ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาบอกผมไม่มีหัวใจความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เปิดเรื่อง 20/09/2024
ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
บรรยากาศในห้องซ้อมละครเวทีที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน ตอนนี้กลับดูเงียบเหงาและตึงเครียดไปพร้อมกัน วีร์ยืนมองโบ๊ทที่กำลังพยายามซ้อมบทของตัวเอง แต่ก็ไม่อาจซ่อนความหงุดหงิดในแววตาของตัวเองได้ สายตาของวีร์เองก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายในใจ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกรักที่ยังคงมีอยู่และความเจ็บปวดที่เขาพยายามฝืนทนเอาไว้
เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างรู้สึกถึงความตึงเครียดนี้ และพยายามทำให้บรรยากาศกลับมาสดใสเหมือนเดิม โดยเฉพาะลินที่พยายามเป็นสะพานเชื่อมระหว่างวีร์และโบ๊ท แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีบทบาทในโปรเจ็กต์ละครเวทีเรื่องนี้ แต่เธอก็เคยตามมาหาโบ๊ทอยู่บ่อยๆ ในช่วงซ้อมก่อนหน้าที่จะเริ่มแสดงจริง นักแสดงหลายๆ คนจึงค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี
ลินรอเวลาจนถึงช่วงเวลาพักเบรค เธอเดินเข้าไปหาวีร์ที่กำลังเก็บของ วีร์เงยหน้าขึ้นมามองลินอย่างรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก่อนที่ลินจะพูดอะไร วีร์ก็กลับหันไปเก็บของต่อ
“พี่วีร์คะ... หนูอยากคุยกับพี่เรื่องโบ๊ทหน่อย”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองลินด้วยแววตาจริงจัง “ไม่ใช่เรื่องของเราหรอกน้องลิน ถ้าโบ๊ทเขาอยากพูดอะไรก็ให้เขามาคุยเอง พี่ไม่อยากฟังเรื่องนี้จากใครทั้งนั้น”
แม้ว่าลินพยายามจะพูดต่อ แต่เห็นได้ชัดว่าวีร์ไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับโบ๊ทอีก เธอจึงถอยกลับและทิ้งวีร์ไว้ในห้องซ้อมเพียงลำพัง
เสียงนาฬิกาในห้องซ้อมละครเวทีดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่บรรยากาศรอบตัวดูเงียบเหงาและอึดอัด วีร์ยังคงนั่งอยู่ที่มุมห้อง สายตาเฉยชามองไปยังโบ๊ทที่กำลังซ้อมบทอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ทั้งสองเคยสนิทสนมกันจนแทบจะเรียกว่าเป็นเงาของกันและกัน แต่วันนี้ทุกอย่างกลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
โบ๊ทดูไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำ เขากลายเป็นคนที่ไม่มีสมาธิในการซ้อม ทั้งยังพูดผิดบทไปหลายครั้งจนผู้กำกับต้องเข้ามาตำหนิเสียงดัง เพื่อนๆ ในกลุ่มได้แต่มองโบ๊ทด้วยความเห็นใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปพูดอะไรในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้
“โบ๊ท... อย่าลืมจังหวะนะ” ผู้กำกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล “นายต้องมุ่งมั่นกว่านี้ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะพักเบรครอเพื่อนในทีมหายดี แต่ถ้านายยังทำแบบนี้อยู่ ตอนกลับไปเปิดแสดงอีกรอบ งานของพวกเราคงไปไม่รอดแน่ๆ”
โบ๊ทได้แต่พยักหน้ารับ เขารู้สึกถึงความกดดันที่มากขึ้นทุกครั้งที่พูดผิดบท มันเหมือนกับว่าความมั่นใจของเขาหายไปพร้อมกับความสนิทสนมที่เคยมีกับวีร์
หลังจากการซ้อมสิ้นสุดลง โบ๊ทยังคงนั่งอยู่ที่มุมห้อง เขาไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่อยู่ในใจ สายตาของเขามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่เขาส่งไปหาวีร์ตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่กดอ่านด้วยซ้ำ
Boat : พี่วีร์...
เขาพิมพ์ข้อความไปหาวีร์อีกครั้ง เผื่อว่าก่อนหน้านี้คนพี่อาจจะยังไม่ทันได้เห็น การส่งไปอีกครั้งอาจจะทำให้เจ้าตัวตอบกลับข้อความมาได้บ้าง แม้โอกาสจะแทบเป็นศูนย์ก็เถอะ
เวลาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในขณะที่โบ๊ทยังคงนั่งรอคำตอบจากวีร์ จนกระทั่งเสียงสั่นจากโทรศัพท์ดังขึ้น
Wee : จะคุยอะไร
ข้อความจากวีร์สั้นและกระชับ แต่มันก็ทำให้ใจของโบ๊ทเต้นรัว เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้พูดในสิ่งที่เขาเก็บไว้ในใจมาโดยตลอด
โบ๊ทเงยหน้ามองไปทางที่วีร์นั่งอยู่ อีกฝ่ายสบตาเพียงครู่หนึ่งก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาทันที แม้จะยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา แต่แววตาที่เคยดุดันของวีร์ก่อนหน้านี้ก็ดูผ่อนคลายมากขึ้นเยอะ
“สรุป เธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับเรา” เสียงของวีร์ดังขึ้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ ทำให้โบ๊ทสะดุ้งเล็กน้อย เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว สายตาของวีร์กลับมาดูเย็นชาและไร้อารมณ์อีกครั้ง ซึ่งทำให้โบ๊ทรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
“ผม...” คนน้องรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย หัวใจเต้นรัวแบบควบคุมไม่อยู่
“...”
