ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ - บทที่ 8 ค่ำคืนแห่งความทรงจำ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก

รายละเอียด

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

เปิดเรื่อง 20/09/2024

 

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

สารบัญ

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-Intro บทนำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 1 Love at first sight,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 2 พรหมลิขิตบันดาลชักพา,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 3 ดลให้มาพบกันทันใด,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 4 ไม่ต้องเครียด ทำได้อยู่แล้ว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 5 ความท้าทายบนเส้นทางฝัน,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 6 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 7 ใกล้วันแสดง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 8 ค่ำคืนแห่งความทรงจำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 9 ย้ำให้ชัดอีกสักครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 10 เห็นแก่ตัว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 11 ปมในใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 12 ทางเลือกที่ท้าทาย,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 13 ลองดูใหม่,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 14 เงาของความรู้สึก,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 15 เส้นทางหัวใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 16 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 17 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม 2,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 18 ใกล้ชิดอีกครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 19 ซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 20 ความหลังที่ฝังใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 21 ความรักที่เปิดเผย

เนื้อหา

บทที่ 8 ค่ำคืนแห่งความทรงจำ

หลังจากที่ได้สารภาพความรู้สึกภายในใจของตัวเองไปเมื่อวันเปิดฉากเล่นละครเป็นวันแรก แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ไอ้ที่เคยมั่นใจว่าโบ๊ทรู้สึกแบบเดียวกันกลับกลายเป็นตรงกันข้าม ทำเอาวีร์ถึงกับเป๋ไปพักใหญ่ ตั้งแต่วันนั้นเขาก็พยายามที่จะรักษาระยะห่างระหว่างเขากับโบ๊ทเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย แม้ว่าจะยังคงรู้สึกชอบอีกฝ่ายอยู่เหมือนเดิม แต่ก็เกิดความกังวลใจขึ้นมาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำตัวแบบเดิมต่อไป หรือควรจะพอแค่นี้ดี

            ความจริงวีร์อยากจะได้ความสัมพันธ์ที่มากกว่านี้ เพราะโบ๊ทก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนว่ามีใจให้ คือไม่ใช่แค่เขาคิดไปเองคนเดียว แต่คนรอบข้างของเขาก็เห็นด้วยกับเขาที่ว่าโบ๊ทนั้นทำตัวเหมือนเป็นแฟนกับวีร์ไปแล้วด้วยซ้ำ แต่พอทุกคนได้รู้คำตอบของคนน้องก็พากันงงไปตามๆ กัน

            พี่น้องแบบใด...

            วีร์ใช้เวลาอยู่เป็นสัปดาห์กว่าจะเริ่มทำใจได้ว่าเรื่องราวระหว่างเขากับโบ๊ทคงเป็นได้เพียงเท่านี้ เป็นได้เพียงพี่กับน้อง เป็นได้เพียงคนที่รักเข้าข้างเดียว ไม่อาจจะก้าวข้ามเส้นแบ่งนี้ไปได้ แม้จะรู้แบบนั้นแต่วีร์ก็ยังไม่ถึงกับย่อท้อ เขาไม่อยากจะล้มเลิกไปง่ายๆ ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของเขาในตอนนี้ก็คือ หากเขาอยากได้อะไรแล้ว มันก็ต้องได้ตามนั้น อาจจะช้าหน่อยแต่เขาต้องทำให้ได้

“เหมย มึงเลิกงานกี่โมง” วีร์เอ่ยปากถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย

(ใกล้ละ)

“แดกเหล้ากันไหมเย็นนี้”

(ได้นะ พรุ่งนี้กูหยุด)

“เค เจอกันร้านเดิม”

(มีใครไปมั่ง)

“ตอนนี้มีแค่กูกับมึง”

(เหงาฉิบหาย มีแค่สองคน)

“แล้วมึงจะให้ชวนใคร ทำอย่างกับพวกเรามีเพื่อนเยอะงั้นแหละ”

(ลองชวนเหมือนฝันดูไหม)

“เออ ได้ๆ หลายๆ คนหนุกดี”

(ให้ชวนน้องโบ๊ทด้วยปะ)

“...”

วีร์ถึงกับเงียบไปเมื่อบทสนทนาของเพื่อนสนิทเอ่ยถึงบุคคลที่เขาเพิ่งจะทำใจออกห่างได้ไม่นาน แม้ว่าจะยังเหลือความรู้สึกเจ็บจึ้กอยู่หน่อยๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากการเจอหน้ากันที่โรงละครแล้วนั้น พวกเขาทั้งคู่แทบจะไม่มีโอกาสได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนอกเวลาเลย ใจหนึ่งก็อยากจะมีโมเมนท์ใกล้ชิดเหมือนแต่ก่อน แต่อีกใจก็กลัวทำใจไม่ได้ 

(เอาไง)

“แล้วแต่มึงเลย”

(เคๆ)

เขาโยนความรับผิดชอบในการตัดสินใจให้กับอีกฝ่าย เพราะไม่รู้ว่าควรจะเลือกคำตอบไหน เพราะมันยังคงสับสนอยู่ในใจ ถามว่ายังรู้สึกดี รู้สึกชอบอยู่ไหม คำตอบก็ใช่ แต่ถามว่ากลัวใจตัวเองไหม มันก็ใช่อีก แต่ถ้าถามว่ามันรู้สึกไปจนถึงขั้นรักแล้วหรือยัง คำตอบก็คงไม่ใช่ เขาอยากเห็นหน้าโบ๊ทในทุกวันที่ตื่นขึ้นมา มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน ได้คุยกัน จนอยากจะมีโบ๊ทอยู่ข้างกายตลอดเวลา

คืนนั้นหลังจากที่วีร์ได้ตกลงนัดหมายกับเหมยให้ชักชวนเหมือนฝันกับโบ๊ทไปร้านเหล้าที่มักจะไปกันเป็นประจำ หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นระส่ำ ยิ่งใกล้เวลานัดก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาเสียอย่างนั้น กลัวจะทำตัวไม่ถูกตอนที่ได้เจอหน้าโบ๊ท

หวังว่าคืนนี้จะมีโอกาสทำให้เขาทั้งสองคนกลับมาใกล้ชิดกันได้มากขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เขาเผยความในใจออกไป อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะแย่ลง คืนนี้คงจะพอช่วยแก้ไขระยะห่างของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ได้บ้าง

ทีแรกเขาก็แอบกังวลอยู่ในใจ กลัวว่าโบ๊ทจะไม่มาตามคำชวน เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยพยายามชักชวนไปแล้ว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้ ตั้งแต่รู้ว่าเขาชอบ เขาเลยไม่ได้คาดหวังสักเท่าไหร่ว่าคนน้องจะมาร้านเหล้าในค่ำคืนนี้ แต่พอเหมยไลน์กลับมาบอกว่าโบ๊ทตอบตกลงที่จะมา เพียงเท่านั้นทุกอย่างก็ดูลนไปเสียหมดสำหรับวีร์

พอถึงเวลาวีร์กับเหมยก็มาถึงที่ร้านเดินเข้าไปยังโต๊ะที่ได้โทรจองเอาไว้  ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นใจ เพราะเขาดันได้โต๊ะด้านในสุดของร้าน ค่อนข้างที่จะมีความเป็นส่วนตัวกว่าโต๊ะอื่นๆ 

ไม่นานเหมือนฝันก็มาถึง เขาเดินเข้าไปสมทบที่โต๊ะนั้นก่อนที่โบ๊ทจะตามเข้ามา คนน้องเดินเข้าไปที่โต๊ะด้วยท่าทีที่ดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน ความอยากรู้อยากเห็นฉายประกายชัดในแววตาของเขา เสียงเพลงดังกระหึ่มเคล้าคลอกับเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของบรรดาลูกค้าภายในร้าน สองขาของโบ๊ทมาหยุดที่โต๊ะพร้อมทักทาย

“หวัดดีครับ” โบ๊ทกล่าวพร้อมยกยิ้ม

ทุกคนรีบจัดแจงที่นั่งให้รุ่นน้องในทันที ตอนแรกเหมือนฝันนั่งอยู่ข้างวีร์ แต่พอโบ๊ทมาถึงเขาก็เหมือนจะรู้หน้าที่ว่าต้องทำยังไง จึงรีบลุกแล้วย้ายก้นของตัวเองไปนั่งข้างเหมยทันที ส่วนวีร์ก็ขยับเข้าไปด้านในให้มีที่ว่างเพิ่มมากขึ้น ก่อนที่โบ๊ทจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เขา 

สายตาของทั้งเหมยและเหมือนฝันดูเลิ่กลั่กขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า วีร์กลัวว่าโบ๊ทจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจึงรีบเบี่ยงเบนความสนใจของโบ๊ทในทันทีด้วยการยื่นแก้วเครื่องดื่มในมือไปตรงหน้าของคนข้างๆ พออีกฝ่ายหันมามองก็ยกยิ้มบางๆ ให้

“เธออยากดื่มอะไรหรือเปล่า” วีร์ยื่นหน้าเข้าไปเอ่ยถามข้างใบหูของโบ๊ทเพราะเสียงในร้านค่อนข้างดังมาก

“เบียร์ก็ได้”

“โอเค รอแป๊บ” วีร์ตอบรับพร้อมยกมือเรียกพนักงานในร้านมารับออเดอร์ในทันที

ไม่นานเบียร์หนึ่งทาวเวอร์ใหญ่ก็มาเสิร์ฟ ทำเอาทุกคนในโต๊ะตกใจ ไม่คิดว่าวีร์จะสั่งมาจัดเต็มขนาดนี้ คิดว่าจะแค่นั่งเล่นจิบชิลๆ แล้วก็กลับ แต่ก็ไม่ได้มีใครแย้งอะไรเพียงแต่แสดงความตกใจออกมาจากนั้นก็เลยตามเลย

ตลอดทั้งคืนทั้งเหมยและเหมือนฝันไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้สังเกตเห็นท่าทีที่วีร์และโบ๊ทมีต่อกันได้ ยิ่งมีแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือด ทั้งคู่ก็ยิ่งดูจะปล่อยตัวปล่อยใจมากกว่าเดิม เคมีระหว่างทั้งสองคนแสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดจากการหยอกล้อและสายตาที่สบประสานกัน เหมยและเหมือนฝันหันมองหน้ากันอยู่หลายครั้งอย่างรู้กัน เวลาที่พวกเขาเห็นวีร์กับโบ๊ทใกล้ชิดกันเป็นพิเศษ

“ไอ้วีร์ ทำไมดูใกล้ชิดกับโบ๊ทจังเลยนะวันนี้” เหมยพูดหยอก

“หยุดดิ๊! เลิกแซว” วีร์ตอบพลางหัวเราะเขิน

ระหว่างที่ทุกคนกำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะด้วยท่าทีราวกับรู้จักกับใครสักคนในโต๊ะนี้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้สิ้นสงสัย เจ้าตัวก็เอ่ยปากทักขึ้นมาในทันที 

“โบ๊ท!” 

“เอ้า!! ลิน มาได้ไงเนี่ย...” เจ้าของชื่อเอ่ยทักกลับด้วยท่าทีดูแปลกไปเล็กน้อย 

“โบ๊ทนั่นแหละมาได้ไง ไหนบอกไม่ว่าง” ลินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“อ่อ... ก็มาดื่มกับ... เพื่อนไง” 

“อ่อ งั้นก็สนุกต่อเหอะ ลินไม่กวนละ” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปจากตรงนั้นกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง จากรอยยิ้มกว้างที่เดินเข้ามาเอ่ยทักก็หุบเล็กลงโดยอัตโนมัติ ทิ้งโบ๊ทให้รู้สึกประหม่าอยู่อย่างนั้น

“เป็นไรไป” วีร์เอ่ยถามขึ้นทันทีเพราะสังเกตเห็นความผิดปกตินั้น

“เปล่าๆ”

“ไม่จริง”

“กลัวเจอคนรู้จักอีกอะ ไม่ค่อยอยากเจอ” โบ๊ทตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก

หลังจากนั้นท่าทีของโบ๊ทก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยดูใกล้ชิดกุ๊กกิ๊กกับวีร์ก็เริ่มระวังท่าทางมากขึ้น ราวกับกลัวว่าจะมีใครมาเห็น วีร์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้แต่ตัดสินใจปล่อยอีกฝ่ายไปก่อนโดยไม่ได้คะยั้นคะยอถามอะไรให้มากความอีก

ค่ำคืนนั้นยังคงดำเนินต่อไป และแอลกอฮอล์ก็เริ่มทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ วีร์และโบ๊ทต่างก็เริ่มเมา ส่วนเหมยกับเหมือนฝันก็ไม่แพ้กัน เสียงดนตรีในร้านยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แสงไฟสลัวทำให้ต้องเพ่งสายตามองหนักกว่าเก่า โบ๊ทเอนหัวมาพิงเข้าที่ไหล่ของวีร์ทำเอาคนพี่สะดุ้งตกใจเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวขึ้นมาในทันที

“เธออ เราว่าเราเมาแล้วว่ะ” โบ๊ทเอ่ยปากพูดพร้อมหัวเราะร่วน

“อ่อนว่ะ”

“ทำอย่างกับเธอไม่เมา”

“ก็เมานิดนึง” วีร์ตอบพร้อมพยายามก้มหน้าอีกฝ่ายที่นอนซบไหล่ของเขาอยู่

“ปวดฉี่ง่ะ” น้ำเสียงอ้อนหลุดออกมาจากปากของคนน้องก่อนที่เขาจะยกหัวขึ้นมา แววตาจ้องมองที่คนพี่อย่างขอร้อง

“ก็ไปห้องน้ำดิ”

“เมาแล้ว เดินไม่ไหว”

“หรือจะให้เราพาไป” วีร์เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก

“อื้อ!” 

โบ๊ทพยักหน้ารับ วีร์ถอนหายใจเฮือกหนึ่งออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วออกแรงดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนตาม เหมยกับเหมือนฝันเห็นแบบนั้นก็อดจะเอ่ยถามออกมาไม่ได้ อยู่ๆ ก็ทำเหมือนจะลุกไปกันสองคนโดยไม่เอ่ยปากบอกสักคำ

“จะไปไหนอะ” เหมยถามโพล่งขึ้นมาในทันที

“ห้องน้ำ” วีร์ตอบสั้นๆ แค่นั้นแล้วพาโบ๊ทเดินออกไป

            ทั้งคู่เดินไปห้องน้ำด้วยกัน เสียงพูดคุยหัวเราะดังก้องไปตามทางเดิน เมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็ดูเหมือนว่าจะมีใครดลใจให้บรรยากาศมันดูเงียบผิดปกติ โดยทั่วไปร้านเหล้าห้องน้ำมักจะมีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะไม่มีแขกคนอื่นๆ แต่ในเวลานี้บรรยากาศมันกลับเป็นใจให้พวกเขาได้ใช้เวลากันสองต่อสอง

            ภายใต้ความเงียบสงัดนั้น สายตาของทั้งสองคนจ้องมองกันนิ่ง ลมหายใจของทั้งคู่หอบแรง ชั่วขณะหนึ่งดวงตาของวีร์เคลื่อนลงไปมองที่ริมฝีปากของโบ๊ท ก่อนจะตัดสินใจก้มลงไปกดจูบอีกฝ่ายเบาๆ โดยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้า

            จุ๊บ!

            โบ๊ทตอบสนองด้วยการจูบกลับอย่างเร่าร้อน ไม่รู้ว่าด้วยความเมาจากแอลกอฮอล์หรือมีอารมณ์ร่วมไปกับวีร์กันแน่ รอบข้างเงียบสงบจนได้ยินเสียงจูบของพวกเขา จูบนั้นเริ่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น โลกภายนอกเหมือนหยุดนิ่งแล้วเหลือแค่เพียงเขาสองคน 

            มือหนาของวีร์ยกขึ้นคว้าลำคอของโบ๊ทเอาไว้เพื่อประคองใบหน้าของอีกฝ่ายให้มั่น จะได้ไม่ขยับหนีระหว่างที่พรมจูบ ไม่นานฝ่ามืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ค่อยๆ วางไปสัมผัสที่หน้าอกของคนตรงหน้าแล้วเริ่มลูบไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดตรงอยู่บริเวณหัวเข็มขัด เขานิ่งคิดไปอยู่ชั่วขณะเพราะไม่แน่ใจว่าควรไปต่อหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจล้วงมือเข้าไปสัมผัสสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงยีนสีดำตัวที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่

อื้อ

โบ๊ทส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามการกระทำนั้น มือหนาลูบคลึงสิ่งที่อยู่ภายในร่มผ้าจนมันเริ่มขยายตัวขึ้นทีละนิด ความตื่นตัวของสิ่งนั้นเรียกอารมณ์ราคะของทั้งโบ๊ทและวีร์ขึ้นมาได้มากกว่าเดิม

ระหว่างนั้นมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคู่จึงผละออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจและรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ความเป็นจริงของความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็ชัดเจนกว่าเก่า เพราะมีคนพูดกันว่าจูบไม่เคยโกหกใคร และจูบที่พวกเขาเพิ่งจะแลกเปลี่ยนกันไปเมื่อครู่ได้บอกความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ในห้วงความรู้สึกนั้นวีร์และโบ๊ทรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาได้เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ลึกซึ้งขึ้นอย่างแท้จริง