เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
ชาย-ชาย,ซาดิส & มาโซฯ,วัยว้าวุ่น,ยุคปัจจุบัน,ไทย,PWP,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เอิร์ธเด็กเอ็นท์เรียนไปก็ปวดหัว มีผัวก็ปวด... งั้นถ้าจะต้องทนปวด... ก็ขอปวดแบบได้เงินด้วยละกัน! เลิศๆๆๆๆ
เอิร์ธเด็กเอ็นท์
Mr. Host Club
[PWP]
Written by Darkriku93
เปิดเรื่อง 04/01/2023
ประกาศ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP ไม่เน้นความสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ อ่านเอาฟีลลิ่ง อ่านเอามันเฉยๆ น้าาาาา
เสียงประกาศตามสายดังแว่วมาอยู่เรื่อยๆ ในขณะที่ผมกำลังเดินดูนู่นนี่อยู่ในห้างสรรพสินค้าโดยมีไอ้มิคเดินตามอยู่ห่างๆ เพราะต่างคนต่างก็แวะดูของที่ตัวเองสนใจ ที่วันนี้พวกเรามาเดินเล่นกันอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าผมบ่นเบื่อตลาดข้างคอนโดเสียแล้ว ยิ่งวันนี้อากาศร้อนแบบนี้ผมก็เลยชวนไอ้มิคมันออกมาเปิดหูเปิดตาเสียหน่อยแก้ร้อน
เอาจริงต้องบอกว่ามันพาผมมาเปิดหูเปิดตาเสียมากกว่า...
แอร์เย็นฉ่ำในห้างทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีได้บ้างเนื่องจากเมื่อเช้าอากาศร้อนจัดทั้งที่เมื่อวานฝนก็ตกอยู่เลยพาลให้ผมหงุดหงิดไม่น้อย อะไรๆ ก็เลยดูขัดหูขัดตาไปหมด
“มึง” ผมเอ่ยเรียกไอ้มิค
“ว่า” มันเดินกลับมาหาผม
“อันนี้สวยปะ” ผมชี้ไปที่สร้อยคอที่แขวนอยู่ในตู้เป็นสร้อยคอแบรนด์ที่ผมชอบมากเพราะมันน่ารักและใส่ง่าย ใส่ได้กับทุกลุค
“อันไหนวะ”
“อันนั้นไง ที่มีจี้รูปพระจันทร์กับกระต่ายอยู่ด้วยกันอะ”
“อ๋อ”
“เป็นไง น่ารักมั้ย”
“น่ารักดีนะ เหมาะกับมึงดี”
“ซื้อดีมั้ยวะ” ผมถามอย่างลังเล
“เท่าไหร่อะ”
“สี่พันกว่าบาท”
“ซื้อไปเลย จบๆ” ไอ้มิคบอกผมก่อนมันจะหันมามองที่ข้อมือผมแล้วจับยกขึ้นมาดู “นี่มึงซื้อเองเหรอ”
“มึงคิดว่ากูจะซื้อของแบบนี้เองเหรอ”
“ก็คิดไว้แล้วแหละ”
“แล้วยังจะถามอีก” ผมบอกพลางหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วหันไปขอพนักงานดูสร้อยเส้นนั้นที่ผมอยากได้
“ใครให้มา”
“หื้ม?”
