ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ - บทที่ 10 เห็นแก่ตัว โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก

รายละเอียด

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

เปิดเรื่อง 20/09/2024

 

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

สารบัญ

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-Intro บทนำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 1 Love at first sight,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 2 พรหมลิขิตบันดาลชักพา,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 3 ดลให้มาพบกันทันใด,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 4 ไม่ต้องเครียด ทำได้อยู่แล้ว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 5 ความท้าทายบนเส้นทางฝัน,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 6 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 7 ใกล้วันแสดง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 8 ค่ำคืนแห่งความทรงจำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 9 ย้ำให้ชัดอีกสักครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 10 เห็นแก่ตัว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 11 ปมในใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 12 ทางเลือกที่ท้าทาย,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 13 ลองดูใหม่,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 14 เงาของความรู้สึก,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 15 เส้นทางหัวใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 16 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 17 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม 2,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 18 ใกล้ชิดอีกครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 19 ซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 20 ความหลังที่ฝังใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 21 ความรักที่เปิดเผย

เนื้อหา

บทที่ 10 เห็นแก่ตัว

วีร์นั่งอยู่ในห้องของเขา เพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความคิดที่สับสน ความน้อยใจยังคงตกค้างอยู่ภายในห้วงความรู้สึกของเขา คำว่าพี่น้องจากปากของโบ๊ท ไม่ว่าจะได้ยินอีกสักกี่ครั้งก็ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ชินสักที

เขาพยายามจะทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่อยากให้ตัวเองต้องมานั่งคิดวนเวียนเรื่องของโบ๊ท แต่ทุกครั้งที่เขาหยุดพักเพื่อผ่อนคลาย ความคิดก็มักจะวนกลับมาหาโบ๊ทอยู่เสมออย่างปฏิเสธไม่ได้

เห้ออ!

วีร์ถอนหายใจเมื่อคิดถึงความสนิทสนมของพวกเขาก่อนที่ทุกอย่างจะซับซ้อนขึ้นเหมือนในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติที่เขาจะหลบหน้าใคร แต่หลังจากที่บอกความในใจกับโบ๊ทไป แล้วได้รับคำตอบแค่ให้เป็นพี่น้องกันต่อไป มันทำให้วีร์รู้สึกเจ็บปวด คำตอบนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธ และความรู้สึกนั้นก็เจ็บปวดเกินกว่าที่เขาจะทนไหว วีร์จึงตัดสินใจที่จะถอยห่าง แม้ว่าจะทำได้ยากก็ตาม

พอวันเวลาผ่านไป ความอดทนของวีร์ก็เริ่มลดลง เขาคิดถึงโบ๊ทมากกว่าที่เขาจะยอมรับได้ แต่ทุกครั้งที่โบ๊ทพยายามจะคุยกับเขา วีร์ก็หาทางเลี่ยงออกไปหรือไม่ก็แค่เงียบเฉย ไม่ตอบโต้บทสนทนาใดๆ กลับไป กลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดอยู่เหมือนกัน แต่ก็หวังว่าโบ๊ทจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ทำแบบนี้

เพราะยิ่งใกล้ก็ยิ่งทำให้วีร์รู้สึกเจ็บปวด คำว่าพี่น้องมันยังคงวนเวียนย้ำชัดในหัวของเขาทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าโบ๊ท

เมื่อวันเกิดของโบ๊ทใกล้เข้ามา ความคิดของวีร์ก็ยิ่งวุ่นวาย เขาอยากจะทำอะไรพิเศษให้โบ๊ท แต่ความรู้สึกโกรธและผิดหวังก็ทำให้เขาไม่อยากไปพูดกับโบ๊ทโดยตรง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจขอให้เหมยเพื่อนสนิทของพวกเขาช่วย

 

พวกเขานัดพบกันที่ร้านคาเฟ่แอนด์บาร์ที่พวกเขาชอบไปด้วยกันเป็นประจำ สถานที่นั้นมีบรรยากาศอบอุ่นและน่ารักด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และแสงไฟสลัวๆ ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กลิ่นหอมของกาแฟสดที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ ลอยขึ้นมาผสมกับกลิ่นขนมอบที่อบอยู่ในเตา วีร์มองเหมยที่กำลังจิบเครื่องดื่ม เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอของเขา

“มึงแน่ใจนะว่าจะไม่ชวนน้องโบ๊ทด้วยตัวมึงเองอะ” เหมยถามพร้อมเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย

วีร์ส่ายหน้าพร้อมหลบสายตาอีกฝ่าย “กูยังไม่กล้าคุยกับมันอะ ยังหน่วงๆ อยู่เลย เอาเข้าจริงก็แอบโกรธนิดๆ ทำมาเป็นบอกว่าเป็นได้แค่พี่น้อง อีห่า! การกระทำของมันกับกูเหมือนพี่น้องมากมั้ง เลยไม่อยากคุยด้วย แต่ก็วันเกิดมันอะมึง กูแอบอยากมีโมเมนต์ทำอะไรสักอย่างให้น้องมัน”

“เห้อ...” เหมยถอนหายใจยาว พลางมองเพื่อนสนิทตัวดีของเธอด้วยหางตา จะโกรธก็โกรธไม่ลง นานๆ ทีจะเห็นวีร์เป็นบ้าเป็นหลังกับเรื่องความรักได้มากขนาดนี้

“แต่ก็แล้วแต่ มึงจะไม่ชวนก็ได้ กูไม่ได้ว่าอะไร”

“...” เหมยกอดอกมองเมื่อเพื่อนข้างกายเริ่มเอ่ยปากตัดพ้อ

“เพื่อนกันมันก็วัดกันตรงนี้แหละ”

“ค่า!!! เดี๋ยวกูจะลองชวนให้ อีห่า! มาทำเป็นรับบทดราม่า เดี๋ยวกูจะทุบให้”

“แหะๆ แต๊งกิ้วเพื่อนรัก” วีร์ยิ้มเจื่อนพลางโผเข้ากอดเพื่อนสาวแน่น

“แต่มีข้อแม้นะ ตอนที่น้องโบ๊ทมาถึง มึงห้ามหนีไปซ่อนล่ะ”

“เออ! ก็กูเป็นคนอยากให้มันมา กูจะหลบหน้ามันทำไม อีนี่ก็พูดแปลกๆ”

เย็นวันนั้น วีร์ เหมย และเหมือนฝันพากันมาที่ร้านคาเฟ่แอนด์บาร์ ร้านในวันนี้คนเยอะกว่าปกติ เพราะเป็นวันหยุด ลูกค้าเต็มร้านต่างคุยกันและหัวเราะสนุกสนาน วงดนตรีสดก็บรรเลงไปเรื่อยๆ ยิ่งสร้างบรรยากาศให้กับร้านได้เป็นอย่างดี 

วีร์มองไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวายใจ รอเวลาให้โบ๊ทมาถึง ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น โบ๊ทก็เดินเข้ามาในร้าน ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อยที่เห็นทุกคนอยู่ที่นี่ 

“หวัดดีครับ”

โบ๊ทยิ้มเล็กน้อยพร้อมเอ่ยทักทายทุกคน ก่อนที่สายตาของเขาจะหยุดอยู่ที่วีร์ คนโดนมองรู้ตัวก็รีบหันหน้าหนี แกล้งทำเป็นยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่คนน้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาเดินเข้ามานั่งข้างๆ คนพี่ที่ในตอนนี้ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่างกายเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ

“พี่วีร์..”

“หะ... หื้ม?” 

“เราคุยกันได้ใช่ไหมครับ” โบ๊ทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด

วีร์มีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็ตอบตกลง พวกเขาทั้งสองลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอกร้าน ที่ซึ่งอากาศเย็นสบายของยามค่ำคืนเข้ามาสัมผัสใบหน้าคนทั้งคู่ เสียงจากภายในร้านเริ่มเบาลงเมื่อพวกเขาเดินห่างออกมาแล้วยืนอยู่ในความเงียบ ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนรู้สึกได้ชัดเจนในทันที

“พี่เป็นอะไร ทำไมหลบหน้าผมตลอดเลย” โบ๊ทเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้วด้วยความกังวล

วีร์สูดลมหายใจเข้าลึก หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากโต้ตอบกลับไป “เราบอกความในใจไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมาคือให้เราเป็นพี่น้องกัน...”

