ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาบอกผมไม่มีหัวใจความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เปิดเรื่อง 20/09/2024
ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
ระยะเวลาล่วงเลยมาเป็นเดือนความรู้สึกบางอย่างภายในใจของวีร์มันเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ว่าใครก็ไม่อาจแทรกเข้ามาแทนที่เก้าอี้ในหัวใจของเขาที่ถูกจองเอาไว้สำหรับโบ๊ทเพียงคนเดียวได้เลยแม้แต่น้อย
ทุกเช้าที่ต้องตื่นเพื่อไปซ้อมละครเวทีไม่มีวันไหนที่เขารู้สึกอิดออด เพราะเขารู้ดีว่ากำลังจะได้ตื่นไปเจอหน้าคนที่เขากำลังแอบชอบ แม้ว่าตอนกลางคืนทั้งคู่จะคุยโทรศัพท์กันดึกดื่นจนเกือบเช้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วีร์รู้สึกง่วงหงาวหาวนอนเลยสักนิด
บางอย่างในจิตใจของเขามันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับต้นไม้ที่ได้รับการรดน้ำดูแลเป็นอย่างดี จากที่แค่เคยชื่นชอบเฉยๆ จากรูปลักษณ์ภายนอกที่ตรงกับความชอบส่วนตัวของเขา กลับกลายเป็นว่าเขารู้สึกดีต่อโบ๊ทมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน มันมีทั้งความรู้สึกสบายใจ ความรู้สึกอบอุ่น สิ่งเหล่านี้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างภายในจิตใจของวีร์ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยขาดแคลนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่ไม่รู้ทำไมที่ผ่านมาสองปีหลังจากเลิกกับแฟนคนล่าสุด เขาดันไม่มีใครผ่านเข้ามาเลยสักคน แม้แต่คนคุยก็ไม่มี การเข้ามาของโบ๊ทจึงนับได้ว่าทำให้หัวใจที่แห้งแล้งของเขากลับมาชุ่มชื้นได้อีกครั้งหนึ่ง
วีร์รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังตกหลุมรักโบ๊ทเข้าอย่างจัง มันมากเกินไปกว่าคำว่าชอบและอยากได้เป็นแฟนอย่างที่เคยพูดเอาไว้ในตอนแรก
เขารู้ดี... ว่ามันมากกว่านั้น
วันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนกับในทุกวันที่ผ่านมา วีร์ยังคงต้องมาซ้อมตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และด้วยประสบการณ์ของเขาจึงทำให้การซักซ้อมผ่านไปได้ด้วยดีอยู่เสมอ ทำให้แต่ละฉากที่เขาปรากฏตัวมักจะผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง
ในเวลานี้โบ๊ทกำลังฝึกซ้อมฉากละครเวทีฉากเดิมที่นับได้ว่าเป็นฉากที่ยากที่สุดสำหรับเขา แต่ความตั้งใจของเขาก็ไม่เคยลดละ วีร์นั่งอยู่ที่มุมห้องฝึกซ้อมละครเวที สายตาจดจ้องมองดูคนน้องในคราบของตัวละครวายุที่กำลังซ้อมบทบาทของเขา โบ๊ทมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดในทุกวัน ฝีมือการแสดงของเขาดีขึ้นมากจนวีร์รู้สึกประทับใจและภูมิใจในตัวอีกฝ่ายไม่น้อย เขานั่งอมยิ้มให้กับความพยายามและความมุ่งมั่นของรุ่นน้องตรงหน้า ใครจะไปคิดว่าจากวันแรกถึงวันนี้อีกฝ่ายมาได้ไกลขนาดนี้
“โอเค ทุกคน! พักกันสิบห้านาทีนะ!” เจษเอ่ยพูดดังขึ้นมาทำลายความเงียบ นักแสดงที่อยู่หน้าฉากหลุดออกจากคาแรกเตอร์ภายในเรื่อง แล้วแยกย้ายกันเดินออกไปพัก ส่วนวีร์ก็ลุกขึ้นจากมุมห้องแล้วเดินตรงเข้าไปหาโบ๊ทที่นั่งพักอยู่ข้างเวทีทันที
“เป็นไง เหนื่อยไหม” วีร์เอ่ยถามขณะที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ โบ๊ท
“นิดนึง เริ่มชินละ”
“เมื่อกี๊เธอแสดงดีมากเลยนะ”
“ฉีดยาปะเนี่ย”
“ไม่ได้ฉีด แสดงดีขึ้นจริงๆ พัฒนาขึ้นมาก” วีร์เอ่ยพร้อมยกยิ้มอย่างอบอุ่น
“แต๊งกิ้ว! ก็กำลังพยายามทำอย่างเต็มที่อยู่ ดีใจที่มีคนเห็น” โบ๊ทตอบ กลับด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของวีร์เต้นแรงขึ้น
ตึกๆ ตึกๆ
เหมือนฝันเดินเข้ามาหลังจากที่หายตัวไปเข้าห้องน้ำ เห็นทั้งสองคนกำลังนั่งคุยกันอย่างใกล้ชิดก็ได้แต่ส่งสายตามองมาอย่างสงสัย เขาหรี่ตามองแล้วเดินเข้าไปใกล้ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าจะเอ่ยปากแซวแต่เขาก็ไม่ได้ทำมัน กลัวว่าไก่จะตื่นเอาเสียก่อน เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วหย่อนตัวนั่งลงตรงหน้าคนทั้งคู่ ก่อนจะมองจ้องด้วยแววตาอยากรู้
“คุยไรกันอยู่”
“ก็เรื่อยเปื่อย” วีร์ตอบปัด
“เหรอ...” เหมือนฝันอุทานขึ้นอย่างสงสัย การกระทำของเขาในตอนนี้ทำเอาวีร์ คนที่เพิ่งเอ่ยปากตอบเมื่อครู่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาชอบกล “ว่าแต่พักนี้พวกมึงสองคนนี่สนิทกันจังนะ กูเห็นตัวติดกันตลอดเวลาเลย”
“พี่วีร์เขามาช่วยสอนการแสดงผมอะพี่” โบ๊ทรีบตอบทันควัน
“อ่อ”
“เออ กูเห็นน้องมันไม่มีพื้นฐาน กลัวจะตามไม่ทันแล้วจะถอนตัวไปเสียก่อน กูเลยเข้ามาช่วย ไม่อยากเสียเวลาต้องไปหานายเอกคนใหม่มาเล่นกับกู ถ้าเป็นงั้นกว่ากูจะต้องไปปรับจูนกันอีกก็คงต้องใช้เวลาอีกนานอะ”
“อ่อ...”
“นั่นแหละ กูก็เลยช่วยสอนการแสดงให้โบ๊ท จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนตัว กูอยากเล่นกับน้องมัน ไหนๆ ก็จูนกันติดละ”
“จริงพี่ ผมว่าผมสบายใจนะที่ได้เล่นกับพี่วีร์อะ” ประโยคแรกโบ๊ทตอบรับคำพูดของวีร์ก่อนจะหันหน้าไปเอ่ยพูดกับเหมือนฝัน เพื่อยืนยันว่าในตอนนี้เขากับวีร์มีความสุขดีกับการที่ได้ทำงานร่วมกัน
“เออๆๆๆ กูเชื่อก็ได้” แม้ความคิดในหัวจะไม่ได้ตรงกับสิ่งที่ปากเอ่ยบอกออกไป แต่เหมือนฝันก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ไปมากกว่านี้ ไว้รอให้ถึงเวลา อะไรๆ มันก็คงจะเปิดเผยออกมาเอง
หลังจากการฝึกซ้อมสิ้นสุดลงในวันนั้น วีร์และโบ๊ทเดินออกจากห้องฝึกด้วยกัน แม้เหมือนฝันจะพยายามชวนไปหาอะไรกินด้วยกันต่อกับทีมนักแสดงคนอื่นๆ แต่วีร์กับโบ๊ทก็ยืนยันว่าจะกลับบ้าน เหมือนฝันเลยได้แต่ปล่อยไป แม้ก่อนแยกย้ายจะถามย้ำว่าจะแอบไปเดทกันสองต่อสองหรือเปล่า แต่เขาก็โดนวีร์ด่ากลับมาว่าให้เลิกทำตัวเป็นหนุ่มวายสมองไหลเสียที ทั้งหมดจึงได้แยกย้ายกันไป
การกลับบ้านพร้อมกันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขาไปเสียแล้ว แม้ว่าอันที่จริงบ้านของวีร์กับโบ๊ทจะอยู่กันคนละทิศ แต่คนเป็นพี่อย่างวีร์ก็ยินดีที่จะขับรถพาโบ๊ทไปส่งบ้านทุกครั้ง เพราะนั่นนับเป็นช่วงเวลาที่วีร์รู้สึกมีความสุขที่สุด การได้อยู่บนรถสองต่อสองเป็นสิ่งที่มีความหมายมากสำหรับเขา ตลอดระยะเวลาที่รถวิ่งอยู่บนถนน มันเต็มไปด้วยการพูดคุยกันอย่างเปิดอก ทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ความเป็นตัวตนของกันและกันได้อย่างลึกซึ้ง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ซ้อมละครเวทีด้วยกันทั้งวัน แต่มันก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะทำให้ได้พูดคุยกันอย่างเปิดเผย ช่วงเวลากลับบ้านจึงกลายเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
แม้จะทำให้วีร์เสียค่าน้ำมันต่อเดือนแพงมากกว่าเดิมก็ตาม...
“เอาจริงๆ เราว่าเธอพร้อมสำหรับการแสดงในวันจริงแล้วนะ”
“จริงเหรอ” โบ๊ทได้ฟังก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่ ความมั่นใจในความสามารถของเขานั้นแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แม้เจษจะเกริ่นพูดมาก่อนหน้านี้ในตอนซ้อมบ้างว่า โบ๊ทสอบผ่านแล้ว พร้อมจะขึ้นโชว์บนเวทีจริงก็ตาม
“มั่นใจหน่อยดิเธอ อีกไม่กี่วันก็จะแสดงจริงแล้วนะ”
“ก็นั่นแหละ เราเลยไม่ค่อยมั่นใจไง กลัวไปทำพลาดบนนั้น”
“แต่ช่วงนี้ตอนซ้อมเธอก็ไม่ค่อยพลาดแล้วปะ”
“แต่ก็ยังมีจุดพลาดอยู่ดี”
“เอาน่า เธอทำได้ เชื่อเรา” วีร์ยกยิ้มพลางกล่าให้กำลังใจ ทำเอาคนฟังรู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง
“เราก็หวังว่าจะเป็นอย่างงั้นนะ แอบตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน” โบ๊ทเอ่ยพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
ยิ่งวันเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของวีร์และโบ๊ทก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ พวกเขากลายเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกัน วีร์เริ่มมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออีกฝ่าย แต่เขายังไม่กล้าบอกความรู้สึกของเขาให้คนข้างกายรับรู้ กลัวว่าถ้าโบ๊ทไม่ได้รู้สึกในแบบเดียวกัน เขาจะต้องเสียอีกฝ่ายไปตลอดกาล
แต่วีร์ไม่ทันได้สังเกตว่าการกระทำของตัวเองนั้นบ่งบอกแทนความรู้สึกที่เขาซ่อนมันไว้ข้างในไปทั้งหมดแล้ว หลากหลายสายตาจากกลุ่มเพื่อนในโปรเจ็กต์ดูออกว่าเขากำลังรู้สึกกับโบ๊ทเกินมากกว่ารุ่นน้องที่แสดงละครเวทีคู่กัน และหากมันเป็นแบบนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโบ๊ทจะมองเห็นสิ่งเดียวกันกับที่คนอื่นเห็นหรือไม่ แต่ตราบใดที่วีร์ยังไม่ได้เป็นคนพูดออกไปจากปากของตัวเอง เขาก็อนุมานเอาไว้ว่านายเอกคู่กายคงจะยังไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
“สรุปยังไงเรื่องมึงกับโบ๊ท” เหมือนฝันหาจังหวะที่เหมาะสมได้จึงรีบกระซิบถามวีร์ทันที
“ก็ไม่มีอะไร พี่น้องกันนั่นแหละ”
“ดูออก”
“...”
“มึงชอบมัน”
“อือ”
“แล้วน้องโบ๊ทมันว่าไง”
“กูไม่รู้ว่ะ” วีร์เอ่ยตอบไม่เต็มเสียง
“เอ้า!” สีหน้าของเหมือนฝันดูตกใจไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาก็เห็นอยู่ด้วยกันทุกวันทุกเวลา ตัวติดกันขนาดนั้น สนิทกันมันก็ใช่ แต่อีกฝ่ายจะไม่เอะใจสักนิดเลยหรือไงว่าวีร์รู้สึกอะไรมากเกินกว่านั้น “แต่กูว่าน้องมันรู้นะ”
“เอาดีๆ”
“กูพูดจริงนะไอ้วีร์ ไม่ได้ให้ความหวังมึง คือคนเราอะ มันจะไม่เอะใจสักนิดเลยเหรอ เพราะไอ้สิ่งที่มึงทำใครๆ ก็ดูรู้ปะว่ามากกว่าเพื่อนอะ”
“แต่มันอาจจะไม่รู้ไง”
“โอ๊ยยย กูจะบ้า”
“จริงๆ กูก็หวังอยากให้มันรู้นะ อะไรๆ จะได้ง่ายกว่านี้ แต่นี่กูเดาท่ามันไม่ออกเลย ไม่รู้จะไปต่อดีหรือพอแค่นี้ กลัวว่าถ้าบอกมันไปแล้วเรื่องทุกอย่างจบลง กูคงเป็นบ้าแน่” วีร์ตัดพ้อยาวเหยียด เหมือนกับอัดอั้นในใจมานาน
“ไอ้วีร์...”
