ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาบอกผมไม่มีหัวใจความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เปิดเรื่อง 20/09/2024
ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
วันแสดงละครเวทีใกล้เข้ามาทุกที บรรยากาศการซ้อมก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวัน ความเครียดเริ่มบังเกิดให้เห็นอยู่เป็นระยะ ทุกคนทุ่มเทกันสุดพลัง แม้จะยังมีผิดพลาดอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นเสน่ห์ของการแสดงสด ถึงจะไม่มีใครอยากให้มันพลาดก็เถอะ แต่ใครจะไปรู้เพราะเหตุการณ์เฉพาะหน้ามันเกิดได้ตลอดเวลา ยิ่งใกล้วันแสดงจริงมากขึ้นเท่าไหร่ การฝึกซ้อมก็ยิ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียด จากที่เคยรู้สึกสบายๆ กลายเป็นว่าตอนนี้ความกดดันเริ่มเข้ามาเล่นงานวีร์บ้างเสียแล้ว
“เธอ...” โบ๊ทเอ่ยปากเรียกขณะที่เดินเข้ามาใกล้
“หื้ม?”
“มีอะไรเปล่า” คนน้องถามต่อ
“ไม่นะ”
“โกหก...”
“...”
“สีหน้าเธอมันฟ้องว่ากำลังเครียดชัดๆ”
“กดดันอะ” วีร์ตอบออกมาพร้อมถอนหายใจ
“อย่างเธออะนะกดดัน” โบ๊ทถามพลางจ้องมองคนข้างๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
วีร์เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพลางถอนหายใจ “ทุกคนดูคาดหวังสูงอะ เราก็เลยกลัวว่าจะทำให้ผิดหวัง”
โบ๊ทนั่งลงข้างๆ วีร์ พลางตบไหล่เบาๆ “ไม่ต้องกังวลนะ ทุกคนเคยผ่านจุดนี้มาก่อนทั้งนั้น แค่ทำให้เต็มที่ที่สุดก็พอ”
“ขอบใจนะ”คนพี่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้นเยอะ
“ตลกดีเหมือนกันเนอะ ก่อนหน้านี้มีแต่เธอที่คอยให้กำลังใจเรา ตอนนี้กลายเป็นเราที่ให้กำลังใจเธอแทน” โบ๊ทแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ เรียกรอยยิ้มจากคนข้างๆ ได้มากกว่าเดิม
“จริง”
วีร์รู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กน้อยหลังจากเหตุการณ์นี้ อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาตั้งใจที่จะคอยให้กำลังใจโบ๊ทจริง โดยที่ไม่ได้หวังจะให้อีกฝ่ายมาคอยเทคแคร์กลับด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาต้องการที่จะให้คนน้องได้มีกำลังใจสู้ต่อไป เขาอยากเห็นโบ๊ทประสบความสำเร็จและก้าวข้ามผ่านความกลัวของตัวเองไปให้ได้ แต่พอมาวันนี้กลายเป็นเขาที่ต้องการพลังใจเพื่อจะสู้ต่อไป โบ๊ทก็ยื่นมือเข้ามามอบสิ่งนั้นคืนให้ จิตใจที่กับล่องลอยไร้ที่ยึดเหนี่ยวก็เหมือนหลักให้จับยึดเอาไว้เพื่อต่อสู้กับความกดดันในชีวิตได้ต่อไป
“ขอบใจนะ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” วีร์เอ่ยบอกในขณะที่เห็นโบ๊ทกำลังจะลุกออกไป
“ดีแล้ว เวลาเธอยิ้มน่ารักกว่าเยอะเลย”
อึก!!
