่ว่าเขาจะพยายามควบคุมหัวใจตัวเองแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้สักที

ไม่ว่าจะเห็นกี่รอบก็ใจละลายได้เสมอ

“อ... อื้อ ไว้เจอกัน” 

โบ๊ทเดินออกไปแล้วแต่วีร์ยังคงตกอยู่ในภวังค์นั้นจนเหมยต้องสะกิดเรียกสติ เธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับท่าทีของเพื่อนข้างกาย มันเป็นเรื่องปกติมากเวลาที่วีร์เจอผู้ชายหล่อตี๋ตรงใจ

รับรองได้ว่าหลังจากนี้ไปอีกหลายเดือน ยัยเหมยคงได้ยินคนเพ้อถึงน้องโบ๊ทไปอีกนาน

ทั้งสองคนแวะมาหาอะไรกินที่คาเฟ่ร้านที่อยู่ไม่ห่างจากสถานที่ตั้งโรงละครมากนัก ทีแรกเหมยอยากจะไปกินร้านอาหารโปรดที่เล็งเอาไว้หลังจากไม่ได้กินมานาน แต่เพราะโดนวีร์บ่นไม่หยุดด้วยความหิวจัดจึงทำได้แค่เลือกร้านที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน

ทั้งอาหารคาวและขนมหวานถูกสั่งในคราวเดียวหลังจากที่พนักงานมาจดรับออเดอร์ วีร์เลือกสั่งเมนูแนะนำที่อยู่บนสุดของเล่มเพราะไม่อยากเสียเวลาเลือก น้ำย่อยในกระเพาะของเขากำลังทำงานอย่างหนักจนส่งเสียงรบกวนออกมาข้างนอก หากรอนานกว่านี้เขาอาจจะกลายร่างเป็นไอ้คนขี้โมโหเอาได้ เวลาหิวนี่มันควบคุมอารมณ์ได้ยากเสียจริงๆ

“ยังไงสรุป” เหมยเอ่ยปากถามทันทีเมื่อพนักงานเดินออกจากโต๊ะไป

“อะไร”

“มึงไม่ต้องมาทำเฉไฉ”

“กูจะไปรู้เหรอว่ามึงหมายถึงเรื่องอะไร”

“น้องโบ๊ท”

“ทำไม”

“ไม่ชอบเหรอ ตรงสเป๊กมึงสุดๆ” 

“...”

วีร์เลี่ยงไม่ตอบ แสร้งทำเป็นนิ่งแต่คนที่เก็บสีหน้าไม่อยู่แบบเขาไม่ทันได้รู้ตัวหรอกว่ามันแสดงออกมาให้อีกฝ่ายเห็นหมดอย่างชัดแจ้งไปแล้ว

“อีดอกเม็ดมาก[1]!!” เหมยถึงกับหยุดอาการหมั่นไส้เอาไว้ไม่อยู่

“อะไรล่ะ!

“มาทำเป็นนิ่ง กูรู้ว่าใจมึงร่านค่ะ!

“แล้วไงอะ”

“สรุปว่าไม่ได้ชอบ?”

“เอาไรมาไม่ชอบล่ะขาวตี๋ขนาดนั้น ยิ้มตาขีดอีก มึงก็เห็นอยู่ แฟนเก่ากูแต่ละคนก็หน้าทรงนี้ทั้งนั้น” 

ได้ยินคำตอบของวีร์ เหมยก็ถึงกับปากคว่ำ มันไม่ได้ผิดไปจากที่เธอคิดเลยแม้แต่น้อย เธอกับวีร์สนิทกันมาเกือบสิบปี ไอ้เรื่องแค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก ทั้งชีวิตของวีร์ไม่ค่อยจะได้คิดถึงเรื่องอะไรมากนัก นอกไปจากเรื่องของเงินกับผู้ชาย แววตาเพื่อนสนิทของเธอจะส่องประกายก็ต่อเมื่อสองเรื่องนี้เข้ามาในชีวิตเท่านั้น

“ชอบมึงก็ลุยเลยดิ”

“ลุยห่าไรล่ะ ไม่รู้จะได้เจอกันอีกไหมด้วยซ้ำ”

“เอ้าละมึงไม่ได้ขอไอจงไอจีอะไรไว้เลยเหรอ อยู่ด้วยกันตั้งนานสองนาน”

“เออดิ กูลืม” วีร์บ่นเบาๆ เขาเพิ่งจะมานึกเสียดายที่ลืมขอไอจีอีกฝ่ายเอาไว้ มัวแต่ตื่นเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไร

“ขาดผู้ชายมานานสินะ อีเวรเขินจนทำอะไรไม่ถูก”

“อีสัส!

วีร์สวนกลับแทบจะในทันที แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เหมยพูดมันก็เป็นเรื่องจริง ตั้งแต่ที่เขาเลิกกับแฟนเก่ามาก็เกือบสองปีแล้วที่ไม่มีใครวนเวียนเข้ามาในชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งมันก็น่าแปลกเพราะที่ผ่านมาเรื่องหัวใจเขาไม่เคยจะพร่อง แต่ช่วงปีสองปีมานี้ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ได้มีความรักกับใครสักคน แถมตั้งแต่เลิกกับแฟนคนล่าสุด ก็ทำไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างว่าอีกเลย

เรียกได้ว่าแห้งเหี่ยวของจริง...

ถึงแม้ว่าเขาจะชอบเที่ยวกลางคืนแต่ก็ไม่ใช่พวกที่จะไปหลับนอนแบบ One night stand หรือมีFriend with benefit กับใครง่ายๆ เพราะเขาไม่สามารถที่จะแยกเรื่องทางกายกับทางใจได้ ใครที่เขาตัดสินใจเลือกเข้ามาในชีวิตจึงเป็นคนที่เขาอยากจะจริงจังด้วยทั้งนั้น

กับโบ๊ทด้วยเช่นกัน...

“ถ้าพรหมลิขิตมีจริง รอบหน้าได้เจอน้องโบ๊ทอีก กูจะลุยจีบแน่นอน” วีร์กล่าวอย่างหนักแน่น แววตาดูมีความหวัง แม้จะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่การตั้งความหวังเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนัก

“เอาเลยค่ะกูเชียร์ เพื่อนกูต้องสมหวัง”

“คนอย่างกู ไม่มีคำว่าไม่ได้ต้องได้เท่านั้น!!

“เลิศ!


 


[1] เป็นคำแสลง มีความหมายในเชิง เรื่องเยอะ กระมิดกระเมี้ยน ดัดจริต