ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาบอกผมไม่มีหัวใจความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เปิดเรื่อง 20/09/2024
ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
บานประตูโรงละครเปิดออกหลังจากที่คนด้านในเดินออกมา วีร์สูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งเพื่อรวบรวมสติก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปด้านในทันที เหมือนเขาจะชินกับความรู้สึกแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่ยักจะชินสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะมีการแคสติงเกิดขึ้นที่ใด เขาก็ไม่วายที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอ แม้จะผ่านมาเป็นร้อยครั้งแล้วก็ตาม
สองเท้าก้าวเข้าไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว สายตาของเขาสาดส่องไปทั่วห้อง มองใบหน้าของกรรมการที่นั่งอยู่ภายในนั้น ไม่มีใครที่เขารู้จักเป็นพิเศษยกเว้นก็แต่ชายหนุ่มที่ดูมีอายุ เส้นผมปรากฏเป็นสีดอกเลาอยู่ประปราย นั่งหน้านิ่งอยู่ที่ปลายสุดของโต๊ะ
เจษนี่หว่า...
วีร์นึกทักอยู่ในใจ จากที่ตื่นเต้นประมาณหนึ่งกลายเป็นว่าหลังจากได้เห็นผู้กำกับคนที่เขาปลาบปลื้มมานั่งเป็นกรรมการด้วยยิ่งทำให้เขารู้สึกประหม่ามากขึ้นกว่าเดิม
“เดี๋ยวแนะนำตัว แล้วถ้าพร้อมก็เริ่มได้เลยนะ” หนึ่งในคณะกรรมการเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตร
วีร์พยักหน้ารับแล้วหลับตาลงครู่หนึ่งพลางสูดหายใจเข้าเพื่อเรียกสติก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาแล้วเริ่มแนะนำตัว “สวัสดีครับ ผมชื่อ วีร์ วีรณรรศ พิพัฒน์หทัยกุล...”
เสียงแนะนำตัวดังอยู่ไม่นานหลังจากนั้นก็ถึงเวลาสำหรับการโชว์ฝีมือของเขาสักที อาจเพราะประสบการณ์ของวีร์ที่สั่งสมมาทำให้ตอนแสดงเขาดูไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด แถมยังทำได้ดีมากอีกต่างหาก กรรมการต่างก็นั่งชมการแสดงของวีร์อย่างไม่กะพริบตา แม้ว่าจะเป็นบทเดียวกันกับหลายคนก่อนหน้า แต่เพราะการตีความของเขาทำให้มันดูแตกต่างและน่าสนใจมากทีเดียว
ฟู่ววว~
วีร์ถึงกับเป่าปากออกมาเบาๆ หลังจากที่ตัวเองทำการแสดงจบ แม้เขาจะดูเหมือนเป็นมืออาชีพที่ไม่มีความตื่นเต้น แต่ใครจะรู้ว่าข้างในของเขานั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกหนักอึ้งปรากฏบนบ่าทั้งสองข้างของเขา แต่พอเดินออกจากโรงละครมาสิ่งที่เขาแบกไว้ก็พลันมลายหายไปพร้อมกับลมถอนหายใจนั้น เหมือนกับได้ยกภูเขาทั้งลูกออกไปจากอกของเขาแล้ว
สายตาของเขาสอดส่องไปทั่วบริเวณเพื่อมองหาเพื่อนตัวดีที่เป็นคนนัดให้เขามาแคสติงในวันนี้ ทีแรกก็แอบหงุดหงิดที่จนป่านนี้เหมยยังมาไม่ถึงสักที แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีก็เห็นเจ้าตัวเดินออกมาจากห้องน้ำหญิงที่อยู่ไม่ไกล
“ไอ้วีร์!” เสียงเหมยตะโกนพร้อมโบกมือเรียก
เจ้าของชื่อถึงกับกรอกตามองบนก่อนจะก้าวสองขาเดินเข้าไปหาคนเรียก “กว่าจะมานะมึง”
“แหม... ก็นิดเดียวเองปะ”
“นิดเดียวแม่มึงสิ กูเสร็จละ!”
“อ้าว กูก็นึกว่าจะต้องรอนานเหมือนทุกทีนี่หว่า ละเป็นไงบ้าง”
“ไม่รู้ดิ แต่กรรมการก็ดูสนใจอยู่”
“เออ ก็ดีละ น่าจะมีลุ้น”
“ก็ให้ผ่านเถอะ กูอยากทำงานกับเจษมากกกก”
วีร์ลากเสียงยาวบ่งบอกความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจนให้เหมยได้รู้ เพื่อนสาวคนสนิทก็แอบตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเธอชื่นชอบเจษมากขนาดไหน ตั้งแต่สมัยเรียนตอนที่อาจารย์เชิญให้เจษมาเป็นวิทยากรในคลาสละครเวที วีร์ก็ดูเหมือนจะหลงใหลในผลงานของเจษตลอดมา
โครกกก~
เสียงท้องร้องของชายหนุ่มทำเอาเหมยถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ วีร์ได้แต่มุ่ยปากไม่พอใจเล็กน้อย เพราะอันที่จริงหากเพื่อนสาวของเขามาถึงเร็วกว่านี้ก็คงจะมีคนคอยวิ่งไปซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้เขากินรองท้องได้บ้างระหว่างที่รอคิวเข้าไปในห้องแคสติง แต่พอเหมยไม่มาตามเวลาที่นัด วีร์จึงต้องหิ้วท้องหิวรอจนไส้กิ่ว
“ไป หาไรแดกกัน” เหมยบอกก่อนจะเดินนำออกไป
แต่ยังไม่ทันที่วีร์กับเหมยจะได้เดินออกไปจากบริเวณนั้นก็พบเด็กหนุ่มหน้าคุ้นโผล่หน้ามาให้เจออีกครั้ง เขายังคงยิ้มแป้นจนออร่าความน่ารักกระจายออกมา
“มึง...” เหมยรีบยกศอกสะกิดแขนวีร์ทันที เพราะคนตรงหน้าที่เพิ่งได้เจอกันนั้น มันตรงกับสเป๊กของเพื่อนรักเธอทุกอย่าง
“เออ... กูรู้แล้ว” วีร์หันไปกระซิบบอกคนข้างๆ อย่างระวังตัวเพราะกลัวว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้ยิน
“พี่วีร์เสร็จแล้วเหรอครับ”
“อื้อ ละโบ๊ทอะ ได้เข้าไปยัง”
โบ๊ทส่ายหัวก่อนจะเอ่ยปากตอบ “ยังเลยพี่ คงอีกพักนึงเลย”
“อ่อ...”
“เป็นไงบ้างพี่ ข้างในเขาให้ทำไรบ้างอะ”
“ก็เล่นตามบทที่เขาให้มานั่นแหละ ถ้าจำบทได้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง”
“อ๋อครับ” โบ๊ทพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหน้าเหมยที่ยืนอมยิ้มบางๆ อยู่ด้านข้างวีร์ เขายกมือขึ้นไหว้ทักทาย “สวัสดีครับ”
“นี่พี่เหมย เพื่อนพี่เอง”
“ครับพี่เหมย ผมโบ๊ทนะครับ”
“จ้า ยินดีที่ได้รู้จักน้าน้องโบ๊ท” เสียงตอบรับสดใสจากปากเหมยทำเอาวีร์แอบหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กๆ ต่อหน้าผู้ชายเพื่อนสนิทของเขามักจะแสดงออกด้วยท่าทีลักษณะนี้อยู่เสมอ
“แล้วนี่พี่จะกลับกันแล้วเหรอครับ”
“อื้อ ว่าจะไปหาอะไรกินอะ หิวมาก”
“โอเคครับ งั้นไว้เจอกันรอบหน้านะครับ ถ้าผมผ่านนะ ฮ่าๆ” โบ๊ทบอกพลางยิ้มกว้าง หัวเราะเล็กน้อย
เชี่ยย...
รอยยิ้มตาขีดเดียวของเขาเปรียบราวกับหมัดฮุกตรงเข้ากลางใจวีร์อีกแล้ว เขายืนอึ้งกับภาพตรงหน้า จุดอ่อนเดียวของอีกฝ่ายที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นก็คือสิ่งนี้ที่ไม่ว่าเขาจะพยายามควบคุมหัวใจตัวเองแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้สักที
ไม่ว่าจะเห็นกี่รอบก็ใจละลายได้เสมอ
“อ... อื้อ ไว้เจอกัน”
โบ๊ทเดินออกไปแล้วแต่วีร์ยังคงตกอยู่ในภวังค์นั้นจนเหมยต้องสะกิดเรียกสติ เธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับท่าทีของเพื่อนข้างกาย มันเป็นเรื่องปกติมากเวลาที่วีร์เจอผู้ชายหล่อตี๋ตรงใจ
รับรองได้ว่าหลังจากนี้ไปอีกหลายเดือน ยัยเหมยคงได้ยินคนเพ้อถึงน้องโบ๊ทไปอีกนาน
ทั้งสองคนแวะมาหาอะไรกินที่คาเฟ่ร้านที่อยู่ไม่ห่างจากสถานที่ตั้งโรงละครมากนัก ทีแรกเหมยอยากจะไปกินร้านอาหารโปรดที่เล็งเอาไว้หลังจากไม่ได้กินมานาน แต่เพราะโดนวีร์บ่นไม่หยุดด้วยความหิวจัดจึงทำได้แค่เลือกร้านที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน
ทั้งอาหารคาวและขนมหวานถูกสั่งในคราวเดียวหลังจากที่พนักงานมาจดรับออเดอร์ วีร์เลือกสั่งเมนูแนะนำที่อยู่บนสุดของเล่มเพราะไม่อยากเสียเวลาเลือก น้ำย่อยในกระเพาะของเขากำลังทำงานอย่างหนักจนส่งเสียงรบกวนออกมาข้างนอก หากรอนานกว่านี้เขาอาจจะกลายร่างเป็นไอ้คนขี้โมโหเอาได้ เวลาหิวนี่มันควบคุมอารมณ์ได้ยากเสียจริงๆ
“ยังไงสรุป” เหมยเอ่ยปากถามทันทีเมื่อพนักงานเดินออกจากโต๊ะไป
“อะไร”
“มึงไม่ต้องมาทำเฉไฉ”
“กูจะไปรู้เหรอว่ามึงหมายถึงเรื่องอะไร”
“น้องโบ๊ท”
“ทำไม”
“ไม่ชอบเหรอ ตรงสเป๊กมึงสุดๆ”
“...”
วีร์เลี่ยงไม่ตอบ แสร้งทำเป็นนิ่งแต่คนที่เก็บสีหน้าไม่อยู่แบบเขาไม่ทันได้รู้ตัวหรอกว่ามันแสดงออกมาให้อีกฝ่ายเห็นหมดอย่างชัดแจ้งไปแล้ว
“อีดอก! เม็ดมาก[1]!!” เหมยถึงกับหยุดอาการหมั่นไส้เอาไว้ไม่อยู่
“อะไรล่ะ!”
“มาทำเป็นนิ่ง กูรู้ว่าใจมึงร่านค่ะ!”
“แล้วไงอะ”
“สรุปว่าไม่ได้ชอบ?”
“เอาไรมาไม่ชอบล่ะ! ขาวตี๋ขนาดนั้น ยิ้มตาขีดอีก มึงก็เห็นอยู่ แฟนเก่ากูแต่ละคนก็หน้าทรงนี้ทั้งนั้น”
ได้ยินคำตอบของวีร์ เหมยก็ถึงกับปากคว่ำ มันไม่ได้ผิดไปจากที่เธอคิดเลยแม้แต่น้อย เธอกับวีร์สนิทกันมาเกือบสิบปี ไอ้เรื่องแค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก ทั้งชีวิตของวีร์ไม่ค่อยจะได้คิดถึงเรื่องอะไรมากนัก นอกไปจากเรื่องของเงินกับผู้ชาย แววตาเพื่อนสนิทของเธอจะส่องประกายก็ต่อเมื่อสองเรื่องนี้เข้ามาในชีวิตเท่านั้น
“ชอบมึงก็ลุยเลยดิ”
“ลุยห่าไรล่ะ ไม่รู้จะได้เจอกันอีกไหมด้วยซ้ำ”
“เอ้า! ละมึงไม่ได้ขอไอจงไอจีอะไรไว้เลยเหรอ อยู่ด้วยกันตั้งนานสองนาน”
“เออดิ กูลืม” วีร์บ่นเบาๆ เขาเพิ่งจะมานึกเสียดายที่ลืมขอไอจีอีกฝ่ายเอาไว้ มัวแต่ตื่นเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไร
“ขาดผู้ชายมานานสินะ อีเวร! เขินจนทำอะไรไม่ถูก”
“อีสัส!”
วีร์สวนกลับแทบจะในทันที แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เหมยพูดมันก็เป็นเรื่องจริง ตั้งแต่ที่เขาเลิกกับแฟนเก่ามาก็เกือบสองปีแล้วที่ไม่มีใครวนเวียนเข้ามาในชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งมันก็น่าแปลกเพราะที่ผ่านมาเรื่องหัวใจเขาไม่เคยจะพร่อง แต่ช่วงปีสองปีมานี้ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ได้มีความรักกับใครสักคน แถมตั้งแต่เลิกกับแฟนคนล่าสุด ก็ทำไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างว่าอีกเลย
เรียกได้ว่าแห้งเหี่ยวของจริง...
ถึงแม้ว่าเขาจะชอบเที่ยวกลางคืนแต่ก็ไม่ใช่พวกที่จะไปหลับนอนแบบ One night stand หรือมีFriend with benefit กับใครง่ายๆ เพราะเขาไม่สามารถที่จะแยกเรื่องทางกายกับทางใจได้ ใครที่เขาตัดสินใจเลือกเข้ามาในชีวิตจึงเป็นคนที่เขาอยากจะจริงจังด้วยทั้งนั้น
กับโบ๊ทด้วยเช่นกัน...
“ถ้าพรหมลิขิตมีจริง รอบหน้าได้เจอน้องโบ๊ทอีก กูจะลุยจีบแน่นอน” วีร์กล่าวอย่างหนักแน่น แววตาดูมีความหวัง แม้จะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่การตั้งความหวังเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนัก
“เอาเลยค่ะ! กูเชียร์ เพื่อนกูต้องสมหวัง”
“คนอย่างกู ไม่มีคำว่าไม่ได้! ต้องได้เท่านั้น!!”
“เลิศ!”
[1] เป็นคำแสลง มีความหมายในเชิง เรื่องเยอะ กระมิดกระเมี้ยน ดัดจริต