ราวกับโดนลูกธนูพุ่งชนยามที่วีร์ได้ยินประโยคนั้นจากปากของโบ๊ท เขาไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ในขณะที่พูดคำเหล่านั้นออกมา เพราะมันช่างส่งผลต่อหัวใจของวีร์เป็นอย่างมาก คนเราถ้าไม่ได้รู้สึกดีๆ ต่อกัน จะกล้าบอกประโยคเหล่านั้นออกมาได้ยังไง นี่มันดูเหมือนสร้างความหวังให้กันชัดๆ
ยิ่งใกล้วันแสดง วีร์ยิ่งรู้สึกว่าอะไรบางอย่างในใจเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เขารู้สึกใจสั่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้โบ๊ท รู้สึกเขินอายและไม่รู้ว่าจะควบคุมความรู้สึกนี้ยังไงให้มันไม่แสดงออกมาอย่างชัดเจนเกินไป
การฝึกซ้อมเข้มข้นขึ้นทุกวัน แต่ใจวีร์กลับอยู่ไม่สงบ ทุกครั้งที่โบ๊ทมองมาหรือพูดกับเขา เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกหลุมรักโบ๊ทมากขึ้นเรื่อยๆ
“ร้อนเหรอ ทำไมหูแดงขนาดนั้น ป่วยหรือเปล่า” โบ๊ทเอ่ยปากถามอีกฝ่ายเมื่อเห็นอาการแปลกไป
“อ๋อ...เปล่าๆ เราโอเค” วีร์ตอบพลางพยายามซ่อนความเขินอาย
“ชัวร์นะ”
“อื้อ!”
วีร์ได้แต่เม้มปากเอาไว้แน่น ไม่อยากให้ตัวเองหลุดปากพูดอะไรออกไปในตอนนี้ แทนที่จะดีเดี๋ยวจะพังไปเสียก่อน เขาพยายามไล่ความคิดเพ้อเจ้อในหัวออกไปให้หมด จะได้มีสติ มีสมาธิในการฝึกซ้อม ไม่อย่างนั้นในหัวก็จะมีแต่ภาพของโบ๊ทลอยวนเวียนอยู่ตลอด รบกวนสมาธิสุดๆ
อันที่จริงไม่ได้มีแค่เพียงฝ่ายวีร์อย่างเดียวหรอกที่ดูจะให้ความสำคัญกับโบ๊ท แต่อีกฝ่ายก็ดูจะใส่ใจไม่แพ้กัน แม้วีร์จะไม่ทันได้สังเกตเห็นแต่เพื่อนฝูงรอบข้างก็สังเกตได้ว่า โบ๊ทพยายามดูแลเอาใจใส่และดูสนิทกับวีร์มากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นเสียอีก โบ๊ทมักจะให้ความช่วยเหลือและเอาใจใส่วีร์ในทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการทบทวนบทหรือช่วยดูการแสดงให้ เพื่อนหลายคนลงความเห็นกันว่าโบ๊ทก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกันกับวีร์ เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างยังคงกลัวและมีกำแพงกั้นขวางเอาไว้ ทำให้ไม่กล้าก้าวข้ามผ่านเส้นแบ่งความสัมพันธ์ไปได้
ในช่วงการฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนวันแสดง วีร์และโบ๊ทได้มีโอกาสฝึกซ้อมบทที่ต้องแสดงร่วมกัน บทนี้เป็นฉากที่มีความสำคัญมากในการแสดงละครเวทีเรื่องนี้ และต้องการความเชื่อมโยงรวมไปถึงความเข้าใจกันระหว่างตัวละครเวหากับวายุอย่างลึกซึ้ง ทั้งคู่ตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะทำฉากนี้ให้ออกมาดีที่สุด แม้ว่าจะซักซ้อมกันมานานเป็นเดือนๆ แต่ก็ยังเป็นฉากที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหม่าได้ทุกครั้ง เนื่องจากความยากของมัน
“พร้อมนะ” โบ๊ทเอ่ยปากถามขึ้นก่อนที่จะเริ่ม
“อื้อ! พร้อมละ” วีร์ตอบก่อนที่พวกเขาก็เริ่มฝึกซ้อมการแสดงกันด้วยความตั้งใจ
ทุกคนในบริเวณเงียบงันลงในทันที มีเพียงเสียงจากเครื่องปรับอากาศที่ยังคงดังอยู่อย่างนั้น แววตาของทั้งโบ๊ทและวีร์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันกลับกลายเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งมีชีวิตในโลกของละครฉากนี้ อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ของตัวละครถูกถ่ายทอดออกมาเมื่อบทสนทนาคำแรกเริ่มต้นขึ้น
ในระหว่างช่วงของการฝึกซ้อมนั้น วีร์รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความเข้าใจที่โบ๊ทส่งผ่านมาทางสายตาและการแสดง เขารู้สึกว่าตนเองสามารถแสดงได้ดีขึ้นเมื่อมีโบ๊ทอยู่ข้างๆ ทุกอย่างมันดูวางใจได้ไปเสียหมด ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะออกมาไม่ดี เพราะแค่เห็นหน้าอีกฝ่ายก็มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอน
ในคืนก่อนวันแสดง วีร์ยังคงคิดถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อโบ๊ท เขาไม่แน่ใจว่าจะบอกความรู้สึกนี้ยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะทำให้การแสดงในวันพรุ่งนี้เป็นที่จดจำให้ได้
เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอนของเขา สายตามองจ้องไปในกระจกและเห็นใบหน้าของตัวเองอย่างชัดเจน ภาพใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดและดูคิดมาก เสียงถอนหายใจเฮือกหนึ่งดังขึ้นมา ความหนักใจบางอย่างยังคงติดค้างอยู่ในใจของเขาแบบที่คิดไม่ตกว่าจะเอายังไงต่อไปดี
ควรจะบอกความรู้สึกกับโบ๊ทไหมนะ?
ความคิดนี้โผล่เข้ามาในหัวของเขา มันเป็นช่วงเวลาที่สับสนในใจของเขา เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าหากตัดสินใจทำสิ่งที่ปรากฏในหัวแล้วผลลัพธ์จะออกมาตามที่ต้องการหรือเปล่า
ครืดดด! ครืดดด!!
จู่ๆ เสียงสั่นจากโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา เขาเอื้อมมือไปหยิบมาดูเห็นข้อความถูกส่งมาจากโบ๊ท ตัวหนังสือเหล่านั้นสั่นหัวใจคนอ่านเข้าอย่างจัง
Boat : พรุ่งนี้เราสองคนจะทำได้ดีแน่ๆ
Boat : ฝันดีนะ
รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวีร์ ความเครียดและสับสนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้พลันหายไปอย่างง่ายดาย กลายเป็นความสุขเข้ามาแทนที่ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้จากอีกฝ่าย ข้อความที่ถูกส่งมานี้จึงเหมือนกับของขวัญและกำลังใจไว้ใช้ต่อสู้ในวันรุ่งขึ้นได้ดีไม่น้อย
Wee : ขอบใจนะเธอ ฝันดีๆ
แสงอาทิตย์บอกวันใหม่ เปลือกตาของวีร์ค่อยๆ เปิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขาลืมตาตื่นขึ้นพร้อมความตื่นเต้น วันแรกของการเปิดโรงละครทำเอาเขาใจเต้นรัว แม้จะมีประสบการณ์ด้านการแสดงมาบ้าง แต่ต้องยอมรับเลยว่าครั้งนี้มันค่อนข้างกดดันมากกว่าครั้งไหนๆ เนื่องจากเป็นการแสดงสดครั้งแรกของเขา ที่ผ่านมามีแต่เคยเล่นละครทีวีที่สามารถถ่ายแก้ได้ แต่การแสดงบนเวทีแบบนี้แทบจะผิดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หรือถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่สามารถที่จะกลับไปถ่ายทำใหม่เพื่อแก้ไขได้ ดังนั้นจึงต้องใช้สติและสมาธิเป็นอย่างมากในการแสดง
เขารีบลุกจากเตียงไปเตรียมตัว เช้านี้ทุกอย่างเร่งรีบสำหรับเขาไปเสียหมด แม้ว่าจะยังพอมีเวลาก็ตาม แต่เขาก็อยากจะเผื่อเวลาไว้อีกสักหน่อย ไม่อยากจะไปสายตั้งแต่วันแรกของการเปิดการแสดง
วีร์มาถึงโรงละครล่วงหน้าก่อนเวลากำหนดหลายชั่วโมง เขาอยากจะทำให้ตัวเองคุ้นชินและหายตื่นตระหนก บรรยากาศในวันแสดงเริ่มครึกครื้นและดูกดดันมากยิ่งขึ้น ทุกคนทยอยแต่งหน้าแต่งตัว อยู่ในชุดที่พร้อมทำการแสดง ความรู้สึกตื่นเต้นและพลังงานของทุกคนถูกส่งออกมาจนอบอวลไปทั่วบริเวณด้านหลังโรงละครจนไม่ว่าใครที่ผ่านเข้ามาก็สัมผัสได้กันทั้งนั้น
สายตาของวีร์สอดส่องไปทั่วบริเวณ เขาเพิ่งสังเกตได้ว่าตั้งแต่มาถึงเขายังไม่เจอหน้าของโบ๊ทเลยด้วยซ้ำ สิ้นความคิดนั้นใบหน้าของคนที่เขาต้องการจะเจอมากที่สุดก็โผล่ออกมาให้เห็นพอดี
“ไปไหนมา” วีร์เอ่ยถามอย่างสงสัย
“เพิ่งมาถึงอะ”
“อ่อ... ก็ว่า”
“มีไรเปล่า” โบ๊ทเอ่ยปากถามอย่างสงสัย ดวงตาแป๋วที่มองมานั้นทำเอาวีร์อดคิดในใจว่าไม่ได้ว่าอีกฝ่ายน่ารักไม่เบา
“เปล่าๆ คิดว่าเธอมาสาย”
“เราก็มาตามเวลานัดนะ เธอแหละมาเร็วเกิน” โบ๊ทตอบก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้เพื่อให้ช่างเริ่มแต่งหน้าทำผมให้
“ก็มันตื่นเต้นอะ”
