ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ - บทที่ 6 ความลับที่ฉันซ่อนไว้ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก

รายละเอียด

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

เปิดเรื่อง 20/09/2024

 

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

สารบัญ

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-Intro บทนำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 1 Love at first sight,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 2 พรหมลิขิตบันดาลชักพา,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 3 ดลให้มาพบกันทันใด,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 4 ไม่ต้องเครียด ทำได้อยู่แล้ว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 5 ความท้าทายบนเส้นทางฝัน,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 6 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 7 ใกล้วันแสดง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 8 ค่ำคืนแห่งความทรงจำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 9 ย้ำให้ชัดอีกสักครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 10 เห็นแก่ตัว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 11 ปมในใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 12 ทางเลือกที่ท้าทาย,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 13 ลองดูใหม่,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 14 เงาของความรู้สึก,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 15 เส้นทางหัวใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 16 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 17 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม 2,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 18 ใกล้ชิดอีกครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 19 ซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 20 ความหลังที่ฝังใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 21 ความรักที่เปิดเผย

เนื้อหา

บทที่ 6 ความลับที่ฉันซ่อนไว้

ระยะเวลาล่วงเลยมาเป็นเดือนความรู้สึกบางอย่างภายในใจของวีร์มันเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ว่าใครก็ไม่อาจแทรกเข้ามาแทนที่เก้าอี้ในหัวใจของเขาที่ถูกจองเอาไว้สำหรับโบ๊ทเพียงคนเดียวได้เลยแม้แต่น้อย

ทุกเช้าที่ต้องตื่นเพื่อไปซ้อมละครเวทีไม่มีวันไหนที่เขารู้สึกอิดออด เพราะเขารู้ดีว่ากำลังจะได้ตื่นไปเจอหน้าคนที่เขากำลังแอบชอบ แม้ว่าตอนกลางคืนทั้งคู่จะคุยโทรศัพท์กันดึกดื่นจนเกือบเช้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วีร์รู้สึกง่วงหงาวหาวนอนเลยสักนิด

            บางอย่างในจิตใจของเขามันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับต้นไม้ที่ได้รับการรดน้ำดูแลเป็นอย่างดี จากที่แค่เคยชื่นชอบเฉยๆ จากรูปลักษณ์ภายนอกที่ตรงกับความชอบส่วนตัวของเขา กลับกลายเป็นว่าเขารู้สึกดีต่อโบ๊ทมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน มันมีทั้งความรู้สึกสบายใจ ความรู้สึกอบอุ่น สิ่งเหล่านี้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างภายในจิตใจของวีร์ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยขาดแคลนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่ไม่รู้ทำไมที่ผ่านมาสองปีหลังจากเลิกกับแฟนคนล่าสุด เขาดันไม่มีใครผ่านเข้ามาเลยสักคน แม้แต่คนคุยก็ไม่มี การเข้ามาของโบ๊ทจึงนับได้ว่าทำให้หัวใจที่แห้งแล้งของเขากลับมาชุ่มชื้นได้อีกครั้งหนึ่ง

            วีร์รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังตกหลุมรักโบ๊ทเข้าอย่างจัง มันมากเกินไปกว่าคำว่าชอบและอยากได้เป็นแฟนอย่างที่เคยพูดเอาไว้ในตอนแรก

            เขารู้ดี... ว่ามันมากกว่านั้น 

            วันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนกับในทุกวันที่ผ่านมา วีร์ยังคงต้องมาซ้อมตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และด้วยประสบการณ์ของเขาจึงทำให้การซักซ้อมผ่านไปได้ด้วยดีอยู่เสมอ ทำให้แต่ละฉากที่เขาปรากฏตัวมักจะผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง

            ในเวลานี้โบ๊ทกำลังฝึกซ้อมฉากละครเวทีฉากเดิมที่นับได้ว่าเป็นฉากที่ยากที่สุดสำหรับเขา แต่ความตั้งใจของเขาก็ไม่เคยลดละ วีร์นั่งอยู่ที่มุมห้องฝึกซ้อมละครเวที สายตาจดจ้องมองดูคนน้องในคราบของตัวละครวายุที่กำลังซ้อมบทบาทของเขา โบ๊ทมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดในทุกวัน ฝีมือการแสดงของเขาดีขึ้นมากจนวีร์รู้สึกประทับใจและภูมิใจในตัวอีกฝ่ายไม่น้อย เขานั่งอมยิ้มให้กับความพยายามและความมุ่งมั่นของรุ่นน้องตรงหน้า ใครจะไปคิดว่าจากวันแรกถึงวันนี้อีกฝ่ายมาได้ไกลขนาดนี้

“โอเค ทุกคน! พักกันสิบห้านาทีนะ!” เจษเอ่ยพูดดังขึ้นมาทำลายความเงียบ นักแสดงที่อยู่หน้าฉากหลุดออกจากคาแรกเตอร์ภายในเรื่อง แล้วแยกย้ายกันเดินออกไปพัก ส่วนวีร์ก็ลุกขึ้นจากมุมห้องแล้วเดินตรงเข้าไปหาโบ๊ทที่นั่งพักอยู่ข้างเวทีทันที

“เป็นไง เหนื่อยไหม” วีร์เอ่ยถามขณะที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ โบ๊ท

“นิดนึง เริ่มชินละ”

“เมื่อกี๊เธอแสดงดีมากเลยนะ”

“ฉีดยาปะเนี่ย”

“ไม่ได้ฉีด แสดงดีขึ้นจริงๆ พัฒนาขึ้นมาก” วีร์เอ่ยพร้อมยกยิ้มอย่างอบอุ่น

“แต๊งกิ้วก็กำลังพยายามทำอย่างเต็มที่อยู่ ดีใจที่มีคนเห็น” โบ๊ทตอบ กลับด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของวีร์เต้นแรงขึ้น

ตึกๆ ตึกๆ

เหมือนฝันเดินเข้ามาหลังจากที่หายตัวไปเข้าห้องน้ำ เห็นทั้งสองคนกำลังนั่งคุยกันอย่างใกล้ชิดก็ได้แต่ส่งสายตามองมาอย่างสงสัย เขาหรี่ตามองแล้วเดินเข้าไปใกล้ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าจะเอ่ยปากแซวแต่เขาก็ไม่ได้ทำมัน กลัวว่าไก่จะตื่นเอาเสียก่อน เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วหย่อนตัวนั่งลงตรงหน้าคนทั้งคู่ ก่อนจะมองจ้องด้วยแววตาอยากรู้

“คุยไรกันอยู่”

“ก็เรื่อยเปื่อย” วีร์ตอบปัด

“เหรอ...” เหมือนฝันอุทานขึ้นอย่างสงสัย การกระทำของเขาในตอนนี้ทำเอาวีร์ คนที่เพิ่งเอ่ยปากตอบเมื่อครู่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาชอบกล “ว่าแต่พักนี้พวกมึงสองคนนี่สนิทกันจังนะ กูเห็นตัวติดกันตลอดเวลาเลย”

“พี่วีร์เขามาช่วยสอนการแสดงผมอะพี่” โบ๊ทรีบตอบทันควัน

“อ่อ”

“เออ กูเห็นน้องมันไม่มีพื้นฐาน กลัวจะตามไม่ทันแล้วจะถอนตัวไปเสียก่อน กูเลยเข้ามาช่วย ไม่อยากเสียเวลาต้องไปหานายเอกคนใหม่มาเล่นกับกู ถ้าเป็นงั้นกว่ากูจะต้องไปปรับจูนกันอีกก็คงต้องใช้เวลาอีกนานอะ”

“อ่อ...”

“นั่นแหละ กูก็เลยช่วยสอนการแสดงให้โบ๊ท จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนตัว กูอยากเล่นกับน้องมัน ไหนๆ ก็จูนกันติดละ”

“จริงพี่ ผมว่าผมสบายใจนะที่ได้เล่นกับพี่วีร์อะ” ประโยคแรกโบ๊ทตอบรับคำพูดของวีร์ก่อนจะหันหน้าไปเอ่ยพูดกับเหมือนฝัน เพื่อยืนยันว่าในตอนนี้เขากับวีร์มีความสุขดีกับการที่ได้ทำงานร่วมกัน

“เออๆๆๆ กูเชื่อก็ได้” แม้ความคิดในหัวจะไม่ได้ตรงกับสิ่งที่ปากเอ่ยบอกออกไป แต่เหมือนฝันก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ไปมากกว่านี้ ไว้รอให้ถึงเวลา อะไรๆ มันก็คงจะเปิดเผยออกมาเอง

หลังจากการฝึกซ้อมสิ้นสุดลงในวันนั้น วีร์และโบ๊ทเดินออกจากห้องฝึกด้วยกัน แม้เหมือนฝันจะพยายามชวนไปหาอะไรกินด้วยกันต่อกับทีมนักแสดงคนอื่นๆ แต่วีร์กับโบ๊ทก็ยืนยันว่าจะกลับบ้าน เหมือนฝันเลยได้แต่ปล่อยไป แม้ก่อนแยกย้ายจะถามย้ำว่าจะแอบไปเดทกันสองต่อสองหรือเปล่า แต่เขาก็โดนวีร์ด่ากลับมาว่าให้เลิกทำตัวเป็นหนุ่มวายสมองไหลเสียที ทั้งหมดจึงได้แยกย้ายกันไป

การกลับบ้านพร้อมกันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขาไปเสียแล้ว แม้ว่าอันที่จริงบ้านของวีร์กับโบ๊ทจะอยู่กันคนละทิศ แต่คนเป็นพี่อย่างวีร์ก็ยินดีที่จะขับรถพาโบ๊ทไปส่งบ้านทุกครั้ง เพราะนั่นนับเป็นช่วงเวลาที่วีร์รู้สึกมีความสุขที่สุด การได้อยู่บนรถสองต่อสองเป็นสิ่งที่มีความหมายมากสำหรับเขา ตลอดระยะเวลาที่รถวิ่งอยู่บนถนน มันเต็มไปด้วยการพูดคุยกันอย่างเปิดอก ทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ความเป็นตัวตนของกันและกันได้อย่างลึกซึ้ง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ซ้อมละครเวทีด้วยกันทั้งวัน แต่มันก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะทำให้ได้พูดคุยกันอย่างเปิดเผย ช่วงเวลากลับบ้านจึงกลายเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

แม้จะทำให้วีร์เสียค่าน้ำมันต่อเดือนแพงมากกว่าเดิมก็ตาม...

“เอาจริงๆ เราว่าเธอพร้อมสำหรับการแสดงในวันจริงแล้วนะ”

“จริงเหรอ” โบ๊ทได้ฟังก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่ ความมั่นใจในความสามารถของเขานั้นแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แม้เจษจะเกริ่นพูดมาก่อนหน้านี้ในตอนซ้อมบ้างว่า โบ๊ทสอบผ่านแล้ว พร้อมจะขึ้นโชว์บนเวทีจริงก็ตาม

“มั่นใจหน่อยดิเธอ อีกไม่กี่วันก็จะแสดงจริงแล้วนะ”

“ก็นั่นแหละ เราเลยไม่ค่อยมั่นใจไง กลัวไปทำพลาดบนนั้น”

“แต่ช่วงนี้ตอนซ้อมเธอก็ไม่ค่อยพลาดแล้วปะ”

“แต่ก็ยังมีจุดพลาดอยู่ดี” 

“เอาน่า เธอทำได้ เชื่อเรา” วีร์ยกยิ้มพลางกล่าให้กำลังใจ ทำเอาคนฟังรู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง

“เราก็หวังว่าจะเป็นอย่างงั้นนะ แอบตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน” โบ๊ทเอ่ยพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

            ยิ่งวันเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของวีร์และโบ๊ทก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ พวกเขากลายเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกัน วีร์เริ่มมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออีกฝ่าย แต่เขายังไม่กล้าบอกความรู้สึกของเขาให้คนข้างกายรับรู้ กลัวว่าถ้าโบ๊ทไม่ได้รู้สึกในแบบเดียวกัน เขาจะต้องเสียอีกฝ่ายไปตลอดกาล

            แต่วีร์ไม่ทันได้สังเกตว่าการกระทำของตัวเองนั้นบ่งบอกแทนความรู้สึกที่เขาซ่อนมันไว้ข้างในไปทั้งหมดแล้ว หลากหลายสายตาจากกลุ่มเพื่อนในโปรเจ็กต์ดูออกว่าเขากำลังรู้สึกกับโบ๊ทเกินมากกว่ารุ่นน้องที่แสดงละครเวทีคู่กัน และหากมันเป็นแบบนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโบ๊ทจะมองเห็นสิ่งเดียวกันกับที่คนอื่นเห็นหรือไม่ แต่ตราบใดที่วีร์ยังไม่ได้เป็นคนพูดออกไปจากปากของตัวเอง เขาก็อนุมานเอาไว้ว่านายเอกคู่กายคงจะยังไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขา

            “สรุปยังไงเรื่องมึงกับโบ๊ท” เหมือนฝันหาจังหวะที่เหมาะสมได้จึงรีบกระซิบถามวีร์ทันที

            “ก็ไม่มีอะไร พี่น้องกันนั่นแหละ”

            “ดูออก”

“...”

