เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
ผมนั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่เพื่อเตรียมใจให้พร้อมก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องนอน ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าต่อให้ผมเลือกที่จะเปิดประตูห้องด้วยตัวเองเองหรือเลือกที่จะปล่อยให้พ่อพังประตูห้องเข้ามา ผมก็โดนกระทืบอยู่วันยันค่ำ ไม่มีอะไรเปลี่ยนความจริงในข้อนี้ได้ ข้อแตกต่างเดียวน่าจะพอหลงเหลือให้เห็นได้บ้างก็คืออาจจะโดนมากหรือน้อยกว่ากันแค่นั้น
พลั่ก!
หมัดแข็งๆ กระแทกเข้าที่ใบหน้าของผมอย่างจังทำเอาผมล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น แม้จะโดนมาเป็นประจำแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะรู้สึกไม่เจ็บปวด
มันเจ็บทุกครั้ง เจ็บเข้าไปจนถึงข้างในจิตใจ...
ผมยกมือขึ้นมาแตะที่มุมปากเมื่อได้กลิ่นเลือดลอยมาเข้าจมูก ของเหลวสีแดงเปื้อนนิ้วของผม สิ่งเดียวที่ผมทำในตอนนี้ก็คือทำได้แค่ยกยิ้มมุมปากหัวเราะเยาะให้ชีวิตตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อรับฟังคำด่าจากพ่อที่ยืนโมโหอยู่หน้าห้องนอนของผม
“ครูมึงโทรมาหาบอกว่ามึงโดดเรียน”
“ไม่ได้โดด ก็บอกแล้วไงว่าลาออก” ผมตอบเสียงนิ่ง
“มึงจะลาออกได้ไง ในเมื่อกูต้องเป็นคนไปเซ็นใบลาออกให้มึง” พ่อผลักเข้าที่หน้าอกของผมมาเต็มแรง ผมเซเล็กน้อยแต่ก็พยายามจะยืนหยัดเพื่อสู้หน้าเขาให้ได้
“พ่อไม่เซ็น ผมก็จะออก”
“มึงออก แล้วจะทำไรแดก เรียนยังไม่ได้เรื่อง!!!” พ่อตะคอกใส่หน้าผม
“เรื่องของผม”
“ไอ้สัตว์!”
พลั่ก!!!
เอาล่ะ! ถึงเวลาแล้วสินะ...
ผมล้มลงกองอยู่กับพื้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอีกครั้ง ภาพเดิมๆ วนลูปมาฉายซ้ำในหัวผม ความเจ็บปวดเริ่มรู้สึกได้ชัดเจนเมื่อพ่อเริ่มลงไม้ลงมือกระทืบผมแบบไม่ได้เกรงกลัวว่าผมจะเจ็บหรือเป็นอะไรไป เสียงร้องจากปากของผมไม่มีสักแอะเพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่ามันชินไปแล้วไง
ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนของจริง...
ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยมีความสุขกับครอบครัวของตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เพราะตั้งแต่จำความได้ก็โดนกระทืบมาตลอดตั้งแต่เด็ก สมัยที่ยังมีแม่ก็ยังดีหน่อยเพราะมีคนคอยช่วยห้ามแต่พอแม่ตายไปผมก็รู้สึกว่าจะโดนตีนพ่อบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แถมยังหนักขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำให้ผมเกิดมาทำไมถ้าไม่รักเคยคิดจะรักผมเลยสักนิด
เวลาผ่านไปเพียงชั่วอารมณ์โมโหของพ่อ เขาหยุดการกระทำของเขาเมื่อเริ่มรู้สึกพึงพอใจก่อนจะเดินลงชั้นล่างไปแบบไม่พูดอะไรสักคำ ผมก็ได้แต่นอนจุกอยู่บนพื้นห้องเป็นเวลานานกว่าจะยันตัวลุกขึ้นมาได้ ทุลักทุเลแต่ก็ผ่านมาได้เหมือนทุกที ผมเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาพร้อมกับอาบน้ำไปด้วยก่อนจะออกมาเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ ผมพาตัวเองมานั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงแล้วก็ได้แต่คิดว่าหลังจากนี้ผมจะทำยังไงกับชีวิตของตัวเองต่อไปดี
เสียงมอเตอร์ไซค์ของพ่อขับออกจากบ้านดังขึ้นแล้วค่อยๆ ห่างออกไป เสี้ยววินาทีนั้นแวบแรกที่ปรากฏชัดขึ้นในหัวของผมมันมีเสียงหนึ่งกระซิบบอกที่ข้างหูว่าให้รีบออกจากที่นี่ไปซะ เพียงเท่านั้นผมก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาโกยเสื้อผ้าพร้อมทั้งของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าก่อนจะไปหยิบเอาเงินที่แอบซ่อนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้ามายัดใส่กระเป๋าเงินแล้วรีบคว้าทุกอย่างเดินออกจากบ้านไป
รถแท็กซี่ที่ผมกดเรียกเอาไว้ผ่านแอพลิเคชันจอดรออยู่ที่หน้าบ้าน ผมเปิดประตูรถแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งทันทีในใจก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ กลัวพ่อจะกลับมาเห็นเสียก่อนแต่ก็ตัดสินใจไปแล้วและจะไม่ถอยหลังอีก ผมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาเพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่คนละโรงเรียนแต่บังเอิญไปรู้จักกันที่ร้านเหล้า หลังจากนั้นพวกเราทั้งคู่ก็ติดต่อหากันมาโดยตลอด
“ฮัลโหลมึง” ผมรีบพูดทันทีที่ปลายสายกดรับ
(ว่าไง)
“กูขอไปนอนห้องมึงได้ปะ สัก 2-3 คืน”
(เออๆ มาดิ ช่วงนี้กูอยู่คนเดียวเหงาๆ)
“ขอบใจมากมึง”
(ว่าแต่ มึงมีปัญหาอะไรปะเนี่ย)
“ไว้ค่อยคุยกัน”
(เออๆ มาถึงก็โทรหากูละกันนะ)
“อือๆ”
ผมกดวางสายแล้วเหม่อมองออกไปที่ด้านนอกรถ ชีวิตใหม่ที่ตัดสินใจเลือกยังไม่รู้ว่าจะออกมายังไงแต่อย่างน้อยก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่าทนอยู่ที่บ้านให้ตัวเองโดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ
พอมาถึงที่คอนโดของเพื่อน ผมก็รีบโทรให้มันลงมารับที่ลอบบี้ตอนแรกที่มันเห็นก็ดูจะแปลกใจเล็กน้อยที่ข้าวของที่ผมเอามาไม่ได้เยอะแบบที่มันจินตนาการเอาไว้แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรมากเพียงแค่ช่วยยกกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปให้เท่านั้น
“สรุปไปไงมาไง พร้อมเล่ายัง” ไอ้มิคถามผมเมื่อพวกเราทั้งคู่ขึ้นมาถึงห้องของมันแล้ว
“กูโดนพ่อกระทืบมาอีกละ”
“ก็โดนประจำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“เออไง”
“แล้วทำไมรอบนี้ถึงหนีออกจากบ้านมาวะ” มิคถามผมอย่างสงสัย
“ไม่ใช่แค่หนีออกจากบ้านนะ กูออกจากโรงเรียนด้วย”
“เชี่ยยย!! จริงปะเนี่ย” ไอ้มิคตกใจตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด
“เออดิ” ผมตอบพลางแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
ไม่ใช่ไรนะ แอบสมเพชตัวเองอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงมาอยู่จุดนี้ได้
“แล้วจะเอาไงต่อ” ไอ้มิคถามคำถามที่แม้แต่ตัวผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้
“ก็... คงหางานทำมั้ง มีแนะนำกูบ้างปะล่ะ” ผมหันไปถามไอ้มิค
“ถ้ากูแนะนำมึงจะกล้าทำมั้ยล่ะ” มิคถามผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ถ้าเงินดีก็น่าสน”
“เงินดีแน่นอน แต่เปลืองตัว”
“ทำไร ขายยา?” ผมแกล้งถามขำๆ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงหรอก
“มึงจะบ้าเหรอ จะชวนไปเป็นเด็กเอ็นท์เฉยๆ สนใจมั้ย”
“เอาดิ เงินดีใช่ปะล่ะ”
“ก็ถ้ามึงอยู่เป็นก็รวยอะ คอนโดนี้กูซื้อมาได้ก็เพราะเงินจากการเป็นเด็กเอ็นท์นี่แหละ” ไอ้มิคบอกด้วยท่าทางขี้อวด แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเก่งเพราะก่อนหน้านี้เท่าที่ผมรู้จักมัน บ้านมันก็ไม่ได้มีฐานะสักเท่าไหร่นัก บ้านอยู่ในสลัมแต่มันก็กัดฟันสู้ทำทุกอย่างจนมีทุกวันนี้ได้ ถึงแม้คนจะดูถูกมันเยอะว่าขายตัวหาเงินมาใช้ปรนเปรอตัวเอง แต่มันก็ไม่เคยสนใจเพราะว่าเงินพวกนี้ทำให้มันและพ่อแม่มันมีชีวิตที่สุขสบายมากขึ้น
“น่าสนใจ ไปก็ไป” ผมบอกแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ หนีออกจากบ้านมาแล้ว อะไรที่หาเงินได้ก็คงต้องทำไปก่อน เรื่องปากท้องมันสำคัญเป็นอันดับหนึ่งอยู่ละ
“งั้นคืนนี้มึงไปกับกู แต่งตัวดีๆ หน่อยละกัน เอาหล่อๆ เลย”