“...” โบ๊ทนิ่งฟัง

“มันเหมือนเธอไม่สนใจความรู้สึกของเราเลย”

สีหน้าของโบ๊ทอ่อนลง เขาก้าวเข้ามาใกล้วีร์ “ผมสนใจนะพี่ ความรู้สึกของพี่น่ะ แต่...”

“แต่อะไร”

“แต่ผมยังไม่พร้อม สำหรับความสัมพันธ์แบบนั้นอะ พี่เป็นคนน่ารัก แล้วพี่ก็ดีกับผมมาก ผมก็แค่อยากให้พี่อยู่ในชีวิตของผม แต่...ไม่ใช่ในรูปแบบนั้น ในตอนนี้อะ”

วีร์รู้สึกผสมปนเประหว่างความโกรธ ความหงุดหงิด และความเศร้า “เธอมันเห็นแก่ตัว!”

“เอ้า! แล้วผมทำไรผิดอะ” ทันทีที่โดนด่า โบ๊ทก็เถียงกลับอย่างไม่เข้าใจ

“เธออยากให้เราอยู่ใกล้ ๆ แต่เธอไม่อยากให้ในสิ่งที่เราต้องการ แล้วมันยุติธรรมตรงไหน?”

            “...”

            “แบบนี้มันไม่เรียกว่าเห็นแก่ตัว แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?” เสียงของวีร์เริ่มแข็งขึ้นทุกทีตามอารมณ์โกรธที่เริ่มปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

โบ๊ทไม่มีคำตอบในทันที เขาก้มหน้าลงชั่วครู่ ก่อนที่เหมยและเหมือนฝันจะเดินออกมาร่วมวงด้วยเมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น

“พวกมึง... กำลังสนุกเลย อย่าทำให้บรรยากาศคืนนี้มันเสียเลยนะ” เหมือนฝันพยายามเอ่ยพูดพร้อมทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม “นี่มันวันเกิดของโบ๊ทนะ”

เหมยพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย “ใช่ๆ กลับเข้าไปข้างในแล้วสนุกกันต่อดีกว่าเนอะ”

“จริง ยังมีเค้กรอให้เป่าอยู่นะ” เหมือนฝันเสริม พลางแสดงสีหน้าตื่นเต้นเพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศตึงเครียดตรงหน้า

วีร์กับโบ๊ทเดินตามเพื่อนๆ กลับเข้าไปข้างในอย่างไม่เต็มใจ บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย แต่เหมยกับเหมือนฝันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การสนทนาไหลลื่น เมื่อเค้กถูกนำออกมา ทุกคนร่วมกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้โบ๊ท วีร์พยายามยิ้มแต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง

หลังจากที่เค้กถูกแบ่งและทุกคนได้รับส่วนของตัวเองแล้ว พวกเขาก็เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้าน วีร์ยังคงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มองโบ๊ทที่กล่าวขอบคุณทุกคนที่มา เมื่อโบ๊ทเดินเข้ามาหา วีร์ก็ยิ้มให้เล็กน้อยแม้ว่าจะดูฝืนไปหน่อยก็ตาม

“สุขสันต์วันเกิดนะ” วีร์เอ่ยพูดขึ้นมาเบาๆ

“ขอบคุณมากนะครับ ที่จัดวันเกิดให้” โบ๊ทเอ่ยตอบ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้

วีร์พยักหน้าไม่กล้าพูดอะไรต่อ ขณะที่เขาหันหลังกำลังจะเดินจากไป โบ๊ทก็คว้าแขนของเขาไว้ ทำให้เขาต้องหยุดเดินก่อนจะหันหลังกลับมามอง

“หื้ม?”

“เราจะหาทางออกเรื่องนี้กันได้ใช่ไหมพี่” โบ๊ทพูด เสียงของเขาเบาแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน

วีร์มองหน้าโบ๊ทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอีกครั้งแล้วดึงแขนออก สองขายาวก้าวเดินออกไปในยามค่ำคืน อากาศเย็นเข้ามาสัมผัสใบหน้า เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามเคลียร์ความคิดในหัว เขาไม่รู้ว่าอนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่ๆ นั่นก็คือพวกเขาจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว