ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาบอกผมไม่มีหัวใจความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
เปิดเรื่อง 20/09/2024
ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง
บรรยากาศภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับที่ประดับประดาตามมุมต่างๆ ของร้าน เสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลอไปกับเสียงหัวเราะและการพูดคุยของแขกที่มาร่วมงานสร้างความครึกครื้นให้กับค่ำคืนพิเศษนี้ บนโต๊ะยาวที่จัดไว้สำหรับงานเลี้ยงวันเกิดของวีร์ ขวดเครื่องดื่มและแก้วหลายใบวางกระจัดกระจาย บ่งบอกถึงความสนุกสนานที่เพื่อนๆ มีร่วมกันตลอดทั้งคืน
วีร์นั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่มาร่วมงาน ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่ในใจของเขากลับรู้สึกว่างเปล่า ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขากำลังเฝ้ารอใครบางคน ใครบางคนที่เขาแอบหวังให้มาร่วมงานในคืนนี้
“หนึ่งไม่มาเหรอ” เหมยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ วีร์หันมาถามขณะที่เธอกำลังเทเครื่องดื่มใส่แก้วให้เพื่อนคนอื่น
วีร์ชะงักเล็กน้อย เขาเคยพูดปากไวไปในวันก่อนว่าอาจจะชวนหนึ่งมาร่วมงาน แต่ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะชวนอย่างจริงจัง
“ไม่ได้ชวนเขามาหรอก” วีร์ตอบด้วยเสียงเรียบๆ
“เอ้า! วันนั้นมึงพูดเองว่าจะชวนหนึ่งมา”
“ตอนนั้นก็แค่พูดไปอย่างงั้นเอง... กูก็ไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้น”
เหมยฟังแล้วก็พยักหน้า “งั้นเหรอ... กูนึกว่ามึงจะชวนเขาจริงๆ ซะอีก”
วีร์เพียงแค่ยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร เขาเหลือบมองไปรอบๆ ห้อง ในใจเขายังคงเฝ้ารอคอยว่าโบ๊ทจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ แต่เวลาผ่านไปนานพอสมควรแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของโบ๊ท
เมื่อเวลาผ่านไปอีก วีร์เริ่มรู้สึกไม่พอใจและอดบ่นออกมาไม่ได้ “โบ๊ทไม่มาจริงๆ เหรอ” เขาถามขึ้นขณะยกแก้วดื่มเครื่องดื่มไปด้วย
เหมือนฝันซึ่งได้ยินคำถามนั้นก็เหลือบมองเหมยแล้วก็หันมาพูดกับวีร์ “ทำไมมึงไม่ลองทักไปชวนเขาดูเองล่ะ”
วีร์ชะงักเล็กน้อย เขาไม่ค่อยอยากเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน แต่ความรู้สึกที่อยู่ในใจทำให้เขาลังเล
“กูไม่อยากทักไปหามันก่อนไง... มันดูเป็นฝ่ายแพ้อะ...”
“โถ่... มึงก็ทักไปแค่ชวนมางานเอง ไม่ได้เสียหายอะไรนี่” เหมือนฝันตอบอย่างอารมณ์ดี “ถ้ามันมาก็ดี ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไร มึงก็แค่ลองดูก่อน”
สุดท้ายวีร์ก็ยอมทำตามที่ฝันแนะนำ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเริ่มพิมพ์ข้อความไปหาโบ๊ท แม้จะลังเลอยู่บ้าง แต่เขาก็รู้สึกอยากให้โบ๊ทมาร่วมงานนี้จริงๆ
Wee : เธออยู่ไหนอะ ไม่มางานวันเกิดเราเหรอ
วีร์ส่งข้อความไปแบบสั้นๆ เพราะไม่ต้องการแสดงความรู้สึกของตัวเองมากจนเกินไป กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้เสียก่อน
ครืดดด~!
ไม่กี่นาทีถัดมา โบ๊ทตอบกลับมาด้วยข้อความสั้นๆ
Boat : ไปได้เหรอ?
คำตอบนั้นทำให้หัวใจของวีร์เต้นแรง เขารู้สึกยินดีอย่างไม่คาดคิด แต่ก็ยังพยายามคุมท่าทีให้เป็นปกติ
Wee : มาสิ
เขาตอบกลับไป แล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าด้วยหัวใจเต้นรัว และภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที โบ๊ทก็มาถึงงาน เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น
เหมยเห็นโบ๊ทเข้ามาก็รีบลุกขึ้นไปหาแล้วหยิบเค้กวันเกิดที่อยู่บนโต๊ะยื่นให้โบ๊ท “ถือเค้กไปให้วีร์สิ โบ๊ท”
โบ๊ทมองเค้กในมือแล้วก็หันไปมองวีร์ซึ่งนั่งอยู่กลางโต๊ะ ก่อนจะยิ้มและรับเค้กไปถือ เขาเดินไปหาวีร์ที่นั่งรออยู่ พร้อมกับวางเค้กตรงหน้าอย่างระวัง วีร์เห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้างขึ้น ความรู้สึกที่เคยว่างเปล่าในใจเริ่มถูกเติมเต็ม
“ขอบคุณนะที่มา” วีร์พูดเบาๆ แต่โบ๊ทก็ได้ยินชัดเจน
“อื้อ ผมก็ดีใจที่ได้มา”
หลังจากนั้นทุกคนก็กลับมานั่งร่วมวงสนทนาและดื่มกันอย่างสนุกสนาน โบ๊ทบอกว่าเขามีนัดกับรุ่นพี่ที่คณะมาก่อนหน้านี้ และดื่มเบียร์ไปเยอะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเหมือนฝันก็ยังคงพยายามชวนโบ๊ทคุยอย่างต่อเนื่อง และยื่นเหล้าให้ดื่มไม่หยุด
“โบ๊ท แกต้องลองเหล้าขวดนี้ ของดีนะ” เหมือนฝันพูดพร้อมกับยื่นแก้วเหล้าให้ โบ๊ทก็ไม่ปฏิเสธแม้จะรู้ว่าตัวเองเริ่มเมาแล้วก็ตาม
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสนุกสนานจนกระทั่งเวลาผ่านไป โบ๊ทก็เริ่มมีอาการเมาอย่างหนัก สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มลดลงเรื่อยๆ เขาพูดจาไม่เป็นคำและเริ่มที่จะไม่สามารถทรงตัวได้ดีนัก วีร์เห็นโบ๊ทมีอาการเช่นนั้นก็เริ่มเป็นห่วง
“เราว่าเธอควรหยุดดื่มได้แล้วนะ เธอเมามากแล้ว” วีร์บอกอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไร... ผมโอเค” โบ๊ทตอบกลับ แต่สายตาที่พร่ามัวและท่าทางที่เซเล็กน้อยนั้นบ่งบอกได้ชัดว่าเขาไม่โอเค
ในที่สุดเมื่อเวลางานเลี้ยงใกล้จะสิ้นสุดลง โบ๊ทก็อยู่ในสภาพที่ไม่อาจขับรถกลับบ้านเองได้ วีร์จึงตัดสินใจที่จะพาคนน้องกลับบ้านของเขาเอง เพราะบ้านของวีร์อยู่ไม่ไกลจากร้านที่จัดปาร์ตี้มากนัก
วีร์ประคองโบ๊ทออกมาจากร้าน เขายืนพยุงอีกฝ่ายที่ยังคงมึนเมาอย่างหนักจนแทบจะเดินไม่ได้ไปยังรถของเขา เมื่อมาถึงรถ วีร์ค่อยๆ พาโบ๊ทเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้ โบ๊ทนั่งนิ่งด้วยอาการเมาจนไม่สามารถรับรู้หรือพูดอะไรได้มากนัก
เมื่อทั้งสองถึงบ้าน วีร์พยุงโบ๊ทที่ยังคงมึนเมาเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา เจ้าของบ้านค่อยๆ วางแขกลงบนเตียงอย่างเบามือ แล้วจัดแจงห่มผ้าให้เรียบร้อย
เขามองดูโบ๊ทที่หลับไปอย่างเหนื่อยล้า และอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แม้ในตอนแรกจะรู้สึกโกรธและผิดหวังที่คนน้องไม่ได้มาร่วมงาน แต่สุดท้ายแล้ว วีร์ก็รู้สึกดีใจที่โบ๊ทมาอยู่ข้างๆ เขาในคืนนี้