ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาบอกผมไม่มีหัวใจความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เปิดเรื่อง 20/09/2024
ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เช้าวันนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นเช้าธรรมดา โบ๊ทนั่งอยู่ในห้องเรียนของคณะพร้อมกับกองหนังสือที่วางระเกะระกะบนโต๊ะ เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาเรียนที่คณะ โชคดีที่อาจารย์เข้าใจว่าติดภารกิจในการทำงานซึ่งเขาก็ทำเรื่องยื่นใบลาอย่างถูกต้อง อะไรๆ ก็เลยดูเหมือนว่าจะไม่ติดขัด แต่ที่วันนี้เขาสามารถกลับมานั่งเรียนในห้องนี้พร้อมกับเพื่อนๆ ได้ก็เพราะว่าการแสดงละครเวทีมีการประกาศหยุดพักการแสดงเนื่องจากเพื่อนนักแสดงคนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุระหว่างทำการซักซ้อมจนบาดเจ็บต้องใส่เฝือกที่ขา ทำให้การแสดงไม่สามารถทำเดินการต่อไปได้ ผู้กำกับจึงต้องตัดสินใจประกาศหยุดพักเพื่อรอให้นักแสดงหายดีแล้วค่อยกลับมาจัดการแสดงใหม่อีกครั้ง
ภายนอกหน้าต่างมีแสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านเข้ามาให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ในใจของโบ๊ทกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจนิยามได้ เขานั่งมองไปยังกลุ่มเพื่อนที่กำลังพูดคุยกันเสียงดังอย่างสนุกสนาน แต่เสียงหัวเราะเหล่านั้นกลับดูเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลแสนไกล เพราะในหัวของเขายังคงคิดถึงเรื่องของวีร์อยู่ตลอดเวลา
โบ๊ทเอามือจับปากกาในมือแต่ไม่ได้เขียนอะไรลงไปบนกระดาษ ความคิดของเขาถูกดึงไปยังความสัมพันธ์ที่เคยสนิทสนมกับวีร์ คนที่เขาเคยคิดว่าเป็นเพื่อนเป็นพี่สนิทที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเขาทั้งสองค่อยๆ ห่างเหินกันไปเรื่อยๆ ความรู้สึกนี้ทำให้โบ๊ทรู้สึกท้อแท้และหวั่นไหวในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ลิน เพื่อนสนิทของโบ๊ทซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ สังเกตเห็นท่าทางที่ไม่เป็นปกติของเพื่อนสนิทตัวเอง เธอเอื้อมมือแตะที่แขนของเขาเบาๆ เพื่อดึงเขากลับมาจากความคิดที่ล่องลอย
“โบ๊ท เป็นอะไรหรือเปล่า? เราเห็นแกเหม่อๆ มาตั้งแต่เช้าแล้ว มีอะไรที่แกอยากจะเล่าให้เราฟังไหม?”
โบ๊ทหันมามองลิน ดวงตาของเขาดูเหนื่อยล้าและแฝงไปด้วยความกังวล “เราแค่กำลังคิดถึงพี่วีร์...”
“พี่วีร์?”
“คนที่เล่นละครเวทีคู่กับเราอะ”
“อ๋อ... ทะเลาะกันเหรอ”
“ก็ไม่เชิง”
“...”