“ใครให้มึงมา” ไอ้มิคถามผมเสียงแข็งจนผมตกใจ
“ก็ไอ้เกาหลีคนก่อนไงที่กูออกไปบ้านเขาอะ” ผมเอ่ยบอกก่อนจะหันไปคุยกับพนักงานอีกครั้งเพื่อตัดสินใจซื้อสร้อยเส้นที่ดูเมื่อครู่
“อีห่า เรือนเป็นแสน มึงนี่ได้แต่ของดีๆ นะ” ไอ้มิคพูดแซว ทีแรกผมก็คิดว่ามันอิจฉาแต่คงไม่ใช่หรอกเพราะตัวมันเองก็ได้รับของราคาแพงมาโดยตลอดเหมือนกัน
“เออ นั่นแหละ ทีแรกเขาจะเช่ากูสามเดือนให้ไปอยู่บ้านเขาเลย”
“เอ้า! ก็ดีดิ อีเวร เกาหลี หล่อตี๋หุ่นดีแบบนั้น”
“เออดิ แต่แม่งให้กูน้อยฉิบหาย” ผมบอกพลางรับสร้อยและจ่ายเงินให้พนักงานร้านไปก่อนจะเดินออกมา
“เท่าไหร่วะที่ว่าน้อยอะ” ไอ้มิคเอ่ยถามต่อหลังจากที่พวกเราเดินออกจากร้านสร้อยนั้น
“ให้เดือนละสองแสน”
“ก็เยอะอยู่นะ”
“ก็เยอะ สำหรับคนอื่นอะนะ”
“หน้ามึงน่าตบมากเมื่อกี๊” ไอ้มิคพูดพลางง้างมือขึ้นมาแกล้งจะทุบผม
“เอ้า! กูพูดจริง มึงลองนึกดูดีๆ ปกติพวกเราทำงานถ้ามีลูกค้าวีไอพีสักสี่คนก็ได้มากกว่าเงินที่เขาจะให้ละปะ”
“เออ ก็จริง”
“นั่นแหละ กูถึงได้บอกว่ามันได้น้อยเกินไป” ผมบอกเสียงนิ่ง แม้จะเสียดายที่จะไม่ได้เจอหน้าแจมินบ่อยๆ แต่ก็ช่างมันเหอะ
“กูเข้าใจ”
“อีกอย่างนะ...” ผมหยุดเดินจนไอ้มิคต้องหยุดตามแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงง
“อะไรวะ”
“กูไม่อยากเป็นเมียเช่าอะ” ผมเอ่ยบอกพลางทำตาละห้อย
“ลำไยมากกก ทุกวันนี้ก็คล้ายอยู่นะ” ไอ้มิคแซวแรงจนผมเผลอมองตาขวางใส่มัน เพื่อนสนิทกันก็งี้แหละเนอะพร้อมหยุมหัวกันได้ตลอดเวลา
ผมกับไอ้มิคเดินแวะเข้าไปดูเสื้อผ้าอีกนิดหน่อยเพราะเห็นป้ายเซลล์ที่หน้าร้านมันเลยดึงดูดสายตาให้พวกเราแวะเข้าไปเสียเงินสักหน่อย การทำงานเป็นบาร์โฮสต์เนี่ยสิ่งสำคัญคือต้องทำให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลา ไอ้ที่เห็นว่าเราแต่งตัวหรือใช้ของดีๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะหน้าที่การงานด้วย เพราะหากเราไม่ได้ดูดีลูกค้าก็จะไม่เลือก
ซึ่งหากเกิดเรื่องแบบนั้นต้องแย่แน่ๆ ผมจะไม่ยอมหลุดจากลำดับตัวท็อปอย่างแน่นอน
“เอิร์ธ!” จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนเรียกผมดังขึ้นมา ผมก็เลยหันไปมองตามเสียงนั้น
ใครวะ...
ในหัวผมนึกแบบนั้นเพราะจำไม่ได้จริงๆ ว่าคนที่ทักผมคือใคร ไม่เห็นจะจำหน้าได้
“กูเจมส์ไง”
“เจมส์?” ผมถามกลับอย่างสงสัย
“จำได้เปล่า ไอ้เจมส์ที่อยู่ชมรมเต้นกับมึงตอนม.ต้นอะ”
“อ๋อ!!! ไอ้เจมส์!!!! ไปทำไรมาวะ กูจำไม่ได้เลย” ผมร้องทักเสียงดังพอนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ไปทำหน้ามา”
“กูก็ว่า จำไม่ได้เลย หล่อขึ้นฉิบหาย” ผมพูดในสิ่งที่คิด เมื่อก่อนโคตรสนิทกับมันเพราะอยู่ชมรมเดียวกัน ชอบโดดเรียนมาแกะท่าเต้นโคฟเวอร์วงเกาหลี แต่เมื่อก่อนมันไม่ได้หล่อไง โดนเพื่อนๆ ล้อประจำว่าหน้าอย่างมันเนี่ยนะชอบนักร้องเกาหลี นี่ล่ะมั้งคงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันไปทำศัลยกรรม
“เออ สานฝันตัวเองสักหน่อย”
“แล้วช่วงนี้ทำไรอะ” ผมถามต่อตามมารยาท
“ก็ทำงานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ อยู่เอเจนซี่ศัลยกรรมอะ” มันบอกพร้อมยื่นนามบัตรมาให้ผม “เผื่อสนใจ”
“ขอบใจมากมึง”
“เย็นนี้ไปแดกเหล้ากันมั้ย ไหนๆ ก็ไม่ได้เจอกันนาน ชวนเพื่อนมึงไปด้วยก็ได้นะ” มันบอกพลางหันไปหาไอ้มิค
“ไม่ได้ว่ะมึง กูต้องทำงานอะ” ผมปฏิเสธอย่างเสียดาย
“อ้าวเหรอ มึงทำงานไรอะ”
ฉิบหายละ! บอกไงดีวะ
“ก็ร้านอาหารนี่แหละ” ผมเอ่ยบอกแบบไม่เต็มเสียงนักก่อนจะหันไปหาไอ้มิคเพื่อขอความช่วยเหลือ
“เดี๋ยวพวกเราต้องไปแล้วอะ ต้องรีบเข้างาน ขอโทษด้วยนะ” ไอ้มิครีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนจะยิ้มกว้างให้ไอ้เจมส์
“อ่อ เออๆ โชคดีๆ” ไอ้เจมส์บอกแล้วยิ้มให้ ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดบอกลา ไอ้มิคก็ลากผมเดินออกไปทันที ต้องขอบคุณมันที่เข้าใจว่าผมกำลังต้องการอะไร
จริงๆ ผมก็แอบเสียใจนิดหน่อยที่เพื่อนได้ทำงานดีๆ ในขณะที่ผมต้องมาทำงานแบบนี้ ทั้งๆ ที่ก็เรียนไม่จบเหมือนกัน มันอิจฉาอยู่ลึกๆ นั่นแหละอยากจะมีหน้ามีตาในสังคมเหมือนคนอื่นบ้าง แต่ไอ้ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่หรอก ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่องแต่อย่างน้อยมันก็สร้างรายได้ให้ผมแบบเหลือเฟือ
ผมกับไอ้มิคนั่งรถแท็กซี่มาจนถึงร้านโดยที่ผมเองก็นั่งนิ่งมาตลอดทางจนไอ้มิคมันผิดสังเกตพอรถจากรถปุ๊บมันก็ถามผมปั๊บราวกับว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
“มึงเป็นไร”
“เปล่า”
“ไม่จริง ปกติมึงไม่ได้เป็นแบบนี้”
“ก็...” ผมอึกอักเพราะถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ข้างในใจมันโคตรชัดเจน
“เรื่องเพื่อนคนเมื่อกี๊ใช่มั้ย”
“อือ กูอิจฉามันอะ หน้าที่การงานมันดีจังวะ” ผมเอ่ยบอกเสียงอ่อน
“มึงจะอิจฉาทำห่าอะไร ไร้สาระ มึงดูด้วยว่างานที่มึงทำอยู่ตอนนี้ได้เงินเยอะขนาดไหน อีควาย” ไอ้มิคบ่นยับจนฟังแทบไม่ทัน
“ได้เงิน แต่ไม่ได้หน้าได้ตาไง”
“เวลามึงแดกข้าว มึงใช้เงินหรือศักดิ์ศรีซื้อ” ไอ้มิคถามเสียงแข็ง
“...”
“มึงก็รู้คำตอบชัดอยู่ละ เพราะงั้นก็ไม่ต้องไปคิดมาก ไร้สาระ!”
“เออๆ ขอบใจมากมึง”
ผมกับมันพากันเดินเข้าไปในร้านเพราะมันใกล้เปิดเต็มที ตอนนี้ด้านในพวกน้องๆ พนักงานเสิร์ฟก็เลยกำลังช่วยกันจัดร้าน ช่วยกันทำความสะอาดกันอยู่
แล้วชีวิตผมมันก็วนลูปอีกครั้งเหมือนกับในทุกๆ วัน เข้าไปห้องพัก แล้วก็ทัชอัพหน้า จับผมที่เซตมาให้เข้าที่อีกนิดหน่อยเพื่อเตรียมตัวรอร้านเปิดแล้วก็รอให้ลูกค้ามาเลือก ไปนอนกับลูกค้าแล้วก็รับเงินหรือบางทีก็รับของกำนัลจากลูกค้าบ้าง แล้วก็แยกย้ายกลับบ้านนอน
พอมาคิดดูมันก็น่าเบื่อเหมือนกันแฮะ
แต่มันจะไปหางานไหนที่จะสบายแล้วก็ได้เงินเยอะเท่านี้อีกล่ะ มันไม่มีหรอก สิ่งเดียวที่อาจจะทำให้ไม่รู้สึกเบื่อก็น่าจะเป็นการได้เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แบบที่คาดเดาไม่ได้ล่ะมั้ง