“...ผมแค่อยากให้พี่รู้ว่าผมขอโทษสำหรับทุกอย่าง ผมรู้ว่าผมทำผิด และผมไม่อยากให้ความรู้สึกของพี่กับผมมันจบลงแบบนี้” โบ๊ทพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอน แต่ความกลัวที่จะสูญเสียวีร์ไปทำให้เขาตัดสินใจพูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
วีร์มองหน้าโบ๊ท ความโกรธและความเจ็บปวดที่เขาเคยรู้สึกกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันผสมกับความรักที่เขายังคงมีอยู่ ทำให้เขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
“จริงๆ เธอควรใช้เวลาคิดให้ดีนะ ถ้าเธอรู้สึกอย่างนั้น เธอควรจะพูดกับเราตั้งแต่แรก” วีร์พูดเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้โบ๊ทยังคงนั่งอยู่ในความเงียบงัน
วันต่อมา หลังจากการซ้อมที่ยาวนานและเหนื่อยล้า โบ๊ทยังคงนั่งอยู่ในห้องซ้อมเพียงลำพัง ในขณะที่เพื่อนๆ ต่างพากันกลับไปหมดแล้ว สายตาของโบ๊ทเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ในใจเต็มไปด้วยความสับสนและความเสียใจที่ไม่อาจลบเลือนได้
“โบ๊ท... ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก?” เสียงของเหมยดังขึ้นจากด้านหลัง โบ๊ทหันไปมองเห็นเหมยยืนอยู่พร้อมกับเหมือนฝันและลิน
“ทุกคน...” โบ๊ทพูดเบาๆ รู้สึกแปลกใจที่เพื่อนสนิทและพี่ๆ ยังคงอยู่ที่นี่
“พวกเราห่วงแก เรารู้ว่าแกกำลังเผชิญกับอะไรอยู่” ลินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ถ้าแกอยากจะพูดอะไรกับพี่วีร์ก็บอกมาตรงๆ เลย เราคิดว่าวีร์ก็รอฟังอยู่นะ”
โบ๊ทไม่รู้จะพูดอะไรออกมาได้อีก เพราะเมื่อวานเขาก็บอกความรู้สึกออกไปหมดแล้ว แต่พี่วีร์กลับไม่ได้มีทีท่าที่จะโอเคด้วยซ้ำ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความกลัว แต่ลึกๆ แล้วเขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรออกไปตอนนี้ ทุกอย่างอาจจะสายเกินไป
“เรา... เราว่า เรารักพี่วีร์” โบ๊ทพูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เพื่อนๆ หยุดนิ่ง
“ถ้าแกรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็ไปบอกมันสิ” เหมือนฝันพูดอย่างกระตือรือร้น “วีร์อาจจะไม่แสดงออกชัดเจน แต่ฉันรู้ว่าวีร์ก็รู้สึกเหมือนกัน”
“แต่เมื่อวานผมบอกไปแล้ว พี่วีร์เหมือนจะยังไม่หายโกรธผม”
“ก็ลองดูใหม่ เคยได้ยินไหม ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก คือมันอาจจะฟังดูน่าขนลุกนิดหน่อย แต่ลองดูอีกสักรอบก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรใช่ไหมล่ะ แล้วถ้าวีร์มันไม่เล่นด้วยจริงๆ ก็แค่ถอยออกมาแล้วทำใจยอมรับซะ”
“ครับ”
โบ๊ทพยักหน้าอย่างช้าๆ กับคำพูดของเหมือนฝันและตัดสินใจลุกขึ้น เขาเดินออกจากห้องซ้อมไปหาวีร์ที่กำลังยืนรออยู่ที่ลานจอดรถ สายตาของวีร์มองไปที่โบ๊ทอย่างสงบนิ่ง แต่ในใจกลับเต้นรัวด้วยความคาดหวัง
“พี่วีร์... ผมขอโทษที่ทำให้พี่ต้องเจ็บปวด” โบ๊ทพูดออกมาด้วยความจริงใจ “ผมชอบพี่จริงๆ นะ และผมก็ไม่อยากสูญเสียพี่ไป”
วีร์มองหน้าโบ๊ทด้วยความประหลาดใจ แต่ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมา สายตาที่เคยเย็นชาเริ่มอบอุ่นขึ้น เขาเดินเข้ามาใกล้โบ๊ท และพูดเสียงเบาๆ
“ขอบคุณนะที่เธอยอมรับความรู้สึกของตัวเองสักที แต่เราเองก็ไม่อยากเจ็บปวดแล้ว”
“ทำไม...”
“คือพวกเราสองคนเริ่มต้นกันแบบติดขัด อนาคตมันคงไปไม่รอดหรอก ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะเริ่มยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว แต่ด่านต่อไป เธอก็ต้องไปต่อสู้เพื่อให้คนรอบข้างยอมรับอีกอยู่ดี หรือไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่กล้าจะเปิดเผยเรื่องที่เราสองคนคบกันด้วยซ้ำ พอถึงตอนนั้นใครล่ะที่จะต้องมานั่งเสียใจ ถ้าไม่ใช่เรา...”
“พี่แม่ง... ไอ้คนไม่มีหัวใจ”
“เอาเถอะ กลับไปทบทวนตัวเองดูนะ รอวันที่พร้อมจริงๆ ในทุกด้าน เราค่อยมาคุยกันใหม่อีกทีแล้วกัน” วีร์พูดจบก็ขึ้นรถไปในทันทีแล้วขับออกไป