“หื้ม?”
“มึงรักน้องโบ๊ทมันจริงๆ ใช่ไหม” เหมือนฝันเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ดูจริงจังกว่าก่อนหน้านี้
“กูก็ไม่รู้จะพูดยังไง ถึงขั้นรักไหมก็คงจะยังไม่ขนาดนั้น แต่ที่แน่ๆ คือมันมากกว่าเพื่อน”
“สำหรับกู กูเชียร์ให้มึงบอกความรู้สึกของตัวเองให้มันรู้นะ”
“แต่กูกลัว... กลัวมันไม่ได้คิดอะไร กูไม่อยากเสียมันไปอะ อีกอย่าง ละครก็ใกล้จะเปิดโรงเร็วๆ นี้แล้ว เดี๋ยวจะมีปัญหากันเสียเปล่าๆ” วีร์พูดจบแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา แววตาของเขาเคล้าไปด้วยความหม่นหมองแบบที่เหมือนฝันเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้บอกหรือเปล่าวะ ส่วนตัวกูคิดว่าไม่มีทางที่โบ๊ทจะไม่คิดอะไร ไม่อย่างนั้นมันไม่ยอมให้มึงทำอะไรแบบนี้ได้หรอก แต่ละอย่างที่มึงกับมันทำด้วยกัน ดูยังไงก็แฟนกันชัดๆ”
“แต่...”
“หรือมึงจะปฏิเสธ...” เหมือนฝันจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะพูดต่อ “มึงก็รู้ดีว่าไม่ใช่แค่กูที่พูดแบบนี้ ทุกคนในโรงละครเขาก็เมาท์กันฉ่ำ มึงเองก็เคยได้ยิน เพราะฉะนั้นถ้าถามกูนะ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ยังไงมันก็ชอบมึงเหมือนกัน แต่ถ้ามึงกลัวว่าจะร่วมงานกันไม่ได้ กูก็แนะนำว่าให้รอหลังปิดโปรเจ็กต์นี้ไปก่อน ถ้ามึงทนได้จนถึงวันนั้นอะนะ”
“อือ...”
“แต่วันใดที่มึงตัดสินใจจะบอกความในใจของตัวเองแล้ว วันนั้นมึงต้องทำใจยอมรับไว้เลยนะว่าทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันอาจจะสมหวังหรือไม่ก็อาจจะทำให้มึงกับน้องโบ๊ทกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกันไปเลยก็ได้”
“ก็นั่นแหละ กูเลยยังไม่อยากบอกอะไรไง”
“เออ กูเข้าใจ มีอะไรก็มาปรึกษา มาระบายได้ตลอดนะ”
“ขอบใจมากมึง” วีร์ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แววตาส่องประกายความสบายใจมากขึ้นกว่าเก่า ก่อนที่เหมือนฝันจะยกมือขึ้นตบบ่าของวีร์เบาๆ เป็นการให้กำลังใจแล้วลุกเดินออกไป
เขารู้ตัวดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่การจะไปบอกความในใจให้โบ๊ทรู้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ต้องรวบรวมความกล้าอยู่มากพอสมควร ซึ่งเขายังไม่พร้อมในตอนนี้ สายตาของเขาจ้องมองไปยังคนน้องที่กำลังเฮฮาอยู่กับกลุ่มเพื่อนนักแสดงด้วยกัน รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขาพองโตได้อยู่เสมอ รอยยิ้มตาขีดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังส่งผลให้จังหวะของหัวใจเต้นเร็วขึ้นได้ทุกที
เขาเองก็ยังไม่รู้หรอกว่าตอนไหนถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมให้เขาได้เปิดเผยความในใจ แต่มันต้องมีวันนั้นแน่ๆ วันที่เขาจะบอกความจริงให้โบ๊ทได้รู้