“มึงชอบมัน”

“อือ”

“แล้วน้องโบ๊ทมันว่าไง”

“กูไม่รู้ว่ะ” วีร์เอ่ยตอบไม่เต็มเสียง

“เอ้า!” สีหน้าของเหมือนฝันดูตกใจไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาก็เห็นอยู่ด้วยกันทุกวันทุกเวลา ตัวติดกันขนาดนั้น สนิทกันมันก็ใช่ แต่อีกฝ่ายจะไม่เอะใจสักนิดเลยหรือไงว่าวีร์รู้สึกอะไรมากเกินกว่านั้น “แต่กูว่าน้องมันรู้นะ”

“เอาดีๆ”

“กูพูดจริงนะไอ้วีร์ ไม่ได้ให้ความหวังมึง คือคนเราอะ มันจะไม่เอะใจสักนิดเลยเหรอ เพราะไอ้สิ่งที่มึงทำใครๆ ก็ดูรู้ปะว่ามากกว่าเพื่อนอะ”

“แต่มันอาจจะไม่รู้ไง”

“โอ๊ยยย กูจะบ้า”

“จริงๆ กูก็หวังอยากให้มันรู้นะ อะไรๆ จะได้ง่ายกว่านี้ แต่นี่กูเดาท่ามันไม่ออกเลย ไม่รู้จะไปต่อดีหรือพอแค่นี้ กลัวว่าถ้าบอกมันไปแล้วเรื่องทุกอย่างจบลง กูคงเป็นบ้าแน่” วีร์ตัดพ้อยาวเหยียด เหมือนกับอัดอั้นในใจมานาน 

“ไอ้วีร์...”

“หื้ม?”

“มึงรักน้องโบ๊ทมันจริงๆ ใช่ไหม” เหมือนฝันเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ดูจริงจังกว่าก่อนหน้านี้

“กูก็ไม่รู้จะพูดยังไง ถึงขั้นรักไหมก็คงจะยังไม่ขนาดนั้น แต่ที่แน่ๆ คือมันมากกว่าเพื่อน”

“สำหรับกู กูเชียร์ให้มึงบอกความรู้สึกของตัวเองให้มันรู้นะ” 

“แต่กูกลัว... กลัวมันไม่ได้คิดอะไร กูไม่อยากเสียมันไปอะ อีกอย่าง ละครก็ใกล้จะเปิดโรงเร็วๆ นี้แล้ว เดี๋ยวจะมีปัญหากันเสียเปล่าๆ” วีร์พูดจบแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา แววตาของเขาเคล้าไปด้วยความหม่นหมองแบบที่เหมือนฝันเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

“แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้บอกหรือเปล่าวะ ส่วนตัวกูคิดว่าไม่มีทางที่โบ๊ทจะไม่คิดอะไร ไม่อย่างนั้นมันไม่ยอมให้มึงทำอะไรแบบนี้ได้หรอก แต่ละอย่างที่มึงกับมันทำด้วยกัน ดูยังไงก็แฟนกันชัดๆ” 

“แต่...”

“หรือมึงจะปฏิเสธ...” เหมือนฝันจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะพูดต่อ “มึงก็รู้ดีว่าไม่ใช่แค่กูที่พูดแบบนี้ ทุกคนในโรงละครเขาก็เมาท์กันฉ่ำ มึงเองก็เคยได้ยิน เพราะฉะนั้นถ้าถามกูนะ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ยังไงมันก็ชอบมึงเหมือนกัน แต่ถ้ามึงกลัวว่าจะร่วมงานกันไม่ได้ กูก็แนะนำว่าให้รอหลังปิดโปรเจ็กต์นี้ไปก่อน ถ้ามึงทนได้จนถึงวันนั้นอะนะ”

“อือ...”

“แต่วันใดที่มึงตัดสินใจจะบอกความในใจของตัวเองแล้ว วันนั้นมึงต้องทำใจยอมรับไว้เลยนะว่าทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันอาจจะสมหวังหรือไม่ก็อาจจะทำให้มึงกับน้องโบ๊ทกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกันไปเลยก็ได้”

“ก็นั่นแหละ กูเลยยังไม่อยากบอกอะไรไง”

“เออ กูเข้าใจ มีอะไรก็มาปรึกษา มาระบายได้ตลอดนะ” 

“ขอบใจมากมึง” วีร์ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แววตาส่องประกายความสบายใจมากขึ้นกว่าเก่า ก่อนที่เหมือนฝันจะยกมือขึ้นตบบ่าของวีร์เบาๆ เป็นการให้กำลังใจแล้วลุกเดินออกไป

เขารู้ตัวดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่การจะไปบอกความในใจให้โบ๊ทรู้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ต้องรวบรวมความกล้าอยู่มากพอสมควร ซึ่งเขายังไม่พร้อมในตอนนี้ สายตาของเขาจ้องมองไปยังคนน้องที่กำลังเฮฮาอยู่กับกลุ่มเพื่อนนักแสดงด้วยกัน รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขาพองโตได้อยู่เสมอ รอยยิ้มตาขีดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังส่งผลให้จังหวะของหัวใจเต้นเร็วขึ้นได้ทุกที 

เขาเองก็ยังไม่รู้หรอกว่าตอนไหนถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมให้เขาได้เปิดเผยความในใจ แต่มันต้องมีวันนั้นแน่ๆ วันที่เขาจะบอกความจริงให้โบ๊ทได้รู้