“เราคิดถึงตอนที่เรากับพี่เขาสนิทกันมากกว่านี้ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เรารู้สึกว่าเรากำลังจะห่างกันไปเรื่อยๆ”
ลินฟังแล้วรู้สึกเศร้าแทนเพื่อนของเธอ เธอรู้ดีว่าโบ๊ทกับวีร์เคยสนิทกันมากแค่ไหน และการที่ต้องเห็นเพื่อนของเธอท้อแท้แบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
“บางทีแกอาจจะต้องลองพูดคุยกับพี่วีร์เขาให้ชัดเจนไปเลยนะ แค่เรื่องงานก็ได้ อย่างน้อยมันจะเป็นข้ออ้างให้แกได้คุยกับเขาอีกครั้ง และอาจจะทำให้แกรู้สึกดีขึ้น”
โบ๊ทฟังคำแนะนำของลินแล้วรู้สึกว่ามันก็ฟังดูจะมีเหตุผลอยู่บ้าง เขารู้ดีว่าถ้าเขายังปล่อยให้ความสัมพันธ์นี้ค้างคาอยู่แบบนี้ มันจะทำให้เขารู้สึกแย่ลงทุกวัน เขาตัดสินใจว่าจะลองทำตามที่เพื่อนสาวคนสนิทของเธอแนะนำ
บ่ายวันนั้น หลังจากได้เวลาเลิกเรียน โบ๊ทก็เดินตามหลังอาจารย์ออกจากคลาสไปติดๆ เขามุ่งตรงไปยังโรงละคร ระหว่างทางเขาพยายามรวบรวมความกล้าและคิดทบทวนคำพูดที่เขาจะใช้ในการพูดคุยกับวีร์ แม้ว่าจะเป็นเรื่องงาน แต่เขาก็รู้สึกประหม่าอยู่ดี
เมื่อมาถึงโรงละคร โบ๊ทพบว่าบรรยากาศในวันนี้ดูเงียบสงบกว่าปกติ แสงแดดสาดส่องเข้ามาผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องพักด้านหลังโรงละคร ทำให้เห็นฝุ่นที่ลอยค้างในอากาศ โต๊ะที่วางกระจายอยู่ในห้องเต็มไปด้วยกระดาษที่มีข้อความเขียนไว้เกี่ยวกับการแสดงและฉากต่างๆ เขาหันไปเห็นวีร์นั่งอยู่คนเดียวที่มุมห้องและกำลังจดบันทึกอะไรบางอย่างลงบนกระดาษด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ เขายืนมองคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหา
“เอ่อ... พี่วีร์”
“...” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยอะครับ เกี่ยวกับการแสดง พอจะมีเวลาสักครู่ไหมครับ”
วีร์ได้ฟังก็นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะหันมองซ้ายขวาแล้วกลับมาจ้องหน้าอีกฝ่าย แม้จิตใจของเขาจะเข้มแข็งเพียงใด แต่แววตาลูกหมาขี้อ้อนตรงหน้านี้ทำเอาเขาใจอ่อนได้ทุกครั้ง ไม่เคยจะต้านทานได้ เขารู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของโบ๊ทที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ
“อ่า...”
“ช่วยผมหน่อยนะพี่วีร์”
“อื้อ... ได้ดิ ให้ช่วยไรอะ”
อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะเล่นตัวต่ออีกสักนิดหน่อย แต่เจอลูกอ้อนของโบ๊ทเข้าไป ทำเอาหัวใจของเขาอ่อนยวบยาบแทบไปไม่เป็น ตกปากรับคำไปอย่างง่ายดาย ไม่มีอีกแล้วพ่อหนุ่มฟอร์มจัด
“คือผมรู้สึกไม่มั่นใจในการแสดงในบางฉากอะพี่ ก็เลยคิดว่าถ้าได้คำแนะนำจากพี่ ผมอาจจะทำได้ดีขึ้นกว่านี้ พี่พอจะช่วยแนะนำผมหน่อยได้ไหม”
“ไม่มั่นใจ? เล่นมาตั้งหลายรอบแล้วนะ จะมาไม่มั่นใจอะไรอีก”
“ก็....” โบ๊ทลังเลเล็กน้อยเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ว่านั่นเป็นแค่เพียงข้ออ้างในการกลับมาคุยกับอีกฝ่าย
“เออ แต่ก็เข้าใจได้แหละ ทำได้ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำได้ดีนี่เนอะ”
“ใช่ๆๆๆ” คนน้องพยักหน้ารัวๆ เห็นด้วย
วีร์รู้สึกว่าใจของเขากำลังสั่นไหวเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามรักษาความสงบในน้ำเสียงไว้ได้อย่างดี ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังดีอกดีใจ
“แล้วฉากไหนที่เธอรู้สึกว่าไม่มั่นใจอะ เรามาเริ่มจากตรงนั้นกันเถอะ”
โบ๊ทเริ่มแสดงฉากที่เขารู้สึกไม่มั่นใจ โดยมีวีร์ยืนอยู่ข้างๆ คอยแนะนำและปรับแก้ท่าทางให้ การแสดงที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลของคนน้องเริ่มมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่อย่างวีร์
คนอายุมากกว่ายืนดูคนน้องที่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการแสดง และเขาก็รู้สึกว่าโบ๊ทมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในทุกๆ นาทีที่ผ่านไป การที่เขาได้กลับมาคุยกับโบ๊ทอีกครั้งทำให้ความรู้สึกเก่าๆ ที่เคยซ่อนอยู่ในใจเริ่มหวนคืนมา
ความรู้สึกที่เขาเคยมีต่ออีกฝ่ายยังคงไม่หายไปไหน แต่เขาพยายามที่จะไม่แสดงออกมามากเกินไป เพราะไม่อยากเสียฟอร์ม แม้ในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป
หลังจากการฝึกซ้อมเสร็จสิ้น วีร์หันมาหาโบ๊ทและพูดอย่างจริงจัง “โบ๊ท... เอาจริงๆ เธอทำได้ดีมากแล้วนะ อาจจะฝึกเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยเพื่อให้เก่งขึ้นกว่านี้ได้ในอนาคต แต่สิ่งสำคัญเลยก็คือ...เธอต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วย”
“ขอบคุณมากนะพี่ ผมมั่นใจขึ้นเยอะเลย” โบ๊ทยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในหลายวันที่ผ่านมา
หลังจากการฝึกซ้อมเสร็จ โบ๊ทกลับมาหาลินที่ร้านอาหารตามสั่งที่พวกเขามักจะมากินด้วยกันเป็นประจำ ลินนั่งรออยู่พร้อมกับหนังสือเล่มใหญ่ในมือ เธอยิ้มเมื่อเห็นโบ๊ทเข้ามา
“เป็นไงบ้าง”
โบ๊ทหย่อนตัวนั่งลงข้างเพื่อนสนิท ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องซ้อม
“เราได้ลองคุยกับพี่วีร์ละ รู้สึกมั่นใจขึ้น แต่มันก็ทำให้เรารู้ว่าเรายังรู้สึกดีกับพี่เขาอยู่เหมือนเดิม แต่เราก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปอะ”
ลินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือโบ๊ท “แกต้องเปิดใจให้มากกว่านี้ แกไม่ต้องกลัว ถ้าแกรู้สึกว่าชอบเขา ก็แค่บอกเขาไปตรงๆ พี่วีร์เขาชอบแกอยู่แล้วรู้ๆ กันอยู่ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลย”
พอโบ๊ทได้ฟังคำแนะนำของลินแล้ว ก็เริ่มเกิดความคิดที่ว่าเขาควรทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้ความรู้สึกนี้ติดค้างอยู่ในใจเขาต่อไป
เขากลับมานั่งอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงนาฬิกาเดินเท่านั้นที่ดังอยู่ เขานึกถึงคำพูดของลินในหัว โบ๊ทรู้ดีว่าเพื่อนตัวเองพูดถูก ถ้าเขายังเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวีร์อาจจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดแอปพลิเคชันแชต เขาพิมพ์ข้อความถึงวีร์ด้วยหัวใจที่เต้นแรง
Boat : พี่วีร์...
Boat : ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับกับพี่
Boat : เรามาเจอกันได้ไหม
เขารู้ว่าการตัดสินใจนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่มันคือสิ่งที่เขาต้องทำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โบ๊ทรู้ว่าเขาไม่สามารถเก็บความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไป