ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาบอกผมไม่มีหัวใจความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เปิดเรื่อง 20/09/2024
ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่างของห้องฝึกซ้อมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในตึกขนาดไม่สูงมากย่านใจกลางเมือง แม้ว่าจะปิดผ้าม่านบังแดดเอาไว้ แต่ก็ยังพอจะมีช่องว่างให้แสงของดวงอาทิตย์แอบสอดแทรกผ่านเข้ามาได้อยู่บ้าง ที่นี่คือสถานที่ซึ่งโบ๊ทใช้เวลาฝึกซ้อมอยู่แทบทุกวัน ภายในห้องมีอุปกรณ์ฝึกซ้อมที่ทันสมัย พร้อมด้วยกระจกบานใหญ่ที่สามารถสะท้อนภาพของผู้ฝึกซ้อมได้อย่างชัดเจน บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นของนักแสดงทุกคน
เป็นอีกวันที่โบ๊ทต้องเข้ามาฝึกซ้อมการเต้นอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ประกอบในการแสดงละครเวทีเรื่องนี้ เขาไม่ค่อยถนัดนักหรอก แต่เพราะเป็นละครเพลงแบบมิวสิคัลจึงทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องเต้น เป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่ใช้ในการสื่อสารความรู้สึกของตัวละครในแต่ละซีนที่มีการใช้เพลงเข้ามาดำเนินเรื่อง
เขาสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงวอร์มสีดำ ลมหายใจของเขาส่งเสียงดังออกมาเมื่อร่างกายได้เริ่มการเคลื่อนไหวไปตามจังหวะมาพักหนึ่ง เขารู้สึกว่าเป็นการใช้พละกำลังที่มากกว่าเวลาเขาไปฟิตเนสเสียอีก ตอนออกกำลังกายยังไม่รู้สึกเหนื่อยและลำบากเท่านี้ เสียงหอบหายใจแฮ่กๆ เป็นคำตอบได้อย่างชัดเจน
ในขณะที่เสียงเพลงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้องซ้อม โบ๊ทก็พยายามที่จะขยับตัวตามจังหวะเพลง แต่กลับพบว่าการเคลื่อนไหวของเขาไม่เป็นไปตามที่ใจต้องการมากนัก ความหงุดหงิดเริ่มก่อตัวแต่เขาก็พยายามที่จะไม่สนใจ ปล่อยมันไป แล้วตั้งสติโฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
“โบ๊ท! ขาซ้ายต้องขยับให้เร็วขึ้นกว่านี้!” เสียงของครูฝึกดังก้องขึ้นมาในห้อง เรียกให้เจ้าของชื่อรู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
ความกดดันเกิดขึ้นในทันทีที่ได้ยินเสียงตำหนิ เพราะเขาได้รับบทบาทเป็นถึงพระเอกของเรื่อง แต่กลับกลายเป็นว่ามีความสามารถและพัฒนาได้ช้ากว่าทุกคนที่เป็นนักแสดงในเรื่องเดียวกัน โบ๊ทรู้สึกท้อแท้และหมดแรง รู้สึกว่ากำลังกลายเป็นตัวถ่วงให้กับคนทั้งโปรเจ็กต์ แต่ในใจของเขายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป พอเพลงจบลงเขาก็ล้มลงนั่งบนพื้นห้อง หอบหายใจอย่างหนัก เสื้อตัวที่ใส่อยู่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทั้งเส้นผมและใบหน้าก็ปรากฏเม็ดเหงื่อจนทั่วไปหมด
วีร์ซึ่งนั่งดูอยู่ที่มุมห้องเดินเข้ามาหาโบ๊ทในช่วงระหว่างพักเบรกพลางยื่นขวดน้ำเย็นเฉียบที่ซื้อมาให้อีกฝ่าย พร้อมยกยิ้มกว้างก่อนเอ่ยปากให้กำลังใจ
“เธอทำได้ดีแล้ว อย่าพึ่งท้อสิ”
“แต่...” สีหน้าของโบ๊ทดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก
“...”
“เรารู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่งพอ...”
คนเป็นพี่อย่างวีร์หย่อนตัวลงข้างๆ ก่อนจะยกมือขึ้นวางบ่นบ่าอีกฝ่ายแล้วออกแรงบีบเบาๆ เชิงให้กำลังใจ เขารู้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้มันยากขนาดไหน โดยเฉพาะกับมือใหม่อย่างโบ๊ท เขาเคยอยู่จุดเดียวกัน ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ การเริ่มต้นไม่มีอะไรง่ายทั้งนั้น แม้ว่าเราจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่มันก็จะยังมีจุดหนึ่งอยู่ดีที่ทำให้รู้สึกท้อ รู้สึกว่ามันยากเกินกว่าที่จะก้าวข้ามมันไปได้ แต่หากได้ผ่านจุดนั้นไปก็จะทำให้ขีดความสามารถพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องมาคอยกังวลอีกแล้วว่าจะต้องเป็นตัวถ่วงของใคร
“ไม่ว่าใครก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือต้องไม่ยอมแพ้ และเรียนรู้จากมัน...”
“...”
“ที่สำคัญ... อย่าลืมมั่นใจในตัวเองด้วย”
“ขอบคุณเธอมากนะที่คอยให้กำลังใจ เราสัญญาว่าจะไม่ยอมแพ้” แววตาของโบ๊ทดูมีประกายแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“อื้อ...”
“เดี๋ยวเราไปซ้อมต่อก่อน”
“สู้ๆ นะ”
“ครับ” โบ๊ทยิ้มพลางพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปซ้อมรวมกับกลุ่มนักแสดงที่ต้องเล่นด้วยกันในฉากนั้นต่อ
วีร์ยืนมองแผ่นหลังของโบ๊ทที่กำลังซ้อมเต้นอยู่หน้ากระจกอย่างใช้ความคิด แม้ว่าเขาจะคอยให้คำปรึกษาหรือให้กำลังใจโบ๊ทอยู่เสมอ แต่เขาเองก็มักจะมีเรื่องให้เครียดปรากฏเข้ามาในชีวิตบ้างเหมือนกัน
ไม่ใช่เรื่องงานแต่กลับเป็นเรื่องของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา บางครั้งเขาชอบเก็บเรื่องราวของโบ๊ทมาคิดมากอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ค่อยเล่าให้ใครฟัง แม้กระทั่งเหมยเองที่บางทีก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เพราะวีร์เลือกที่จะไม่เล่า ทำให้บางครั้งความเครียดที่เขาสะสมเอาไว้ก็ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตกับเขาในภายหลัง
การฝึกซ้อมดำเนินไปตลอดวัน แม้สีหน้าของแต่ละคนจะปรากฏความเหน็ดเหนื่อยขึ้นมาบ้าง แต่แววตายังคงฉายประกายความตั้งใจอย่างไม่ลดละ โบ๊ทและวีร์ฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงยาวมาจนถึงเย็น ในเวลานี้คนที่ได้รับบทบาทพระเอกเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งหากเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาทำเมื่อตอนเช้า เขารู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจในตัวเอง แม้จะร่างกายจะเหนื่อยล้ามากก็ตาม
วีร์เดินออกมาด้านนอกห้องซ้อมหลังได้เวลาเลิก ท่าทีของเขาดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด คนตัวสูงเดินมาหย่อนตัวลงนั่งที่มุมหนึ่ง ระหว่างนั้น เหมือนฝันก็เดินเข้ามาหา
“เหนื่อยเหรอ” เพื่อนหนุ่มหน้าหวานเอ่ยถามวีร์
“มึงไม่เหนื่อยหรือไง”
“ดูสภาพกูด้วย”
ทั้งคู่หัวเราะให้กันเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเพิ่งจะมารู้จักกันได้ไม่นาน แต่เหมือนฝันกับวีร์ก็ดันสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อย่างว่าคนที่มันมีอะไรคล้ายคลึงกันก็มักจะจูนเข้าหากันได้อย่างรวดเร็ว
“เห้อ...” อยู่ๆ วีร์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ทำเอาเหมือนฝันอดสงสัยไม่ได้
“เป็นไรวะ”
“เปล่า ไม่มีไร”
“แต่มึงดูเครียดๆ นะ” เหมือนฝันถามย้ำด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย
“แค่เหนื่อยๆ อะ ไม่มีไรหรอก” วีร์ตอบพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ
“เราเป็นเพื่อนกัน ถึงแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันก็เถอะ มึงไม่ต้องเก็บเรื่องเครียดไว้คนเดียวก็ได้ เดี๋ยวจะเป็นบ้าไปซะก่อน มึงบอกกูได้หมด ทุกเรื่อง... กูพร้อมที่จะช่วยมึงเสมอ” เหมือนฝันพูดพร้อมกับเอามือจับไหล่วีร์
“คุยไรกันอยู่” ระหว่างที่วีร์กับเหมือนฝันกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เหมยก็โผล่เดินเข้ามาพร้อมทักทายเสียงแหลม สีหน้าของเธอดูร่าเริงเกินปกติ จนวีร์อดสงสัยไม่ได้
“ยิ้มแป้นมาเลยนะ ไปทำไรมา”
“มีผู้ชายจีนมาจีบอะดิ มาถาว่ากูมีวีแชทไหม กูบอกมี นางเลยขอ”
“รำคาญ” วีร์ถึงกับอดเบะปากไม่ได้
“แล้วสรุปมึงกับฝันคุยไรกันอยู่ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง หน้าตาเคร่งเครียดกันเชียว”
“ไอ้วีร์มันเครียดๆ ก็เลยนั่งปลอบมัน”
“พักค่ะ! เลิกเครียด ไปหาไรแดกเหอะ กูอุตส่าห์มารับทั้งที” เหมยรีบฉุดกระชากลากเพื่อนให้ลุกขึ้นยืน แม้ตัวเองจะตัวเล็กกว่าและไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่
“เออๆ กูลุกแล้ว”
“ไม่ต้องเครียด มีพวกกูอยู่ข้างๆ อยู่ละ ไม่ว่าเจออะไร กูพร้อมลุยให้” เหมยเอ่ยพูดเสริมขึ้นมาในระหว่างนั้น เรียกรอยยิ้มบางจากคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี
วีร์ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งในความห่วงใยและกำลังใจที่ได้รับจากเพื่อนๆ เขาได้แต่ยิ้มรับก่อนจะเอ่ยตอบ “ขอบใจมากนะ พวกมึงทำให้กูรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”
แต่การฝึกซ้อมของโบ๊ทและวีร์ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ราบรื่นเสมอไปเหมือนกับที่ผ่านๆ มา ยิ่งนานวันเข้าพวกเขาก็มักจะได้เจอกับความท้าทายใหม่ๆ ในทุกครั้งที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้องฝึกซ้อมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นที่ต้องใช้ความรวดเร็วและแม่นยำ การใช้พลังงานในการเคลื่อนไหว รวมไปถึงการควบคุมร่างกายอย่างถูกต้องและสมบูรณ์แบบ
ตึง!!
เสียงกระทืบเท้าดังขึ้นในระหว่างที่ทุกคนกำลังซ้อม โบ๊ทส่งเสียงร้องตะโกนออกมาหลังจากนั้น “โอ๊ยย! ทำไมมันยากจังวะ!”
ด้วยความยากของท่าเต้นและการเต้นของฉากนี้ทำเอาเจ้าตัวปวดหัวอย่างต่อเนื่องมาหลายวันเพราะทำได้ไม่ถึงมาตรฐานที่ตั้งใจเอาไว้สักที จนทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าฟางเส้นสุดท้ายกำลังจะขาดลง ความอดทนที่เคยมีมาดูจะน้อยลงกว่าเก่ามากทีเดียว
วีร์รีบสาวเท้าเดินเข้าจากมุมห้องเข้ามาหาคนน้องทันที “เธอ ใจเย็นๆ ไม่ต้องท้อนะ เธอทำได้ดีแล้ว พยายามต่ออีกนิด เธอทำได้ดีกว่านี้แน่”
“แต่เรารู้สึกว่ามันยังไม่พออะ” โบ๊ทกล่าวพร้อมกับลมหายใจที่หอบเหนื่อย
“เอาน่า นี่ก็เก่งมากแล้ว ลองมองย้อนกลับไปดูสิ จากวันแรกถึงวันนี้เธอเดินมาไกลมากแล้วนะ เก่งขึ้นกว่าตอนนั้นตั้งเยอะ ไม่ต้องคิดมาก”
“จริงเหรอ”
“อื้อ”
โบ๊ทมองวีร์ตาละห้อย น้ำตาคลอหน่วยแต่ก็พยายามฮึบเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา ใบหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้ของเขาทำเอาคนอายุมากกว่าถึงกับอดเอ็นดูไม่ได้
“ขอกอดหน่อยได้ไหม” คนน้องเอ่ยปากถาม
“มาดิ”
วีร์ตอบพลางผายมือออก โบ๊ทก็พุ่งตัวเข้ามากอดทันที อันที่จริงในบางครั้งเวลาที่วีร์คอยให้กำลังใจและให้คำปรึกษาโบ๊ทนั้น ก็มักจะทำให้เขาเจอปัญหาและเก็บเอาพลังลบของอีกฝ่ายมาเครียดแทน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่เพราะเขาชอบอีกฝ่ายมากจนเกินไป ทำให้เผลอไปหยิบเอาเรื่องความรู้สึกของอีกคนมาเป็นกังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร แต่ก็ไม่ค่อยยอมเล่าให้ใครฟัง มักจะปิดบังคนอื่นด้วยรอยยิ้มของตนเองแล้วปฏิเสธว่าที่จริงแล้วเขายังคนเป็นคนอารมณ์ดีและมีพลังบวกพร้อมมอบให้ใครต่อใครอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าความเป็นจริงข้างในของเขาจะกำลังต่อสู้กับความทุกข์อยู่ก็ตาม เพราะกลัวว่าตัวเองจะทำให้คนอื่นเป็นห่วง
เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้โอกาสใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ อ้อมกอดที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันเหมือนเป็นพลังวิเศษ ทั้งวีร์ทั้งโบ๊ทต่างก็ได้รับการเติมเต็มพลังใจและความอบอุ่นขึ้นมาในทันที
หัวใจของวีร์เต้นแรงขึ้นกว่าปกติ เขารู้สึกดีที่ได้กอดกับคนตรงหน้า ไม่รู้ว่ากลิ่นตัวหรือกลิ่นน้ำหอมที่โบ๊ทใช้ แต่พอมันลอยมาเตะจมูกของคนพี่เข้าก็ทำให้เขาเผลอเคลิบเคลิ้มใจได้ไม่น้อย จากที่ชอบอยู่แล้วก็ยิ่งชอบมากขึ้นไปทุกวัน ในขณะที่โบ๊ทเองก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตของเขาโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอกับคนตรงหน้า คนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอด้วยซ้ำ คนที่คอยซัพพอร์ตทุกความรู้สึกของเขา หากวันใดขาดวีร์ไปเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะยังสามารถต่อสู้กับอุปสรรคในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ได้หรือเปล่า แต่เขาก็พยายามที่จะไม่ใส่ใจอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้มันกำลังก่อร่างสร้างความสุขและเติมเต็มพื้นที่ที่ขาดหายในหัวใจของเขาได้เป็นอย่างดี