โบ๊ทถึงกับยกยิ้มเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากของคนพี่ เอาจริงๆ เวลาที่เขาเห็นวีร์เป็นแบบนี้มันก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ ปกติอีกฝ่ายก็มักจะมีท่าทีที่ดูเก่งกาจ ทะมัดทะแมง พอมีช่วงเวลาที่ดูอ่อนไหวบ้างมันก็น่ารักดีเหมือนกัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากที่ทุกคนวุ่นวายอยู่ด้านหลังกับการเตรียมตัว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องออกไปทำการแสดงเสียที โบ๊ทหันหน้าไปมองวีร์ที่ยืนเตรียมความพร้อมอยู่ข้างกันก่อนจะเอ่ยปากบอก
“พร้อมนะ?”
“อื้อ” วีร์พยักหน้ารับพร้อมส่งเสียงตอบ แววตาส่องประกายความมั่นใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ในเวลานี้แม้ว่าจะตื่นเต้นชนิดที่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา แต่ก็นั่นแหละมันกลับกลายเป็นว่าช่วยเสริมพลังงานที่ดีให้เขาพร้อมทำการแสดงได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตอนนี้ที่โบ๊ทคว้ามือของเขาไปจับเอาไว้แน่นในขณะที่กำลังเตรียมจะเดินขึ้นไปบนเวที
พวกเขาทั้งคู่ก้าวขึ้นเวทีไปพร้อมกัน ความรู้สึกในใจของวีร์อาจจะยังไม่สามารถแสดงออกได้ชัดเจนมากนัก แต่เขาก็พยายามจะไม่ไปสนใจมันอีกแล้ว เพราะในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแสดงบนเวทีที่จะต้องโชว์ฝีมือออกมาให้ดีที่สุดสมกับที่หลายคนรอคอย
การแสดงเริ่มขึ้นด้วยเสียงเพลงและแสงไฟที่สว่างไสว วีร์และโบ๊ทต่างทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความหมายและพลังงานที่พวกเขาส่งผ่านคาแรกเตอร์ของตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม ผู้ชมต่างตื่นตาตื่นใจและปรบมือเสียงดังเมื่อการแสดงตรงหน้าจบลง รอยยิ้มและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขฉายชัดบนใบหน้าของทั้งวีร์และโบ๊ท พวกเขาทั้งคู่หันมองหน้ากันครู่หนึ่ง ในดวงตาคลอหน่วยด้วยน้ำตาแม้จะยังไม่ไหลออกมาแต่ก็สามารถเห็นของเหลวใสนั้นได้อย่างชัดเจน
หลังจากการแสดงสิ้นสุด วีร์และโบ๊ทกลับมาที่ด้านหลังเวทีแล้วกระโดดกอดกันแน่นด้วยความดีใจที่ทำการแสดงได้ดีเหมือนกับตอนที่ซ้อม ไม่มีผิดพลาดเลยสักจุด
“เราทำได้แล้ว!” วีร์พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“จริงพี่!! พวกเราทำได้ดีมาก” โบ๊ทตอบและยิ้มให้วีร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
ความรู้สึกบางอย่างในใจของคนพี่มันเริ่มทวีคูณขึ้นมาในระหว่างที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย หัวใจของเขาเต้นแรง ความสุขมันเพิ่มมากขึ้น เขาคิดว่าวันนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้บอกความรู้สึกข้างในใจที่เขามีต่อโบ๊ทออกไปสักที ถือซะว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการเฉลิมฉลองความสำเร็จของการแสดงในวันนี้ จากที่เขาสังเกตมาโดยตลอด เขาค่อนข้างที่มั่นใจแล้วว่าคนน้องก็มีใจให้เขาอยู่บ้างเหมือนกัน
หลังจากแสดงความยินดีกับทุกคนในโปรเจ็กต์เรียบร้อย วีร์ก็ชวนโบ๊ท เดินออกไปที่ด้านหลังของตึก อีกฝ่ายดูจะงงๆ อยู่นิดหน่อยที่คนพี่พาเดินมาในมุมลับตาคนแบบนี้แต่ก็ยอมตามออกมาโดยที่ไม่ถามอะไรสักคำ
“มีอะไรหรือเปล่า?” โบ๊ทเอ่ยปากถามขึ้นเมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งมีแสงไฟนีออนดวงเล็กๆ ส่องอยู่
“คือ... เรามีเรื่องอยากบอกอะ”
“หื้ม? อะไรอะ” สายตาของคนน้องมองมาอย่างสงสัย
“อืม...”
“...”
บรรยากาศรอบข้างที่ค่อนข้างเงียบสงบดูเงียบลงกว่าเดิมเมื่อไร้ซึ่งบทสนทนาใดออกจากปากของคนทั้งคู่ มีเพียงแววตาที่สอดประสานกัน วูบหนึ่งดวงตาของวีร์เกิดความสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อยจากความไม่มั่นใจว่าไอ้สิ่งที่ตัดสินใจจะทำอยู่ในตอนนี้ควรจะเดินต่อไปหรือไม่ ไม่รู้ว่าโบ๊ทสังเกตเห็นความอ่อนไหวนั้นไหม แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจให้คนตรงหน้าได้ฟัง
“โบ๊ท...”
“อื้ม ว่า...”
“เราว่า... เรารู้สึกดีกับเธอว่ะ” วีร์กลั้นใจบอกออกไปแบบนั้น น้ำเสียงสั่นเครือเพราะกลัวในคำตอบของอีกฝ่าย
“...”
“แล้วเธออะ รู้สึกไง”
“คือ... จริงๆ เราก็รู้สึกดีกับเธอนะ แต่ว่า...”
“อ่า..” วีร์ได้ยินแบบนั้นก็พอจะเข้าใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่หวังไว้ไม่น่าจะเป็นไปตามที่คิดเสียแล้ว
“รู้สึกดีของเราหมายถึงแบบพี่น้องนะ เธอเป็นพี่ที่ดีสำหรับเราอะ เราไม่ค่อยสนิทกับใคร แล้วก็ไม่ค่อยกล้าเข้าหาคนอื่นก่อน พอมาเจอเธอที่เป็นคนเข้าหาเราก่อน แล้วก็ช่วยดูแลเทคแคร์เราทุกอย่าง เราก็เลยรู้สึกดีมากเลยนะที่มีเธออยู่ข้างๆ อะ”
“...”
วีร์เงียบไป ไม่ได้ตอบอะไรออกมาหลังจากได้ยินคำพูดจากปากของโบ๊ท ทุกอย่างเงียบสงัด ในหัวของเขาไม่รับรู้อะไรอีก หัวใจสั่นรัว ความเสียใจปะทุเข้ามาเต็มอก รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะต้องผิดหวัง แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้าง แต่พอได้เจอความจริงเข้าก็แทบจะล้มทั้งยืนเหมือนกัน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผลลัพธ์ถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาการกระทำของโบ๊ทก็ดูเหมือนจะคิดอะไรๆ กับเขาอยู่เหมือนกัน แต่ทำไมคำพูดของอีกฝ่ายในวันนี้ถึงไม่เป็นไปตามที่เขาคิด เขาได้แต่สับสนอยู่ภายในหัว ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าที่ผ่านมาถ้าไม่ได้คิดอะไร อีกฝ่ายจะทำตัวแบบนั้นกับเขาทำไม
“แล้วที่ผ่านมาเธอทำแบบนั้นทำไมวะ” วีร์ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เธอเป็นพี่ที่ดีสำหรับเราไง”
“พี่ที่ดี?”
“ใช่”
“อืม... เข้าใจละ”
“เข้าใจว่า?”
“เข้าใจว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกันไง” คนพี่ตอบเสียงนิ่งก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไป