ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ - บทที่ 20 ความหลังที่ฝังใจ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,นิยายวาย,รักโรแมนติก

รายละเอียด

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

เปิดเรื่อง 20/09/2024

 

ความลับที่เก็บซ่อนไว้ ความสัมพันธ์ที่ถูกห้ามปราม และหัวใจที่แตกสลาย เมื่อเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก และก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บอกว่าผมไม่มีหัวใจ จากคนไร้หัวใจ สู่คนที่เต็มไปด้วยความรัก แสงสว่าง และความอบอุ่น ในเมื่อเขาบอกว่าผมไม่มีหัวใจ ผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้เขาเห็นเองว่าหัวใจของผมมีอยู่จริง

สารบัญ

เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-Intro บทนำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 1 Love at first sight,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 2 พรหมลิขิตบันดาลชักพา,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 3 ดลให้มาพบกันทันใด,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 4 ไม่ต้องเครียด ทำได้อยู่แล้ว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 5 ความท้าทายบนเส้นทางฝัน,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 6 ความลับที่ฉันซ่อนไว้,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 7 ใกล้วันแสดง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 8 ค่ำคืนแห่งความทรงจำ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 9 ย้ำให้ชัดอีกสักครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 10 เห็นแก่ตัว,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 11 ปมในใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 12 ทางเลือกที่ท้าทาย,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 13 ลองดูใหม่,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 14 เงาของความรู้สึก,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 15 เส้นทางหัวใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 16 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 17 ค่ำคืนที่ไม่อาจลืม 2,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 18 ใกล้ชิดอีกครั้ง,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 19 ซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 20 ความหลังที่ฝังใจ,เขาบอกผมไม่มีหัวใจ-บทที่ 21 ความรักที่เปิดเผย

เนื้อหา

บทที่ 20 ความหลังที่ฝังใจ

บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยหลังงานรับปริญญาของโบ๊ทเงียบสงบลงกว่าวันงานมาก เขาเดินเล่นไปตามทางหลังจากที่เพิ่งเสร็จธุระจากการเข้ามาเก็บข้าวของบางอย่างที่เขาลืมไว้ในล็อกเกอร์ของชมรมที่เขาอยู่ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงภาพความทรงจำต่างๆ ปรากฏขึ้นเด่นชัดในหัวของเขา ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหน ก็มีแต่สิ่งที่ย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งเคยมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายที่นี่ 

ลมเย็นพัดมาเรื่อยๆ ใบไม้ปลิวไสวกระจายอยู่ตามพื้นหญ้า กลิ่นดอกไม้ที่ประดับไว้ตามถนนทางเดินยังคงคละคลุ้งอยู่ในอากาศ แสงอาทิตย์ยามเย็นสีส้มอ่อนๆ ทำให้เงาของอาคารสูงยืดยาวไปไกล โบ๊ทเดินช้าๆ พลางหันไปมองรอบๆ สถานที่ที่เขาคุ้นเคยแต่ตอนนี้มันกลับดูเหงาอย่างน่าประหลาด แม้วันนี้ควรเป็นวันที่เขารู้สึกดีใจ แต่ทันทีที่เขาเผลอคิดไปถึงใบหน้าของวีร์ก็ทำให้เขาเกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจบางอย่างในใจของวีร์ที่เขาเริ่มสังเกตเห็นมาหลายวันหลังจากวันรับปริญญา

วีร์ดูแปลกไปหลังจากจบงานในวันนั้น แม้วันงานเขาจะยังยิ้มแย้มและคอยช่วยถือดอกไม้ให้โบ๊ท แต่แววตาของคนพี่ก็เต็มไปด้วยความเงียบเหงา โบ๊ทเริ่มรู้สึกว่าวีร์ไม่เหมือนเดิม คนพี่มักจะนิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลา ซ้อมละครด้วยกัน วีร์มักจะไม่มีสมาธิ ลืมบท หรือไม่ก็ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเหม่อลอยเหมือนอยู่แต่ในโลกของตัวเอง เสี้ยววินาทีนั้นเขาตัดสินใจทันทีว่าจะต้องรีบไปเคลียร์ใจในเรื่องนี้กับวีร์อย่างไวที่สุด เขาไม่รอช้าหยิบมือถือขึ้นมากดเรียกรถแท็กซี่ผ่านแอพลิเคชั่นในทันที

ที่หน้าบ้านของวีร์โบ๊ทยืนรออย่างเป็นกังวล ท่าทีของเขาอยู่ไม่สุข เรียวนิ้วยื่นไปกดกริ่งหน้าบ้านจนได้ยินเสียงสัญญาณดังแว่วออกมาจากด้านใน ไม่นานเจ้าของบ้านก็เดินออกมาด้วยสีหน้างุนงงปนประหลาดใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้มายืนอยู่หน้าบ้านในเวลานี้

“มีอะไรหรือเปล่า?” วีร์เอ่ยปากถามโบ๊ทอย่างสงสัย

“จะไม่ให้เข้าไปคุยในบ้านหน่อยเหรอ”

“อ่อ โทษที...” ว่าจบวีร์ก็รีบเปิดประตูให้แขกผู้มาเยือนเดินเข้าไปด้านในทันที 

“ช่วงนี้พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?” โบ๊ทถามขณะที่พวกเขากำลังหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

“เปล่าหรอก เราแค่เหนื่อยนิดหน่อย” วีร์ตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะสบตาโบ๊ทโดยตรง

คำตอบที่ได้รับกลับมายังคงเหมือนเดิม ทำให้โบ๊ทรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าวีร์กำลังเก็บซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ โบ๊ทพยายามสังเกตพฤติกรรมของวีร์มากขึ้นทุกวัน และมันก็ชัดเจนว่าคนตรงหน้าของเขาดูเหมือนจะไม่สามารถลบความกังวลนั้นออกจากใจได้เลย

นั่นทำให้โบ๊ทอดคิดไม่ได้ว่าหรือในความเป็นจริงวีร์กำลังรู้สึกเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า มีใครคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตของวีร์ไหม ความคิดวุ่นวายตีกันอยู่ภายในหัวของเขา หลังจากวันที่ได้พูดคุยกันในค่ำคืนนั้น เรื่องนี้ก็สร้างความกังวลในจิตใจให้กับเขามาโดยตลอด

วันหนึ่งในขณะที่พวกเขานั่งพักอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ โรงละครในช่วงพักเที่ยง ลินที่แวะมาให้กำลังใจนั่งอยู่ด้านข้างก็กระซิบถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ข้อความที่เธอพูดนั้นทำเอาโบ๊ทตั้งตัวไม่ทัน

“แกว่า พี่วีร์แอบคุยกับคนอื่นอยู่ด้วยหรือเปล่า”

โบ๊ทหันไปมองหน้าลินด้วยความงง ก่อนจะตอบกลับ “ทำไมแกคิดงั้นวะ”

“ก็เราเห็นพี่เขามักจะดูโทรศัพท์บ่อยๆ เวลานั่งเงียบๆ อะ ก็เลยคิดว่าน่าจะรอคนคุยตอบข้อความไรงี้ปะ” ลินตอบเสียงเบา “แถมเราก็เคยเห็นพี่หนึ่งตามจีบพี่วีร์อยู่ช่วงหนึ่งด้วย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เป็นยังไง”

โบ๊ทฟังแล้วได้แต่หัวเราะในใจ “ไม่น่าหรอก... ถ้าพี่วีร์คุยกับใคร เขาคงบอกเราแล้วแหละ”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่ลึกๆ ในใจของโบ๊ทก็เริ่มมีความสงสัยเล็กน้อย เขารู้ดีว่าวีร์ไม่ได้มีความลับกับเขา แต่ความนิ่งเงียบของวีร์ในช่วงหลังทำให้โบ๊ทรู้สึกว่ามันไม่ปกติ

หลังจากได้ยินเรื่องราวจากลิน โบ๊ทตัดสินใจแอบสังเกตพฤติกรรมของวีร์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าวีร์มักจะหายตัวไปในช่วงวันหยุด โดยไม่บอกใครว่าไปที่ไหน และมักจะใช้เวลานานกว่าปกติในการกลับมา แม้โบ๊ทจะพยายามไม่คิดมาก แต่ความสงสัยในใจของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที

จนกระทั่งวันหนึ่งในช่วงเย็นที่ไม่มีซ้อมละคร วีร์บอกกับโบ๊ทว่าจะออกไปธุระข้างนอก โบ๊ทไม่ได้ถามอะไรมากนัก แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ เขาจึงตัดสินใจแอบตามไปดูว่าจริงๆ แล้ววีร์ไปไหนกันแน่

รถของวีร์ขับเลี้ยวเข้าถนนสายเล็กๆ ที่เงียบสงบซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง โบ๊ทขับตามหลังอยู่ห่างๆ จนกระทั่งวีร์จอดรถที่บริเวณสุสานจีนขนาดใหญ่ โบ๊ทรู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ เขาจอดรถอยู่ห่างๆ เพื่อเฝ้ามองวีร์เดินลงจากรถพร้อมกับช่อดอกไม้อยู่ในมือ เดินตรงไปยังหลุมศพหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมเนินเขาเล็กๆ

โบ๊ทตัดสินใจแอบตามไปอยู่ห่างๆ เขาเห็นวีร์วางช่อดอกไม้ลงที่หน้าหลุมศพก่อนจะยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงลมที่พัดเบาๆ และเสียงนกที่ขับขาน โบ๊ทมองวีร์ด้วยความสงสัย เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าวีร์มีใครที่สำคัญอยู่ที่นี่ และในตอนนั้นเอง โบ๊ทก็ตัดสินใจเดินเข้าไปถามตรงๆ เพื่อที่จะได้ตัดความสงสัยออกไปจากใจเสียที 

“พี่มาทำอะไรที่นี่อะ”

“ธะ... เธอ ตามมาที่นี่ทำไม” วีร์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองโบ๊ทด้วยความประหลาดใจ

“ผมก็แค่เป็นห่วงพี่ ช่วงนี้พี่ดูแปลกๆ ไป ผมเลยอยากรู้ว่าพี่เป็นอะไร” โบ๊ทตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

วีร์ถอนหายใจยาวออกมา “เราแค่มาเคารพเพื่อนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

โบ๊ทมองวีร์อย่างไม่เชื่อ “เพื่อน? จริงอ่อ? ผมรู้สึกว่ามันมากกว่านั้นนะ”

วีร์นิ่งไปชั่วครู่ เขาดูเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้โบ๊ทฟังหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเล่าความจริงออกมา

“เขาเป็นแฟนเก่าของเราอะ เราเคยคบกันตอนที่ยังเรียนอยู่ที่นี่ แต่เขาตายไปนานแล้ว”

หัวใจของโบ๊ทรู้สึกเบาหวิวในทันทีเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากคนตรงหน้า พอวีร์จัดการเคารพหลุมศพของแฟนเก่าจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทั้งคู่ก็พากันไปหาที่นั่ง แม้ว่าคนพี่จะพยายามยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน แต่เขาก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ ทำให้โบ๊ทพอจะรับรู้ได้เลยว่าคนตรงหน้าคงเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นอยู่ภายในจิตใจ

ใต้ต้นไม้ใหญ่มีม้านั่งตัวหนึ่งตั้งไว้อย่างเหงาหงอย เต็มไปด้วยเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บนนั้น โบ๊ทเดินเข้าไปปัดมันออกแล้วหย่อนตัวลงไปนั่ง วีร์ยิ้มบางให้แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ

“ขอบคุณนะ”

“ยินดีครับพี่”

เห้อ!!

เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังมาจากวีร์ ทำเอาโบ๊ทที่นั่งอยู่ข้างๆ หันไปมองด้วยแววตาที่เข้าใจ 

“ถ้าเก็บเอาไว้คนเดียวแล้วมันหนักเกินไป พี่ระบายออกมาให้ผมฟังได้นะ ยินดีเป็นที่ระบายครับ”

วีร์มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่จนได้ยินเสียงลมพัดไปมาจนใบไม้เกิดเสียงยามลู่ไปตามแรงลม หลังจากนั้นคนพี่จึงตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวความรักที่ซ่อนเร้นของเขากับแฟนเก่าที่เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลคนจีนที่ค่อนข้างใหญ่โตให้กับโบ๊ทฟัง

ครอบครัวของแฟนเก่าไม่ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกัน และพยายามจับลูกชายของตัวเองแต่งงานกับหลานสาวของเพื่อนสนิทอากง แต่แฟนเก่าของวีร์ก็หาทางปฏิเสธมาตลอด จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจว่าจะพาวีร์ไปเปิดตัวกับครอบครัวในวันตรุษจีน โดยสัญญาว่าจะไม่สนใจคำครหาอีกต่อไป หากครอบครัวไม่ยอมรับ เขาจะออกมาใช้ชีวิตกับวีร์สองคน แต่สุดท้ายแฟนเก่าคนนั้นก็ไม่ได้ทำตามสัญญา เพราะเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนถึงวันตรุษจีน

 

“คืนนั้นฝนตกหนัก และเราป่วยจนต้องไปโรงพยาบาล เขารีบขับรถมาหาเราแต่ก็...” เสียงของวีร์เริ่มสั่นเครือ “เราโทษตัวเองมาตลอดว่าเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องตาย”

โบ๊ทนั่งนิ่งฟังเรื่องราวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าวีร์มีอดีตที่เจ็บปวดและซับซ้อนขนาดนี้ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสารและเข้าใจคนตรงหน้ามากขึ้น เขาค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้คนข้างๆ จับมือของอีกฝ่ายไว้อย่างแนบแน่น

“พี่วีร์... มันเป็นอดีตไปแล้ว พี่ไม่ต้องโทษตัวเองอีกแล้วนะ ผมจะอยู่ตรงนี้ ข้างๆ พี่เสมอ”

น้ำตาของวีร์ที่เก็บไว้มาเนิ่นนานค่อยๆ ไหลลงมา เขามองโบ๊ทด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก 

“ขอบคุณนะ...”

โบ๊ทยิ้มให้วีร์ก่อนจะกอดคนข้างๆ ไว้แน่น “ไม่เป็นไรนะ...เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”